"ว่าไง? เมื่อกี้เหมือนได้ยินชื่อตัวเอง"
"ใช่ค่ะ พายนินทาพี่หมอกเองว่าไม่ค่อยกลับบ้าน" พระพายเอ่ยแกล้งพี่ชาย แอบหมั่นไส้เล็กน้อยที่ปากทำเป็นถามเธอแต่สายตามองแต่คนข้างๆ ที่นั่งก้มหน้างุดทำงาน สายตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอโน้ตบุ๊กไม่ได้มีท่าทางสนใจคนมองมาเลย
คุยกับเธอแต่ตามองแต่พี่ชา คู่นี้น่าลุ้นอย่างที่คุณแม่บอกจริงด้วย
"เอ้า ก็พี่ติดเคสนี่ ทำไมอยากให้พี่กลับบ้านบ่อยๆ รึไง ถ้างั้นเดี๋ยวจะกลับทุกวันเลยดีไหม" ร่างสูงนั่งบนโซฟาด้านหลังหญิงสาวทั้งสองพลางเอื้อมมือไปยีผมน้องสาวตนเอง
"โอ๊ยยย พี่หมอกยังจะมาแกล้งอีกพายโตแล้วนะ" พระพายโวยวายน้ำเสียงหงุดหงิด "แหมมม แล้วทำเป็นจะกลับบ้านทุกวันอย่าคิดว่าไม่รู้นะว่ามีจุดประสงค์อะไร" พลางเอ่ยแซวพี่ชายตนเองต่อ
"โตอะไรพี่ยังจำตอนแกตัวกระเปี๊ยก ยืนกินขี้มูกได้อยู่เลย" หมอกทำเป็นไม่สนใจสิ่งที่น้องสาวตนเองแซว
"พี่หมอก!! กลับไปเลยนะพายไม่ให้เข้าบ้าน"
"อ้าว! ไหงเป็นงั้น แค่นี้ถึงกับไล่พี่ออกจากบ้านเลยเหรอ เมื่อกี้ยังบ่นว่าพี่ไม่กลับบ้านอยู่เลยนึกว่าอยากอยู่ด้วยกัน" อวัศย์เย้าแหย่น้องสาว
"ไม่อยากอยู่ด้วยแล้ว พายมีพี่ชาแล้วไม่ง้อพี่หมอกหรอก เนอะพี่ชาต่อไปพี่ชามาอยู่ที่นี่ได้เลยพายจะไม่ให้พี่หมอกเข้าบ้าน" พระพายแลบลิ้นปลิ้นตายียวน ก่อนจะแสร้งไปซบไหล่คนข้างๆ
"เดี๋ยวเหอะ ไม่คิดถึงบุญคุณคนหาข้าวหาปลาให้แกกินตอนเด็ก" หมอกแสร้งทำเสียงดุ กำมือลงมะเหงกศีรษะน้องสาวดังโป๊ก
"โอ้ย! เจ็บนะ พี่หมอกอย่ามามั่วตอนเด็กๆ พี่ลมต่างหากหาข้าวให้พาย มีแต่พี่หมอกมาแย่งกิน พี่ชาเล่นตัวไปเลยนะคะอย่าไปยอมให้พี่หมอกจีบง่ายๆ" พระพายโต้กลับพี่ชายก่อนจะหันมาออดอ้อนคนที่กำลังจะโดนจีบ
"แค่กๆๆ" ปภาวรินทร์สำลักน้ำที่กำลังดื่มทันที เอื้อมมือไปรับกระดาษทิชชูที่คนด้านหลังส่งให้ พร้อมกับลูบหลังเธอไปด้วย
"พี่ชา พายขอโทษเป็นอะไรไหมคะ" ใบชาโบกมือปฏิเสธ ใบหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเกิดจากการที่เธอสำลักน้ำหรือจากคำพูดเจื้อยแจ้วของพระพาย
"ยัยพายพูดอะไรระวังหน่อยสิ" อวัศย์หันมาดุน้องสาว
"ขอโทษนะคะพี่ชาทำให้พี่ตกใจเลย" พระพายเอ่ยขอโทษหน้าหงอย
"ไม่ใช่หมายถึงที่บอกอย่ายอมให้พี่จีบง่ายๆ ระวังหน่อยเดี๋ยวไม่ได้พี่สะใภ้ทำไง" เขาพูดขึ้นหน้าตาย ส่วนเธอถึงกับหันขวับไปมองหน้าเขาทันที ก่อนใบหน้าเธอจะแดงซ่านขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเห็นสายตาเขา
"พระพายไปเตรียมของทำอาหารเลยดีไหมคะ" ใบชาหันมาคุยกับคนข้างๆ แสร้งลืมทุกประโยคที่สองพี่น้องโต้เถียงกัน เปลี่ยนเรื่องเพื่อออกจากสถานการณ์นี้ ก่อนเรื่องราวจะเข้าตัวเธออีก
"ไปสิคะ แซลมอนพายเอาออกมาไว้แล้ว" พระพายพยักหน้าเห็นด้วยทันที สายตาเป็นประกายที่วันนี้จะได้ลงมือทำอาหารที่เป็นสูตรเพื่อสุขภาพให้ลูกสาว
"หืมม ครัวจะไหม้รึเปล่าเนี่ย" อวัศย์ยังไม่วายเอ่ยแซวน้องสาว
"พี่หมอก! เดี๋ยวนี้พายทำอาหารเป็นแล้วนะ" พระพายโต้แย้งทันทีเมื่อพี่ชายพูดจาดูถูก ถึงเมื่อก่อนเธอจะเกือบทำครัวไหม้จริงๆ แต่ตอนนี้เธอก็พัฒนาขึ้นตั้งเยอะตั้งแต่มีลูก
"งั้นเดี๋ยวพี่รอชิม ถ้าท้องเสียจะได้ไม่ให้พะแพงกิน" หมอกเอ่ยขึ้นยกยิ้มกวนๆ ตามสไตล์
"ใครจะให้กิน! ไปกันพี่ชา"
"เฮ้อ มีน้องสาวก็ไม่รักไม่ยอมให้กิน คุณชาคงไม่ใจร้ายไม่ให้ผมกินด้วยอีกคนนะ" สายตาเบี่ยงไปคนข้างๆ น้องสาวทันที ส่งสายตาเป็นประกายให้คนร่างเล็ก
"อยากกินก็กินสิคะ"ปภาวรินทร์ตอบกลับเสียงเข้มไม่สบตา แสร้งเก็บอุปกรณ์ทำงานบนโต๊ะ
"ดีจังที่อย่างน้อยคุณก็รักผม" ใบชาเงยหน้าหันขวับไปมองคนที่นั่งยิ้มแฉ่งบนโซฟาทันที
รักบ้าอะไร!
"อะไรของคุณ!"
"ก็พระพายไม่รักผมเลยไม่ให้ผมกินด้วย ส่วนคุณให้ผมกินก็แปลว่า..."
"แปลว่ารำคาญค่ะ! คุณจะแย่งเด็กกินก็ตามใจ" พระพายหลุดหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อพี่ชายตนเองโดนตอกกลับ ก่อนจะรีบวิ่งตามคนที่วาดหวังให้เป็นพี่สะใภ้เข้าไปในครัวทันที เมื่อเห็นพี่ชายส่งสายตาคาดโทษมาให้
พี่สะใภ้เธอต้องคนนี้เท่านั้น!
"หืม ใกล้ถึงแล้วเหรอหมอก" ปภาวรินทร์เปิดกระจกมองทิวทัศน์ด้านนอกที่คุ้นตา ภาพใบชาที่เรียงรายสุดลูกหูลูกตาทำให้เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ภาพบรรยากาศตอนที่เคยอยู่ที่แห่งนี้วนกลับเข้ามาในความคิดคิดถึงยาย คิดถึงพี่ใบบัวตอนนี้ทั้งสองคนก็คงได้เจอกันแล้ว และคงมองเธออยู่บนฟ้า ใบชาเงยหน้ามองท้องฟ้ากว้างที่สดใส ส่งยิ้มให้คนที่มองลงมาตอนนี้ชามีความสุขมากเลยยาย แล้วก็พี่บัว...ตอนนี้คนที่ชารักเขาอยู่ข้างๆ แล้วนะ ยินดีกับชาด้วยนะ"นอนต่อก่อนก็ได้ อีกสักพักอยู่เหมือนกัน เห็นลมบอกว่ากำลังปรับปรุงทางเข้าหลัก หมอกเลยอ้อมไปอีกทาง" อวัศย์เอ่ยบอกแฟนสาว ก่อนจะเอื้อมมือมากอบกุมมือเล็กปภาวรินทร์ปิดหน้าต่างรถก่อนจะเอนตัวลงซบไหล่คนข้างๆ สูดความหอมจากกลิ่นกายคนร่างสูง"เปี๊ยกหื่น" "หมอก!" เธอเงยหน้าแหวเขาทันที ทุบไหล่กว้างไปสองสามที"ฮ่าๆๆ น่ารักออกยัยเปี๊ยก" ตั้งแต่เขารู้เรื่องวันนั้น สรรพนามใหม่ของเธอก็คือยัยเปี๊ยก ซึ่งเธอเพียรปฏิเสธยังไง เขาก็ดึงดันจะเรียกชื่อนี้ จนสุดท้ายเธอได้แต่เลิกบ่น ยอมๆ ให้เขาเรียก เอาตามที่เขาสบายใจ"ขอโทษนะหมอก ชาไม่ได้อยู่คุยด้วยเลย" เรียกได้ว่าเธอหลับตั้งแต่ยังไม่ครึ่งทางก็ว่าได้วั
"หมอก" ใบชาเอ่ยเรียกคนรักเมื่อเห็นเขาแน่นิ่งไป หลังจากเล่าให้เขาฟังถึงที่มารูปพวกนี้ "หมอกเป็นอะไรรึเปล่า" เขาละสายตาจากรูปภาพที่วางเรียงกันอยู่ เงยหน้าสบตาเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก"ใบชา...""หมอกโกรธเหรอ" ปภาวรินทร์ถามอย่างไม่แน่ใจ กลัวเขาจะโกรธที่ปิดบังมาตลอด เขาไม่ตอบแต่ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน เขาโอบกอดเธออย่างแนบแน่น เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นเธอจึงเอื้อมมือไปโอบกอดแผ่นหลังของชายหนุ่มลูบขึ้นลงอย่างแผ่วเบา"หมอกขอโทษนะชา..ขอโทษจริงๆ" เสียงเขาสั่นเครือ เอ่ยขอโทษซ้ำไปซ้ำมาอย่างรู้สึกผิด"อะไรกันหมอก เป็นอะไร?" ใบชามึนงง ทำท่าจะผละตัวเขาออก แต่คนร่างสูงไม่ยอม ยังคงโอบกอดเธออย่างแนบแน่น"ขอโทษนะ ที่ลืมชา ขอโทษที่ปล่อยให้ชาต้องยืนมองตรงนั้นอยู่คนเดียว""เฮ้ยหมอก! อย่าพูดแบบนั้นสิ ไม่เกี่ยวกันเลย ชาไม่ได้เป็นอะไร" ยิ่งได้รับคำปลอบโยนว่าไม่เป็นไร ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น"ทำไมล่ะชา ทำไมไม่มาหาหมอก" อวัศย์ยังคงเสียงสั่นอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อเราอยู่ห่างกันแค่นั้นแท้ๆ เราอยู่ในไร่ชาเดียวกันแท้ๆ แต่เธอกับเขากลับไม่มีโอกาสได้เจอกันชื่อใบชา ใกล้ตัวจริงๆ ด้วย"ก็ยายบอกไม่ให้ทัก ไม่อยาก
"หมอก" ใบชาเอ่ยเรียกคนรักเมื่อเห็นเขายืนนิ่งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ในขณะที่เธอเดินเข้าไปใกล้อย่างงุนงงว่าทำไมเรียกแล้วเขาไม่ตอบ เมื่อเธอเดินเข้าไปถึงตัวเขาเห็นคนตัวสูงก้มมองสิ่งของในมือก็เบิกตากว้างตกใจ เอื้อมมือไปคว้าสิ่งที่อยู่ในมือคนรักทันที "ดูอะไร!""นี่มันอะไรอะชา หมอกงงไปหมดแล้ว" เขาชูรูปใบสุดท้ายที่เธอดึงไปไม่หมด โชว์ให้คนรักดู ประมวลผลความคิด ถึงประโยคในรูปนั้น"ไม่มีอะไร.." รู้ว่าเป็นประโยคที่โง่มากแต่ใบชาก็เลือกตอบแบบนั้น ก็ไม่รู้จะตอบเขายังไง"ทำไมชามีรูปหมอกเต็มไปหมดเลย" เขาเปิดประเด็นถาม ขมวดคิ้วมึนงงปภาวรินทร์ถอนหายใจยาวในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วเธอจึงตัดสินใจจะทบทวนความจำให้เขา หญิงสาวเดินไปกุมมือคนรักมานั่งที่ปลายเตียง กางรูปทั้งหมดออกให้เขาดู"อย่างที่หมอกเห็นเลย ชารู้จักหมอกมานานมากแล้ว""ได้ไง.." เขาตอบกลับเหมือนคนละเมอ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ใบชาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเขา "ไม่ต้องมาหัวเราะเลยชา เรื่องมันยังไงกันแน่" อวัศย์ท้วงเสียงเข้ม"หมอกจำชาไม่ได้จริงๆ เหรอ" ใบชาจ้องมองสบตาคนรักนิ่ง ในขณะที่อวัศย์เพ่งมองใบหน้าเธออย่างครุ่นคิด "ยัยเปี๊ยกไง" เมื่อเธอพูดจบเขานิ
"เดจาวู เดจาวูชัดๆ" "อะไรเฮีย บ่นอะไร" เหนือนทีถามพี่ชายเมื่อเขาบ่นพึมพำอะไรสักอย่าง "ก็นี่ไง ทำไมกูรู้สึกเหมือนเดจาวูเลยที่ต้องพามึงกับเฮียมานั่งเฝ้าเมียนี่ไง""แต่คราวนี้ก็มีเมียเฮียด้วยไม่ใช่รึไง""จะบ่นทำไม มึงกลับไปก็ได้นะปล่อยให้ซอลอยู่นี่แหละ ใครจะเข้ามาจีบก็แล้วแต่" น่านนทีบ่นน้องชาย แสร้งทำเป็นขู่ ซึ่งก็ได้ผลเมื่อน้องชายตาลุกวาวทันที"ไอ้มาเฝ้าน่ะเข้าใจ แล้วนี่เอามาด้วยทำไม" เขาเพยิดหน้าไปยังคุณหมอหนุ่มที่กำลังไถหน้าจอดูรูปแฟนสาวในโทรศัพท์อยู่ ก่อนจะเงยหน้ามองคนมีประเด็นแล้วก้มหน้าดูหน้าจอต่อไม่สนใจ"เอาหน่าเฮีย ให้หมอหมอกมาด้วยนั่นแหละ เดี๋ยวถ้าสาวๆ เมาจะได้แยกรับกลับได้เลยไง" เหนือนทีออกความเห็นวันนี้เป็นวันที่ซอลจัดงานเลี้ยงสละโสดเล็กๆ ก่อนแต่งงาน ซึ่งจะมีเฉพาะคนสนิท ที่โซนวีไอพีผับนี้ และจะมีแค่สาวๆ เท่านั้น ทีแรกซอลตั้งใจจะเปิดห้องนอนที่โรงแรมข้างๆ ซึ่งหนาวนทีรีบค้านไม่เห็นด้วย และมีพลังเสียงของพี่น้องช่วยพูด วันนี้สาวๆ เลยต้องกลับไปนอนบ้านเหมือนเดิม ซึ่งเป็นโชคดีของเขา ไม่ต้องออกปากอะไร ก็มีคนพูดแทนให้แล้วความจริงเขาก็เซ็งไม่น้อยที่ต้องปล่อยให้เธอไปเที่ยวตอนกลางคืน
"นี่พวกแกพูดบ้าอะไรกันเนี่ย!" วารุณีตะโกนสุดเสียง ไม่คิดว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีจะกล้าเปิดตัวแบบนี้มันผิดแผนไปหมดความจริงเธอตั้งใจมาเพื่อเรียกคะแนนความสงสารแต่บทสรุปทำไมกลับกลายเป็นว่าเธอโดนแฉ และคนตรงหน้าเปิดเผยในสิ่งที่เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูด"พูดความจริงไงวา ความจริงที่พี่บอกวามาโดยตลอด แต่วาไม่เคยฟัง" ดาราสาวชี้หน้าทั้งสองคนน้ำตาคลอด้วยความเจ็บใจ"พวกแกมันพวกผิดเพศ ทุเรศ คิดเหรอว่าจะมีใครให้โอกาสพวกแก""พี่ไม่รู้หรอกนะว่าใครจะให้โอกาสไหม แต่วาหมดโอกาสแล้วล่ะ" "หมายความว่าไง!!" วารุณีเงยหน้ามองคนพูดด้วยสีหน้าหวาดระแวง แววตาหวั่นวิตก"แล้วทำอะไรไว้ล่ะ" อธิปพูดจบนักข่าวหลายคนก็ฮือฮาขึ้นมาทันที เมื่ออยู่ๆ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามา วารุณีถอยหลังผงะตกใจ"พะ.พวกแกมาทำอะไร!""ขออนุญาตนะครับ คุณชื่อวารุณีถูกต้องไหมครับ" "ทำไม!" เธอตวาดคนในเครื่องแบบเสียงดัง "อย่าเข้ามานะ!""ขอเชิญคุณวารุณีไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยครับ คุณตกเป็นผู้สงสัยในการจ้างวานฆ่าเด็กหญิงประทานพร" นับว่านี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่สุดในวันนี้ นักข่าวทุกสำนักยกกล้องถ่ายวิดีโอตรงหน้า ในขณะที่อีกหลายคนกรูเข้ามาเพื่อส
ปภาวรินทร์นั่งมองบรรยากาศโดยรอบในห้องบอลรูมขนาดใหญ่ ส่วนมากจะเป็นนักข่าวที่นั่งจับจองพื้นที่อยู่เต็มบริเวณด้านหน้าเวทีชั่วคราวขนาดกลาง ส่วนเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่จัดไว้ให้ มีนักข่าวหลายคนสังเกตเห็นเธอ ทำท่าจะเข้ามาเพื่อขอสัมภาษณ์ แต่โดนสายตาดุของคนข้างๆ ห้ามไว้ก่อน ส่วนใหญ่จึงได้แต่เมียงมองมาทางเธอ แต่ไม่กล้าเข้ามาถึงแม่อธิปจะยืนยันไปก่อนหน้าแล้วว่าใบข้าวเป็นลูกของเขา ส่วนเธอไม่ใช่แม่ แต่ก็มีกระแสด้านลบไม่น้อยที่บอกว่าเป็นเพียงข้ออ้าง เธอคือเมียน้อย เมื่อนักข่าวเห็นเหยื่ออันโอชะ ก็ไม่พลาดที่จะอยากเข้ามาทำข่าว แต่ความอยากก็ย่อมแพ้อิทธิพลของทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เมื่อคิดแล้วว่าหากมีเรื่องกับเขาคงไม่คุ้มกัน เลยเลือกที่จะล่าถอยมากกว่าจะชนเมื่อถึงเวลาที่นัดหมายพอดิบพอดี อธิปจึงก้าวออกมาจากประตูด้านหลังเวที เขากวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะหยุดที่เธอ ปภาวรินทร์ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินมานั่งยังพื้นที่ที่ถูกจัดไว้ให้"สวัสดีครับพี่ๆ นักข่าวทุกท่าน ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมางานแถลงข่าวของผม และก็ขอบคุณที่ทุกท่านจะใช้พื้นที่สื่อของตัวเองสื่อสาร