"เดี๋ยวนะ! ให้กูนึกก่อน คืนนั้นที่ว่าคือที่มึงอยู่กับใครไม่รู้ยันเช้าอะนะ"
"เออ!"
"เดี๋ยวๆ มึงจะบอกว่าคุณชาคือคนนั้น?"
"มึงจะเดี๋ยวห่าอะไรนักหนา"
"ช่างหัวเดี๋ยวมัน! สรุปผู้หญิงที่มึงเข้าใจผิดว่ากูจ่ายให้คือคุณชา"
"เออ!"
"เชี่ยหมอก!" สองเสียงประสานกันทันทีเมื่อจับใจความได้
"มึงรู้ได้ไงว่าเป็นเขา จำได้แค่ว่าล่าสุดคือมึงตามจนรู้ว่าเขารู้จักกับแฟนเก่ามึงนี่" รพีภัทรพอจำได้ว่าหลังจากคืนที่พวกเขาไปงานเลี้ยงฉลองเรียนจบของเพื่อนคณะอื่น ธารณ์เป็นคนพาหมอกไปพักบนห้องด้านบน ซึ่งโดยปกติพวกเขาจะเปิดก็ต่อเมื่อมีใครจะลากสาวไปต่อ แต่คืนนั้นจำได้ว่าอวัศย์เมามาก บวกกับทางเขาก็มีดีลไว้อยู่เหมือนกันเลยเปิดห้องให้มันนอนแทน ใครจะคิดว่าตื่นเช้ามาเพื่อนจะนัดคุยหน้าเครียด บอกเล่าเหตุการณ์ว่าน่าจะมีการเข้าใจผิด คิดว่าคนที่อยู่ด้วยกันทั้งคืนเป็นคนที่ไอ้ไทม์นัดให้แล้วพร้อมจ่ายเงิน
"อืม..ล่าสุดที่มึงบอกกูว่าเขาเรียนคณะไหนกูก็ไปตามดู สรุปคือเขาปีเดียวกับเราและก็เรียนจบไปแล้ว กูรู้แค่ว่าเขาเป็นเพื่อนในคณะของเมล ไม่ได้สนิทกับใคร จะถามเมลก็ไม่กล้าว่าตอนนั้นเขาเป็นยังไง ไปอยู่ที่ไหน บวกกับที่มีเรื่องคุณตาพอดี"
ตอนนั้นตื่นเช้ามาเขาไม่เห็นเธอแล้ว ถ้าไม่มีผ้าปูที่ยับยู่ยี่บวกกับเศษซากถุงยางที่เกลื่อนตามพื้น คงคิดว่าตนเองฝันไป พอมาย้อนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนจำได้ว่าตัวเขาเองรังแกเธอไปจนเกือบเช้า ทั้งๆ ที่รู้แก่ใจว่าคืนนั้นเป็นครั้งแรกของเธอ ความจริงแล้วโดยปกติเขาก็คงจะปล่อยผ่านไป เพราะในเมื่อเป็นข้อตกลงของทั้งสองฝ่ายก็ควรจะจบไป แต่ตอนนั้นมันยังหลงเหลือความรู้สึกบางอย่าง
อาจจะเป็นเพราะ 'ติดใจ'
เขาจึงโทรหาคนที่เป็นคนดีลให้คือไทม์ แต่เมื่อฟังคำตอบจากเพื่อนก็ช็อกยิ่งกว่าเดิม เพราะเพื่อนไม่ได้ดีลใครให้ไว้เลย ตอนนั้นในหัวมีแต่ความมึนงง และสับสน ใจหนึ่งก็คิดว่าอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่...เธอถึงขนาดเข้ามารออยู่ในห้อง นั่งดื่มเป็นเพื่อนกัน รวมถึงตกลงใจที่จะมีความสัมพันธ์กันในคืนนั้น ก็ทำให้เขาอคติไม่ได้คิดว่าเธออาจมีจุดประสงค์บางอย่างที่เข้ามา
แต่ผ่านมาร่วมสองสัปดาห์ก็ไม่มีการติดต่อกลับมา ไม่มีการเรียกร้อง แบล็คเมล์หรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้น เธอเงียบหายไปราวกับไม่เคยผ่านเข้ามาในคืนนั้น เขาจึงเริ่มให้เพื่อนอีกสองคนช่วยตามสืบว่าเธอคือใคร
สรุปพีร์ตามสืบมาให้ได้แค่ว่าเธอทำงานที่นั่นแบบพาร์ทไทม์ ช่วงหลังๆ นานๆ เข้ามาที ไม่มีใครรู้ตัวตนเพราะผู้จัดการร้านเป็นคนฝากฝังเข้ามา ไม่รับงานนอก ที่สำคัญงานเสริมที่เธอรับคือการทำความสะอาดห้องพัก นั่นเขาถึงรู้เหตุผลที่เธอเขาไปอยู่ในห้องได้ยังไง
เขาเป็นคนตามสืบเองต่อจากนั้น จนรู้มาว่าเธอเรียนคณะไหน ซึ่งเป็นคณะเดียวกับเพื่อนเขาหรือจะว่าเป็นแฟนเก่าก็ว่าได้ เขามีความคิดอยากเข้าไปคุยกับเมลเพื่อสอบถามเรื่องของเธอคนที่เขารู้มาว่าชื่อ ใบชา แต่ด้วยตอนนั้นก็ไม่รู้จะไปอธิบายยังไง บวกกับคุณตาของเขาล้มป่วย ทำให้ตอนนั้นทั้งต้องเรียนหนักเพราะต้องไปอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว อีกทั้งยังต้องเทียวไป-กลับ กรุงเทพฯ และแม่ฮ่องสอน ก็ทำให้เริ่มลืมเลือนเหตุการณ์นั้นไป จนเรียนจบกลับมาดูแลโรงพยาบาลของคุณตาที่เขาอยู่ตอนนี้
วันนั้นที่ซอลฝากฝังให้เขาช่วยดูแล ใบชา ก็ทำให้หัวใจเต้นแรงไม่น้อย เพราะไม่แน่ใจว่าคือใบชาเดียวกันไหม จนเมื่อได้พบกัน หัวใจเขาเต้นรัวราวกับจะทะลุออกจากอก ความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว รู้อีกทีก็อยากเข้าไปมีบทบาทในชีวิตของเธอซะแล้ว
"ไอ้หมอกถ้าจำไม่ผิด คุ้นๆ ว่าใบชามีลูกแล้วไม่ใช่เหรอ เรียนที่เดียวกับพะแพง"
"อืม"
"ไอ้พีร์ทำไมกูรู้สึกแปลกๆ มึงคิดเหมือนกูใช่ไหม"
"ลูกใบชาคือ..."
"อย่างที่พวกมึงคิดนั่นแหละ..กูคิดว่าลูกกู"
"ไอ้เหี้ย!"
"คราวนี้ด่ากูเต็มปากเต็มคำเลยนะพวกมึง" อวัศย์ไม่วายหันไปประชดเพื่อน
"ถ้าไม่ใช่เพื่อนกูจะด่ายิ่งกว่านี้อีก ทำไมมึงไม่ป้องกัน?" พีรภัทรถึงกับพูดประโยคยาวๆ ออกมา
"ก็ป้องกันอยู่.." เขาตอบกลับเสียงเบา
ถ้าจำไม่ผิดก็สองรอบแรกนี่แหละ
"ถ้าป้องกันจะมีลูกโตจนเรียนอนุบาลแบบนี้รึไงไอ้หมอก" ธารณ์ถึงกับขึ้นเสียงหงุดหงิด
"เอาเป็นว่ามันมีเหตุนิดหน่อย" เมื่อเห็นเขาอ้อมแอ้มตอบก็พอจะเดาเหตุการณ์ได้ แต่ถึงอย่างนั้นธารณ์ก็ยังอดด่าเพื่อนไม่ได้
"สมน้ำหน้ามึง ตอนนี้ก็ตามง้อเขาเอาละกัน"
"ตามง้อกูไม่ติดหรอก ประเด็นเขาบอกแต่ว่าไม่ใช่ลูกกู" อวัศย์ถอนหายใจเอ่ยเล่าเสียงเครียด
"อ้าว! ไหงเป็นงั้น เขาโกรธมึงถึงขั้นไม่รับเป็นพ่อเลยเหรอ"
"เท่าที่ดูเขาก็ไม่ได้โกรธอะไรกูนะ ถ้าโกรธจะยอมมาทำงานด้วยเหรอ"
"หรืออาจจะไม่ใช่ลูกมึงจริงๆ" รพีภัทรออกความคิดเห็นบ้าง
"ก็จริงนะมึง เขาอาจจะไม่ชอบลีลามึง แล้วหนีไปมีแฟนใหม่มีลูกแล้วก็ได้ ระวังยุ่งกับเขามากๆ จะโดนกระทืบ"
"เดี๋ยวจะกระทืบมึงก่อนเลย หุบปากไปไอ้ไทม์" ธารณ์ยักไหล่ทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็ยังไม่วายเอ่ยประชดเพื่อน
"หึ! เป็นพ่อของลูกเขารึเปล่าไม่รู้ แต่อยากจะเป็นผัวใจจะขาด"
"หืม ใกล้ถึงแล้วเหรอหมอก" ปภาวรินทร์เปิดกระจกมองทิวทัศน์ด้านนอกที่คุ้นตา ภาพใบชาที่เรียงรายสุดลูกหูลูกตาทำให้เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ภาพบรรยากาศตอนที่เคยอยู่ที่แห่งนี้วนกลับเข้ามาในความคิดคิดถึงยาย คิดถึงพี่ใบบัวตอนนี้ทั้งสองคนก็คงได้เจอกันแล้ว และคงมองเธออยู่บนฟ้า ใบชาเงยหน้ามองท้องฟ้ากว้างที่สดใส ส่งยิ้มให้คนที่มองลงมาตอนนี้ชามีความสุขมากเลยยาย แล้วก็พี่บัว...ตอนนี้คนที่ชารักเขาอยู่ข้างๆ แล้วนะ ยินดีกับชาด้วยนะ"นอนต่อก่อนก็ได้ อีกสักพักอยู่เหมือนกัน เห็นลมบอกว่ากำลังปรับปรุงทางเข้าหลัก หมอกเลยอ้อมไปอีกทาง" อวัศย์เอ่ยบอกแฟนสาว ก่อนจะเอื้อมมือมากอบกุมมือเล็กปภาวรินทร์ปิดหน้าต่างรถก่อนจะเอนตัวลงซบไหล่คนข้างๆ สูดความหอมจากกลิ่นกายคนร่างสูง"เปี๊ยกหื่น" "หมอก!" เธอเงยหน้าแหวเขาทันที ทุบไหล่กว้างไปสองสามที"ฮ่าๆๆ น่ารักออกยัยเปี๊ยก" ตั้งแต่เขารู้เรื่องวันนั้น สรรพนามใหม่ของเธอก็คือยัยเปี๊ยก ซึ่งเธอเพียรปฏิเสธยังไง เขาก็ดึงดันจะเรียกชื่อนี้ จนสุดท้ายเธอได้แต่เลิกบ่น ยอมๆ ให้เขาเรียก เอาตามที่เขาสบายใจ"ขอโทษนะหมอก ชาไม่ได้อยู่คุยด้วยเลย" เรียกได้ว่าเธอหลับตั้งแต่ยังไม่ครึ่งทางก็ว่าได้วั
"หมอก" ใบชาเอ่ยเรียกคนรักเมื่อเห็นเขาแน่นิ่งไป หลังจากเล่าให้เขาฟังถึงที่มารูปพวกนี้ "หมอกเป็นอะไรรึเปล่า" เขาละสายตาจากรูปภาพที่วางเรียงกันอยู่ เงยหน้าสบตาเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก"ใบชา...""หมอกโกรธเหรอ" ปภาวรินทร์ถามอย่างไม่แน่ใจ กลัวเขาจะโกรธที่ปิดบังมาตลอด เขาไม่ตอบแต่ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน เขาโอบกอดเธออย่างแนบแน่น เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นเธอจึงเอื้อมมือไปโอบกอดแผ่นหลังของชายหนุ่มลูบขึ้นลงอย่างแผ่วเบา"หมอกขอโทษนะชา..ขอโทษจริงๆ" เสียงเขาสั่นเครือ เอ่ยขอโทษซ้ำไปซ้ำมาอย่างรู้สึกผิด"อะไรกันหมอก เป็นอะไร?" ใบชามึนงง ทำท่าจะผละตัวเขาออก แต่คนร่างสูงไม่ยอม ยังคงโอบกอดเธออย่างแนบแน่น"ขอโทษนะ ที่ลืมชา ขอโทษที่ปล่อยให้ชาต้องยืนมองตรงนั้นอยู่คนเดียว""เฮ้ยหมอก! อย่าพูดแบบนั้นสิ ไม่เกี่ยวกันเลย ชาไม่ได้เป็นอะไร" ยิ่งได้รับคำปลอบโยนว่าไม่เป็นไร ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น"ทำไมล่ะชา ทำไมไม่มาหาหมอก" อวัศย์ยังคงเสียงสั่นอย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อเราอยู่ห่างกันแค่นั้นแท้ๆ เราอยู่ในไร่ชาเดียวกันแท้ๆ แต่เธอกับเขากลับไม่มีโอกาสได้เจอกันชื่อใบชา ใกล้ตัวจริงๆ ด้วย"ก็ยายบอกไม่ให้ทัก ไม่อยาก
"หมอก" ใบชาเอ่ยเรียกคนรักเมื่อเห็นเขายืนนิ่งอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า ในขณะที่เธอเดินเข้าไปใกล้อย่างงุนงงว่าทำไมเรียกแล้วเขาไม่ตอบ เมื่อเธอเดินเข้าไปถึงตัวเขาเห็นคนตัวสูงก้มมองสิ่งของในมือก็เบิกตากว้างตกใจ เอื้อมมือไปคว้าสิ่งที่อยู่ในมือคนรักทันที "ดูอะไร!""นี่มันอะไรอะชา หมอกงงไปหมดแล้ว" เขาชูรูปใบสุดท้ายที่เธอดึงไปไม่หมด โชว์ให้คนรักดู ประมวลผลความคิด ถึงประโยคในรูปนั้น"ไม่มีอะไร.." รู้ว่าเป็นประโยคที่โง่มากแต่ใบชาก็เลือกตอบแบบนั้น ก็ไม่รู้จะตอบเขายังไง"ทำไมชามีรูปหมอกเต็มไปหมดเลย" เขาเปิดประเด็นถาม ขมวดคิ้วมึนงงปภาวรินทร์ถอนหายใจยาวในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วเธอจึงตัดสินใจจะทบทวนความจำให้เขา หญิงสาวเดินไปกุมมือคนรักมานั่งที่ปลายเตียง กางรูปทั้งหมดออกให้เขาดู"อย่างที่หมอกเห็นเลย ชารู้จักหมอกมานานมากแล้ว""ได้ไง.." เขาตอบกลับเหมือนคนละเมอ ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ใบชาหัวเราะน้อยๆ กับท่าทางของเขา "ไม่ต้องมาหัวเราะเลยชา เรื่องมันยังไงกันแน่" อวัศย์ท้วงเสียงเข้ม"หมอกจำชาไม่ได้จริงๆ เหรอ" ใบชาจ้องมองสบตาคนรักนิ่ง ในขณะที่อวัศย์เพ่งมองใบหน้าเธออย่างครุ่นคิด "ยัยเปี๊ยกไง" เมื่อเธอพูดจบเขานิ
"เดจาวู เดจาวูชัดๆ" "อะไรเฮีย บ่นอะไร" เหนือนทีถามพี่ชายเมื่อเขาบ่นพึมพำอะไรสักอย่าง "ก็นี่ไง ทำไมกูรู้สึกเหมือนเดจาวูเลยที่ต้องพามึงกับเฮียมานั่งเฝ้าเมียนี่ไง""แต่คราวนี้ก็มีเมียเฮียด้วยไม่ใช่รึไง""จะบ่นทำไม มึงกลับไปก็ได้นะปล่อยให้ซอลอยู่นี่แหละ ใครจะเข้ามาจีบก็แล้วแต่" น่านนทีบ่นน้องชาย แสร้งทำเป็นขู่ ซึ่งก็ได้ผลเมื่อน้องชายตาลุกวาวทันที"ไอ้มาเฝ้าน่ะเข้าใจ แล้วนี่เอามาด้วยทำไม" เขาเพยิดหน้าไปยังคุณหมอหนุ่มที่กำลังไถหน้าจอดูรูปแฟนสาวในโทรศัพท์อยู่ ก่อนจะเงยหน้ามองคนมีประเด็นแล้วก้มหน้าดูหน้าจอต่อไม่สนใจ"เอาหน่าเฮีย ให้หมอหมอกมาด้วยนั่นแหละ เดี๋ยวถ้าสาวๆ เมาจะได้แยกรับกลับได้เลยไง" เหนือนทีออกความเห็นวันนี้เป็นวันที่ซอลจัดงานเลี้ยงสละโสดเล็กๆ ก่อนแต่งงาน ซึ่งจะมีเฉพาะคนสนิท ที่โซนวีไอพีผับนี้ และจะมีแค่สาวๆ เท่านั้น ทีแรกซอลตั้งใจจะเปิดห้องนอนที่โรงแรมข้างๆ ซึ่งหนาวนทีรีบค้านไม่เห็นด้วย และมีพลังเสียงของพี่น้องช่วยพูด วันนี้สาวๆ เลยต้องกลับไปนอนบ้านเหมือนเดิม ซึ่งเป็นโชคดีของเขา ไม่ต้องออกปากอะไร ก็มีคนพูดแทนให้แล้วความจริงเขาก็เซ็งไม่น้อยที่ต้องปล่อยให้เธอไปเที่ยวตอนกลางคืน
"นี่พวกแกพูดบ้าอะไรกันเนี่ย!" วารุณีตะโกนสุดเสียง ไม่คิดว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีจะกล้าเปิดตัวแบบนี้มันผิดแผนไปหมดความจริงเธอตั้งใจมาเพื่อเรียกคะแนนความสงสารแต่บทสรุปทำไมกลับกลายเป็นว่าเธอโดนแฉ และคนตรงหน้าเปิดเผยในสิ่งที่เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูด"พูดความจริงไงวา ความจริงที่พี่บอกวามาโดยตลอด แต่วาไม่เคยฟัง" ดาราสาวชี้หน้าทั้งสองคนน้ำตาคลอด้วยความเจ็บใจ"พวกแกมันพวกผิดเพศ ทุเรศ คิดเหรอว่าจะมีใครให้โอกาสพวกแก""พี่ไม่รู้หรอกนะว่าใครจะให้โอกาสไหม แต่วาหมดโอกาสแล้วล่ะ" "หมายความว่าไง!!" วารุณีเงยหน้ามองคนพูดด้วยสีหน้าหวาดระแวง แววตาหวั่นวิตก"แล้วทำอะไรไว้ล่ะ" อธิปพูดจบนักข่าวหลายคนก็ฮือฮาขึ้นมาทันที เมื่ออยู่ๆ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินเข้ามา วารุณีถอยหลังผงะตกใจ"พะ.พวกแกมาทำอะไร!""ขออนุญาตนะครับ คุณชื่อวารุณีถูกต้องไหมครับ" "ทำไม!" เธอตวาดคนในเครื่องแบบเสียงดัง "อย่าเข้ามานะ!""ขอเชิญคุณวารุณีไปให้ปากคำที่โรงพักด้วยครับ คุณตกเป็นผู้สงสัยในการจ้างวานฆ่าเด็กหญิงประทานพร" นับว่านี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจที่สุดในวันนี้ นักข่าวทุกสำนักยกกล้องถ่ายวิดีโอตรงหน้า ในขณะที่อีกหลายคนกรูเข้ามาเพื่อส
ปภาวรินทร์นั่งมองบรรยากาศโดยรอบในห้องบอลรูมขนาดใหญ่ ส่วนมากจะเป็นนักข่าวที่นั่งจับจองพื้นที่อยู่เต็มบริเวณด้านหน้าเวทีชั่วคราวขนาดกลาง ส่วนเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่จัดไว้ให้ มีนักข่าวหลายคนสังเกตเห็นเธอ ทำท่าจะเข้ามาเพื่อขอสัมภาษณ์ แต่โดนสายตาดุของคนข้างๆ ห้ามไว้ก่อน ส่วนใหญ่จึงได้แต่เมียงมองมาทางเธอ แต่ไม่กล้าเข้ามาถึงแม่อธิปจะยืนยันไปก่อนหน้าแล้วว่าใบข้าวเป็นลูกของเขา ส่วนเธอไม่ใช่แม่ แต่ก็มีกระแสด้านลบไม่น้อยที่บอกว่าเป็นเพียงข้ออ้าง เธอคือเมียน้อย เมื่อนักข่าวเห็นเหยื่ออันโอชะ ก็ไม่พลาดที่จะอยากเข้ามาทำข่าว แต่ความอยากก็ย่อมแพ้อิทธิพลของทายาทเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เมื่อคิดแล้วว่าหากมีเรื่องกับเขาคงไม่คุ้มกัน เลยเลือกที่จะล่าถอยมากกว่าจะชนเมื่อถึงเวลาที่นัดหมายพอดิบพอดี อธิปจึงก้าวออกมาจากประตูด้านหลังเวที เขากวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะหยุดที่เธอ ปภาวรินทร์ส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินมานั่งยังพื้นที่ที่ถูกจัดไว้ให้"สวัสดีครับพี่ๆ นักข่าวทุกท่าน ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมางานแถลงข่าวของผม และก็ขอบคุณที่ทุกท่านจะใช้พื้นที่สื่อของตัวเองสื่อสาร