หนทางจากเมืองหลวงไปยังหมู่บ้านชนบทใช้เวลาเดินทางร่วมสิบวัน ระหว่างทางที่พัก จ้าวไป๋ลู่และหมิงอวี้สาวใช้ข้างกาย จะช่วยกันจัดเตรียมอาหารอย่างใส่ใจเสมอ
การเดินทางครานี้มีท่านพ่อและพี่ชายของนางติดตามมาด้วย อีกทั้งยังมีเซียวถงตามมาด้วยเช่นเดียวกัน
"ฮูหยินน้อยเจ้าคะ พักก่อนเถิดเจ้าค่ะ ท่านเพิ่งจะเดินทางมาถึง คงจะเหนื่อยล้ามิใช่น้อย"
จ้าวไป๋ลู่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นางมองดูบรรยากาศโดยรอบของหมู่บ้านชนบทก่อนจะถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง เดิมทีนางมิอยากติดตามหลี่รั่วหานมา แต่เมื่อได้มาเห็นสภาพตรงหน้าความคิดของนางก็พลันเปลี่ยนไป
ช่างน่าเวทนายิ่งนัก ต้นไม้ใบหญ้าแห้งเฉาเหี่ยวตาย เด็กและคนชราผอมโซเสียจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
"ข้าติดตามมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือซื่อจื่อ มิได้มาพักผ่อนสบายใจ เจ้าจงเร่งรีบไปที่โรงครัว ข้าจะทำอาหารให้มากเสียหน่อย"
"เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย"
หมิงอวี้รับคำก่อนจะรีบเร่งไปที่โรงครัว เพื่อให้เหล่าทหารช่วยตระเตรียมโรงครัวให้พร้อม เมื่อจ้าวไป๋ลู่มาถึง นางก็จัดการปรุงอาหารทันทีอย่างไม่รอช้า
โชคดีที่ระหว่างการเดินทางมีการหยุดพัก ทำให้นางเก็บผักป่ามาได้จำนวนไม่น้อย แม้มันจะไม่สดใหม่เท่าใดนัก แต่ก็ดีกว่าไม่มีสิ่งใดทำอาหาร นางเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบไม่น้อย ก่อนเดินทางจึงนำเสบียงติดตัวมาด้วย
"ไป๋ไป๋ของพ่อ เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ"
"ท่านพ่อ พี่ใหญ่"
จ้าวไป๋ลู่หันไปส่งยิ้มให้ท่านพ่อและพี่ชายของนาง ก่อนจะเอ่ยตอบ
"ข้าทำโจ๊กข้าว และซุปผักเต้าหู้ กับมันฝรั่งผัดเจ้าค่ะ วัตถุดิบที่นี่ค่อนข้างน้อย โชคดีที่ข้าเตรียมมาจากจวนโหวด้วย จึงพอมีวัตถุดิบให้ได้ปรุงอาหารมากหน่อย"
"หากขาดเหลือสิ่งใดมาแจ้งพ่อกับพี่ใหญ่เจ้าได้นะ โธ่ ไป๋ไป๋ของพ่อ เจ้าต้องมาลำบากแท้ ๆ"
"ลำบากที่ใดกันเจ้าคะ ข้าเต็มใจ ท่านพ่อดูชาวบ้านเหล่านั้นสิเจ้าคะ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก"
"ไป๋ไป๋ของพ่อจิตใจดีที่สุด"
"คิกคิก อาหารใกล้เสร็จแล้ว ท่านพ่อช่วยหาคนมาตักอาหารแจกจ่ายเหล่าชาวบ้านทีนะเจ้าคะ ข้าจะนำอาหารไปให้ซื่อจื่อที่กระโจมก่อน"
"ได้เลย เอ่อ ไป๋ไป๋ช้าก่อน พ่อมีบางเรื่องจะบอกเจ้า"
"เอ๋ เรื่องใดหรือเจ้าคะ"
จ้าวเยียนยกยิ้มกริ่มก่อนจะกวักมือเรียกบุตรสาวและบุตรชายของตนเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้นมา
"เพราะน้ำแกงสะท้านฟ้าของเจ้า ยามนี้ท่านแม่ของเจ้าร้องหาพ่อทั้งวัน ฮ่า ๆ ๆ ฮี่ ๆ ๆ โฮ่ ๆ ๆ ๆ!!!"
"จริงหรือ เจ้าคะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ!!!"
"เรื่องจริง พี่ใหญ่เห็นกับตาฮ่า ๆ ๆ โฮ่ ๆ ๆ ฮิ ๆ ๆ ฮิ้ว ๆ ๆ"
ภาพที่สามพ่อลูกพากันสุมหัวหัวเราะขบขันทำให้เหล่าทหารที่ได้เห็นต่างมองหน้ากันอย่างงวยงง
หรือจะประสาทไม่ดีทั้งครอบครัว?
ไม่ไกลมากนัก ภาพรอยยิ้มกระจ่างใสราวดอกไม้แรกแย้มของจ้าวไป๋ลู่ ได้ประทับอยู่ในจิตใจของบุรุษหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งเข้าเสียแล้ว
หลัวเทียนเฉิน
เขาเป็นบุตรชายของท่านเสนาบดีกรมขุนนาง บิดาของเขามีอำนาจในการสั่งย้ายหรือปลดขุนนางผู้กระทำความผิด ความเที่ยงตรงและซื่อสัตย์ของบิดาเป็นที่เคารพนับถือในเหล่าขุนนางด้วยกันเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนเขาเป็นหัวหน้าองครักษ์มังกรพยัคฆ์ สังกัดขึ้นตรงกับฮ่องเต้ คอยสอดส่องความเป็นไปของเหล่าขุนนางทุกระดับชนชั้น อีกทั้งยังสามารถลงโทษหรือสังหารผู้ที่เป็นภัยต่อราชวงศ์ได้ในทันทีอีกด้วย
หน่วยมังกรพยัคฆ์แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรก คือฝ่ายทหารสามกองพลใหญ่ซึ่งมีหน้าที่รักษาบ้านเมือง โดยมีบิดาของหลี่รั่วหานเป็นแม่ทัพใหญ่คุมทหารเจ็ดแสนนายเอาไว้ในมือ
ส่วนหน่วยองครักษ์มังกรพยัคฆ์ของเขา มีหน้าที่สืบสวนสอบสวน จับคนร้ายผู้กระทำความผิดมาเข้าคุกหลวง และลงโทษนักโทษได้ อีกทั้งยังเป็นสายลับคอยทำงานใหญ่ให้ฮ่องเต้อีกด้วย
หลัวเทียนเฉินจ้องมองรอยยิ้มของนางเนิ่นนาน ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
ได้ยินมาว่าการเดินทางครานี้มีฮูหยินน้อยจวนโหวติดตามมาด้วย เห็นทีคงจะเป็นนางกระมัง
ภรรยาของหลี่รั่วหาน?
ไม่ใช่หนิงเสวี่ยหรอกหรือ?
เขาเคยพบกับหนิงเสวี่ยหลายครา นางเป็นคนรักของหลี่รั่วหาน อีกทั้งยังเคยติดตามบิดาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวังอยู่บ่อยครั้ง
ด้านจ้าวไป๋ลู่ที่ตระเตรียมอาหารให้หลี่รั่วหานเรียบร้อยแล้ว จึงสั่งให้หมิงอวี้ยกอาหารตามนางมาที่กระโจม ระหว่างทางนางได้พบกับหลัวเทียนเฉินพอดี ด้วยไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ใด แต่ดูจากการแต่งกายแล้ว คงจะมีตำแหน่งสูงไม่น้อย นางจึงทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อม
"แม่นางไม่ต้องมากพิธี ข้ามีนามว่าหลัวเทียนเฉิน เป็นหัวหน้าองครักษ์มังกรพยัคฆ์ เพียงผ่านมาตรวจงานเท่านั้น"
"อ้อ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ ไม่รบกวนเวลาของใต้เท้าแล้ว"
"ไม่รบกวนเลยแม้แต่น้อย สำหรับข้าย่อมมีเวลาให้สตรีที่งดงามเช่นฮูหยินน้อยเสมอ"
วาจาของหลัวเทียนเฉินทำให้จ้าวไป๋ลู่ถึงกับเลิ่กลั่ก นางหันไปมองหมิงอวี้คราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
ให้ตายเถิด!!! ความสวยของข้านี่มัน!!!
ใจเย็น ๆ ไป๋ไป๋ เจ้ามีสามีแล้ว แม้สามีของเจ้าจะมีสุนัขอยู่เต็มปาก แต่เจ้าก็ต้องให้เกลียดเขา
ให้เกลียดนะมิใช่ให้เกียรติ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ
"ใต้เท้าหลัวกล่าวเกินไปแล้ว ข้าเป็นเพียงสตรีที่แต่งงานแล้ว จะงดงามที่ใดกัน ข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ"
"เชิญแม่นางคนงาม"
"เจ้าค่ะ"
"ช้าก่อนแม่นาง"
"เอ๋?"
"หากอยากหย่าสามี ให้นึกถึงข้าเป็นคนแรก ข้ายังไร้ภรรยา"
เขาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะยิ้มตาหยีและเดินจากไป
ภาพทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของหลี่รั่วหาน เขาหิวจนตาลาย รอแล้วรอเล่านางก็ยังไม่มาเสียที จึงคิดจะเดินออกมาดูที่หน้ากระโจม
แต่ภาพที่เห็นเสียงที่เขาได้ยินกลับเป็น...
หากอยากหย่าสามี...
บัดซบเจ้าหลัวเทียนเฉินสารเลวนั่น!!!
เขากับหลัวเทียนเฉินเป็นคู่แข่งกันมาตลอด ข้าชนะเจ้าแพ้ ข้าไม่แพ้เจ้าต้องแพ้ เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด
จ้าวไป๋ลู่เดินเข้ามาในกระโจมก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นว่าหลี่รั่วหานยืนจ้องนางเขม็ง นางรีบให้หมิงอวี้วางสำรับลงบนโต๊ะก่อนจะให้นางรีบออกไปจากกระโจมเสีย
"สำรับยามเย็นเจ้าค่ะซื่อจื่อ"
"หึ!!! เจ้านี่ระริกระรี้จริงนะ!!!"
"เอ๋?"
"เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้าสนทนากับหลัวเทียนเฉิน หน้านี่ยิ้มบานเชียว ทำไมหรือ!!! อยากเป็นฮูหยินหัวหน้าองครักษ์มังกรพยัคฆ์หรือ!!!"
จ้าวไป๋ลู่เริ่มหมดความอดทนแล้ว นางทำอาหารมาเหนื่อย ๆ ตั้งใจรีบยกมาให้เขากิน แต่กลับมาถูกเขาต่อว่าเช่นนี้
นางโมโหแล้วนะ!!!
"ก็ดีนะเจ้าคะ มีสามีเป็นองครักษ์ตำแหน่งสูง ผู้ใดบ้างจะไม่ชอบ เขาทั้งเอ่ยวาจาไพเราะ อีกทั้งยังรอข้าหย่ากับท่านอีกด้วย!!! อ้อ เขาจับคนร้ายได้ด้วยนี่ หากได้เขาเป็นสามีข้าก็จะได้ให้เขาจับสุนัขในปากท่านออกมาสับเป็นชิ้น ๆ เสีย!!!"
"จ้าวไป๋ลู่เจ้าช่างกล้า!!! ได้!!! ข้าหย่ากับเจ้าแน่!!!"
"หย่าเลยสิเจ้าคะ!!! ข้าจะได้ไปหาสามีใหม่ ข้าไม่สนหรอก ข้ากับท่านมิได้เป็นอันใดกันเสียหน่อย!!!"
"อย่ายั่วโทสะข้า"
"ท่านสิยั่วโทสะข้า!!!"
"ข้าโมโหแล้วนะ!!!"
"นี่ท่านปล่อยข้านะ!!!"
หลี่รั่วหานกระชากเอวบางของจ้าวไป๋ลู่มากอดเอาไว้ ก่อนจะแสยะยิ้มจ้องมองนางคราหนึ่ง
"หากเจ้าอยากมากเหตุใดจึงไม่บอกข้าเล่า ข้าน่ะยินดีสนองเจ้าเสมอ"
"ปากท่านนี่มัน!!! เหอะ ท่านฝันไปเถิด ต่อให้ข้าเป็นหม้ายแก่ตายไร้สามี ข้าก็ไม่มีวันหลับนอนกับท่าน!!!"
"ปากดีนักนะ!!!"
"หลี่... อื้ออออออ!!!"
เขาจูบนางอีกแล้ว!!! คนบ้า!!!
หลี่รั่วหานจูบนางอย่างบ้าคลั่ง จ้าวไป๋ลู่ร่างกายอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงต่อต้านเขา หลี่รั่วหานผละริมฝีปากของเขาออกจากริมฝีปากของนาง ก่อนจะจ้องมองนางด้วยแววตาที่สับสน
เหตุใดยามที่ได้ยินวาจาถากถางของนางและริมฝีปากบางสวยของนางเขาจึงรู้สึกแปลกประหลาดเช่นนี้
เขากับหนิงเสวี่ยมิเคยใกล้ชิดกันเช่นนี้เลยสักครั้ง!
แต่ กับนาง..
เขาค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้าไปหานางอีกคราเพื่อหวังจะช่วงชิงความหอมหวานจากริมฝีปากของนางอีกสักครั้ง แต่ทว่า
โป๊ก!!!
นางกระแทกศีรษะของนางมาที่หน้าผากของเขาอย่างเต็มแรง
"อ๊าาาา!!! จ้าวไป๋ลู่!!!"
"สมน้ำหน้า บ้ากามดีนัก คนเจ้าชู้มากรัก!!!"
"ด่าข้าหรือ!!! เหอะ ข้าจะไม่กินอาหารที่เจ้าทำเด็ดขาด"
"ไม่กินก็ไม่ต้องกิน!!!"
นางเดินสะบัดสะโพกออกไปจากกระโจมด้วยความโมโห ก่อนจะหยุดยืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ แล้วยกมือขึ้นมาทาบที่หน้าอกข้างซ้ายของตนคราหนึ่ง
เหตุใดใจข้าจึงเต้นแรงถึงเพียงนี้เล่า
เหอะ!!! ผู้ใดจะไปชอบจอมมารหลี่กัน!!!
ด้านหลี่รั่วหานที่หิวจนตาลาย กว่าจะรู้ตัวอาหารตรงหน้าก็ถูกเขากินจนหมดเกลี้ยงไปเสียแล้ว
บัดซบ!!! หากนางมาเห็นต้องเยาะเย้ยเขาแน่
หลี่รั่วหาน ฮ่า ๆ ๆ ๆ เจ้ากินของข้า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ภาพที่จ้าวไป๋ลู่หัวเราะเยาะลอยมาในสมองของหลี่รั่วหานจนเขาขนลุกขนชัน
บัดซบ!!! หน้าเหมือนผีเลย
เอาเถิด!!! บอกว่าหมากินไปก็แล้วกัน
แต่แถวนี้ไม่มีหมา?
บัดซบ!!! ข้ากินก็คือข้าเป็นหมาหรือ
โว้ยยย!!! เพราะเด็กผีนั่นคนเดียวทำให้ข้าสับสนเช่นนี้!!!
หวังเจียหมิ่นเดินถือกล่องใส่อาหารไว้ในมือ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนวัดไป๋หม่า เขาทำเช่นนี้มาร่วมปี เขาเองก็เต็มใจทำโดยไม่เคยปริปากบ่นแม้เพียงน้อยเสียงกวาดพื้นดังมาเป็นระยะ หวังเจียหมิ่นจ้องมองสตรีตรงหน้าที่ยามนี้นางเกล้าผมอย่างเรียบร้อย สวมเพียงเสื้อผ้าธรรมดา กำลังถือไม้กวาดกวาดใบไม้อย่างตั้งใจนางคือหลี่หลานฮวา หรือก็คือ หนิงเสวี่ย นั่นเอง นางเสียสติอยู่ร่วมปี กว่าจะทำใจยอมรับเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่นางจะยอมรับว่านางกับหลี่รั่วหานเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน และไม่ง่ายเลยกว่านางจะยอมรับว่าสตรีที่นางเกลียดชังนักหนา แท้จริงแล้วคือมารดาผู้ให้กำเนิดนาง แม้จะเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก แต่ในท้ายที่สุดนางก็ทำใจยอมรับมันได้ แม้จะต้องใช้เวลาบ้างก็ตาม นางอุทิศตัวให้พระโพธิสัตว์ ชาตินี้จะขอสร้างบุญเพื่อไถ่บาปกรรมที่นางเคยทำเอาไว้ทั้งหมด แม่ทัพใหญ่หลี่ องค์หญิงหงลี่และหลี่รั่วหานยังคงมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ พวกเขายังคงพูดกับนางเหมือนเช่นทุกครา ว่ายังรอวันที่นางจะยินดีกลับจวนโหวอีกครั้ง ซึ่งนางเองก็ยังไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อใดนางรู้สึกผิดต่อทุกคน ด้วยความรู้สึกผิดในใจนางจึงเล
จ้าวไป๋ลู่ยื่นน้ำตาลก้อนหนึ่งให้หลี่รั่วหานเพื่อให้เขาใช้แก้อาการแสบร้อนในปาก เขารีบยัดน้ำตาลก้อนนั้นเข้าปากทันที ยามนี้ปากของเขาบวมราวกับโดนฝูงผึ้งรุมต่อย สร้างความขบขันให้แก่นางไม่น้อย "หลี่รั่วหาน" "หืม" "ท่านพ่อท่านแม่ข้าบอกข้าว่า พวกเขาชอบท่านมาก" "จริงหรือ?" "จริงสิ แต่จะให้ข้ากลับเข้าจวนไปง่าย ๆ ก็คงจะไม่ดีเท่าใดนัก" "จ้าวไป๋ลู่ เรามาแต่งงานกันอีกรอบเถิด!!!" "ท่านว่าอย่างไรนะ" "ข้าจะแต่งงานกับเจ้าอีกรอบ เรามาแต่งงานกันเถอะ" "หลี่รั่วหาน ท่านแน่ใจแล้วหรือ ว่าจะแต่งกับข้าอีกครั้ง" "แน่ใจสิ""หากข้าไม่ได้อ่อนโยนเหมือนแต่ก่อนเล่า ไม่ใช่คนที่ท่านสามารถเอาเปรียบได้เช่นแต่ก่อนอีกเล่า" "ข้าก็ยังยืนยันที่จะแต่งกับเจ้าเช่นเดิม" "ท่านจะไม่โกหกข้า ไม่ทำร้ายข้าอีกครั้งใช่หรือไม่" "ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้ากับลูกเสียใจอีกเป็นอันขาด" "หากท่านผิดสัญญา ข้าจะไม่กลับไปหาท่านอีก" "ห้าปีที่ข้ารอเจ้า มันเป็นบทเรียนชั้นดีที่สอนข้าอย่างสาหัสแล้วจ้าวไป๋ลู่" "ตกลง เช่นนั้นข้าจะแต่งงานกับท่านอีกครา" "จริงหรือ เจ้าพูดจริงหรือ!!!" "หน้าข้าเหมือนคนโกหกหรือ?" "ก็ข้าคิดว่าเจ้า..." "หุบปาก!!!"
จวนตระกูลจ้าวหลี่รั่วหานมาตามที่ตกลงกับจ้าวไป๋ลู่เอาไว้ ยามนี้เขากำลังนั่งตัวเกร็งอยู่ที่ห้องโถงด้านในจวนตระกูลจ้าว อดทนกับสายตากดดันของจ้าวเยียน ฮูหยินหลิวอิ๋ง และจ้าวเฉียน ที่มองเขาด้วยแววตาที่เย็นเยียบแต่เพื่อนางกับลูกเขายอม จ้าวเยียนปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "ซื่อจื่อ ท่านแน่ใจแล้วหรือ ที่จะลดตัวลงมาหาพวกเรา" "แน่ใจขอรับ ข้าเต็มใจทำทุกสิ่งเพื่อจ้าวไป๋ลู่กับลูก" "ก็ดี ท่านทำอาหารเป็นหรือไม่ แม่ครัวเก่าเพิ่งจะลาออกไป ฮูหยินข้ากำลังอยากได้ลูกมือทำครัวอยู่พอดี" "ได้เลยขอรับ" ฮูหยินหลิวอิ๋งปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดถึงจดหมายที่องค์หญิงหงลี่ส่งมาให้นาง ในจดหมายเขียนเอาไว้ว่า จัดการให้หนัก! ยามนี้นางกับองค์หญิงหงลี่ปรับความเข้าใจกันด้วยดีแล้วหลี่รั่วหานเดินตามฮูหยินหลิวอิ๋งเข้ามาในโรงครัว ก่อนจะจ้องมองนางที่กำลังหยิบมีดคมขึ้นมาถือเอาไว้ ในใจของเขาก็รู้สึกเย็นวาบแปลก ๆ "มีดนี่คมมาก ข้าใช้มันหั่นเนื้อเป็นประจำ เป็นมีดประจำตัวของข้า เดิมทีข้าอยากส่งต่อมันให้กับจ้าวไป๋ลู่ ซื่อจื่อท่านรู้หรือไม่ว่า เหตุใดข้าจึงอยากส่งต่อมีดนี้ให้บุตรสาวของข้า"
ยามนี้เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในความสงบแล้ว ทุกคนกลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเช่นเคย และมีเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ เซียวถงกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับสวีลั่วลั่ว ทั้งสองพบรักกันเมื่อหนึ่งปีก่อนจ้าวไป๋ลู่ยินดีกับทั้งสองเป็นอย่างมาก และนางดีใจที่เซียวถงจะมีสตรีที่ดีพร้อมมาคอยดูแลเสียที ส่วนนางเองก็ยังไม่ได้ใจอ่อนกับหลี่รั่วหาน แม้ว่าเขาจะพยายามตามง้อนางก็ตาม ยามนี้จ้าวหยางอายุได้สี่ขวบปีแล้ว เป็นวัยที่กำลังช่างพูดช่างคุย บางคราเขาตื่นมาชวนนางคุยกลางดึกก็เคยทำมาแล้ว วันนี้เป็นวันมงคลของเซียวถงและสวีลั่วลั่ว จ้าวไป๋ลู่พาจ้าวหยางไปร่วมงานในครานี้ด้วย งานเลี้ยงจัดอย่างยิ่งใหญ่ ผู้คนต่างมาร่วมยินดีกับบ่าวสาวกันมากมายจ้าวไป๋ลู่มองดูเซียวถงกับสวีลั่วลั่วที่หยอกล้อกันตามประสาคู่แต่งงานก็เผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย งานแต่งของนางไม่เคยมีความทรงจำเหล่านี้อยู่เลยแม้แต่น้อย "ไป๋ไป๋" จ้าวไป๋ลู่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพบหลี่รั่วหานที่เดินมาพร้อมกับหลัวเทียนเฉิน นางเพียงมองเขาแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา "แม่นางไป๋ไป๋ ดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครา" "ใต้เท้าหลัว" "อย่าเรียกบ่อย ข้ากลัวจะตกหลุมรักเจ้
เว่ยจิ่นซางหยิบยาพิษออกมาจากในอกเสื้ออีกขวดหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาองค์หญิงหงลี่ช้า ๆ "ตายซะเถอะ ในที่สุดข้าก็ล้างแค้นได้สำเร็จสักที" ฉึก! ยังไม่ทันที่เว่ยจิ่นซางจะสังหารองค์หญิงหงลี่ได้สำเร็จ มีดเล่มหนึ่งก็แทงเข้ามาที่แผ่นหลังของนางทะลุมาที่หน้าท้อง เมื่อนางหันกลับไปช้า ๆ จึงได้พบว่าเป็นฝีมือของหนิงเสวี่ย "นะ!!! นังชั่ว นังเนรคุณ!!!" "ฮือออออ" หนิงเสวี่ยแทงมีดจนสุดด้าม ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งบนพื้นแล้วปิดหน้าร้องไห้โฮออกมาอย่างเจ็บปวดเว่ยจิ่นซางตกตายด้วยมีดเล่มนั้นของหนิงเสวี่ย"ท่านแม่!!!"ด้านนอกมีเสียงการต่อสู้ดังขึ้น ก่อนจะมีคนเปิดประตูพุ่งเข้ามา เป็นหลี่รั่วหานนั่นเอง เขามองสภาพศพของเว่ยจิ่นซางที่นอนตายอยู่บนพื้นดวงตาเบิกกว้าง ข้าง ๆ กันมีหนิงเสวี่ยที่นั่งร้องไห้อยู่ เขาไม่มีเวลาสนใจหนิงเสวี่ยมากนัก เขารีบวิ่งเข้าไปแก้มัดให้องค์หญิงหงลี่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาจ้าวไป๋ลู่และลูกที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ข้าง ๆ กัน"ไป๋ไป๋!!!" "นางสลบไม่ได้สติมาหลายชั่วยามแล้ว" เสียงของหลี่รั่วหานปลุกหนิงเสวี่ยให้ตื่นจากความสับสนและหวาดกลัวในจิตใจ นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองเขาช้า ๆ เมื่อเขาหันมาส
นางกรอกยาพิษทั้งที่มือก็สั่นไม่น้อย ยิ่งได้เห็นแววตาที่แข็งกระด้างขององค์หญิงหงลี่ที่มองมา มือนางก็สั่นมากยิ่งขึ้น จนทำยาพิษหกลงพื้นไปเสียดื้อ ๆ องค์หญิงหงลี่กินยาพิษนั้นไปไม่ถึงครึ่งขวดด้วยซ้ำ แต่นางก็กระอักโลหิตสีดำออกมาไม่น้อย เว่ยจิ่นซางที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะสะใจออกมาอย่างบ้าคลั่ง แปะ แปะ แปะ หนิงเสวี่ยกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะหันไปมองเว่ยจิ่นซาง "ท่านแม่" เว่ยจิ่นซางหันมามองหนิงเสวี่ยด้วยสายตาที่เย็นชา "ผู้ใดเป็นแม่เจ้ากัน?" "เอ๋? ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงเอ่ยวาจาเช่นนี้เจ้าคะ ข้าไม่เข้าใจ" เว่ยจิ่นซางปรายตามองหนิงเสวี่ยอย่างดูแคลน แววตาที่เคยมองนางประดุจลูกในไส้ แววตาที่อ่อนโยนเลือนหายไปจนหมดสิ้น ยามนี้มีเพียงความเกลียดชังเข้ามาแทนที่ นางทุ่มเทแรงกายแรงใจ รอเวลานี้มานานเหลือเกิน นางรอจนกระทั่งถึงวันนี้!!! "ฮ่า ๆ ๆ ๆ การได้มองเห็นบุตรสาวกำลังฆ่ามารดาของตนเองกับมือ ช่างเป็นภาพที่งดงามเสียจริง ๆ" เว่ยจิ่นซางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข หนิงเสวี่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ด้านองค์หญิงหงลี่ที่ได้ยินเว่ยจิ่นซางเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา ใจของนางก็เต้นแรงอย่างบ