หนทางจากเมืองหลวงไปยังหมู่บ้านชนบทใช้เวลาเดินทางร่วมสิบวัน ระหว่างทางที่พัก จ้าวไป๋ลู่และหมิงอวี้สาวใช้ข้างกาย จะช่วยกันจัดเตรียมอาหารอย่างใส่ใจเสมอ
การเดินทางครานี้มีท่านพ่อและพี่ชายของนางติดตามมาด้วย อีกทั้งยังมีเซียวถงตามมาด้วยเช่นเดียวกัน
"ฮูหยินน้อยเจ้าคะ พักก่อนเถิดเจ้าค่ะ ท่านเพิ่งจะเดินทางมาถึง คงจะเหนื่อยล้ามิใช่น้อย"
จ้าวไป๋ลู่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด นางมองดูบรรยากาศโดยรอบของหมู่บ้านชนบทก่อนจะถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง เดิมทีนางมิอยากติดตามหลี่รั่วหานมา แต่เมื่อได้มาเห็นสภาพตรงหน้าความคิดของนางก็พลันเปลี่ยนไป
ช่างน่าเวทนายิ่งนัก ต้นไม้ใบหญ้าแห้งเฉาเหี่ยวตาย เด็กและคนชราผอมโซเสียจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
"ข้าติดตามมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือซื่อจื่อ มิได้มาพักผ่อนสบายใจ เจ้าจงเร่งรีบไปที่โรงครัว ข้าจะทำอาหารให้มากเสียหน่อย"
"เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย"
หมิงอวี้รับคำก่อนจะรีบเร่งไปที่โรงครัว เพื่อให้เหล่าทหารช่วยตระเตรียมโรงครัวให้พร้อม เมื่อจ้าวไป๋ลู่มาถึง นางก็จัดการปรุงอาหารทันทีอย่างไม่รอช้า
โชคดีที่ระหว่างการเดินทางมีการหยุดพัก ทำให้นางเก็บผักป่ามาได้จำนวนไม่น้อย แม้มันจะไม่สดใหม่เท่าใดนัก แต่ก็ดีกว่าไม่มีสิ่งใดทำอาหาร นางเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบไม่น้อย ก่อนเดินทางจึงนำเสบียงติดตัวมาด้วย
"ไป๋ไป๋ของพ่อ เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่หรือ"
"ท่านพ่อ พี่ใหญ่"
จ้าวไป๋ลู่หันไปส่งยิ้มให้ท่านพ่อและพี่ชายของนาง ก่อนจะเอ่ยตอบ
"ข้าทำโจ๊กข้าว และซุปผักเต้าหู้ กับมันฝรั่งผัดเจ้าค่ะ วัตถุดิบที่นี่ค่อนข้างน้อย โชคดีที่ข้าเตรียมมาจากจวนโหวด้วย จึงพอมีวัตถุดิบให้ได้ปรุงอาหารมากหน่อย"
"หากขาดเหลือสิ่งใดมาแจ้งพ่อกับพี่ใหญ่เจ้าได้นะ โธ่ ไป๋ไป๋ของพ่อ เจ้าต้องมาลำบากแท้ ๆ"
"ลำบากที่ใดกันเจ้าคะ ข้าเต็มใจ ท่านพ่อดูชาวบ้านเหล่านั้นสิเจ้าคะ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก"
"ไป๋ไป๋ของพ่อจิตใจดีที่สุด"
"คิกคิก อาหารใกล้เสร็จแล้ว ท่านพ่อช่วยหาคนมาตักอาหารแจกจ่ายเหล่าชาวบ้านทีนะเจ้าคะ ข้าจะนำอาหารไปให้ซื่อจื่อที่กระโจมก่อน"
"ได้เลย เอ่อ ไป๋ไป๋ช้าก่อน พ่อมีบางเรื่องจะบอกเจ้า"
"เอ๋ เรื่องใดหรือเจ้าคะ"
จ้าวเยียนยกยิ้มกริ่มก่อนจะกวักมือเรียกบุตรสาวและบุตรชายของตนเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกับเอ่ยขึ้นมา
"เพราะน้ำแกงสะท้านฟ้าของเจ้า ยามนี้ท่านแม่ของเจ้าร้องหาพ่อทั้งวัน ฮ่า ๆ ๆ ฮี่ ๆ ๆ โฮ่ ๆ ๆ ๆ!!!"
"จริงหรือ เจ้าคะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ!!!"
"เรื่องจริง พี่ใหญ่เห็นกับตาฮ่า ๆ ๆ โฮ่ ๆ ๆ ฮิ ๆ ๆ ฮิ้ว ๆ ๆ"
ภาพที่สามพ่อลูกพากันสุมหัวหัวเราะขบขันทำให้เหล่าทหารที่ได้เห็นต่างมองหน้ากันอย่างงวยงง
หรือจะประสาทไม่ดีทั้งครอบครัว?
ไม่ไกลมากนัก ภาพรอยยิ้มกระจ่างใสราวดอกไม้แรกแย้มของจ้าวไป๋ลู่ ได้ประทับอยู่ในจิตใจของบุรุษหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งเข้าเสียแล้ว
หลัวเทียนเฉิน
เขาเป็นบุตรชายของท่านเสนาบดีกรมขุนนาง บิดาของเขามีอำนาจในการสั่งย้ายหรือปลดขุนนางผู้กระทำความผิด ความเที่ยงตรงและซื่อสัตย์ของบิดาเป็นที่เคารพนับถือในเหล่าขุนนางด้วยกันเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนเขาเป็นหัวหน้าองครักษ์มังกรพยัคฆ์ สังกัดขึ้นตรงกับฮ่องเต้ คอยสอดส่องความเป็นไปของเหล่าขุนนางทุกระดับชนชั้น อีกทั้งยังสามารถลงโทษหรือสังหารผู้ที่เป็นภัยต่อราชวงศ์ได้ในทันทีอีกด้วย
หน่วยมังกรพยัคฆ์แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรก คือฝ่ายทหารสามกองพลใหญ่ซึ่งมีหน้าที่รักษาบ้านเมือง โดยมีบิดาของหลี่รั่วหานเป็นแม่ทัพใหญ่คุมทหารเจ็ดแสนนายเอาไว้ในมือ
ส่วนหน่วยองครักษ์มังกรพยัคฆ์ของเขา มีหน้าที่สืบสวนสอบสวน จับคนร้ายผู้กระทำความผิดมาเข้าคุกหลวง และลงโทษนักโทษได้ อีกทั้งยังเป็นสายลับคอยทำงานใหญ่ให้ฮ่องเต้อีกด้วย
หลัวเทียนเฉินจ้องมองรอยยิ้มของนางเนิ่นนาน ก่อนจะครุ่นคิดในใจ
ได้ยินมาว่าการเดินทางครานี้มีฮูหยินน้อยจวนโหวติดตามมาด้วย เห็นทีคงจะเป็นนางกระมัง
ภรรยาของหลี่รั่วหาน?
ไม่ใช่หนิงเสวี่ยหรอกหรือ?
เขาเคยพบกับหนิงเสวี่ยหลายครา นางเป็นคนรักของหลี่รั่วหาน อีกทั้งยังเคยติดตามบิดาเข้าร่วมงานเลี้ยงในวังอยู่บ่อยครั้ง
ด้านจ้าวไป๋ลู่ที่ตระเตรียมอาหารให้หลี่รั่วหานเรียบร้อยแล้ว จึงสั่งให้หมิงอวี้ยกอาหารตามนางมาที่กระโจม ระหว่างทางนางได้พบกับหลัวเทียนเฉินพอดี ด้วยไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ใด แต่ดูจากการแต่งกายแล้ว คงจะมีตำแหน่งสูงไม่น้อย นางจึงทำความเคารพเขาอย่างนอบน้อม
"แม่นางไม่ต้องมากพิธี ข้ามีนามว่าหลัวเทียนเฉิน เป็นหัวหน้าองครักษ์มังกรพยัคฆ์ เพียงผ่านมาตรวจงานเท่านั้น"
"อ้อ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ ไม่รบกวนเวลาของใต้เท้าแล้ว"
"ไม่รบกวนเลยแม้แต่น้อย สำหรับข้าย่อมมีเวลาให้สตรีที่งดงามเช่นฮูหยินน้อยเสมอ"
วาจาของหลัวเทียนเฉินทำให้จ้าวไป๋ลู่ถึงกับเลิ่กลั่ก นางหันไปมองหมิงอวี้คราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
ให้ตายเถิด!!! ความสวยของข้านี่มัน!!!
ใจเย็น ๆ ไป๋ไป๋ เจ้ามีสามีแล้ว แม้สามีของเจ้าจะมีสุนัขอยู่เต็มปาก แต่เจ้าก็ต้องให้เกลียดเขา
ให้เกลียดนะมิใช่ให้เกียรติ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ
"ใต้เท้าหลัวกล่าวเกินไปแล้ว ข้าเป็นเพียงสตรีที่แต่งงานแล้ว จะงดงามที่ใดกัน ข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ"
"เชิญแม่นางคนงาม"
"เจ้าค่ะ"
"ช้าก่อนแม่นาง"
"เอ๋?"
"หากอยากหย่าสามี ให้นึกถึงข้าเป็นคนแรก ข้ายังไร้ภรรยา"
เขาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะยิ้มตาหยีและเดินจากไป
ภาพทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของหลี่รั่วหาน เขาหิวจนตาลาย รอแล้วรอเล่านางก็ยังไม่มาเสียที จึงคิดจะเดินออกมาดูที่หน้ากระโจม
แต่ภาพที่เห็นเสียงที่เขาได้ยินกลับเป็น...
หากอยากหย่าสามี...
บัดซบเจ้าหลัวเทียนเฉินสารเลวนั่น!!!
เขากับหลัวเทียนเฉินเป็นคู่แข่งกันมาตลอด ข้าชนะเจ้าแพ้ ข้าไม่แพ้เจ้าต้องแพ้ เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด
จ้าวไป๋ลู่เดินเข้ามาในกระโจมก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นว่าหลี่รั่วหานยืนจ้องนางเขม็ง นางรีบให้หมิงอวี้วางสำรับลงบนโต๊ะก่อนจะให้นางรีบออกไปจากกระโจมเสีย
"สำรับยามเย็นเจ้าค่ะซื่อจื่อ"
"หึ!!! เจ้านี่ระริกระรี้จริงนะ!!!"
"เอ๋?"
"เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้าสนทนากับหลัวเทียนเฉิน หน้านี่ยิ้มบานเชียว ทำไมหรือ!!! อยากเป็นฮูหยินหัวหน้าองครักษ์มังกรพยัคฆ์หรือ!!!"
จ้าวไป๋ลู่เริ่มหมดความอดทนแล้ว นางทำอาหารมาเหนื่อย ๆ ตั้งใจรีบยกมาให้เขากิน แต่กลับมาถูกเขาต่อว่าเช่นนี้
นางโมโหแล้วนะ!!!
"ก็ดีนะเจ้าคะ มีสามีเป็นองครักษ์ตำแหน่งสูง ผู้ใดบ้างจะไม่ชอบ เขาทั้งเอ่ยวาจาไพเราะ อีกทั้งยังรอข้าหย่ากับท่านอีกด้วย!!! อ้อ เขาจับคนร้ายได้ด้วยนี่ หากได้เขาเป็นสามีข้าก็จะได้ให้เขาจับสุนัขในปากท่านออกมาสับเป็นชิ้น ๆ เสีย!!!"
"จ้าวไป๋ลู่เจ้าช่างกล้า!!! ได้!!! ข้าหย่ากับเจ้าแน่!!!"
"หย่าเลยสิเจ้าคะ!!! ข้าจะได้ไปหาสามีใหม่ ข้าไม่สนหรอก ข้ากับท่านมิได้เป็นอันใดกันเสียหน่อย!!!"
"อย่ายั่วโทสะข้า"
"ท่านสิยั่วโทสะข้า!!!"
"ข้าโมโหแล้วนะ!!!"
"นี่ท่านปล่อยข้านะ!!!"
หลี่รั่วหานกระชากเอวบางของจ้าวไป๋ลู่มากอดเอาไว้ ก่อนจะแสยะยิ้มจ้องมองนางคราหนึ่ง
"หากเจ้าอยากมากเหตุใดจึงไม่บอกข้าเล่า ข้าน่ะยินดีสนองเจ้าเสมอ"
"ปากท่านนี่มัน!!! เหอะ ท่านฝันไปเถิด ต่อให้ข้าเป็นหม้ายแก่ตายไร้สามี ข้าก็ไม่มีวันหลับนอนกับท่าน!!!"
"ปากดีนักนะ!!!"
"หลี่... อื้ออออออ!!!"
เขาจูบนางอีกแล้ว!!! คนบ้า!!!
หลี่รั่วหานจูบนางอย่างบ้าคลั่ง จ้าวไป๋ลู่ร่างกายอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงต่อต้านเขา หลี่รั่วหานผละริมฝีปากของเขาออกจากริมฝีปากของนาง ก่อนจะจ้องมองนางด้วยแววตาที่สับสน
เหตุใดยามที่ได้ยินวาจาถากถางของนางและริมฝีปากบางสวยของนางเขาจึงรู้สึกแปลกประหลาดเช่นนี้
เขากับหนิงเสวี่ยมิเคยใกล้ชิดกันเช่นนี้เลยสักครั้ง!
แต่ กับนาง..
เขาค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้าไปหานางอีกคราเพื่อหวังจะช่วงชิงความหอมหวานจากริมฝีปากของนางอีกสักครั้ง แต่ทว่า
โป๊ก!!!
นางกระแทกศีรษะของนางมาที่หน้าผากของเขาอย่างเต็มแรง
"อ๊าาาา!!! จ้าวไป๋ลู่!!!"
"สมน้ำหน้า บ้ากามดีนัก คนเจ้าชู้มากรัก!!!"
"ด่าข้าหรือ!!! เหอะ ข้าจะไม่กินอาหารที่เจ้าทำเด็ดขาด"
"ไม่กินก็ไม่ต้องกิน!!!"
นางเดินสะบัดสะโพกออกไปจากกระโจมด้วยความโมโห ก่อนจะหยุดยืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ แล้วยกมือขึ้นมาทาบที่หน้าอกข้างซ้ายของตนคราหนึ่ง
เหตุใดใจข้าจึงเต้นแรงถึงเพียงนี้เล่า
เหอะ!!! ผู้ใดจะไปชอบจอมมารหลี่กัน!!!
ด้านหลี่รั่วหานที่หิวจนตาลาย กว่าจะรู้ตัวอาหารตรงหน้าก็ถูกเขากินจนหมดเกลี้ยงไปเสียแล้ว
บัดซบ!!! หากนางมาเห็นต้องเยาะเย้ยเขาแน่
หลี่รั่วหาน ฮ่า ๆ ๆ ๆ เจ้ากินของข้า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ภาพที่จ้าวไป๋ลู่หัวเราะเยาะลอยมาในสมองของหลี่รั่วหานจนเขาขนลุกขนชัน
บัดซบ!!! หน้าเหมือนผีเลย
เอาเถิด!!! บอกว่าหมากินไปก็แล้วกัน
แต่แถวนี้ไม่มีหมา?
บัดซบ!!! ข้ากินก็คือข้าเป็นหมาหรือ
โว้ยยย!!! เพราะเด็กผีนั่นคนเดียวทำให้ข้าสับสนเช่นนี้!!!
จ้าวไป๋ลู่อารมณ์เสียแล้ว นางจึงเดินมาทิ้งตัวนั่งที่สะพานไม้แห่งหนึ่ง ก่อนจะมองดูที่ใต้สะพาน ยามนี้น้ำแห้งเหือดจนเห็นได้ชัด ภัยแล้งช่างรุนแรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ"น้องสาว เหตุใดจึงมานั่งคนเดียวเล่า" "พี่เซียวถง" จ้าวไป๋ลู่เงยหน้าไปมองเซียวถงที่กำลังเดินมาหานาง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างกายนาง พร้อมกับยื่นสาลี่มาให้นางผลหนึ่ง จ้าวไป๋ลู่รับมันมาก่อนจะกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย ความหวานและฉ่ำน้ำจากผลสาลี่ทำให้นางรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างยิ่ง "เขาดีต่อเจ้าหรือไม่?" "เอ๋?" "สามีเจ้าน่ะ เขาดีต่อเจ้าหรือไม่?" เซียวถงเอ่ยถามจ้าวไป๋ลู่ด้วยความห่วงใย ตั้งแต่นางแต่งเข้าจวนโหว เขาก็พยายามทำใจมาตลอด ถึงขนาดเกือบจะออกบวช แต่เพราะท่านพ่อท่านแม่ห้ามปรามเอาไว้เขาจึงไม่ได้ทำเช่นนั้น "ดีเจ้าค่ะ" "จริงหรือ แต่ข้าได้ยินมาว่าเขามีคนรักอยู่ก่อนแล้ว" คำพูดนี้ของเซียวถงทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวไป๋ลู่เลือนรางลงไปเล็กน้อย นางไม่ได้เอ่ยเรื่องข้อตกลงระหว่างหลี่รั่วหานให้เซียวถงฟังเพราะคิดว่าไม่จำเป็นเท่าใดนัก "ข้าแต่งเป็นภรรยาของเขาแล้ว อีกอย่างแม่สามีก็รักและเอ็นดูข้าไม่น้อย ขอบคุณพี่ชายที่เป็นห่วง" "ไป๋ไป๋ หากย
เพราะสายน้ำที่พัดมาอย่างรุนแรงและเชี่ยวกราก ทำให้หลัวเทียนเฉินและเซียวถงมิอาจส่งทหารออกติดตามหลี่รั่วหานและจ้าวไป๋ลู่ได้ในยามนี้ ด้านจ้าวเยียนและจ้าวเฉียน บิดาและพี่ชายของจ้าวไป๋ลู่ก็ร้อนใจจนแทบจะกระโดดลงน้ำไปตามหาบุตรสาวของตนแล้ว สายฝนตกโหมกระหน่ำราวกับฟ้ารั่ว ยามนี้จ้าวไป๋ลู่เริ่มอ่อนแรงลงไปทุกขณะ นางพยายามประคองสติของตนเองเอาไว้ มือของนางกอดรัดหลี่รั่วหานเอาไว้แน่น หลี่รั่วหานนั้นเป็นทหาร ร่างกายของเขาย่อมกำยำแข็งแรงกว่าจ้าวไป๋ลู่ที่เป็นสตรี ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลแรงทั้งคู่ลอยมาติดที่ริมฝั่งซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งยืนต้นตระหง่านอยู่ หลี่รั่วหานไม่รอช้าเขารีบพานางขึ้นมาบนฝั่งด้วยความเหนื่อยหอบ "แค่ก แค่ก!!!" "จ้าวไป๋ลู่ เจ้าไหวหรือไม่!!!" "ไหวเจ้าค่ะ น้ำแรงมากข้าแทบหมดแรงแล้ว!!!" ทั้งสองนั่งพิงที่โคนต้นไม้ใหญ่พลางหายใจด้วยความเหนื่อยหอบ จนกระทั่งหลี่รั่วหานพอจะประคองตนเองลุกขึ้นมาได้บ้าง เขามองดูเสื้อผ้าที่เปียกโชกและสายฝนที่โหมกระหน่ำก็ครุ่นคิดในใจ หากปล่อยเอาไว้เช่นนี้เขากับนางต้องป่วยตายเป็นแน่!!! หลี่รั่วหานมองไปโดยรอบ แถวนี้มีเพียงป่าขนาดใหญ่รายล้อมไปหมด เขากับนางลอยมาติ
เหล่าโจรป่าถือว่ามีการระแวดระวังตนไม่น้อย พวกมันพุ่งทะยานมาล้อมหลี่รั่วหานและจ้าวไป๋ลู่เอาไว้ ดวงตาของพวกมันเปล่งประกายเมื่อมองเห็นสตรีใบหน้างดงามตรงหน้า ยามนี้เสื้อผ้าของนางเปียกชื้นจึงทำให้มองเห็นสัดส่วนที่เย้าตายวนใจได้อย่างชัดเจน พวกมันแลบลิ้นเลียริมฝีปากตนพร้อมกับแสดงสีหน้าหื่นกระหาย สายตาของพวกมันจ้องมองแทะโลมจ้าวไป๋ลู่อย่างไม่ปิดบัง จ้าวไป๋ลู่จับชายแขนเสื้อของหลี่รั่วหานเอาไว้แน่น หลี่รั่วหานใช้มือดันนางไปอยู่ที่ด้านหลังของเขา ดวงตาคมจ้องมองเหล่าโจรป่าพวกนั้นอย่างเย็นชา "ส่งสตรีน้อยนางนั้นมาแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป" หนึ่งในโจรป่าเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่อำมหิต หลี่รั่วหานที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มมุมปากคราหนึ่ง ในขณะที่จ้าวไป๋ลู่ในยามนี้ใบหน้าของนางซีดเผือดไร้สีเลือดอย่างเห็นได้ชัด หากเขามอบนางให้พวกมันจริง ๆ เล่า! "พวกเจ้าอยากได้ตัวนางจริง ๆ หรือ?" หลี่รั่วหานเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่กลั้วหัวเราะ รอยยิ้มร้ายกาจของเขาราวกับปีศาจที่หลุดออกมาจากการคุมขัง "หากพวกเจ้าอยากได้นางจริง ๆ ข้าก็ยินดียกนางให้กับพวกเจ้า" "ซื่อจื่อ!!!" จ้าวไป๋ลู่ตื่นตระหนกจนมือไม้สั่น นางคลายมือออกจากการเกาะก
ท่ามกลางสายฝนที่ตกโปรยปรายลงมาอีกครา ทำให้อากาศในยามนี้ค่อนข้างเหน็บหนาวไม่น้อย แต่ทว่าร่างกายของหลี่รั่วหานและจ้าวไป๋ลู่กลับร้อนระอุตรงข้ามกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นเป็นอย่างยิ่งยามนี้คนทั้งสองเข้ามาหลบในเรือนไม้หลังนั้นที่เหล่าโจรสร้างทิ้งเอาไว้ คนทั้งสองนั่งหันหลังชนกัน มีบางคราที่จ้าวไป๋ลู่ขยับกายหลี่รั่วหานก็จะสะดุ้งเป็นพัก ๆ บัดซบ!!! เขากับนางกินยาปลุกกำหนัดเข้าไป ในน้ำเต้าขวดนั้นผสมยาปลุกกำหนัดเอาไว้!!! พวกมันนำยานี้มาใช้กับผู้ใดกันในกลางป่าลึกเช่นนี้!!! "ซื่อจื่อ ข้าร้อนเจ้าค่ะ" "เจ้าอย่าขยับสิ!!! บัดซบ!!!" มันแข็ง!!! แข็งจนเขาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว หลี่รั่วหานพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตนเองเอาไว้ ยานี้แรงยิ่งนัก เขาสั่นสะท้านไปทั้งกายแล้ว "ซื่อจื่อ" "อย่าหันมา หน้าอกเจ้าถูกแขนข้า!!! โอ้วววว" ไม่ไหวแล้วโว้ย!!! "ซื่อจื่อ" "หยุดเรียกสักที!!! จ้าวไป๋ลู่ เจ้าทำเช่นไรก็ได้ให้ตัวเจ้ารู้สึกดีขึ้น" "เอ๋?"จ้าวไป๋ลู่หันมามองเขาด้วยความสงสัย ใบหน้างามยามนี้แดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด หลี่รั่วหานเบือนหน้าหนีทันที เขาไม่รู้ว่าจะบอกนางเช่นใดดี!!! เจ้าใช้มือแหย่...อืมม!!! มันจะไม่ดีเอาน
เมื่อจัดการสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลี่รั่วหานและจ้าวไป๋ลู่จึงเดินออกมาที่นอกเรือน สายตาของคนทั้งคู่มีท่าทีกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก "อย่ามามองข้าด้วยสายตาเช่นนี้" "ข้าไม่ได้มองนะเจ้าคะ" "เหอะ!!! สมใจเจ้าแล้วสิ ที่ได้เชยชมข้า!!!" "นี่ท่าน!!!" "รีบออกเดินทาง ข้าว่าข้าคิดหาทางกลับหมู่บ้านได้แล้ว" "จริงหรือเจ้าคะ" จ้าวไป๋ลู่รีบเดินเข้าไปจับแขนเขาด้วยความดีใจ หลี่รั่วหานสะดุ้งอีกคราเพราะยามนี้หน้าอกของนางบดเบียดท่อนแขนของเขาอีกแล้ว เฮ้อ!!! ใหญ่เกินไปก็ไม่ไหว"อย่ามาแตะต้องตัวข้า" "คิดว่าข้าอยากแตะหรือเจ้าคะ" "ตามมา!!!" คนทั้งสองเดินลัดเลาะมาตามป่าเขาเรื่อย ๆ ผ่านต้นไม้น้อยใหญ่ที่ดูหนาตา ระหว่างทางนั้นหลี่รั่วหานและจ้าวไป๋ลู่ก็ได้พบกับสิ่งของบางอย่างเข้า เสื้อผ้าสตรี? เหตุใดเสื้อผ้าสตรีจึงถูกนำมาโยนทิ้งไว้กลางป่าเช่นนี้ อีกทั้งยังมีหลายชุดด้วย ทั้งสองหันมาสบตากันทันที หลี่รั่วหานเริ่มครุ่นคิดบางอย่างอีกคราหรือยาปลุกกำหนัดนั่นจะเกี่ยวข้องกับเสื้อผ้าของสตรีที่ถูกโยนทิ้งกลางป่าพวกนี้"ซื่อจื่อ!!! ฮูหยินน้อย!!!" "ไป๋ไป๋ของพ่อ!!!" เสียงร้องเรียกดังขึ้นมา ทำให้หลี
จ้าวไป๋ลู่ล้มป่วยลงและมีไข้สูงมาก โชคดีที่มีท่านหมอติดตามมาจากเมืองหลวงช่วยรักษาให้ อาการของนางจึงพอทุเลาลงไปได้บ้าง หมิงอวี้อยู่ดูแลนางทั้งคืน ด้านหลี่รั่วหานก็มาดูอาการของนางเป็นระยะ เซียวถงร้อนใจเป็นอย่างมาก เขาเดินวนไปวนมาอยู่ในกระโจมของตนเอง ก่อนจะตัดสินใจไปหาจ้าวไป๋ลู่ในทันที "คุณชายเซียว" หมิงอวี้หันมามองเซียวถง ก่อนจะส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อย เซียวถงรีบเอ่ยถามนางทันที "ไป๋ไป๋เป็นเช่นใดบ้าง" "ไข้ทุเลาลงแล้วเจ้าค่ะ แต่ยังหลับอยู่ บ่าวมิกล้าปลุก" "ช่างเถิดไม่ต้องปลุกนาง แล้วสามีนางเล่า" "เอ่อ บ่าวมิทราบเจ้าค่ะ ซื่อจื่อมาเพียงครู่เดียวก็กลับออกไปแล้วเจ้าค่ะ" เซียวถงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะในลำคอทันที จ้าวไป๋ลู่ล้มป่วยเพราะหลี่รั่วหาน แต่ยามนี้หลี่รั่วหานกลับไม่ไยดีนางแม้แต่น้อย นี่น่ะหรือที่จ้าวไป๋ลู่เคยบอกกับเขาว่าหลี่รั่วหานดีต่อนางยิ่งนัก ดีกับผีน่ะสิ!!! "เจ้าดูแลนางให้ดี ไว้ข้าจะมาเยี่ยมนางใหม่ ส่วนนี่เป็นโสมชั้นดี ข้าเอามามอบให้นาง เผื่อนางจะได้ใช้มัน" "ขอบคุณคุณชายเซียวเจ้าค่ะ" "อืม"เซียวถงพยักหน้าเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกมาจากกระโจม ดวงตาคมฉายแววเย็นชา ก
หลี่รั่วหานตัดสินใจเดินเข้าไปในเรือนใหญ่ทันที และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่จ้าวไป๋ลู่กำลังจะเดินกลับเรือนของตนเข้าพอดี ใบหน้าของนางที่มองเขายังคงยิ้มแย้ม ไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเกลียดหรือตัดพ้อเลยแม้แต่น้อย เมื่อจ้าวไป๋ลู่ออกจากเรือนไปแล้ว องค์หญิงหงลี่ก็ก้าวเดินเข้ามาหาบุตรชายของตนทันที เพียะ!!! ฝ่ามือขาวเนียนฟาดลงไปบนใบหน้าหล่อเหลาของหลี่รั่วหานจนเต็มแรง ใบหน้าของเขาขึ้นรอยแดงห้านิ้วอย่างเห็นได้ชัด"ท่านแม่" "ทำสิ่งใดอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ นับวันความหน้าไม่อายของเจ้ากับหนิงเสวี่ยจะมากเกินไปแล้ว!!! ถึงไป๋ไป๋จะไม่มาฟ้องข้า ก็อย่าคิดว่าข้าจะไม่เห็น" "เสวี่ยเอ๋อร์มิได้ทำสิ่งใดผิด!!! เหตุใดท่านแม่ต้องชิงชังนางถึงเพียงนี้!!!""นางมิได้รักเจ้าอย่างแท้จริง ยามนี้บิดาของนางเข้าออกโรงพนันราวกับจวนหลังที่สอง สิ่งที่นางรักคือสมบัติของเจ้า ข้ามองออก มีแต่เจ้าที่โง่งมตาบอดอยู่เช่นนี้!!!" "ท่านแม่รู้ได้เช่นไร?" "หึ หูตาของข้ามีมากมายเจ้าก็รู้ อีกอย่าง เว่ยจิ่นซางมารดาของนาง มีเล่ห์เหลี่ยมมากมายเสียจนเจ้าคิดไม่ถึงเป็นแน่" "ระหว่างท่านแม่กับมารดาของหนิงเสวี่ย มีสิ่งใดที่ทำให้หมางใจกันถึงเพียงนี้หรือ
"พระราชทานสมรสอย่างนั้นหรือ!!! นี่มันเรื่องอันใดกัน ท่านพี่!!!" เว่ยจิ่นซางมารดาของหนิงเสวี่ย หันไปเอ่ยถามผู้เป็นสามีด้วยท่าทีตื่นตระหนก "ฝ่าบาททรงพระเมตตา พระราชทานสมรสให้หนิงเสวี่ยและคุณชายจากตระกูลหวัง หวังเจียหมิ่น""เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร!!! ท่านพี่ ข้าวางแผนว่าจะให้หนิงเสวี่ยแต่งเข้าจวนโหว เหตุใดท่านจึงยอมรับพระราชโองการง่ายดายถึงเพียงนี้!!!" "หุบปากเสียที!!! จิ่นซาง เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ถึงแผนการของเจ้า!!!" "ท่านพี่!!!" "มีพระราชทานสมรสลงมาแล้ว อย่างไรเสียย่อมปฏิเสธไม่ได้!!!" "หึ!!! ข้าไม่ยอมให้แผนการที่ข้าทุ่มเทมาทั้งหมดสูญเปล่าเป็นแน่!!!" "อย่าทำให้ข้าเดือดร้อน!!!" "หึ!!! บอกตัวท่านเองก่อนเถิด ทำเรื่องชั่วใดไว้คิดว่าข้าไม่รู้หรือ!!!" เพียะ!!! "นี่ท่านกล้าตบข้าหรือ!!!" เสียงทะเลาะตบตีภายในเรือนนอนของผู้เป็นบิดามารดา สร้างความปวดใจให้แก่หนิงเสวี่ยเป็นอย่างยิ่ง นางรู้สึกโดดเดี่ยวเหลือเกิน ท่านพ่อท่านแม่รักแต่พี่ชาย แต่กลับมองนางเป็นแค่เครื่องมือทางการเมืองและผลประโยชน์เพียงเท่านั้นครานั้นที่ได้พบกับหลี่รั่วหาน เพียงได้มองสายตาที่เขามองตามนางแพศยานั่น นางก็พอจะรับ
หวังเจียหมิ่นเดินถือกล่องใส่อาหารไว้ในมือ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนวัดไป๋หม่า เขาทำเช่นนี้มาร่วมปี เขาเองก็เต็มใจทำโดยไม่เคยปริปากบ่นแม้เพียงน้อยเสียงกวาดพื้นดังมาเป็นระยะ หวังเจียหมิ่นจ้องมองสตรีตรงหน้าที่ยามนี้นางเกล้าผมอย่างเรียบร้อย สวมเพียงเสื้อผ้าธรรมดา กำลังถือไม้กวาดกวาดใบไม้อย่างตั้งใจนางคือหลี่หลานฮวา หรือก็คือ หนิงเสวี่ย นั่นเอง นางเสียสติอยู่ร่วมปี กว่าจะทำใจยอมรับเรื่องราวก่อนหน้านี้ได้ มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ที่นางจะยอมรับว่านางกับหลี่รั่วหานเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน และไม่ง่ายเลยกว่านางจะยอมรับว่าสตรีที่นางเกลียดชังนักหนา แท้จริงแล้วคือมารดาผู้ให้กำเนิดนาง แม้จะเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก แต่ในท้ายที่สุดนางก็ทำใจยอมรับมันได้ แม้จะต้องใช้เวลาบ้างก็ตาม นางอุทิศตัวให้พระโพธิสัตว์ ชาตินี้จะขอสร้างบุญเพื่อไถ่บาปกรรมที่นางเคยทำเอาไว้ทั้งหมด แม่ทัพใหญ่หลี่ องค์หญิงหงลี่และหลี่รั่วหานยังคงมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ พวกเขายังคงพูดกับนางเหมือนเช่นทุกครา ว่ายังรอวันที่นางจะยินดีกลับจวนโหวอีกครั้ง ซึ่งนางเองก็ยังไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อใดนางรู้สึกผิดต่อทุกคน ด้วยความรู้สึกผิดในใจนางจึงเล
จ้าวไป๋ลู่ยื่นน้ำตาลก้อนหนึ่งให้หลี่รั่วหานเพื่อให้เขาใช้แก้อาการแสบร้อนในปาก เขารีบยัดน้ำตาลก้อนนั้นเข้าปากทันที ยามนี้ปากของเขาบวมราวกับโดนฝูงผึ้งรุมต่อย สร้างความขบขันให้แก่นางไม่น้อย "หลี่รั่วหาน" "หืม" "ท่านพ่อท่านแม่ข้าบอกข้าว่า พวกเขาชอบท่านมาก" "จริงหรือ?" "จริงสิ แต่จะให้ข้ากลับเข้าจวนไปง่าย ๆ ก็คงจะไม่ดีเท่าใดนัก" "จ้าวไป๋ลู่ เรามาแต่งงานกันอีกรอบเถิด!!!" "ท่านว่าอย่างไรนะ" "ข้าจะแต่งงานกับเจ้าอีกรอบ เรามาแต่งงานกันเถอะ" "หลี่รั่วหาน ท่านแน่ใจแล้วหรือ ว่าจะแต่งกับข้าอีกครั้ง" "แน่ใจสิ""หากข้าไม่ได้อ่อนโยนเหมือนแต่ก่อนเล่า ไม่ใช่คนที่ท่านสามารถเอาเปรียบได้เช่นแต่ก่อนอีกเล่า" "ข้าก็ยังยืนยันที่จะแต่งกับเจ้าเช่นเดิม" "ท่านจะไม่โกหกข้า ไม่ทำร้ายข้าอีกครั้งใช่หรือไม่" "ข้าจะไม่มีวันทำให้เจ้ากับลูกเสียใจอีกเป็นอันขาด" "หากท่านผิดสัญญา ข้าจะไม่กลับไปหาท่านอีก" "ห้าปีที่ข้ารอเจ้า มันเป็นบทเรียนชั้นดีที่สอนข้าอย่างสาหัสแล้วจ้าวไป๋ลู่" "ตกลง เช่นนั้นข้าจะแต่งงานกับท่านอีกครา" "จริงหรือ เจ้าพูดจริงหรือ!!!" "หน้าข้าเหมือนคนโกหกหรือ?" "ก็ข้าคิดว่าเจ้า..." "หุบปาก!!!"
จวนตระกูลจ้าวหลี่รั่วหานมาตามที่ตกลงกับจ้าวไป๋ลู่เอาไว้ ยามนี้เขากำลังนั่งตัวเกร็งอยู่ที่ห้องโถงด้านในจวนตระกูลจ้าว อดทนกับสายตากดดันของจ้าวเยียน ฮูหยินหลิวอิ๋ง และจ้าวเฉียน ที่มองเขาด้วยแววตาที่เย็นเยียบแต่เพื่อนางกับลูกเขายอม จ้าวเยียนปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นมา "ซื่อจื่อ ท่านแน่ใจแล้วหรือ ที่จะลดตัวลงมาหาพวกเรา" "แน่ใจขอรับ ข้าเต็มใจทำทุกสิ่งเพื่อจ้าวไป๋ลู่กับลูก" "ก็ดี ท่านทำอาหารเป็นหรือไม่ แม่ครัวเก่าเพิ่งจะลาออกไป ฮูหยินข้ากำลังอยากได้ลูกมือทำครัวอยู่พอดี" "ได้เลยขอรับ" ฮูหยินหลิวอิ๋งปรายตามองหลี่รั่วหานคราหนึ่ง ก่อนจะครุ่นคิดถึงจดหมายที่องค์หญิงหงลี่ส่งมาให้นาง ในจดหมายเขียนเอาไว้ว่า จัดการให้หนัก! ยามนี้นางกับองค์หญิงหงลี่ปรับความเข้าใจกันด้วยดีแล้วหลี่รั่วหานเดินตามฮูหยินหลิวอิ๋งเข้ามาในโรงครัว ก่อนจะจ้องมองนางที่กำลังหยิบมีดคมขึ้นมาถือเอาไว้ ในใจของเขาก็รู้สึกเย็นวาบแปลก ๆ "มีดนี่คมมาก ข้าใช้มันหั่นเนื้อเป็นประจำ เป็นมีดประจำตัวของข้า เดิมทีข้าอยากส่งต่อมันให้กับจ้าวไป๋ลู่ ซื่อจื่อท่านรู้หรือไม่ว่า เหตุใดข้าจึงอยากส่งต่อมีดนี้ให้บุตรสาวของข้า"
ยามนี้เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในความสงบแล้ว ทุกคนกลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเช่นเคย และมีเรื่องที่น่ายินดีอีกเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ เซียวถงกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับสวีลั่วลั่ว ทั้งสองพบรักกันเมื่อหนึ่งปีก่อนจ้าวไป๋ลู่ยินดีกับทั้งสองเป็นอย่างมาก และนางดีใจที่เซียวถงจะมีสตรีที่ดีพร้อมมาคอยดูแลเสียที ส่วนนางเองก็ยังไม่ได้ใจอ่อนกับหลี่รั่วหาน แม้ว่าเขาจะพยายามตามง้อนางก็ตาม ยามนี้จ้าวหยางอายุได้สี่ขวบปีแล้ว เป็นวัยที่กำลังช่างพูดช่างคุย บางคราเขาตื่นมาชวนนางคุยกลางดึกก็เคยทำมาแล้ว วันนี้เป็นวันมงคลของเซียวถงและสวีลั่วลั่ว จ้าวไป๋ลู่พาจ้าวหยางไปร่วมงานในครานี้ด้วย งานเลี้ยงจัดอย่างยิ่งใหญ่ ผู้คนต่างมาร่วมยินดีกับบ่าวสาวกันมากมายจ้าวไป๋ลู่มองดูเซียวถงกับสวีลั่วลั่วที่หยอกล้อกันตามประสาคู่แต่งงานก็เผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย งานแต่งของนางไม่เคยมีความทรงจำเหล่านี้อยู่เลยแม้แต่น้อย "ไป๋ไป๋" จ้าวไป๋ลู่ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปพบหลี่รั่วหานที่เดินมาพร้อมกับหลัวเทียนเฉิน นางเพียงมองเขาแต่ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา "แม่นางไป๋ไป๋ ดีใจที่ได้พบเจ้าอีกครา" "ใต้เท้าหลัว" "อย่าเรียกบ่อย ข้ากลัวจะตกหลุมรักเจ้
เว่ยจิ่นซางหยิบยาพิษออกมาจากในอกเสื้ออีกขวดหนึ่ง ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาองค์หญิงหงลี่ช้า ๆ "ตายซะเถอะ ในที่สุดข้าก็ล้างแค้นได้สำเร็จสักที" ฉึก! ยังไม่ทันที่เว่ยจิ่นซางจะสังหารองค์หญิงหงลี่ได้สำเร็จ มีดเล่มหนึ่งก็แทงเข้ามาที่แผ่นหลังของนางทะลุมาที่หน้าท้อง เมื่อนางหันกลับไปช้า ๆ จึงได้พบว่าเป็นฝีมือของหนิงเสวี่ย "นะ!!! นังชั่ว นังเนรคุณ!!!" "ฮือออออ" หนิงเสวี่ยแทงมีดจนสุดด้าม ก่อนจะทิ้งกายลงนั่งบนพื้นแล้วปิดหน้าร้องไห้โฮออกมาอย่างเจ็บปวดเว่ยจิ่นซางตกตายด้วยมีดเล่มนั้นของหนิงเสวี่ย"ท่านแม่!!!"ด้านนอกมีเสียงการต่อสู้ดังขึ้น ก่อนจะมีคนเปิดประตูพุ่งเข้ามา เป็นหลี่รั่วหานนั่นเอง เขามองสภาพศพของเว่ยจิ่นซางที่นอนตายอยู่บนพื้นดวงตาเบิกกว้าง ข้าง ๆ กันมีหนิงเสวี่ยที่นั่งร้องไห้อยู่ เขาไม่มีเวลาสนใจหนิงเสวี่ยมากนัก เขารีบวิ่งเข้าไปแก้มัดให้องค์หญิงหงลี่ ก่อนจะเดินเข้าไปหาจ้าวไป๋ลู่และลูกที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ข้าง ๆ กัน"ไป๋ไป๋!!!" "นางสลบไม่ได้สติมาหลายชั่วยามแล้ว" เสียงของหลี่รั่วหานปลุกหนิงเสวี่ยให้ตื่นจากความสับสนและหวาดกลัวในจิตใจ นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองเขาช้า ๆ เมื่อเขาหันมาส
นางกรอกยาพิษทั้งที่มือก็สั่นไม่น้อย ยิ่งได้เห็นแววตาที่แข็งกระด้างขององค์หญิงหงลี่ที่มองมา มือนางก็สั่นมากยิ่งขึ้น จนทำยาพิษหกลงพื้นไปเสียดื้อ ๆ องค์หญิงหงลี่กินยาพิษนั้นไปไม่ถึงครึ่งขวดด้วยซ้ำ แต่นางก็กระอักโลหิตสีดำออกมาไม่น้อย เว่ยจิ่นซางที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะสะใจออกมาอย่างบ้าคลั่ง แปะ แปะ แปะ หนิงเสวี่ยกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ก่อนจะหันไปมองเว่ยจิ่นซาง "ท่านแม่" เว่ยจิ่นซางหันมามองหนิงเสวี่ยด้วยสายตาที่เย็นชา "ผู้ใดเป็นแม่เจ้ากัน?" "เอ๋? ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงเอ่ยวาจาเช่นนี้เจ้าคะ ข้าไม่เข้าใจ" เว่ยจิ่นซางปรายตามองหนิงเสวี่ยอย่างดูแคลน แววตาที่เคยมองนางประดุจลูกในไส้ แววตาที่อ่อนโยนเลือนหายไปจนหมดสิ้น ยามนี้มีเพียงความเกลียดชังเข้ามาแทนที่ นางทุ่มเทแรงกายแรงใจ รอเวลานี้มานานเหลือเกิน นางรอจนกระทั่งถึงวันนี้!!! "ฮ่า ๆ ๆ ๆ การได้มองเห็นบุตรสาวกำลังฆ่ามารดาของตนเองกับมือ ช่างเป็นภาพที่งดงามเสียจริง ๆ" เว่ยจิ่นซางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข หนิงเสวี่ยที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น ด้านองค์หญิงหงลี่ที่ได้ยินเว่ยจิ่นซางเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา ใจของนางก็เต้นแรงอย่างบ
จ้าวไป๋ลู่ถูกลักพาตัวมาที่เรือนโกโรโกโสหลังหนึ่งบนหุบเขา นางกอดจ้าวหยางเอาไว้แนบอก พยายามปกป้องบุตรชายเอาไว้อย่างสุดชีวิต "ลงมา!!! เดินเข้าไป!!!" ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนพากันล้อมตัวนางเอาไว้ ก่อนจะบังคับให้นางเดินเข้าไปในเรือนหลังนั้น เมื่อนางมาถึงก็พบกับองค์หญิงหงลี่ที่ยามนี้ถูกมัดมือมัดเท้าเอาไว้ ใบหน้าขององค์หญิงหงลี่บวมเป่งคล้ายกับถูกตบตีมาอย่างหนัก "ท่านแม่!!!" "ไป๋ไป๋" จ้าวไป๋ลู่ถูกนำมาขังรวมเอาไว้กับองค์หญิงหงลี่ นางกอดจ้าวหยางไว้แนบอก ก่อนจะหันมองไปโดยรอบอย่างระแวดระวัง พวกมันจับตัวนางมาด้วยเหตุใดกัน ไม่นานนักความสงสัยของนางก็กระจ่าง เมื่อได้พบกับ หนิงเสวี่ยและมารดาของนาง หนิงเสวี่ยจ้องมองนางด้วยแววตาที่เย็นชา ก่อนจะสลับมองมาที่จ้าวหยางอย่างเกลียดชัง "หึ!!! ตายยากเสียจริงนะจ้าวไป๋ลู่ เจ้าไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังคลอดเด็กนรกนี่ออกมาอีกด้วย!!!" "อย่ายุ่งกับบุตรของข้า" "ฮ่า ๆ ๆ ๆ เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาขอร้องข้ากัน" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน ก่อนจะครุ่นคิดถึงเรื่องที่ท่านแม่บอกเล่าให้ฟัง ท่านแม่บอกว่าจ้าวไป๋ลู่รอดตายกลับมาได้อีกทั้งยังมีบุตรชายที่เกิดจากหลี่รั่วหานตามมาอีกด้
เมื่อหลี่รั่วหานกลับมาถึงจวน เขาก็ได้พบข่าวร้ายว่าท่านแม่ของเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ยามนี้ท่านพ่อออกไปตรวจตราชายแดนยังไม่กลับเมืองหลวง เขาเองก็เอาแต่ตามติดจ้าวไป๋ลู่และลูก ระยะนี้จึงไม่ได้สนใจมารดาของตนมากเท่าใดนัก"เจ้าเล่ามา ท่านแม่หายไปได้เช่นไร!!!" "บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ เดิมทีฮูหยินกำลังเดินเล่นอยู่ที่ริมสระบัวท้ายจวน แล้วเกิดอยากกินขนมกุ้ยฮวา จึงให้บ่าวมาทำ ฮูหยินบอกว่าอยากอยู่เงียบ ๆ เพียงลำพังจึงให้สาวใช้ปลีกตัวออกมาจนหมด พอบ่าวกลับไปก็ไม่พบฮูหยินแล้วเจ้าค่ะ" หลี่รั่วหานที่ได้ยินเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที เขาสั่งให้คนค้นหาท่านแม่จนทั่วจวน เผื่อว่าจะเป็นลมอยู่ที่ใดสักแห่ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่พบตัวขององค์หญิงหงลี่ เขาจึงรีบเข้าวังกราบทูลฮ่องเต้หงหยวนในทันที ด้านจ้าวไป๋ลู่นั้น เมื่อเสร็จธุระจากร้านอาหารแล้ว นางจึงสั่งให้คนขับรถม้ามุ่งหน้าไปยังวัดไป๋หม่า เพื่อจะพาจ้าวหยางไปไหว้พระขอพรแต่ระหว่างทาง รถม้าของนางก็เกิดหยุดลงกะทันหัน จู่ ๆ ก็มีชายชุดดำสี่ห้าคนเข้ามาลักพาตัวของนางและจ้าวหยางไป ข่าวที่องค์หญิงหงลี่หายตัวไปยังไม่ทันได้สืบทราบ หลี่รั่วหานก็ได้รับข่าวร้ายจากจวนต
ยามนี้เข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เหล่าราษฎรต่างพากันออกมาทำมาหากิน บ้างก็ทำเรือกสวนไร่นา บ้างก็ออกมาขายของที่ตลาด ช่างเป็นบรรยากาศที่คึกคักเป็นอย่างมาก วันนี้จ้าวไป๋ลู่พาจ้าวหยางที่มีอายุสองขวบกว่าแล้ว มาที่ร้านอาหารของท่านปู่ท่านย่า นางอยากให้เขาเรียนรู้การใช้ชีวิตให้มาก ๆ จึงตั้งใจให้เขาเรียนรู้ทุกอย่างในชีวิต "นี่ เต้าหู้ เด็กดีพูดตามแม่สิ เต้าหู้" "เต้าหู้ ท่านแม่ ท่านแม่ เต้าหู้" "เก่งมากเลยจ้ะลูกรัก" จ้าวไป๋ลู่ตบมือให้จ้าวหยางด้วยความชื่นชม เด็กน้อยที่เห็นเช่นนั้นก็กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข "ขอหม้อไฟสองที่ ซุปซี่โครงหมูหนึ่งที่" "เชิญ..." จ้าวไป๋ลู่หันไปมองก่อนที่รอยยิ้มบนใบหน้าจะจางหายไป มาอีกแล้ว!!! "แม่นางคนงาม ข้ารอหม้อไฟอยู่นะ" หลัวเทียนเฉินเอ่ยด้วยท่าทียั่วเย้า หลี่รั่วหานที่เห็นเช่นนั้นจึงแอบยื่นมือไปหยิกบั้นท้ายหลัวเทียนเฉินจนเขาสะดุ้งโหยง หึ!!! ถึงข้าจะเหลือแขนเดียวแต่ข้าก็สู้นะ!!! "ใต้เท้ารอสักครู่ พี่เซียวถงนั่งก่อนเถิด" จ้าวไป๋ลู่เดินกลับเข้าไปในโรงครัวพักใหญ่ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับจ้าวหยาง นางวางหม้อไฟลงบนโต๊ะ พร้อมกับซุปกระดูกหมูที่มีพริกสีแดงสดลอยเต็ม