Share

บทที่ 2

Author: เบลล่า
สายลมอ่อน ๆ ในยามค่ำคืนยังคงพัดเส้นผมไปมา ขณะที่ฉันยืนอยู่ข้างนอกพร้อมกับมีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ข้าง ๆ ในที่สุด ฉันก็ออกมาจากบ้านหลังนั้นแล้ว

เมื่อเดินไปบนถนนได้ไม่ไกลนัก ฉันก็สังเกตเห็นไฟหน้ารถคันหนึ่งกะพริบเจิดจ้าเข้ามาหา แล้วรอยยิ้มจาง ๆ ก็ผุดขึ้นบนริมฝีปาก เนื่องจากจำได้ทันทีว่าคนคนนั้นเป็นใคร

รถสปอร์ตสีแดงสดใสแล่นเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าฉัน และมีผู้หญิงที่ดูสดใสยิ่งกว่านั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ เธอกระดิกนิ้วเรียกฉันในขณะลดกระจกลง

เกรซนั่นเอง

เกรซไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเท่านั้น แต่ยังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจด้วย เราสองคนไม่เคยแยกจากกันเลยนับตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันมา และด้วยความที่เราทั้งสองคนหลงใหลในแฟชั่นเหมือนกัน เราจึงตัดสินใจทำความฝันให้เป็นจริง ด้วยการร่วมกันก่อตั้งลักซ์ โว้คขึ้นมา ซึ่งเป็นเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ที่ล้ำสมัย และกลายเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มผู้นำเทรนด์รุ่นใหม่ในเวลาอันรวดเร็ว

เกรซมีสายตาที่เฉียบคมมากในเรื่องการดีไซน์ เธอจึงรับหน้าที่ออกแบบเสื้อผ้าสวย ๆ ในคอลเลคชั่นต่าง ๆ ในขณะที่ฉันพุ่งความสนใจไปที่การออกแบบเครื่องประดับของอเทลิเย่ ซึ่งเป็นสตูดิโอแฟชั่นระดับไฮเอนด์ที่ให้บริการกับลูกค้าระดับสูง ซึ่งมีเราเป็นเจ้าของอย่างเท่าเทียมกัน ความเฉียบแหลมทางธุรกิจและวิสัยทัศน์ที่สร้างสรรค์ของเรา ได้พาเราก้าวเข้าไปอยู่ในโลกของเศรษฐีระดับชั้นแนวหน้า

ฉันรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังจะแซวอะไรฉันเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้า การหยอกล้อระหว่างเราอย่างสนุกสนานนั้น นับเป็นเรื่องปกติธรรมดาเหมือนการหายใจเข้าออก ฉันก้าวขึ้นไปนั่งตรงเบาะผู้โดยสารในรถของเกรซ พลางถอนหายใจพร้อมกับรัดเข็มขัดนิรภัยทันที

“ในที่สุดก็ยอมทิ้งไอ้สารเลวนั่น แล้วกลับไปทำงานได้แล้วหรือ?" เกรซพูดติดตลกพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์

“ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเธอถึงต้องยอมเสียเวลาสามปีไปกับการเป็นแม่บ้าน เพื่อคอยดูแลไอ้โหลยโท่ยที่ไม่ได้รักอะไรเธอเลย"

ฉันกลอกตาไปมา "เพราะฉันตาบอดไง แต่ตอนนี้ฉันมองเห็นแล้ว เคยได้ยินเพลงนั้นไหม?”

เกรซหัวเราะคิกคักในขณะติดเครื่องยนต์ "ฉันดีใจนะที่เธอตาสว่างได้ซะที เรามีอะไรต้องทำอีกเยอะแยะ เราไม่อยากให้เธอเสียสมาธิเพราะผู้ชายที่มองไม่เห็นคุณค่าของเธอเลย"

“รู้ไหมซิดนีย์ ฉันต้องพูดเรื่องนี้อีกครั้งหรือ เรื่อง 'การแต่งงาน' กับผู้ชายคนนั้นน่ะ? ฉันเกลียดเธอจังเลย!” เธอเหลือบมองประตูรั้วบ้านมาร์คอย่างรวดเร็ว "ให้ตายสิ ฉันอยากพูดแบบนี้มานานแล้ว"

ฉันหัวเราะเบา ๆ พร้อมเอาข้อศอกพิงประตูรถอย่างเหนื่อยอ่อน “ไม่เอาน่า” เกรซเกลียดการแต่งงานของฉันกับมาร์คมาโดยตลอด เธอพยายามแสดงท่าทีไม่พอใจในแบบของเธออย่างตรงไปตรงมาและอ้อมค้อม มีบางครั้งที่เธอเปิดปากออกมาตรง ๆ และบางครั้งที่บอกเป็นนัย ๆ อย่างเช่นตอนที่เธอทำท่าลังเลก่อนจะแสดงความยินดีกับฉันในวันครบรอบแต่งงานอีกครั้ง หรือการเปลี่ยนเรื่องพูดเมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันพูดอะไรเกี่ยวกับการแต่งงานขึ้นมา ฉันดีใจที่ในที่สุดเราก็สามารถพูดคุยกันได้อย่างอิสระ และสามารถนำเรื่องนี้มาพูดล้อเล่นกันได้

“ฉันหมายถึงเธอแต่งตัวเชยเป็นบ้าเลย และรองเท้าที่เข้าชุดกันคืออะไรก่อน? ยี้!”

“เกรซ!” ฉันหัวเราะอีกครั้ง

“พ่อคนถูกทุกอย่างนั้นเข้ามามีอิทธิพลกับตู้เสื้อผ้าเธอด้วยหรือ? ฉันไม่เคยเห็นเธอใส่ชุดสีเบจมากขนาดนี้มาก่อนเลยแล้ววันนั้นอีก ฉันเห็นเธอใส่รองเท้าส้นเตี้ยกับชุดค็อกเทลนั่น สาบานเลย อกอีแป้นจะแตกตาย"

ฉันระเบิดหัวเราะออกมาอีกครั้งพร้อมกับส่ายหัว "โอ๊ย ก็รู้นี่นาว่าฉันแค่พยายามทำตัวให้เข้ากับภาพลักษณ์ 'ภรรยาที่สมบูรณ์แบบ' เท่านั้น จะไม่มีแบบนี้อีกแล้วล่ะ"

“ขอบคุณพระเจ้า ออกมาจากตมนั่นได้ซะทีนะ"

ฉันยังคงคิดว่าสิ่งที่เธอพูดก่อนหน้านี้มันตลกดี ฉันก็เลยแกล้งหยอกล้อเธอด้วยการตบเธอเล่น ๆ

“แหม แต่ฉันว่าพอใส่ชุดพวกนั้น ก็สวยนะ!”

“ฮะ?” เกรซแสยะปากแบบตลก ๆ "สวยสำหรับคนตาบอดอะจ้ะ"

เรื่องนี้ทำให้ฉันนึกตอนที่ฉันไปงานกับมาร์ค โดยสวมเดรสที่ฉันคิดว่าดูสง่างาม แต่ภายหลังเขากลับมองว่ามันดูเผยเนื้อหนังเกินไปซึ่งไม่เหมาะกับคนที่เป็นภรรยา คำดูถูกเหยียดหยามของเขาไม่เพียงแต่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดเท่านั้น แต่สิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่าก็คือการได้รับความอับอายขายหน้าในที่สาธารณะ เมื่อใคร ๆ ต่างพากันเห็นด้วย เหตุการณ์ครั้งนี้ไปถึงหูพ่อแม่ของฉัน แล้วยิ่งทำให้รู้สึกอับอายขายหน้ามากขึ้น ฉันคิดว่านับตั้งแต่ตอนนั้น เสื้อผ้าของฉันก็เริ่มเปลี่ยนไป ฉันพยายามทำให้ทุกคนพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมาร์คและพ่อแม่ของฉัน ฉันนี่ช่างโง่เง่าจริง ๆ

ฉันถอนหายใจ "โอ้พระเจ้า ฉันคิดถึงความเป็นเราเหลือเกิน"

เกรซพยักหน้า "ใช่แล้ว ฉันก็เหมือนกัน" เธอพูดในขณะเหยียบคันเร่ง และเมื่อเธอทำอย่างนั้น เครื่องยนต์ก็ส่งเสียงคำรามออกมา ก่อนจะพุ่งออกไปบนถนน แล้วผสมกลมกลืนไปกับการจราจรที่คับคั่ง

“แล้วเราจะไปไหนกันดีล่ะ?”

“ไปสนามบินสิ อยู่ดี ๆ ก็อยากไปเที่ยวใกล้ ๆ ขึ้นมา"

“ว้าว ฉันคิดว่าเธอจะไปนอนค้างที่บ้านฉันสักคืนหนึ่งหรืออะไรทำนองนั้นซะอีก" เกรซพูดขึ้น

ฉันยักไหล่ "แค่อยากจะหนีไปสักพักหนึ่ง"

เกรซเอนตัวพิงเบาะในขณะวางมือข้างหนึ่งไปบนประตูรถ แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งจับพวงมาลัยเอาไว้ "งั้นก็ตามแหละ"

“นั่นทำให้ฉันนึกอะไรได้" เกรซพูด "มีบริษัทสนใจจะซื้อเว็บไซต์นี้ ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ มีคนเสนอเงินให้เยอะมาก จนฉันอดใจแทบไม่ไหว"

“ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะทำงานจริง ๆ นะ ไว้ค่อยคุยตอนเรากลับมาก็แล้วกัน" ฉันพูดพลางเหลือบมองเกรซ เกรซพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ "เข้าใจได้อยู่"

ฉันต้องการทริปนี้จริง ๆ จะได้ไปผ่อนคลายจิตใจสักเล็กน้อย และปลดปล่อยตัวเองจากมาร์ค และกิจวัตรประจำวันอันแสนอึดอัดที่ฉันต้องเจอะเจอ ฉันรู้ว่าพ่อแม่จะต้องโกรธแน่ ๆ พวกท่านมักจะโกรธทุกครั้งที่ฉันพยายามจะหลบเลี่ยงคำสั่ง แต่ฉันไม่สนหรอกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ในที่สุดความคิดที่จะปล่อยวางทุกอย่างนั้น ก็ทำให้ฉันรู้สึกโล่งใจได้

เกรซเลี้ยวรถเข้าไปในสนามบิน เมื่อรถจอดนิ่งแล้ว ฉันก็ปลดเข็มขัดนิรภัยพร้อมหยิบกระเป๋าถือขึ้นมา หยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างกระตือรือร้น ฉันกดหมายเลขโทรศัพท์แล้วยกขึ้นแนบหู

“ถึงแล้ว อยู่ที่ไหนหรือ?” ฉันพูดขึ้นก่อน "โอเค โอเค" ฉันพูดต่อเมื่อผู้รับสายตอบกลับมา ก่อนจะวางสายไปในที่สุด

เกรซมองมาที่ฉันอย่างสงสัย "ใครอะ?” เธอถาม

“เดี๋ยวก็รู้เองแหละ" ฉันยิ้มอย่างมีเลศนัย เกรซมองฉันอย่างสงสัยแต่ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ

ในขณะที่เรานั่งรออยู่ในรถนั้น ก็มีชายสวมสูทเนียบเดินมาที่รถพร้อมกับกระเป๋าเอกสาร ฉันจำเขาได้ทันที แล้วพูดกับเกรซว่า "รออยู่นี่นะ" ก่อนจะลงจากรถเพื่อไปพบเขา

“สวัสดีครับ" เขาทักทายฉันอย่างเป็นมืออาชีพ แล้วฉันก็พยักหน้ากลับไปอย่างเป็นมิตร

เขาคือทนายความที่ฉันโทรไปหาก่อนหน้านี้ เพื่อให้ช่วยร่างเอกสารการหย่าร้างให้

ทนายความคนนั้นเปิดกระเป๋าเอกสาร แล้วหยิบซองที่ใส่เอกสารออกมา ในระหว่างนั้นฉันเหลือบมองกลับไปที่รถ แล้วมองเห็นเกรซกำลังจ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“นี่ครับ" เขายื่นเอกสารให้ฉัน ฉันตรวจดูทีละฉบับด้วยความรู้สึกท่วมท้นที่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะจบลงแล้ว

“คุณต้องการเวลาเพื่ออ่านเอกสารเหล่าอีกหน่อยไหมครับ?” ผู้ชายคนนั้นถาม ฉันส่ายหัวอย่างเด็ดเดี่ยว "ไม่ค่ะ ฉันต้องเซ็นตรงไหนคะ?”

เขาชี้ไปที่จุดต่าง ๆ บนหน้ากระดาษ "ตรงนี้ ตรงนี้" พลิกกระดาษไปมา "ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้" เขาชี้บอก จากนั้นก็ยื่นปากกาให้ฉัน

ฉันเซ็นชื่อในแต่ละหน้าและในบริเวณที่ต้องการลายเซ็น ก่อนจะยื่นเอกสารทั้งหมดกลับไปให้เขาพร้อมกับปากกา

“ผมจะเอาสำเนาเอกสารพวกนี้ไปให้คุณมาร์ค แล้วจะส่งไปให้คุณด้วย" เขาพูดในขณะนำเอกสารพวกนั้นกลับเข้าไปในกระเป๋าเอกสาร

“ส่งมาที่เมล์ของฉันก็ได้ค่ะ"

“ครับ" เขาบอก

ฉันพยักหน้า "ขอบคุณค่ะ" พร้อมกับจับมืออำลากับเขา

“เป็นหน้าที่ผมอยู่แล้วครับ" เขาตอบพร้อมกับยิ้ม

เมื่อฉันกลับเข้าไปในรถและปิดประตูรถตามหลัง ฉันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ โดยรู้สึกว่าอากาศในรถอบอุ่นกว่าข้างนอก

เกรซมองฉันแล้วถามขึ้นทันที "เธอจะทำให้ฉันเป็นบ้าตายเพราะความอยากรู้อยากเห็นหรือไง?”

ฉันมองเธอแล้วตอบไปว่า "ชายคนนั้นเป็นทนายความ ฉันเซ็นเอกสารหย่าไปแล้ว"

ดวงตาของเกรซเบิกโพลง แล้วเธอก็ส่งเสียงกรี๊ดออกมาดังลั่น "เธอบ้าไปแล้วหรือ? นี่ไม่คิดจะขอค่าเลี้ยงดูหน่อยหรือ? เขาเป็นเศรษฐีระดับพันล้านนะ น่าจะได้ค่าเลี้ยงดูเป็นร้อยล้านเลยนะ!”

ฉันหัวเราะอย่างขมขื่น "สำคัญที่ไหน ฉันแค่อยากหย่ากับเขาให้เร็วที่สุดเถอะ! ฉันเป็นเศรษฐีเองอยู่แล้ว ไม่ได้อยากได้เงินเขามาเพิ่มหรอกจ้ะ"

เกรซส่ายหัว "แต่ยังไงก็ตาม ร้อยล้าน...” เธอดูเจ็บปวดมากจนฉันเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา

ฉันยักไหล่ "ปล่อยให้เขาเก็บเงินไว้ให้ตัวเองเถอะ เรายิ่งใหญ่กว่านั้นอยู่แล้ว ฉันแค่อยากเดินหน้าต่อไปในชีวิตของฉัน"

“อุ๊ย สาวน้อย พูดอีกก็ถูกอีก" เกรซเอื้อมมือมาบีบมือฉัน "ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม"

“และนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับฉัน" ฉันยิ้มและบีบมือเธอกลับไป เราคงดูเหมือนเพื่อนสนิทสองคนที่กำลังเล่นละครน้ำเน่าอยู่แน่ ๆ เลย

เกรซรีบดึงเราให้หลุดออกจากช่วงเวลาที่โศกเศร้า "เอาล่ะ ขนของลงกันเถอะ" เธอบอกในขณะออกจากรถ เพื่อช่วยฉันดึงกระเป๋าเดินทางออกจากเบาะหลัง แล้วดึงที่จับกระเป๋าขึ้นมา

“ถึงหนุ่มโสดทั้งหลายในเมือง ตัวแม่กลับมาแล้วจ้า!” ฉันประกาศเสียงดังลั่น

“เย้! ตัวแม่กลับมาแล้วนะทุกคน!” เกรซส่งเสียงเชียร์ไล่ตามฉันมา

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 438

    มุมมองของนักเขียนอาน่าถอนหายใจเสียงดังขณะเดินเข้าไปในห้องพักของเดนนิสและนั่งลงข้าง ๆ เขา เธอหยิบหนังสือออกมาและเริ่มอ่านเป็นครั้งคราว เธอจะเปิดโทรศัพท์เพื่อดูจัสตินนอนหลับหรือเล่นรอบบ้านในขณะที่พี่เลี้ยงยุ่งอยู่ หรือแค่ซุกตัวบนโซฟาตัวหนึ่งเพื่ออ่านหนังสือ โดยคอยจับตาดูจัสตินตอนนี้มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของอาน่าไปแล้วในวันที่เธอพักค้างคืนที่โรงพยาบาล เธอจะออกจากที่นั่นแต่เช้าเพื่อไปดูแลจัสตินและกลับมา ขณะที่เธอนั่งอยู่ข้างๆ เขา นิ้วอุ่นๆ ของเธอประสานกับนิ้วเย็นๆ ที่ยังคงนิ่งของเขา เธอจะอ่านหนังสือเดนนิสยังคงอยู่ในอาการโคม่า และในแต่ละวัน อาน่ารู้สึกว่าความกลัวกำลังเพิ่มขึ้น... กลัวว่าเขาอาจจะยังคงอยู่ในอาการโคม่าจนถึงแก่ชีวิต ทั้งหมดเป็นเพราะเธอคนเดียวเธอต้องการให้เขาลืมตาขึ้นมามองเธอด้วยความรักที่เขามีให้เธอเสมอ เธอต้องการบอกเขาว่าเธอรักเขามากแค่ไหนและรู้สึกขอบคุณที่มีเขาในชีวิตของเธอ แต่ที่สำคัญที่สุด เธอต้องการขอโทษเขาเธอเห็นแก่ตัวมาก คิดว่าความเจ็บปวดของพวกเขาไม่ยิ่งใหญ่เท่าของเธอ... พวกเขาทุกคนรักเอมี่อย่างสุดซึ้ง และพวกเขาทุกคนเจ็บปวดกับการจากไปของเธอจากชีวิตนี้ ห

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 437

    มุมมองของนักเขียนชารอนถูกตัดสินว่าไม่มีความผิดฐานมีส่วนร่วมโดยตรงในการเสียชีวิตของเอมี่ แต่มีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิด เธอโชคดีพอที่จะได้รับการลดหย่อนโทษ จำคุกในระยะเวลาอันสั้น ทนายของเธอทำให้แน่ใจว่ามันจะเป็นเช่นนั้น และทั้งหมดนี้เป็นเพราะพ่อของเธอแม้ว่าพ่อของเธอจะผิดหวังกับทุกสิ่งที่เธอทำ แต่เธอก็เป็นลูกสาวของเขา ทายาทที่น่าเกรงขามเพียงคนเดียวของเขา ไม่มีทางที่เขาจะทอดทิ้งเธอได้ขณะที่เธอรับโทษจำคุก นับถอยหลังสู่วันที่เธอจะได้ออกไปจากที่นั่นในที่สุด เธอได้รับเอกสารหย่าร้างส่งมาให้เธอเธอคิดว่าเช้าวันนั้นหนาวเกินไปสำหรับฤดูกาล ห้องขังเล็กๆ ของเธอรู้สึกเล็กกะทันหัน มันรู้สึกเหมือนมันจะปิดล้อมเธอ และเธอเอามือสอดเข้าไปในช่องประตูเพื่อหายใจเมื่อหนึ่งในผู้คุมมาพาเธอไปเธอนั่งลง ได้รับปากกา และต่อหน้าเธอ บนโต๊ะเหล็ก มีจดหมายหย่าร้างวางอยู่ เหตุผลหลักที่เธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมและการกระทำสกปรกเหล่านี้ทั้งหมดคือเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ไอเดนทิ้งเธอ มันน่าเศร้าจริงๆ ที่เธอทำงานอย่างหนักเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ แต่กลับถูกโยนใส่อย่างแรงที่ใบหน้าของเธอในตอนท้ายดวงตาปวดหนึบด้วยน้ำตาขณะที่เธ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 436

    "หยุด!" เสียงของเธอสั่นเครือขณะที่เธอตะโกนบอกคนขับแท็กซี่แค่นั้นก็เพียงพอให้อาน่าหันกลับมา"ฉันทำอะไรลงไป?" ลมหายใจของเธอสั่นเทาขณะที่เธอเปิดประตูและรีบออกจากแท็กซี่ มือของเธอสั่นเทาขณะที่เธอสะดุดลงบนทางเท้า"เดนนิส!" เธอตะโกนขณะที่เข่าของเธอล้มลงบนพื้นคอนกรีตแข็ง "ได้โปรด อย่า" เธอพูดกระซิบ สายตาของเธอจ้องมองไปที่รถที่พังยับเยิน "เดนนิส ต้องรอดให้ได้นะ"เธอคลานไปที่รถ มองเข้าไปข้างในเพื่อดูเขา แต่ข้างในนั้นมืดมิดและเสียงสะอื้นของเธอก็ดังขึ้น "ทำไมฉันถึงออกมา? ทำไมฉันไม่รอเขา?"เธอเช็ดน้ำตา "ฉันสัญญา" เธอสะอื้น "ฉันจะไม่ไปหาเอมี่อีกแล้ว ฉันสัญญา เดนนิส ได้โปรดออกมา" เธอร้องไห้ขณะที่เธอจำได้เลือนรางว่าเขาบอกเธอว่าเอมี่ได้รับความยุติธรรมแล้ว และไม่จำเป็นต้องไปหาเธออีกต่อไปนี่เป็นความผิดของเธอทั้งหมด เธอควรจะฟังเขา เธอควรจะรอเขาก่อนที่เธอจะออกไป"อาน่า!" ไอเดนตะโกนขณะที่เขารีบออกจากรถ เขารู้สึกโล่งใจที่เห็นอาน่า เขาหารถแท็กซี่หลังจากที่เดนนิสขับออกไปสักพัก และตามเขาไป เมื่อเขาสังเกตเห็นฝูงชนและเห็นว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เขาก็กลัวว่าจะเป็นอาน่า"ให้ตายสิ!" เขาพึมพำขณะหยุดอยู่ต่อ

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 435

    มุมมองของนักเขียนหลังจากที่ไอเดนได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาไม่ลังเลเลยก่อนที่จะเดินออกจากห้องพิจารณาคดีหัวใจของชารอนแตกสลายเมื่อมองดูไอเดนเดินออกไปอย่างโกรธจัด เขาเกลียดชังเธอมากจนทนดูการพิจารณาคดีของเธอไม่ได้เลยหรือ? น้ำตาไหลลงมาบนใบหน้าของเธอ และเธอรีบเช็ดมันออกก่อนที่พ่อของเธอจะเห็นพ่อของเธอบอกเธอไปก่อนหน้านี้ว่า "พอได้แล้ว ชารอน อย่าร้องไห้เพราะผู้ชายอย่างเขาเลย" แต่นั่นหลังจากที่เขาตำหนิเธอสำหรับทุกสิ่งที่เธอทำ"มีการตัดสินแล้วหรือยัง คุณไอเดน? คุณจะประกันตัวภรรยาของคุณไหม?"คำถามทั้งหมดของพวกเขาไม่ได้เข้าหูไอเดนแม้แต่น้อย เขาไม่ได้สนใจสิ่งใดเลยขณะที่เขาเร่งรีบไปที่รถของเขาและขับออกจากบริเวณศาลระหว่างทางไปโรงพยาบาล เขาโทรหาทีมรักษาความปลอดภัยของเขาที่ตามเขามาทันทีที่เขาขับรถออกไป "อาน่าสตาเซียเพิ่งหนีออกจากโรงพยาบาลบ้า ตามหาเธอ" เขาออกคำสั่ง "ผมจะส่งรูปของเธอให้คุณตอนนี้""ครับ"เขาตัดสาย ขณะที่เขาขับรถ เขาหารูปอาน่าที่ชัดเจนและส่งให้ทีมรักษาความปลอดภัยที่เริ่มตามหาเธอทันทีจากนั้นไอเดนพยายามโทรหาเดนนิส แต่เขาก็ยังไม่รับสายเมื่อมาถึงโรงพยาบาล เขาพบเดนนิสอยู่ข้างนอก เขา

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 434

    ไอเดนเมื่อเวลาผ่านไป คดีของเอมี่ได้รับความสนใจจากสื่อมากมาย ช่องข่าวทุกช่องมีรูปเด็กผู้หญิงน่าสงสารคนนั้นขณะที่พวกเขาพูดถึงการตายที่ไม่ยุติธรรมของเธอ และทุกคนที่รับผิดชอบต้องถูกลงโทษตามนั้นท่ามกลางทุกสิ่งทุกอย่าง จุดสนใจก็เปลี่ยนจากเอมี่มาเป็นชารอนและผม อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือเกี่ยวกับชีวิตแต่งงานของเราและการตั้งครรภ์ปลอมของเธอผมเริ่มได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่รู้จักหลายหมายเลข โทรมาถามคำถามไร้สาระทั้งหมดเพื่อต้องการข้อมูลโดยตรงจากแหล่งข่าว ผมต้องเปลี่ยนซิมการ์ดในโทรศัพท์ของผมเป็นซิมที่ผู้ช่วยของผมใช้ หากมีข้อมูลใดๆ เขาก็แค่ส่งต่อมา ผมเบื่อที่จะรับมือกับสายเรียกเข้าที่ไม่หยุดหย่อนเหล่านั้นเมื่อชารอนอาการดีขึ้นและเธอต้องถูกส่งตัวกลับไปที่สถานีตำรวจ พวกเขามาถึงสถานีพร้อมกับกลุ่มนักข่าวที่ทางเข้าตำรวจคุ้มกันเธอขณะพาเธอเข้าไปข้างใน แต่นั่นไม่ได้หยุดนักข่าวจากการตะโกนถามคำถามของพวกเขา"คุณเสแสร้งว่าท้องจริง ๆ เหรอ คุณนายไอเดน?""คุณชารอน คุณยังเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอยู่ไหม?""สามีของคุณอยู่ที่ไหน? เขายังรักคุณอยู่ไหม?""จะมีการหย่าร้างไหม?""คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสีย

  • หย่า…มารักฉันเลย   บทที่ 433

    เดนนิสอาน่าถูกส่งตัวไปยังศูนย์บำบัดวิกฤตสุขภาพจิต และผมใช้เวลาส่วนใหญ่ของผมที่นั่น แม้ว่าผมจะพยายามแบ่งเวลาอย่างเท่าเทียมกันระหว่างงาน จัสติน และเอมี่ แต่ผมก็พบว่าตัวเองใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่นี่งานเป็นไปด้วยดีอย่างยิ่ง ตอนนี้ผมทำเงินได้มากกว่าที่เคยทำก่อนที่ผมจะถูกหลอก แต่ผมไม่มีความสุข คนที่ผมรักที่สุดอยู่ในบ้านพักผู้ป่วยทางจิต ทุกวันที่ผมไปที่นั่น ผมหวังว่าอาการของเธอจะเริ่มดีขึ้นในไม่ช้า ครึ่งหนึ่งของเวลา เธอดูปกติดี แค่นั่งอยู่คนเดียวด้วยสีหน้าที่เป็นกลาง เธอจะไม่พูดคุยกับใครเป็นเวลาหลายชั่วโมง อีกครึ่งหนึ่งใช้ไปกับการร้องไห้และขอร้องให้ผมพาพวกเราไปหาเอมี่แพทย์บอกว่าเธอดีขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นสำหรับผมจัสตินทำได้ดีมาก เขาดูเหมือนจะไม่โศกเศร้าอย่างที่ไอเดนแนะนำ มีบางครั้งที่เขาจะร้องไห้และไม่มีอะไรทำให้เขาหยุดได้จนกว่าเขาจะหลับไป แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นหายาก และผมคิดว่าเขาแค่คิดถึงแม่ของเขาผมทำให้แน่ใจว่าผมมีเวลาให้เขาเสมอ เหมือนกับที่ผมมีเวลาให้อาน่า ไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหน ผมไม่ต้องการปล่อยเขาไว้กับพี่เลี้ยงทั้งหมด แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่ดี แต่ผมต้องการให้ไอเดนเติ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status