Share

๒ เหตุผลเดียว

last update Huling Na-update: 2025-06-23 17:26:44

“พ่อ!”

นิ้วมือเล็กอวบของเด็กน้อยชี้ไปยังบุรุษผู้หนึ่งที่นั่งอยู่กลางห้องโถงใหญ่ระหว่างทางเดิน ใบหน้าเล็กแย้มยิ้มกว้างเสียจนตาหยี ทั้งยังเปล่งเสียงใสเรียกอีกฝ่ายด้วยความดีใจเกินจะกักเก็บไว้ “พ่อ!”

“พ่อ!”

ชู่ว์~~

“อาหยวน...เบาเสียงลงหน่อยได้หรือไม่” ไป๋เสี่ยวหรันเอ่ยพลางลูบหลังลูกชายเบาๆ หวังกล่อมให้เจ้าตัวน้อยสงบเสียงลง

“ป๋อ! พ่อ!!”

!!!

ทว่าสุดท้ายกลับไร้ประโยชน์…

ไป๋เสี่ยวหรันถึงกับสะดุ้งอีกครั้ง ราวกับว่ายิ่งนางห้ามปราม บุตรชายในอ้อมแขนก็ยิ่งส่งเสียงดังยิ่งกว่าเดิมจนดังก้องสะท้อนไปทั่วบริเวณ เหล่าสาวใช้ต่างปรายสายตาหันมามองเป็นตาเดียวกัน

เซี่ยเจิ้นหยวนในอ้อมกอดมารดาพลันหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีด้วยความสนุกสนาน “พ่อๆ!”

นางหันไปมองบุตรชายด้วยสายตาเอ็นดูแฝงความหนักใจเล็กน้อย ก่อนจะโน้มใบหน้าลงกระซิบใกล้หูอาหยวนด้วยน้ำเสียงหวานพลางข่มขู่ “หากเจ้าเอาแต่ร้องเสียงดังเช่นนี้...แม่เกรงว่าบิดาของเจ้าคงจะไม่พอใจเอาได้ พอถึงตอนนั้นแม่ก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้แน่อาหยวน”

ใบหน้าเล็กของเด็กน้อยขมวดคิ้วมุ่นไม่พอใจคล้ายกำลังถูกขัดใจ ทั้งแววตาและนิ้วมือยังคงยืนยันหนักแน่นชี้ไปยังบุรุษในห้องโถงใหญ่อย่างไม่ลดละ จากนั้นจึงเหลียวกลับมามองมารดา

“พ่อ!”

ไป๋เสี่ยวหรันถึงกลับถอนหายใจเฮือกใหญ่กลับความดื้อรั้นของบุตรชายก่อนจะจับมือน้อยๆ ของบุตรชายให้ลดลง

“ใช่แล้ว...บุรุษผู้นั้นคือบิดาของเจ้า”

เซี่ยเจิ้นหยวนพยักหน้าอย่างมั่นใจ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “พ่อ! พ่อ...ข้า!”

ดูท่าแล้วบุตรชายของนางคงไม่คิดจะยอมแพ้หรือล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ แน่

ไป๋เสี่ยวหรันพลางกระชับอ้อมกอดแน่นก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปอีกทางแทน

นางพูดกล่อมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เอาเถิด…ดูท่าแล้วเจ้าจะง่วงงุนไม่น้อย มิสู้เรากลับจวนไปดื่มนมอุ่นๆ และนอนบนเตียงนิ่มๆ ดีกว่าหรือไม่”

เกรงว่า...หากอาหยวนยังคงส่งเสียงเจื้อยแจ้วเช่นนี้อีก บุรุษผู้นั้นคงหน้าตึงคิ้วขมวดมุ่นมาหาเรื่องนางไม่ช้าก็เร็วเป็นแน่

แม้ว่าอาหยวนจะเป็นบุตรชายแท้ๆ ของเซี่ยเว่ยหลงแล้วอย่างไรเล่า…เขาหาได้สนใจสิ่งใดนอกจากตัวเอง

ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น เขาไม่เคยอุ้มหรือเอ่ยคำใดที่แสดงถึงความรักใคร่ออกมาแม้เพียงน้อยนิดและในทางกลับกันนั้น…ไม่ว่าสีหน้าหรือท่าทีกลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างชัดเจน

ไป๋เสี่ยวหรันมองดูบุตรชายที่ไร้เดียงสาเติบโตขึ้นท่ามกลางความเย็นชาของบิดา…นางปวดใจไม่น้อย

และยิ่งกว่านั้นแล้ว นางไม่สามารถทนมองอาหยวนต้องผิดหวังในสิ่งที่ควรได้รับจากบิดามิใช่เรียกร้องราวกันคนแปลกหน้า

“ไม่!” อาหยวนพลันส่ายหน้าอย่างเอาแต่ใจ

ภายในใจของเขายังคงอยากอยู่กับบิดาไม่น้อยแต่ทว่ากับไม่เคยได้รับโอกาสนั้น

“อาหยวน…”

ไป๋เสี่ยวหรันกดเสียงต่ำ ดวงตาคู่งามจ้องมองบุตรชายในอ้อมแขนตาเขม็ง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “หากเจ้าเป็นเด็กดื้อไม่ยอมฟังเช่นนี้…แม่จะไม่รักอาหยวนแล้ว”

ราวกับว่าคำขู่นี้สามารถทำลายความดื้อรั้นของอาหยวนลงได้ในพริบตา

ริมฝีปากเล็กเบะลงทันที “อึก…”

เหตุใดมารดาถึงได้กีดกันเขาออกจากบิดา…!?

ดวงตาเล็กๆ ของเซี่ยเจิ้นหยวนสั่นระริกคล้ายจะร้องไห้

ไป๋เสี่ยวหรันเม้มปากแน่นก่อนรีบเบือนหน้าหันหนีไปทางอื่นแทน นางไม่อาจทนมองท่าทีเสียใจของบุตรชายได้จากนั้นจึงเอ่ยออกมาเสียงเรียบแต่แฝงความเด็ดขาดเอาไว้ “อย่าได้ร้องไห้ออกมาอันขาด…เป็นบุรุษไม่ควรยินยอมให้น้ำตาไหลออกมาง่ายๆ”

“ฮึก!...” อาหยวนเงียบไปทันที เขาพลางซุกใบหน้าน้อยๆ ลงบนอกของมารดาคล้ายกำลังออดอ้อน

เขารักมารดายิ่งกว่าสิ่งใด

และหากวันใดนางบอกว่าไม่รักเขาอีกแล้ว…คงได้ร่ำไห้จนแทบขาดใจแน่แท้

“เป็นเด็กดีเช่นนี้…แม่จึงจะรักเจ้าให้มาก” ไป๋เสี่ยวหรันพูดเสียงแผ่วเบา พลางลูบศีรษะของบุตรชายเบาๆ อย่างอ่อนโยน

 

ในขณะเดียวกัน บรรยากาศอีกฝั่งภายในห้องโถงกลับเงียบงันราวกับไร้ผู้คน ไม่มีแม้แต่ผู้ใดกล้าจะเอ่ยออกมาแม้แต่สักครึ่งคำ เมื่อมองเห็นสีหน้าของผู้เป็นนายสงบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดออกมาเลยสักนิด สายตาคมกริบดูลึกล้ำ ใบหน้าหล่อเหล่าเรียบเฉยไร้อารมณ์ใดๆ ปรากฏออกมา…

ภายใต้ความเงียบนั้น ไม่มีผู้ใดรู้ว่าบุรุษตรงหน้ากำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่

นางคิดจะทำอันใดกันแน่…?

เรียกร้องความสนใจอยู่รึ!?

เซี่ยเว่ยหลงจ้องมองไปยังสองแม่ลูกที่ยืนอยู่ด้านนอกห่างออกไปไม่ไกล เขาทอดสายตาเพ่งมองนานอยู่ครู่หนึ่งทว่ากับไม่ได้เอื้อนเอ่ยถ้อยคำใดๆ ออกมา

“…”

“เหอะ!”

ท่ามกลางความเงียบที่เต็มไปด้วยความอึดอัดและกระอักกระอ่วนเป็นจางเหวินที่แค่นเสียงขึ้นมาอย่างดูแคลน

เขาพลางเหลือบสายตามองตามบุรุษตรงหน้าผู้นี้จากนั้นจึงละปรายมองไปทางนั้นเช่นเดียวกัน มุมปากหนาพลันเหยียดยิ้มขึ้นอย่างเย้ยหยันทันที

เห็นได้ว่าสายตาของเซี่ยเว่ยหลงกำลังจับจ้องมองภรรยาและบุตรชายอยู่ จางเหวินพลางส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา

มองดูแล้ว…ในสายตาของคนผู้นี้ ไป๋เสี่ยวหรันและอาหยวนมีความสำคัญมากเพียงใด แต่ไฉนกลับโง่งมทึ่มทื่อไม่รู้จักถนุถนอมเอาไว้กันเล่า..!?

“หากจะมองไม่กระพริบตาเช่นนี้…ไฉนไม่เดินไปเสีย”

พอได้ยินน้ำเสียงทุ้มเอ่ยดังขึ้น เซี่ยเว่ยหลงได้สติคืนมาก่อนจะละสายตาหันกลับมามองสหายแทน “เสียงดังน่ารำคาญเอาแต่เรียกร้องความสนใจไม่หยุด” เขาเอ่ยเสียงเรียบหาได้รู้สึกอันใด

จางเหวินได้ยินแล้วจึงหัวเราะร่อออกมาก่อนจะพูดด้วยถ้อยคำและน้ำเสียงประชดประชันอีกฝ่าย “เหอะ! เช่นนั้นก็รีบๆ ลงนามหย่าให้นางเสียอย่าได้ยืดเยื้อเสียเวลา เช่นนั้นแล้วจวนสกุลเซี่ยคงเงียบสงบน่าอยู่มากกว่านี้”

“หย่างั้นหรือ…?”

เซี่ยเว่ยหลงเลิกคิ้วขึ้นอย่างเย้ยหยัน มุมปากหนากระตุกยกยิ้มร้าย สายตาคมกริบดูเย็นยะเยือกมิต่างจากก้อนน้ำแข็ง “แม้แต่ความตาย...ก็พรากนางไปจากข้าไม่ได้”

ให้เขาปล่อยให้นางไปงั้นหรือ?

ไม่มีวัน!...หากเขาไม่อนุญาตต่อให้จะเป็นสวรรค์หรือปรโลกก็อย่าหวังจะเอานางไปจากเขาได้!

“เพ่ย! แท้จริงเจ้าต้องการสิ่งใดจากนางกันแน่เซี่ยเว่ยหลง!” จางเหวินอดกลั้นไม่ไหวจนต้องสบถออกมา น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความโกรธเคืองคับแน่นในอกอย่างชัดเจน

หลานชายของเขาช่างน่าสงสารเสียจริงที่บิดาเช่นนี้!

“ยามนั้น...จวนสกุลเซี่ยเสียเงินทองไปไม่น้อยเพื่อสู่ขอสตรีเพียงผู้เดียว ข้าจะยอมขาดทุนโดยไม่ได้อะไรเลยน่ะหรือ” น้ำเสียงของเขานิ่งเฉยแต่มันกลับเต็มไปด้วยความดูแคลน

นับตั้งแต่วันนั้น…ชีวิตนางเป็นของเขาแล้ว

 

 

 

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๖ เส้นด้ายแดงขาดสะบั่น

    “เซี่ยเว่ยหลง…จริงๆ ข้าเสียดายไม่น้อย” น้ำเสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาแฝงความเหนื่อยล้าเอาไว้อย่างชันเจน ไป๋เสี่ยวหรันลอบหายใจเฮือกหนึ่งคล้ายกลับกำลังอดกลั้นอารมณ์ที่ปะทุขึ้นคับแน่นอยู่ในอก“ไป๋เสี่ยวหรัน…” เซี่ยเว่ยหลงส่ายหน้าไปมาปฏิเสธ เขาไม่ต้องการได้ยินถ้อยคำใดจากนางอีกแล้ว ฝ่ามือหนาคว้ามือของนางมากอบกุมไว้แน่นราวกับหวาดกลัวว่าสตรีตรงหน้าจะเลือนรางและหายจากไปตลอดกาลท่าทางของเขาในยามนี้ไม่ต่างจากกำลังวิงวอนรั้งนางเอาไว้ สายตาคมกริบที่เคยแข็งกร้าวกลับอ่อนลงอย่างชัดเจนหากเป็นในยามปกติไป๋เสี่ยวหรันคงเผลอใจและหลงเชื่อในคำพูดของเขาแน่ แต่ยามนี้...บุรุษตรงหน้าเมามายอยู่มาก ใบหน้าหล่อเหล่าแดงก่ำจากฤทธิ์สุราทั้งยังมีกลิ่นฉุนโชยอยู่รอบกายไป๋เสี่ยวหรันไม่ดึงมือกลับ นางเพียงยืนนิ่งคล้ายกำลังตั้งสติ ภายในใจกลับสั่นไหวอยากเกินจะควบคุมคำพูดของเซี่ยเว่ยในยามนี้ก็เป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น…มีหรือหทกเขามีสตรีดีจะกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมา!ใบหน้าคนงามปรากฏรอยยิ้มบางๆ สะท้อนแสงจันทราที่สะท้อนสาดส่องลงมาอย่างเย็นชา นัยน์ตาเมล็ดซิ่งของนางว่างเปล่าไร้ความรู้สึกใดๆ“ทว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่…ฝืนดันทุรังไปก็เท่านั้น

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๕ แม้ว่าจะไร้วาสนาก็จะฝืนโชคชะตา

    ยามไฮ่ (21.00 – 23.00 น.)จางเหวินเจอเซี่ยเว่ยหลงอีกครั้ง เขาก็สังเกตได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ไม่เช่นนั้นเจ้าคนผู้นั้นจะเอาแต่นั่งดื่มสุราจอกแล้วจอกอย่างเงียบงันโดยไม่ปริปากเอ่ยอันใดออกมาได้อย่างไรตลอดหลายชั่วยามที่ผ่านมา!“เหอะ!” เขาแค่นเสียงออกมา สายตาจ้องมองอีกฝ่ายนิ่งๆ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ดอกเหมยร่วงหล่นปลิวไปกับสายลม...ต่อให้ยื่นมือออกคว้าก็เกินกว่าจะรั้งไว้ได้อีกแล้ว”!!!ปัง!เสียงจอกสุรากระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรงจนดังสะท้อนไปทั่วทั้งห้องบ่งบอกอารมณ์ขุ่นมัวของเซี่ยเว่ยหลงได้ชัดเจน มุมปากหนาเหยียดยิ้มเยาะเล็กน้อยเซี่ยเว่ยหลงพลางเอ่ยออกมาเสียงเรียบราวกับมิได้ต้องการคำตอบอันใด “ย่อมเคยรักงั้นหรือ…ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ใจของนางเริ่มเปลี่ยนไปเป็นอื่น”หมายความว่าอย่างไรกัน…!?จางเหวินได้ยินแล้วพลันขมวดคิ้วมุ่นอย่างงุนงงทันทีเขาไม่รู้ว่าเซี่นเว่ยหลงกำลังกล่าวถึงสิ่งใดอยู่หรือแท้จริงแล้วเพียงแค่เมามายจนสติเลอะเลือนไปแล้วอย่างงั้นหรือ…?จางเหวินหรี่สายตาสังเกตอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดออกมา “หึ! อวดดี...คำพูดร้ายกาจแต่การกระทำลับหลังกลับน่าสมเพช”เขาหรือน่า

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๔ รั้งไว้ไม่ยอมปล่อยไป

    เหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่บริเวณนั้นต่างตัวแข็งทื่อราวกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินถ้อยคำเยือกเย็นเจือด้วยความรุนแรงของเซี่ยเว่ยหลง ไฉนพวกนางจะคาดคิดเล่าว่านายท่านจะกล้ากล่าววาจาเชือดเฉือนฮูหยินได้ถึงเพียงนี้โดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้นช่างเห็นใจฮูหยินไม่น้อย!เมื่อก่อนนั้นแม้ว่านายท่านจะไม่ชอบฮูหยินแล้วอย่างไรกัน แต่ยังเห็นแก่มารดาอยู่ไม่น้อยทว่ายามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าได้จากไปแล้ว ภายในจวนหลังสกุลเซี่ยย่อมไม่มีผู้ใดกล้าออกหน้าปกป้องฮูหยินได้ และที่แย่ยิ่งกว่าคือ...ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาของผู้เป็นนายทั้งสองก็มิได้ลึกซึ้งเพียงนั้นว่ากันตามตรงแล้วห่างเหินยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก!เช่นนั้นแล้ว หากไร้รัก…เหตุใดผู้เป็นนายจึงไม่รีบหย่าให้จบสิ้นเสียเล่า ไม่ใช่ว่าฮูหยินรวบรวมความกล้าเอ่ยปากขอหย่าแล้วมิใช่หรือไรกันยามนี้ในสายตาของเหล่าสาวใช้ทั้งหลายล้วนเต็มไปด้วยความเห็นใจและสงสารผู้เป็นนายหญิงไม่น้อยไฉนนายท่านถึงใจร้ายได้ถึงเพียงนี้กัน!ไป๋เสี่ยวหรันยังคงระบายยิ้มกว้างราวกับไม่ได้รู้สึกอันใดแต่กลับเจือไปด้วยความขมขื่นอย่างชัดเจน นัยน์ตาเมล็ดซิ่งของสั่นไหวครู่หนึ่งก่อนจะกลับมานิ่งเฉยดังเดิม

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๓ ประชดประชัน

    “มารดามันเถอะ! เซี่ยเว่ยหลง”พอได้ยินประโยคนั้นแล้ว จางเหวินตวาดดังลั่นพลางสูดลมหายใจลึกคล้ายกับกำลังตั้งสติและระงับโทสะที่เดือดพล่านอยู่ในอก สายตาคมกริบหรี่มองเซี่ยเว่ยหลงด้วยความไม่พอใจ “นางคือภรรยาของเจ้า…หาใช่สิ่งของที่จะชั่งน้ำหนักหากำไรหรือขาดทุน!”ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ จางเหวินคิดว่าอยากจะจับมือคนผู้นี้ขึ้นมาเขียนหนังสือหย่าและลงนามให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆหากหลานชายของเขาต้องเติบโตโดยไร้บิดา…ก็ช่างมันเถิด!บุรุษเช่นนี้…หากไม่ให้เกียรติต่อภรรยาได้ก็อยู่ผู้เดียวไปตลอดชีวิตจนผมขาวโพลนเถอะ!“…” เซี่ยเว่ยหลงเงียบไม่เอื้อนเอ่ยคำใด สายตาคมกริบดูลุ่มลึกคล้ายกำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่หลายปีมานี้ เซี่ยเว่ยหลงยอมรับว่า เขามิได้มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อไป๋เสี่ยวหรัน นางเป็นเพียงภาระที่เขาต้องแบกรับไว้ด้วยความจำยอมเพราะความปรารถนาของมารดาแม้ว่านางสงบเสงี่ยม อ่อนน้อมและไม่เคยแม้แต่จะโต้แย้ง คำพูดจากปากเขาสิบประโยคแต่นางตอบกลับเพียงหนึ่งเท่านั้นแต่ไฉน วันนั้นกลับกล้าถึงขั้นเอ่ยปากขอหย่ากัน…!?พอเห็นบุรุษตรงหน้านิ่งไป คล้ายกับว่ากระตุ้นโทสะในอกของจางเหวินให้ปะทุขึ้นมา แม้ว่านี่จะไม่ใช่

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๒ เหตุผลเดียว

    “พ่อ!”นิ้วมือเล็กอวบของเด็กน้อยชี้ไปยังบุรุษผู้หนึ่งที่นั่งอยู่กลางห้องโถงใหญ่ระหว่างทางเดิน ใบหน้าเล็กแย้มยิ้มกว้างเสียจนตาหยี ทั้งยังเปล่งเสียงใสเรียกอีกฝ่ายด้วยความดีใจเกินจะกักเก็บไว้ “พ่อ!”“พ่อ!”ชู่ว์~~“อาหยวน...เบาเสียงลงหน่อยได้หรือไม่” ไป๋เสี่ยวหรันเอ่ยพลางลูบหลังลูกชายเบาๆ หวังกล่อมให้เจ้าตัวน้อยสงบเสียงลง“ป๋อ! พ่อ!!”!!!ทว่าสุดท้ายกลับไร้ประโยชน์…ไป๋เสี่ยวหรันถึงกับสะดุ้งอีกครั้ง ราวกับว่ายิ่งนางห้ามปราม บุตรชายในอ้อมแขนก็ยิ่งส่งเสียงดังยิ่งกว่าเดิมจนดังก้องสะท้อนไปทั่วบริเวณ เหล่าสาวใช้ต่างปรายสายตาหันมามองเป็นตาเดียวกันเซี่ยเจิ้นหยวนในอ้อมกอดมารดาพลันหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีด้วยความสนุกสนาน “พ่อๆ!”นางหันไปมองบุตรชายด้วยสายตาเอ็นดูแฝงความหนักใจเล็กน้อย ก่อนจะโน้มใบหน้าลงกระซิบใกล้หูอาหยวนด้วยน้ำเสียงหวานพลางข่มขู่ “หากเจ้าเอาแต่ร้องเสียงดังเช่นนี้...แม่เกรงว่าบิดาของเจ้าคงจะไม่พอใจเอาได้ พอถึงตอนนั้นแม่ก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้แน่อาหยวน”ใบหน้าเล็กของเด็กน้อยขมวดคิ้วมุ่นไม่พอใจคล้ายกำลังถูกขัดใจ ทั้งแววตาและนิ้วมือยังคงยืนยันหนักแน่นชี้ไปยังบุรุษในห้องโถงใหญ่อย่างไม่ลด

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๑ ดันทุรัง

    “ข้าเอ่ยปากขอหย่ากับเขาแล้ว”!!!น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมาราบเรียบแต่ทว่าเมิ่งซือซือฟังแล้วกลับต้องชะงัก ดวงตาคู่งามเบิกโพลงกว้างด้วยความตกใจทันที คาดว่าคงเป็นนางที่แก่เลอะเลือนหูฝาดได้ยินผิดเพี้ยนไปเองกระมัง“เจ้าว่าอย่างไรกันเสี่ยวหรัน!”เมิ่งซือซือขมวดคิ้วมุ่นหรี่สายตาเพ่งมองสตรีตรงหน้าราวกับต้องการคาดเค้นความจริงออกจากปากอีกฝ่ายให้ได้ไป๋เสี่ยวหรันพลางระบายยิ้มจางๆ กล่าวออกมาอีกครั้งราวกับว่าหาใช่ใหญ่อันใด “ข้าเอ่ยปากจะหย่ากับเซี่ยเว่ยหลงแล้ว…รอเพียงแต่เขาเขียนหนังสือหย่าและลงนามให้เท่านั้น”เมิ่งซือซือได้ยินอีกครั้งถึงกลับชะงักถอยหลังออกห่างคล้ายกับว่ากำลังหวาดกลัว นางถอนหายใจด้วยความหนักอึ้ง พอตั้งสติได้จึงเร่งรีบเดินเข้ามากุมมือของสตรีตรงหน้าเอาไว้ “รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรออกมา” สายตาของนางแลมองซ้ายขวาท่าทางราวกับหวาดระแวงสิ่งใด น้ำเสียงหวานเอ่ยอย่างแผ่วเบา“หย่าสามี…นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรนำมาล้อเล่น!”ไป๋เสี่ยวหรันยังคงสงบนิ่งและเย็นยะเยือกในคราเดียวกัน ใบหน้าคนงามปรากฏรอยยิ้มจางๆ แต่งแต้มอยู่ทว่านัยน์ตาเมล็ดซิ่ง กลับดูหม่นแสงลงเล็กน้อย “เรื่องนี้ข้าย่อมหมายความว่าเช่นนั้น

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status