Share

๑ ดันทุรัง

last update Last Updated: 2025-06-23 05:29:16

“ข้าเอ่ยปากขอหย่ากับเขาแล้ว”

!!!

น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมาราบเรียบแต่ทว่าเมิ่งซือซือฟังแล้วกลับต้องชะงัก ดวงตาคู่งามเบิกโพลงกว้างด้วยความตกใจทันที คาดว่าคงเป็นนางที่แก่เลอะเลือนหูฝาดได้ยินผิดเพี้ยนไปเองกระมัง

“เจ้าว่าอย่างไรกันเสี่ยวหรัน!”

เมิ่งซือซือขมวดคิ้วมุ่นหรี่สายตาเพ่งมองสตรีตรงหน้าราวกับต้องการคาดเค้นความจริงออกจากปากอีกฝ่ายให้ได้

ไป๋เสี่ยวหรันพลางระบายยิ้มจางๆ กล่าวออกมาอีกครั้งราวกับว่าหาใช่ใหญ่อันใด “ข้าเอ่ยปากจะหย่ากับเซี่ยเว่ยหลงแล้ว…รอเพียงแต่เขาเขียนหนังสือหย่าและลงนามให้เท่านั้น”

เมิ่งซือซือได้ยินอีกครั้งถึงกลับชะงักถอยหลังออกห่างคล้ายกับว่ากำลังหวาดกลัว นางถอนหายใจด้วยความหนักอึ้ง พอตั้งสติได้จึงเร่งรีบเดินเข้ามากุมมือของสตรีตรงหน้าเอาไว้ “รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรออกมา” สายตาของนางแลมองซ้ายขวาท่าทางราวกับหวาดระแวงสิ่งใด น้ำเสียงหวานเอ่ยอย่างแผ่วเบา

“หย่าสามี…นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรนำมาล้อเล่น!”

ไป๋เสี่ยวหรันยังคงสงบนิ่งและเย็นยะเยือกในคราเดียวกัน ใบหน้าคนงามปรากฏรอยยิ้มจางๆ แต่งแต้มอยู่ทว่านัยน์ตาเมล็ดซิ่ง กลับดูหม่นแสงลงเล็กน้อย “เรื่องนี้ข้าย่อมหมายความว่าเช่นนั้น…ไม่นำมาล้อเล่นแน่เมิ่งซือซือ” นางตอบออกมาอย่างแผ่วเบาทว่ากลับหนักแน่น

“…”

“ความรักที่ข้าทุ่มเทลงไปทั้งหมดสามปี สุดท้ายก็ต้องจบลงเช่นนี้…ข้าทนกับความเฉยชา ทนกับความเย็นชาของเขายิ่งกว่านั้นข้าต้องอยู่อย่างไม่ไร้ค่าในสายตาของเขา” น้ำเสียงหวานสั่นเครือเล็กน้อย

ไป๋เสี่ยวหรันเม้มริมฝีปากแน่น จู่ๆ หัวใจก็พลันบีบรัดแน่นแทบจะใจไม่ออก ลมหายใจค่อยๆ ถี่ขึ้นเรื่อยๆ อย่างควบคุมไม่ได้

!!!

“เสี่ยวหรัน!”

พอเมิ่งซือซือเห็นท่าทางของสหายแล้วจึงรีบเข้ามาพยุงอีกฝ่ายไว้ทันที เกรงว่าจะเป็นล้มลงคะมำลงพื้นไปได้

“เรื่องใหญ่โตเช่นนี้…ใจเย็นๆ ค่อยๆ คิดทบทวนให้ดีก่อนหรือไม่ อย่างไรแล้วก็เห็นแก่อาหยวนเถิด” ไม่ว่าอีกฝ่ายจะตัดสินใจอย่างไรนางหาได้เอ่ยห้ามหรือขัด…เพียงแต่คิดให้ดีๆ ก่อนเถอะ

ใจเย็นงั้นหรือ…? คิดทบทวนให้ดีอย่าวูบวาบ

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดไป๋เสี่ยวหรันได้ยินประโยคเช่นนี้แล้วนึกอยากจะหัวเราะร่อออกมาเสียงดังเหลือเกิน

นางซบใบหน้าลงบนไหล่ของเมิ่งซือซืออย่างไร้เรี่ยวแรง “เพราะข้าเห็นแก่อาหยวนอย่างไรกัน”

วันข้างหน้าบุตรชายของนางก็ต้องโตกลายเป็นบุรุษผู้หนึ่ง เป็นสามีของสตรีผู้หนึ่งและกลายเป็นบิดา หากเขามีนิสัยเป็นเฉกเช่นเดียวกับเซี่ยเว่ยหลงเล่า…มิสู้นางพาเขาออกมาไม่ดีกว่าหรือ!?

เมิ่งซือซือได้แต่ยืนเงียบงัน ไม่รู้จะหาคำใดมาปลอบได้อีก  “แล้วเซี่ยเว่ยหลงเล่า…หากเขาไม่ยอมหย่าจะทำอย่างไร”

ไป๋เสี่ยวหรันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองสหายข้างกาย แววตาที่เคยแน่วแน่กลับสั่นระริกด้วยความรู้สึกมากมายที่พรั่งพรูอยู่ภายในใจและเพียงชั่วอึดใจหนึ่ง…หยาดน้ำตาเม็ดใสก็พลันไหลรินลงอาบแก้มนวลอย่างควบคุมไม่ได้ “ข้าทนมามากพอแล้ว...ซือซือ ข้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วจริงๆ” น้ำเสียงหวานเปล่งออกมาอย่างสะอื้นแฝงความอ่อนล้าทุกถ้อยคำ

“เสี่ยวหรัน...”

เมิ่งซือซือเรียกพลางชื่ออีกฝ่ายเสียงเบาด้วยความเห็นใจ นางพลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

“…” นางทนไม่ไหวแล้ว สามปีที่ผ่านมานับว่าความอดทนของนางสิ้นสุดลงแล้ว หากเป็นสตรีที่เขารักไม่ว่านางจะทำอย่างไรล้วนอยู่ในสายตาทว่านางไม่ใช่…ไม่ว่าจะทำสิ่งใดไปล้วนไร้ค่าทั้งสิ้น

จวนสกุลไป๋มิใช่สกุลสูงศักดิ์อันใด…เป็นเพียงตระกูลพ่อค้าธรรมดาเท่านั้น แต่ทว่านายท่านไป๋นั้นกลับมีนิสัยโลภมาก เสเพลและมีภรรยามากมายยิ่งกว่าตระกูลเศรษฐีเสียอีก

มิหนำซ้ำแล้ว เหล่าภรรยาทั้งหลายต่างคล้ายกับประสานใจให้กำเนิดเพียงบุตรสาวเท่านั้นจนเต็มจวน ไร้เงาของบุตรชายไว้ให้ชื่นใจสืบสกุลแม้สักคนเดียว พอหลายปีผ่านไป…ความหนุ่มแน่นของนายท่านไป๋ก็โรยรา เงินทองเริ่มร่อยหรอ เหล่าภรรยาในจวนเริ่มกลายเป็นภาระมิใช่ทรัพย์สมบัติให้ชื่นชมอย่างเคยและหากไม่ขายลูกสาวกินค่าสินสอดแล้วจะให้ทำเช่นไร…!?

 ไป๋เสี่ยวหรันเป็นบุตรสาวคนโตย่อมไม่อาจปฏิเสธได้จึงกลายเป็นคำตอบเหมาะสมในยามที่นายท่านไป๋ต้องการเงินก้อนโต

 

ปลายยามซวี (19.00 – 21.00 น.)

บรรยากาศยามค่ำคืนมืดมิดอันเงียบสงัด มีสายลมเย็นโชยผ่านใบไม้พลิ้วไหวจนเกิดเสียงกรอบแกรบแผ่วเบาทว่ากลับฟังดูวังเวงนัก ผ้าม่านสีอ่อนพลิ้วไสวตามแรงลมราวกับสะท้อนความรู้สึกปั่นป่วนที่อัดแน่นอยู่ในอกของนาง

ไป๋เสี่ยวหรันทอดสายตามองท้องฟ้ายามค่ำ นัยน์ตาเมล็ดเรียบนิ่งอย่างเหม่อลอยราวกับกำลังคิดไตร่ตรองสิ่งใดอยู่เงียบๆ ใบหน้างดงามสะท้อนแสงจันทราอ่อนจางฉายแววขุ่นมัวออกมาอย่างชัดเจน

ตึง... ตึง...

จู่ๆ ในจังหวะเดียวกันนั้นมีเสียงฝีเท้าหนักแน่นดังสะท้อนก้องมาจากหน้าเรือนอย่างแผ่วเบาก่อนจะใกล้เข้ามา…ก่อนที่เพียงชั่วพริบตาเดียว บานประตูไม้ก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรง

!!!

ไม่ต้องหันไปมอง นางก็รู้ว่าเป็นผู้ใด

“…” ไป๋เสี่ยวหรันยังคงนั่งนิ่ง ตั้งใจฟังเสียงจากข้างนอก

เซี่ยเว่ยหลงเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด สายตาคมกริบตวัดมองมายังร่างบางที่ยืนนิ่งอยู่ริมหน้าต่าง น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพลันดังสะท้อนก้องไปทั่วทั้งห้อง

“อยากหย่ากับข้างั้นหรือ…”

หึ!...ที่แท้ก็เร่งรีบมาเพราะเรื่องนี้

ไป๋เสี่ยวหรันไม่ได้หันไปมองอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

นางหลุบตาลงต่ำก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “หากท่านไม่คิดเลี้ยงดูอาหยวนในฐานะบุตรชายเช่นนั้นพอหย่าแล้ว ข้าจะพาเขาไปด้วยและไม่หวนกลับมารบกวนหรือเรียกร้องอันใด”

ทว่ายังไม่ทันได้สิ้นสุดคำพูด เซี่ยเว่ยหลงเอ่ยแทรกออกไปคล้ายกลับใจร้อน ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม กลิ่นอายทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว สายตาคมกริบดูลึกล้ำยากเกินจะคาดเดาได้

“มีเหตุผลอันใด”

แท้จริงแล้วเพราะเหตุใดกัน…!?

เขาให้นางอยู่ในจวนอย่างสุขสบาย ไม่มีเรื่องของสตรีอื่นให้ต้องรำคาญใจและยิ่งกว่านั้นแล้วจวนสกุลเซี่ยไม่เคยขัดสนเงินในมือด้วยซ้ำ

เพราะเหตุใดนางถึงกล้าเอ่ยปากขอหย่ากับเขา!

ไป๋เสี่ยวหรันค่อยๆ หันกลับมา นัยน์ตาเมล็ดซิ่งพลันสบเข้ากับดวงตาคมกริบอย่างบังเอิญ “แม้ข้าและท่านจะเป็นสามีภรรยากันแล้วอย่างไร ทว่าความสัมพันธ์กลับห่างเหินยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีกนายท่านเซี่ย”

“…” เซี่ยเว่ยหลงพลันสบเข้ากับนัยน์ตาเมล็ดซิ่งพอดีก่อนที่หัวคิ้วของเขาจะขมวดมุ่นงุนงง

ท่าทางเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน…!?

แววตาที่ทอดมองมายังเขานั้น…ไร้ความโกรธหรือเกลียดชัง มีเพียงความว่างเปล่าที่เจือด้วยความเหนื่อยล้าและเจ็บปวดเท่านั้น

เซี่ยเว่ยหลงนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาพลางกำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว สายตาคมกริบวูบไหวก่อนจะเรียบนิ่งเย็นชาดังเดิม “เหอะ! กำลังประชดประชันคิดเรียกร้องความสนใจจากข้าอยู่งั้นหรือ” น้ำเสียงทุ้มเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

นางได้ยินถ้อยคำนี้แล้วพลางหัวเราะเบาๆ ทว่าเจือไปด้วยความเหนื่อยล้าและขมขื่น “ประชดไปเพื่ออันใดเล่า ในเมื่อท่าน...ไม่เคยแม้แต่จะมองเห็นข้าเลยด้วยซ้ำ”

เช่นนั้นก็มีแต่ไร้ประโยชน์…

“ไป๋เสี่ยวหรัน!”

เซี่ยเว่ยหลงกัดฟันกรอด ตวาดเสียงดังก้อง ดวงตาคมกริบฉายแววความเกรี้ยวกราดออกมาอย่างชัดเจน มุมปากหนากระตุกยกยิ้มร้าย “หึ! ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าหย่า!”

เขาไม่มีทางยอมปล่อยนางไปง่ายๆ อย่างไรเหตุผลแน่!

“นี่ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะอนุญาตหรือไม่อนุญาต...เซี่ยเว่ยหลง ข้าต้องการเพียงแค่ให้ท่านลงบนกระดาษเท่านั้น” ไป๋เสี่ยวหรันหรือจะเกรงกลัวบุรุษผู้นี้ ใบหน้าคนงามเชิดขึ้นเล็กน้อย จ้องสบตาของเขานิ่งๆ อย่างไม่ลด

“หากเจ้าจะไปจากข้าได้ก็ต่อเมื่อกลายเป็นร่างไร้วิญญาณเท่านั้นไป๋เสี่ยวหรัน!”

นางสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่คล้ายกำลังอดกลั้นสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในอกมานานหลายปี นัยน์ตาคู่งามนิ่งเย็นชาราวกับหิมะแรกยามเหมันต์

“เซี่ยเว่ยหลง” น้ำเสียงหวานเรียกแผ่วเบา

ไป๋เสี่ยวหรันระบายยิ้มจางๆ หาได้หวาดหวั่นต่อคำขู่ของเขาเลยแม้แต่น้อย

“ที่ผ่านมาข้าอดทน ไม่เคยพร่ำบ่นสิ่งใดหรือตั้งคำถามอันใดให้มากความ ยิ่งกว่านั้นยังทำตัวเป็นภรรยาที่ดีเพราะข้ายังมีหวังว่าวันหนึ่งท่านอาจจะหันมามองเห็นข้าบ้าง” น้ำเสียงของนางราบเรียบเฉยแต่กลับเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและขมขื่นทุกถ้อยคำ

“ทว่าสุดท้าย…ความพยายามตลอดสามปีของข้านั้นไร้ค่า ไม่อาจแม้แต่จะแลกกับหนึ่งในสายตาท่านได้เลยเซี่ยเว่ยหลง” นางหมดสิ้นเรี่ยวแรงจะยึดเหนี่ยวสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว

“…” เซี่ยเว่ยหลงยังคงนิ่งงัน สีหน้าที่เคยเคร่งเครียดเจื่อนลงทันที สายตาคมกริบวูบไหวพร้อมกับความรู้สึกที่ปั่นป่วนอยู่ในอก

เขาไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้มากก่อน…นัยน์ตาคู่งามที่แฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าและเจ็บปวดเช่นนี้ เซี่ยเว่ยหลงรู้สึกคันยุบยิบในอกไม่น้อย

ไป๋เสี่ยยวหรันสบตามองอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาคู่งามสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่ก่อนที่จะเบือนหน้าหนีพลางลุกขึ้นเดินจากไปหยุดยืนริมเตียงทันที

“นี่ก็ดึกมากแล้ว หากท่านไม่ต้องการจะนอนร่วมเตียงกับข้าเช่นนั้นก็เชิญดับตะเกียงแล้วออกไปเถิด” นางเอ่ยออกมาหาได้มีความเว้าวอนหรือยื้อรั้งอีกต่อไป

“ไล่ข้างั้นหรือ” เซี่ยเว่ยหลงเลิกคิ้วเอ่ยถามหลังจากเงียบอยู่นานครู่หนึ่ง เขาไม่รู้จะเอ่ยถ้อยคำอย่างไรออกมา

“ข้าเหนื่อยแล้วเซี่ยเว่ยหลง” ไป๋เสี่ยวหรันก้าวขึ้นเตียงทั้งยังล้มตัวนอนตะแคงหันไปอีกฝั่งทันที นางไม่คิดแม้แต่จะปรายสายตาหันไปมองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

นางเหนื่อยเหลือเกิน…

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๖ เส้นด้ายแดงขาดสะบั่น

    “เซี่ยเว่ยหลง…จริงๆ ข้าเสียดายไม่น้อย” น้ำเสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาแฝงความเหนื่อยล้าเอาไว้อย่างชันเจน ไป๋เสี่ยวหรันลอบหายใจเฮือกหนึ่งคล้ายกลับกำลังอดกลั้นอารมณ์ที่ปะทุขึ้นคับแน่นอยู่ในอก“ไป๋เสี่ยวหรัน…” เซี่ยเว่ยหลงส่ายหน้าไปมาปฏิเสธ เขาไม่ต้องการได้ยินถ้อยคำใดจากนางอีกแล้ว ฝ่ามือหนาคว้ามือของนางมากอบกุมไว้แน่นราวกับหวาดกลัวว่าสตรีตรงหน้าจะเลือนรางและหายจากไปตลอดกาลท่าทางของเขาในยามนี้ไม่ต่างจากกำลังวิงวอนรั้งนางเอาไว้ สายตาคมกริบที่เคยแข็งกร้าวกลับอ่อนลงอย่างชัดเจนหากเป็นในยามปกติไป๋เสี่ยวหรันคงเผลอใจและหลงเชื่อในคำพูดของเขาแน่ แต่ยามนี้...บุรุษตรงหน้าเมามายอยู่มาก ใบหน้าหล่อเหล่าแดงก่ำจากฤทธิ์สุราทั้งยังมีกลิ่นฉุนโชยอยู่รอบกายไป๋เสี่ยวหรันไม่ดึงมือกลับ นางเพียงยืนนิ่งคล้ายกำลังตั้งสติ ภายในใจกลับสั่นไหวอยากเกินจะควบคุมคำพูดของเซี่ยเว่ยในยามนี้ก็เป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้น…มีหรือหทกเขามีสตรีดีจะกล่าวถ้อยคำเช่นนี้ออกมา!ใบหน้าคนงามปรากฏรอยยิ้มบางๆ สะท้อนแสงจันทราที่สะท้อนสาดส่องลงมาอย่างเย็นชา นัยน์ตาเมล็ดซิ่งของนางว่างเปล่าไร้ความรู้สึกใดๆ“ทว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่…ฝืนดันทุรังไปก็เท่านั้น

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๕ แม้ว่าจะไร้วาสนาก็จะฝืนโชคชะตา

    ยามไฮ่ (21.00 – 23.00 น.)จางเหวินเจอเซี่ยเว่ยหลงอีกครั้ง เขาก็สังเกตได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ไม่เช่นนั้นเจ้าคนผู้นั้นจะเอาแต่นั่งดื่มสุราจอกแล้วจอกอย่างเงียบงันโดยไม่ปริปากเอ่ยอันใดออกมาได้อย่างไรตลอดหลายชั่วยามที่ผ่านมา!“เหอะ!” เขาแค่นเสียงออกมา สายตาจ้องมองอีกฝ่ายนิ่งๆ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “ดอกเหมยร่วงหล่นปลิวไปกับสายลม...ต่อให้ยื่นมือออกคว้าก็เกินกว่าจะรั้งไว้ได้อีกแล้ว”!!!ปัง!เสียงจอกสุรากระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรงจนดังสะท้อนไปทั่วทั้งห้องบ่งบอกอารมณ์ขุ่นมัวของเซี่ยเว่ยหลงได้ชัดเจน มุมปากหนาเหยียดยิ้มเยาะเล็กน้อยเซี่ยเว่ยหลงพลางเอ่ยออกมาเสียงเรียบราวกับมิได้ต้องการคำตอบอันใด “ย่อมเคยรักงั้นหรือ…ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ใจของนางเริ่มเปลี่ยนไปเป็นอื่น”หมายความว่าอย่างไรกัน…!?จางเหวินได้ยินแล้วพลันขมวดคิ้วมุ่นอย่างงุนงงทันทีเขาไม่รู้ว่าเซี่นเว่ยหลงกำลังกล่าวถึงสิ่งใดอยู่หรือแท้จริงแล้วเพียงแค่เมามายจนสติเลอะเลือนไปแล้วอย่างงั้นหรือ…?จางเหวินหรี่สายตาสังเกตอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดออกมา “หึ! อวดดี...คำพูดร้ายกาจแต่การกระทำลับหลังกลับน่าสมเพช”เขาหรือน่า

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๔ รั้งไว้ไม่ยอมปล่อยไป

    เหล่าสาวใช้ที่ยืนอยู่บริเวณนั้นต่างตัวแข็งทื่อราวกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินถ้อยคำเยือกเย็นเจือด้วยความรุนแรงของเซี่ยเว่ยหลง ไฉนพวกนางจะคาดคิดเล่าว่านายท่านจะกล้ากล่าววาจาเชือดเฉือนฮูหยินได้ถึงเพียงนี้โดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้นช่างเห็นใจฮูหยินไม่น้อย!เมื่อก่อนนั้นแม้ว่านายท่านจะไม่ชอบฮูหยินแล้วอย่างไรกัน แต่ยังเห็นแก่มารดาอยู่ไม่น้อยทว่ายามนี้ฮูหยินผู้เฒ่าได้จากไปแล้ว ภายในจวนหลังสกุลเซี่ยย่อมไม่มีผู้ใดกล้าออกหน้าปกป้องฮูหยินได้ และที่แย่ยิ่งกว่าคือ...ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาของผู้เป็นนายทั้งสองก็มิได้ลึกซึ้งเพียงนั้นว่ากันตามตรงแล้วห่างเหินยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก!เช่นนั้นแล้ว หากไร้รัก…เหตุใดผู้เป็นนายจึงไม่รีบหย่าให้จบสิ้นเสียเล่า ไม่ใช่ว่าฮูหยินรวบรวมความกล้าเอ่ยปากขอหย่าแล้วมิใช่หรือไรกันยามนี้ในสายตาของเหล่าสาวใช้ทั้งหลายล้วนเต็มไปด้วยความเห็นใจและสงสารผู้เป็นนายหญิงไม่น้อยไฉนนายท่านถึงใจร้ายได้ถึงเพียงนี้กัน!ไป๋เสี่ยวหรันยังคงระบายยิ้มกว้างราวกับไม่ได้รู้สึกอันใดแต่กลับเจือไปด้วยความขมขื่นอย่างชัดเจน นัยน์ตาเมล็ดซิ่งของสั่นไหวครู่หนึ่งก่อนจะกลับมานิ่งเฉยดังเดิม

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๓ ประชดประชัน

    “มารดามันเถอะ! เซี่ยเว่ยหลง”พอได้ยินประโยคนั้นแล้ว จางเหวินตวาดดังลั่นพลางสูดลมหายใจลึกคล้ายกับกำลังตั้งสติและระงับโทสะที่เดือดพล่านอยู่ในอก สายตาคมกริบหรี่มองเซี่ยเว่ยหลงด้วยความไม่พอใจ “นางคือภรรยาของเจ้า…หาใช่สิ่งของที่จะชั่งน้ำหนักหากำไรหรือขาดทุน!”ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด จู่ๆ จางเหวินคิดว่าอยากจะจับมือคนผู้นี้ขึ้นมาเขียนหนังสือหย่าและลงนามให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆหากหลานชายของเขาต้องเติบโตโดยไร้บิดา…ก็ช่างมันเถิด!บุรุษเช่นนี้…หากไม่ให้เกียรติต่อภรรยาได้ก็อยู่ผู้เดียวไปตลอดชีวิตจนผมขาวโพลนเถอะ!“…” เซี่ยเว่ยหลงเงียบไม่เอื้อนเอ่ยคำใด สายตาคมกริบดูลุ่มลึกคล้ายกำลังครุ่นคิดเรื่องบางอย่างอยู่หลายปีมานี้ เซี่ยเว่ยหลงยอมรับว่า เขามิได้มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อไป๋เสี่ยวหรัน นางเป็นเพียงภาระที่เขาต้องแบกรับไว้ด้วยความจำยอมเพราะความปรารถนาของมารดาแม้ว่านางสงบเสงี่ยม อ่อนน้อมและไม่เคยแม้แต่จะโต้แย้ง คำพูดจากปากเขาสิบประโยคแต่นางตอบกลับเพียงหนึ่งเท่านั้นแต่ไฉน วันนั้นกลับกล้าถึงขั้นเอ่ยปากขอหย่ากัน…!?พอเห็นบุรุษตรงหน้านิ่งไป คล้ายกับว่ากระตุ้นโทสะในอกของจางเหวินให้ปะทุขึ้นมา แม้ว่านี่จะไม่ใช่

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๒ เหตุผลเดียว

    “พ่อ!”นิ้วมือเล็กอวบของเด็กน้อยชี้ไปยังบุรุษผู้หนึ่งที่นั่งอยู่กลางห้องโถงใหญ่ระหว่างทางเดิน ใบหน้าเล็กแย้มยิ้มกว้างเสียจนตาหยี ทั้งยังเปล่งเสียงใสเรียกอีกฝ่ายด้วยความดีใจเกินจะกักเก็บไว้ “พ่อ!”“พ่อ!”ชู่ว์~~“อาหยวน...เบาเสียงลงหน่อยได้หรือไม่” ไป๋เสี่ยวหรันเอ่ยพลางลูบหลังลูกชายเบาๆ หวังกล่อมให้เจ้าตัวน้อยสงบเสียงลง“ป๋อ! พ่อ!!”!!!ทว่าสุดท้ายกลับไร้ประโยชน์…ไป๋เสี่ยวหรันถึงกับสะดุ้งอีกครั้ง ราวกับว่ายิ่งนางห้ามปราม บุตรชายในอ้อมแขนก็ยิ่งส่งเสียงดังยิ่งกว่าเดิมจนดังก้องสะท้อนไปทั่วบริเวณ เหล่าสาวใช้ต่างปรายสายตาหันมามองเป็นตาเดียวกันเซี่ยเจิ้นหยวนในอ้อมกอดมารดาพลันหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีด้วยความสนุกสนาน “พ่อๆ!”นางหันไปมองบุตรชายด้วยสายตาเอ็นดูแฝงความหนักใจเล็กน้อย ก่อนจะโน้มใบหน้าลงกระซิบใกล้หูอาหยวนด้วยน้ำเสียงหวานพลางข่มขู่ “หากเจ้าเอาแต่ร้องเสียงดังเช่นนี้...แม่เกรงว่าบิดาของเจ้าคงจะไม่พอใจเอาได้ พอถึงตอนนั้นแม่ก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้แน่อาหยวน”ใบหน้าเล็กของเด็กน้อยขมวดคิ้วมุ่นไม่พอใจคล้ายกำลังถูกขัดใจ ทั้งแววตาและนิ้วมือยังคงยืนยันหนักแน่นชี้ไปยังบุรุษในห้องโถงใหญ่อย่างไม่ลด

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๑ ดันทุรัง

    “ข้าเอ่ยปากขอหย่ากับเขาแล้ว”!!!น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมาราบเรียบแต่ทว่าเมิ่งซือซือฟังแล้วกลับต้องชะงัก ดวงตาคู่งามเบิกโพลงกว้างด้วยความตกใจทันที คาดว่าคงเป็นนางที่แก่เลอะเลือนหูฝาดได้ยินผิดเพี้ยนไปเองกระมัง“เจ้าว่าอย่างไรกันเสี่ยวหรัน!”เมิ่งซือซือขมวดคิ้วมุ่นหรี่สายตาเพ่งมองสตรีตรงหน้าราวกับต้องการคาดเค้นความจริงออกจากปากอีกฝ่ายให้ได้ไป๋เสี่ยวหรันพลางระบายยิ้มจางๆ กล่าวออกมาอีกครั้งราวกับว่าหาใช่ใหญ่อันใด “ข้าเอ่ยปากจะหย่ากับเซี่ยเว่ยหลงแล้ว…รอเพียงแต่เขาเขียนหนังสือหย่าและลงนามให้เท่านั้น”เมิ่งซือซือได้ยินอีกครั้งถึงกลับชะงักถอยหลังออกห่างคล้ายกับว่ากำลังหวาดกลัว นางถอนหายใจด้วยความหนักอึ้ง พอตั้งสติได้จึงเร่งรีบเดินเข้ามากุมมือของสตรีตรงหน้าเอาไว้ “รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรออกมา” สายตาของนางแลมองซ้ายขวาท่าทางราวกับหวาดระแวงสิ่งใด น้ำเสียงหวานเอ่ยอย่างแผ่วเบา“หย่าสามี…นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรนำมาล้อเล่น!”ไป๋เสี่ยวหรันยังคงสงบนิ่งและเย็นยะเยือกในคราเดียวกัน ใบหน้าคนงามปรากฏรอยยิ้มจางๆ แต่งแต้มอยู่ทว่านัยน์ตาเมล็ดซิ่ง กลับดูหม่นแสงลงเล็กน้อย “เรื่องนี้ข้าย่อมหมายความว่าเช่นนั้น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status