Share

๑ ดันทุรัง

last update Last Updated: 2025-06-23 05:29:16

“ข้าเอ่ยปากขอหย่ากับเขาแล้ว”

!!!

น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมาราบเรียบแต่ทว่าเมิ่งซือซือฟังแล้วกลับต้องชะงัก ดวงตาคู่งามเบิกโพลงกว้างด้วยความตกใจทันที คาดว่าคงเป็นนางที่แก่เลอะเลือนหูฝาดได้ยินผิดเพี้ยนไปเองกระมัง

“เจ้าว่าอย่างไรกันเสี่ยวหรัน!”

เมิ่งซือซือขมวดคิ้วมุ่นหรี่สายตาเพ่งมองสตรีตรงหน้าราวกับต้องการคาดเค้นความจริงออกจากปากอีกฝ่ายให้ได้

ไป๋เสี่ยวหรันพลางระบายยิ้มจางๆ กล่าวออกมาอีกครั้งราวกับว่าหาใช่ใหญ่อันใด “ข้าเอ่ยปากจะหย่ากับเซี่ยเว่ยหลงแล้ว…รอเพียงแต่เขาเขียนหนังสือหย่าและลงนามให้เท่านั้น”

เมิ่งซือซือได้ยินอีกครั้งถึงกลับชะงักถอยหลังออกห่างคล้ายกับว่ากำลังหวาดกลัว นางถอนหายใจด้วยความหนักอึ้ง พอตั้งสติได้จึงเร่งรีบเดินเข้ามากุมมือของสตรีตรงหน้าเอาไว้ “รู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังพูดอะไรออกมา” สายตาของนางแลมองซ้ายขวาท่าทางราวกับหวาดระแวงสิ่งใด น้ำเสียงหวานเอ่ยอย่างแผ่วเบา

“หย่าสามี…นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรนำมาล้อเล่น!”

ไป๋เสี่ยวหรันยังคงสงบนิ่งและเย็นยะเยือกในคราเดียวกัน ใบหน้าคนงามปรากฏรอยยิ้มจางๆ แต่งแต้มอยู่ทว่านัยน์ตาเมล็ดซิ่ง กลับดูหม่นแสงลงเล็กน้อย “เรื่องนี้ข้าย่อมหมายความว่าเช่นนั้น…ไม่นำมาล้อเล่นแน่เมิ่งซือซือ” นางตอบออกมาอย่างแผ่วเบาทว่ากลับหนักแน่น

“…”

“ความรักที่ข้าทุ่มเทลงไปทั้งหมดสามปี สุดท้ายก็ต้องจบลงเช่นนี้…ข้าทนกับความเฉยชา ทนกับความเย็นชาของเขายิ่งกว่านั้นข้าต้องอยู่อย่างไม่ไร้ค่าในสายตาของเขา” น้ำเสียงหวานสั่นเครือเล็กน้อย

ไป๋เสี่ยวหรันเม้มริมฝีปากแน่น จู่ๆ หัวใจก็พลันบีบรัดแน่นแทบจะใจไม่ออก ลมหายใจค่อยๆ ถี่ขึ้นเรื่อยๆ อย่างควบคุมไม่ได้

!!!

“เสี่ยวหรัน!”

พอเมิ่งซือซือเห็นท่าทางของสหายแล้วจึงรีบเข้ามาพยุงอีกฝ่ายไว้ทันที เกรงว่าจะเป็นล้มลงคะมำลงพื้นไปได้

“เรื่องใหญ่โตเช่นนี้…ใจเย็นๆ ค่อยๆ คิดทบทวนให้ดีก่อนหรือไม่ อย่างไรแล้วก็เห็นแก่อาหยวนเถิด” ไม่ว่าอีกฝ่ายจะตัดสินใจอย่างไรนางหาได้เอ่ยห้ามหรือขัด…เพียงแต่คิดให้ดีๆ ก่อนเถอะ

ใจเย็นงั้นหรือ…? คิดทบทวนให้ดีอย่าวูบวาบ

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดไป๋เสี่ยวหรันได้ยินประโยคเช่นนี้แล้วนึกอยากจะหัวเราะร่อออกมาเสียงดังเหลือเกิน

นางซบใบหน้าลงบนไหล่ของเมิ่งซือซืออย่างไร้เรี่ยวแรง “เพราะข้าเห็นแก่อาหยวนอย่างไรกัน”

วันข้างหน้าบุตรชายของนางก็ต้องโตกลายเป็นบุรุษผู้หนึ่ง เป็นสามีของสตรีผู้หนึ่งและกลายเป็นบิดา หากเขามีนิสัยเป็นเฉกเช่นเดียวกับเซี่ยเว่ยหลงเล่า…มิสู้นางพาเขาออกมาไม่ดีกว่าหรือ!?

เมิ่งซือซือได้แต่ยืนเงียบงัน ไม่รู้จะหาคำใดมาปลอบได้อีก  “แล้วเซี่ยเว่ยหลงเล่า…หากเขาไม่ยอมหย่าจะทำอย่างไร”

ไป๋เสี่ยวหรันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองสหายข้างกาย แววตาที่เคยแน่วแน่กลับสั่นระริกด้วยความรู้สึกมากมายที่พรั่งพรูอยู่ภายในใจและเพียงชั่วอึดใจหนึ่ง…หยาดน้ำตาเม็ดใสก็พลันไหลรินลงอาบแก้มนวลอย่างควบคุมไม่ได้ “ข้าทนมามากพอแล้ว...ซือซือ ข้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วจริงๆ” น้ำเสียงหวานเปล่งออกมาอย่างสะอื้นแฝงความอ่อนล้าทุกถ้อยคำ

“เสี่ยวหรัน...”

เมิ่งซือซือเรียกพลางชื่ออีกฝ่ายเสียงเบาด้วยความเห็นใจ นางพลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

“…” นางทนไม่ไหวแล้ว สามปีที่ผ่านมานับว่าความอดทนของนางสิ้นสุดลงแล้ว หากเป็นสตรีที่เขารักไม่ว่านางจะทำอย่างไรล้วนอยู่ในสายตาทว่านางไม่ใช่…ไม่ว่าจะทำสิ่งใดไปล้วนไร้ค่าทั้งสิ้น

จวนสกุลไป๋มิใช่สกุลสูงศักดิ์อันใด…เป็นเพียงตระกูลพ่อค้าธรรมดาเท่านั้น แต่ทว่านายท่านไป๋นั้นกลับมีนิสัยโลภมาก เสเพลและมีภรรยามากมายยิ่งกว่าตระกูลเศรษฐีเสียอีก

มิหนำซ้ำแล้ว เหล่าภรรยาทั้งหลายต่างคล้ายกับประสานใจให้กำเนิดเพียงบุตรสาวเท่านั้นจนเต็มจวน ไร้เงาของบุตรชายไว้ให้ชื่นใจสืบสกุลแม้สักคนเดียว พอหลายปีผ่านไป…ความหนุ่มแน่นของนายท่านไป๋ก็โรยรา เงินทองเริ่มร่อยหรอ เหล่าภรรยาในจวนเริ่มกลายเป็นภาระมิใช่ทรัพย์สมบัติให้ชื่นชมอย่างเคยและหากไม่ขายลูกสาวกินค่าสินสอดแล้วจะให้ทำเช่นไร…!?

 ไป๋เสี่ยวหรันเป็นบุตรสาวคนโตย่อมไม่อาจปฏิเสธได้จึงกลายเป็นคำตอบเหมาะสมในยามที่นายท่านไป๋ต้องการเงินก้อนโต

 

ปลายยามซวี (19.00 – 21.00 น.)

บรรยากาศยามค่ำคืนมืดมิดอันเงียบสงัด มีสายลมเย็นโชยผ่านใบไม้พลิ้วไหวจนเกิดเสียงกรอบแกรบแผ่วเบาทว่ากลับฟังดูวังเวงนัก ผ้าม่านสีอ่อนพลิ้วไสวตามแรงลมราวกับสะท้อนความรู้สึกปั่นป่วนที่อัดแน่นอยู่ในอกของนาง

ไป๋เสี่ยวหรันทอดสายตามองท้องฟ้ายามค่ำ นัยน์ตาเมล็ดเรียบนิ่งอย่างเหม่อลอยราวกับกำลังคิดไตร่ตรองสิ่งใดอยู่เงียบๆ ใบหน้างดงามสะท้อนแสงจันทราอ่อนจางฉายแววขุ่นมัวออกมาอย่างชัดเจน

ตึง... ตึง...

จู่ๆ ในจังหวะเดียวกันนั้นมีเสียงฝีเท้าหนักแน่นดังสะท้อนก้องมาจากหน้าเรือนอย่างแผ่วเบาก่อนจะใกล้เข้ามา…ก่อนที่เพียงชั่วพริบตาเดียว บานประตูไม้ก็ถูกผลักเปิดออกอย่างแรง

!!!

ไม่ต้องหันไปมอง นางก็รู้ว่าเป็นผู้ใด

“…” ไป๋เสี่ยวหรันยังคงนั่งนิ่ง ตั้งใจฟังเสียงจากข้างนอก

เซี่ยเว่ยหลงเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด สายตาคมกริบตวัดมองมายังร่างบางที่ยืนนิ่งอยู่ริมหน้าต่าง น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นพลันดังสะท้อนก้องไปทั่วทั้งห้อง

“อยากหย่ากับข้างั้นหรือ…”

หึ!...ที่แท้ก็เร่งรีบมาเพราะเรื่องนี้

ไป๋เสี่ยวหรันไม่ได้หันไปมองอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

นางหลุบตาลงต่ำก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “หากท่านไม่คิดเลี้ยงดูอาหยวนในฐานะบุตรชายเช่นนั้นพอหย่าแล้ว ข้าจะพาเขาไปด้วยและไม่หวนกลับมารบกวนหรือเรียกร้องอันใด”

ทว่ายังไม่ทันได้สิ้นสุดคำพูด เซี่ยเว่ยหลงเอ่ยแทรกออกไปคล้ายกลับใจร้อน ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม กลิ่นอายทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว สายตาคมกริบดูลึกล้ำยากเกินจะคาดเดาได้

“มีเหตุผลอันใด”

แท้จริงแล้วเพราะเหตุใดกัน…!?

เขาให้นางอยู่ในจวนอย่างสุขสบาย ไม่มีเรื่องของสตรีอื่นให้ต้องรำคาญใจและยิ่งกว่านั้นแล้วจวนสกุลเซี่ยไม่เคยขัดสนเงินในมือด้วยซ้ำ

เพราะเหตุใดนางถึงกล้าเอ่ยปากขอหย่ากับเขา!

ไป๋เสี่ยวหรันค่อยๆ หันกลับมา นัยน์ตาเมล็ดซิ่งพลันสบเข้ากับดวงตาคมกริบอย่างบังเอิญ “แม้ข้าและท่านจะเป็นสามีภรรยากันแล้วอย่างไร ทว่าความสัมพันธ์กลับห่างเหินยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีกนายท่านเซี่ย”

“…” เซี่ยเว่ยหลงพลันสบเข้ากับนัยน์ตาเมล็ดซิ่งพอดีก่อนที่หัวคิ้วของเขาจะขมวดมุ่นงุนงง

ท่าทางเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน…!?

แววตาที่ทอดมองมายังเขานั้น…ไร้ความโกรธหรือเกลียดชัง มีเพียงความว่างเปล่าที่เจือด้วยความเหนื่อยล้าและเจ็บปวดเท่านั้น

เซี่ยเว่ยหลงนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาพลางกำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว สายตาคมกริบวูบไหวก่อนจะเรียบนิ่งเย็นชาดังเดิม “เหอะ! กำลังประชดประชันคิดเรียกร้องความสนใจจากข้าอยู่งั้นหรือ” น้ำเสียงทุ้มเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

นางได้ยินถ้อยคำนี้แล้วพลางหัวเราะเบาๆ ทว่าเจือไปด้วยความเหนื่อยล้าและขมขื่น “ประชดไปเพื่ออันใดเล่า ในเมื่อท่าน...ไม่เคยแม้แต่จะมองเห็นข้าเลยด้วยซ้ำ”

เช่นนั้นก็มีแต่ไร้ประโยชน์…

“ไป๋เสี่ยวหรัน!”

เซี่ยเว่ยหลงกัดฟันกรอด ตวาดเสียงดังก้อง ดวงตาคมกริบฉายแววความเกรี้ยวกราดออกมาอย่างชัดเจน มุมปากหนากระตุกยกยิ้มร้าย “หึ! ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าหย่า!”

เขาไม่มีทางยอมปล่อยนางไปง่ายๆ อย่างไรเหตุผลแน่!

“นี่ไม่ใช่เรื่องที่ท่านจะอนุญาตหรือไม่อนุญาต...เซี่ยเว่ยหลง ข้าต้องการเพียงแค่ให้ท่านลงบนกระดาษเท่านั้น” ไป๋เสี่ยวหรันหรือจะเกรงกลัวบุรุษผู้นี้ ใบหน้าคนงามเชิดขึ้นเล็กน้อย จ้องสบตาของเขานิ่งๆ อย่างไม่ลด

“หากเจ้าจะไปจากข้าได้ก็ต่อเมื่อกลายเป็นร่างไร้วิญญาณเท่านั้นไป๋เสี่ยวหรัน!”

นางสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่คล้ายกำลังอดกลั้นสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในอกมานานหลายปี นัยน์ตาคู่งามนิ่งเย็นชาราวกับหิมะแรกยามเหมันต์

“เซี่ยเว่ยหลง” น้ำเสียงหวานเรียกแผ่วเบา

ไป๋เสี่ยวหรันระบายยิ้มจางๆ หาได้หวาดหวั่นต่อคำขู่ของเขาเลยแม้แต่น้อย

“ที่ผ่านมาข้าอดทน ไม่เคยพร่ำบ่นสิ่งใดหรือตั้งคำถามอันใดให้มากความ ยิ่งกว่านั้นยังทำตัวเป็นภรรยาที่ดีเพราะข้ายังมีหวังว่าวันหนึ่งท่านอาจจะหันมามองเห็นข้าบ้าง” น้ำเสียงของนางราบเรียบเฉยแต่กลับเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและขมขื่นทุกถ้อยคำ

“ทว่าสุดท้าย…ความพยายามตลอดสามปีของข้านั้นไร้ค่า ไม่อาจแม้แต่จะแลกกับหนึ่งในสายตาท่านได้เลยเซี่ยเว่ยหลง” นางหมดสิ้นเรี่ยวแรงจะยึดเหนี่ยวสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว

“…” เซี่ยเว่ยหลงยังคงนิ่งงัน สีหน้าที่เคยเคร่งเครียดเจื่อนลงทันที สายตาคมกริบวูบไหวพร้อมกับความรู้สึกที่ปั่นป่วนอยู่ในอก

เขาไม่เคยเห็นนางเป็นเช่นนี้มากก่อน…นัยน์ตาคู่งามที่แฝงไปด้วยความเหนื่อยล้าและเจ็บปวดเช่นนี้ เซี่ยเว่ยหลงรู้สึกคันยุบยิบในอกไม่น้อย

ไป๋เสี่ยยวหรันสบตามองอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาคู่งามสั่นระริกอย่างห้ามไม่อยู่ก่อนที่จะเบือนหน้าหนีพลางลุกขึ้นเดินจากไปหยุดยืนริมเตียงทันที

“นี่ก็ดึกมากแล้ว หากท่านไม่ต้องการจะนอนร่วมเตียงกับข้าเช่นนั้นก็เชิญดับตะเกียงแล้วออกไปเถิด” นางเอ่ยออกมาหาได้มีความเว้าวอนหรือยื้อรั้งอีกต่อไป

“ไล่ข้างั้นหรือ” เซี่ยเว่ยหลงเลิกคิ้วเอ่ยถามหลังจากเงียบอยู่นานครู่หนึ่ง เขาไม่รู้จะเอ่ยถ้อยคำอย่างไรออกมา

“ข้าเหนื่อยแล้วเซี่ยเว่ยหลง” ไป๋เสี่ยวหรันก้าวขึ้นเตียงทั้งยังล้มตัวนอนตะแคงหันไปอีกฝั่งทันที นางไม่คิดแม้แต่จะปรายสายตาหันไปมองอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

นางเหนื่อยเหลือเกิน…

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๓๐ จวนสงบสุข

    ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่า…เมิ่งหานเฟิ่งผู้เป็นพี่ชายของนางจะตกหลุมรักไป๋เสี่ยวหรันเข้าอย่างจังเมิ่งซือซือทอดสายตาจ้องแผ่นหลังกว้างของเมิ่งหานเฟิ่งอยู่นานครู่หนึ่ง นางไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเพียงแค่มองเงียบๆ พลันปล่อยให้ความคิดมากมายวนเวียนอยู่ในหัวไปมาอย่างไม่อาจควบคุมแต่ทว่าเมิ่งหานเฟิ่งกลับนิ่งราวกับรูปปั้น มิได้ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยและดูจากท่าทางแล้ว…เขาคงไม่รู้เสียด้วยซ้ำกระมังว่านางกำลังยืนมองอยู่หลายวันแล้วที่บรรยากาศในจวนสกุลเมิ่งเงียบสงบเกินควรและยิ่งไปกว่านั้น เมิ่งหานเฟิ่งกลับมีทีท่าซึมลงในแต่ละวัน เงียบงันจนคนในจวนเริ่มสังเกตเป็นกังวลอยู่มาก“เข้าไปดูอาการพี่ชายเจ้าหน่อยเถอะซือซือ” น้ำเสียงแผ่วเบาของเมิ่งฮูหยินกล่าวขึ้นอย่างหนักใจ นางละสายตาจากบุตรชายก่อนจะปรายหันมามองบุตรสาวข้างกายอย่างวิงวอนนับตั้งแต่ไป๋เสี่ยวหรันและอาหยวนตัดสินใจกลับไป…ไม่ว่าผู้ใดในจวนต่างรู้สึกใจหายทั้งสิ้นทว่าบุตรชายของนางดูเหมือนจะมากไปเสียหน่อย…เมิ่งฮูหยินมองแวบเดียวก็สามารถหยั่งรู้ถึงจิตใจของอีกฝ่ายได้แล้วว่า…มีใจรักใคร่ลึกซึ้งต่อแม่นางไป๋เสี่ยวหรันแน่เมิ่งซือซือพยักหน้าหงึกๆ พลางถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนจ

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๒๙ ภรรยาเป็นใหญ่

    บรรยากาศภายในจวนสกุลเซี่ยเงียบงันอึมครึมไร้ชีวิตชีวานานหลายวันนับตั้งแต่ฮูหยินและคุณชายน้อยได้จากไปพร้อมกับหนังสือหย่า...ภายหลังจากนั้นมาอารมณ์ของนายท่านก็แปรปรวนยิ่งกว่าฟ้าฝนปลายฤดูใบไม้ผลิเสียอีกเหล่าสาวใช้ในจวนต่างอยู่กันหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่มีผู้ใดกล้าเอื้อนเอ่ยวาจาใดออกไปแม้แต่สักครึ่งคำราวกับว่าสวรรค์ยังเมตตา...ยามนี้ฮูหยินและคุณชายน้อยปรากฏอยู่ตรงหน้าในจวนอีกครั้ง พวกนางมองเห็นแล้วล้วนแต่ตื่นตระหนกตกใจกันทั้งสิ้นทว่ากลับไม่มีผู้ใดเอ่ยถ้อยคำใดออกมา นอกเสียต่างพากันถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกคล้ายก้อนหินที่ทับอยู่ในอกมานานถูกยกออกแท้จริงแล้ว…นายท่านเซี่ยก็หาได้เย็นยะเยือกดุจน้ำแข็งหรือไร้หัวใจไม่รู้สึกอันใด เพียงแต่ไม่รู้จักวิธีถนอมสตรีเท่านั้น…จนกระทั่งสูญเสียไปจึงค่อยรู้ความสำคัญของฮูหยินว่ากันตามตรงแล้ว พวกนางต่างพากันคาดไม่ถึงจริงๆ ว่านายท่านจะตามฮูหยินและคุณชายน้อยกลับมาจนได้ฮูหยินถึงขั้นตัดสินใจหนีออกไปอย่างแน่วแน่เช่นนี้…มองดูแล้วคงไม่ง่ายแน่ทว่าวันนี้…นานท่านเซี่ยพาคนทั้งคู่กลับมาได้แล้วไป๋เสี่ยวหรันหวนกลับมายังจวนสกุลเซี่ยอีกครั้ง ใบหน้าของนางปรากฏรอยยิ้มจางๆ สา

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๒๘ ตามนาง

    “ไม่ได้ขอรับ! นายท่านได้โปรดกลับไปเถอะ” น้ำเสียงทุ้มของคนงานชายเอ่ยขึ้นด้วยความหนักใจอยู่มาก แท้จริงแล้วเขาไม่รู้ว่านายท่านเซี่ยผู้นี้มีเรื่องเร่งด่วนอันใดถึงได้เร่งเร้าให้เปิดประตูจวนอยากจะเข้าไปนัก เขาเองก็ลำบากใจอยู่มาก…หากผู้เป็นนายไม่ออกคำสั่ง เขาจะทำอันใดได้ เซี่ยเว่ยหลงยืนนิ่ง สายตาคมกริบเพ่งมองบานประตูจวนที่ยังคงปิดสนิท เขาพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แต่หาใช่เพราะความโกรธทว่ากลับเป็นความเหนื่อยล้าในใจ นึกไม่ถึงว่าหลังจากวันนั้นที่เขาถูกขับไล่ออกมา…ผู้ใดเล่าจะคาดคิดว่าพอหวนกลับมาอีกครั้ง จวนสกุลเมิ่งจะปิดประตูสนิทต่อให้มีเรื่องเร่งด่วนเพียงใดก็ให้คุณชายเมิ่งเป็นผู้ตัดสินใจ เหอะ! หากรอให้บุรุษผู้นั้นตัดสินใจ เขาไม่ผมหงอกหัวขาวโพลนไปทั้งหัวหรอกหรือ…!? “ข้ามาตามภรรยา…” เซี่ยเว่ยหลงเอ่ยออกมาเสียงเรียบ สายตาคมกริบยังคงจ้องมองบานประตูจวนที่ปิดสนิท เขาคิดว่าอย่างไรแล้ว…นางคงอยู่ข้างหลังไม่ยอมออกมาเป็นแน่ “อย่างไรก็ไม่ได้ขอรับ!” ทว่าคนงานผู้นั้นยังคงตอบเสียงหนักแน่นและแน่วแน่ เดิมทีเซี่ยเว่ยหลงไม่ได้มีความอดทนมากนัก หากไม่มีเรื่องสำคัญอันใด เขาก็คงไม่ต้องแบกหน้าอดทนรอคอยอย่างใจเย็

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๒๗ สะสางความในใจ

    ยามพลบค่ำ จู่ๆ ฝนกลับตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักโดยไม่ได้บอกกล่าวราวกับว่าพายุห่าใหญ่ได้แผ่ไปทั่วผืนฟ้า ทั้งที่ตลอดวันยังมีแสงแดดยังส่องสาดส่องไปทั่วบริเวณจนอากาศอบอ้าวแทบหายใจไม่ทั่วท้องแต่เพียงชั่วพริบตา…ท้องฟ้ากลับถูกเมฆครึ้มบดบังจนไร้แสงอาทิตย์ สายลมเย็นเฉียบพัดโชยมาพร้อมกลิ่นฝนที่เคล้าโชยมากับหยาดน้ำสีใสนับพันสายไป๋เสี่ยวหรันยืนอยู่ใต้ชายคา เงยหน้ามองหยาดเม็ดฝนที่รินไหลลงเทจากขอบหลังคาอย่างเหม่อลอย นัยน์ตาคู่งามดูราบเรียบแต่กลับแฝงความเศร้าและหม่นหมองเอาไว้อย่างปิดไม่มิดนี่ก็ผ่านมาแล้วสองสามวัน…นับตั้งแต่เซี่ยเว่ยหลงบุกมานางถึงจวนสกุลเมิ่งโดยไม่ทันตั้งตัวแม้ว่านางจะเป็นฝ่ายขับไล่เขาไปแล้วอย่างไร แต่ภายในใจของไป๋เสี่ยวหรันกลับปั่นป่วนเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่ยากจะสลัดทิ้งไปได้…น้ำเสียงทุ้มแผ่วเบาแฝงด้วยความอ่อนโยนและเจือไปด้วยความรู้สึกผิดยังคงวนเวียนดังก้องอยู่ในหูของนางซ้ำๆเพื่อนางแล้ว…เซี่ยเว่ยหลงยินยอมทำเพียงนี้เลยหรือ!?“เสี่ยวหรัน…”“…”“ไป๋เสี่ยวหรัน!” น้ำเสียงของเมิ่งซือซือดังขึ้นกว่าเดิมแข่งกับเสียงฝน นางยื่นมือออกไปแตะไหล่ของไป๋เสี่ยวหรันอย่างแผ่วเบาพลันทำให้อีกฝ่าย

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๒๖ ข้ออ้าง

    อวิ๋นเออร์เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของเซี่ยเว่ยหลงแล้ว…นางพลันหยุดชะงักไปชั่วขณะคล้ายกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน รอยยิ้มบนใบหน้าคนงามเจื่อนลงทันที“ท่าน...หมายความว่าอย่างไรกันเว่ยหลง” น้ำเสียงหวานของนางสั่นเครือเจือไปด้วยความสับสนยามนี้นางไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าเหตุใดเซี่ยเว่ยหลงถึงเอ่ยถ้อยคำเช่นนั้นออกมาเขาสมควรจะยินดีใจมิใช่หรอกหรือ…!?นางละทิ้งทุกสิ่งและกำลังจะหย่าสามีเพื่อย้อนคืนมาหาเขา มายืนเคียงข้างเขาดังเช่นในอดีต แต่ว่าสิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงสายตาเย็นชาไร้ความรู้สึกเท่านั้นจางเหวินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเหลือบสายตาปรายมองเซี่ยเว่ยหลงที่ยืนนิ่งสงบ สายตาคมกริบเรียบเฉยไร้ความโกรธเกรี้ยวหรือยินดีแม้แต่น้อยเซี่ยเว่ยหลงทอดสายตามองผ่านสตรีตรงหน้าออกไปราวกับมองไม่เห็น เขาค่อยๆ ละสายตากลับมาก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาและหนักแน่น“ความหมายของข้านั้น…ฮูหยินได้โปรดกลับไปไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนเสียก่อนเถิด เรื่องบางอย่างหากตัดสินใจลงไปแล้วย่อมไม่อาจย้อนคืนมาแก้ไขได้อีก” เซี่ยเว่ยหลงเข้าใจลึกซึ้งแล้ว…ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น อวิ๋นเออร์ก็ยิ่งขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ “เซี่ยเว่ยหลง…ข้าและท่

  • หย่ารักสามีไร้ใจ   ๒๕ ความหลังที่ลืมเลือน

    เมิ่งหานเฟิ่งเดินเข้าไปใกล้ ฝ่ามือหนายื่นออกไปเกลี่ยเรือนผมที่พลิ้วปิดใบหน้าของนางอย่างแผ่วเบา ดวงตาคมกริบหลุบต่ำมองสตรีตรงหน้าด้วยความอ่อนโยนก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงทุ้มต่ำเขาย่อมมองออกว่าสตรีตรงหน้ารู้สึกอย่างไรกันแน่“มีผู้ใดบ้างหากต้องการสิ่งใดแล้วจะไม่เห็นแก่ตัว” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบา “ข้าเองก็อยากจะเห็นแก่ตัวให้มากกว่านี้…อยากจะเหนี่ยวรั้งเจ้าเอาไว้ไม่ยอมให้กลับไปอีกไป๋เสี่ยวหรัน”หากเขาทำเช่นนั้น รั้งนางเอาไว้จะเห็นแก่ตัวมากไปหรือไม่เมิ่งหานเฟิ่งไม่ได้ตาบอดจนมองไม่ออกว่า…ข้างในหัวใจของไป๋เสี่ยวหรันนั้นยังคงมีเซี่ยเว่ยหลงอยู่เต็มเปี่ยม มิหนำซ้ำคนทั้งคู่ยังมีสายใยร่วมกันคือบุตรชายหนึ่งคนต่อให้ตัดใจก็ใช่ว่าจะตัดขาดได้จริงพอได้ยินถ้อยคำนั้น ไป๋เสี่ยวหรันก็เงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาคู่งามช้อนสบกับเมิ่งหานเฟิ่งพอดี “คุณชายเมิ่ง” นางย่อมมองออกว่าเมิ่งหานเฟิ่งรู้สึกอย่างไรแต่ทว่า…“ขอโทษเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานเอื้อนเอ่ยเบาแฝงด้วยรู้สึกผิดไม่น้อยในใจของนางไม่อาจเปิดที่ว่างให้ผู้ใดได้อีกยกเว้นเพียงคนผู้นั้น…เซี่ยเว่ยหลง ทั้งที่เขาเคยใจร้ายถึงเพียงนั้นแต่ทว่าเหตุใดนางถึงยังตัดใจจากเขาไม่ได

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status