"ไอมิวกูลงชื่อเรื่องไปทำค่ายอาสาแล้วนะ"
"ฮะ ฮ้ะ?" มิวสิคหันขวับใช้สายตามองเพื่อนที่เพิ่งพูดจบ ลงชื่อเรื่องทำค่ายอาสาไม่เคยอยู่ในหัวของเธอเลย ยังไม่ได้บอกสักครั้งว่าจะเข้าร่วมกิจกรรมนอกสถานที่ที่เพื่อนกำลังพูดถึง
"ค่ายนี้ชมรมเรากับชมรมจิตอาสาร่วมกันเป็นเจ้าของโครงการเลยนะเว้ย แล้วมึงเป็นถึงรองประธานชมรมดนตรีจะไม่เข้าร่วมได้เหรอ กูคิดถูกใช่ไหมล่า~" ซินดี้กล่าวด้วยความภาคภูมิใจในฝีมือของตัวเอง เหมือนว่าทุกอย่างที่ทำก็ทำเพื่อเพื่อนทั้งนั้น ไม่มีผลประโยชน์ของตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องเลยสักนิด
"เอาความจริง"
"อยากออกค่ายกับพี่เปอร์" แต่ความจริงแล้วคือไม่ใช่เลย เธอแค่อยากไปออกค่ายอาสากับผู้ชายที่ชอบ แน่นอนว่าคนอย่างเธอไม่ไปคนเดียวอยู่แล้ว จึงต้องลากเพื่อนสนิททั้งสองร่วมชะตากรรมด้วย โดยไม่ได้ถามความสมัครใจสักนิดเดียว
"ไอซินดี้!!!" มิวสิคกัดฟันกรอดแสดงท่าทีไม่พอใจ เธอก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำที่ไม่อยากจะเป็นจิตอาสาอย่างที่ว่า แต่เพราะไม่ชอบออกนอกพื้นที่ด้วยความที่เป็นคนเรื่องเยอะในหลายเรื่อง จึงไม่อยากไปให้ตัวเองและคนอื่นต้องลำบากไปกับเธอด้วย
"เอาหนามึง ช่วยมันหน่อย พอมันได้คบกันเราก็จะหลุดพ้นแล้ว" โอโซนตบไหล่เพื่อนเพื่อปลอบใจ เธอเองก็โดนบังคับไม่ต่าง แต่ตอนนี้ก็เริ่มปรับตัวได้แล้ว เอือมระอาในความเอาแต่ใจของซินดี้พอตัว
"น้าเพื่อนรัก…ตอนนี้พระแม่ก็ทำงานไม่สำเร็จถ้าไม่ได้มึงช่วย…" มิวสิคเบือนหน้าหนี ซินดี้ก็ยังเป็นซินดี้ที่ใช้ลูกไม้ตื้น ๆ มาออดอ้อนอีกเช่นเคย
"เออ กูปฏิเสธมึงไม่ได้อยู่แล้วนี่" แล้วคนอย่างมิวสิคก็ต้องยอมเพื่อนอีกเช่นเคย
คอนโดเจอาร์
ฉันทิ้งตัวลงบนที่นอนของคอนโดหรู ที่กบดานส่วนตัวของฉันที่พ่อซื้อให้เป็นของขวัญวันสอบติดมหา'ลัย เมื่อมีเรื่องทุกข์ใจที่ไม่อยากกลับบ้านก็จะหลบมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่…เช่นเดียวกับวันนี้
ครืดดดดด!
แม่.
ฉันถอนหายใจเมื่อเห็นปลายสายที่โทรเข้ามา พูดยังไม่ทันขาดคำ สายที่ฉันกำลังหนีไม่อยากคุยด้วยที่สุดตอนนี้ก็โทรมาทันทีแต่ก็ตัดใจไม่รับสายท่านไม่ได้
"ค่ะแม่"
(ทำไมวันนี้ไม่กลับบ้านล่ะ)
"ต้องทำรายงานส่งพรุ่งนี้ หนูนอนคอนโดไม่กลับบ้าน"
(แล้ววันหยุดสัปดาห์หน้าว่างใช่ไหม?)
"ไม่ว่างค่ะ" ฉันตอบกลับแม่โดยไม่ต้องคิดเพราะรู้ดีว่าแม่ต้องการอยากทำอะไร
(ไม่ว่างก็ต้องว่าง แม่นัดกับทางฝั่งนู้นไว้แล้ว แล้วนี่ก็เป็นคำสั่งจากพ่อลูกด้วย)
"พ่อก็เอาด้วยเหรอคะ!?" ฉันเผลอขึ้นเสียงตอบกลับคนเป็นแม่ นึกว่าแผนนี้จะเป็นแม่คนเดียวเสียอีก ไม่นึกเลยว่าคนมีเหตุผลและไม่เคยบังคับใครอย่างพ่อก็เห็นด้วย นี่มันการคลุมถุงชนเลยนะ ชีวิตของฉันทั้งคนแต่พ่อกับแม่กลับทำเหมือนฉันเป็นแค่สิ่งของที่อยากจะยกให้ใครหรือผลักไสไปให้ใครก็ได้
(แม่กับพ่อทำเพื่อลูกนะมิวสิค) ฉันไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่หัวเราะออกมาทั้งน้ำตาคลอเบ้า ทำเพื่อฉันหรือทำเพื่อตัวเอง ที่ผ่านมาฉันคิดมาตลอดว่าครอบครัวคือเซฟโซนที่ดีที่สุดสำหรับฉัน แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ความรู้สึกในตอนนี้คือฉันแทบไม่อยากกลับบ้านและไม่อยากเจอหน้าได้ยินเสียงพวกท่านเลยด้วยซ้ำ
(ได้ยินที่แม่พูดใช่ไหมมิวสิค แม่รักลูกนะ ดูแลตัวเองด้วย) ว่าจบสายก็ตัดไปในทันที ฉันได้แต่ปาดน้ำตาตัวเองลวก ๆ แล้วหลับตาลงไล่ความเสียใจ วันนี้ไม่ได้มีการทำรายงานอะไรทั้งนั้นแหละ แต่เพียงแค่อยากหนีความวุ่นวายและอยู่กับตัวเองเท่านั้น
ครืดดดดด!
สายเรียกเข้าครั้งที่สองดังขึ้นมาอีกครั้ง ฉันลืมตาขึ้นด้วยความหงุดหงิดที่ยังเหลืออยู่ ยิ่งได้เห็นปลายสายที่แสดงชื่อคนโทรเข้าก็ยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม
พี่กันย์.
"ป่านนี้เพิ่งจะโทรกลับมา ถ้าตอนนี้น้องป่วยไม่สบายก็คงนอนตายเป็นผักไปแล้วมั้ง" เชื่อไหมว่าตั้งแต่รถเสียที่โทรไปคืนนั้นนี่คือครั้งแรกที่มันโทรกลับมา ไอพี่รหัสตัวดีที่ไม่มีประโยชน์อะไรกับฉันเลย
(หงุดหงิดอะไรของมึงเนี่ยไอมิว กูเพิ่งกลับจากต่างประเทศ) ปลายสายตอบกลับแบบงง ๆ แต่ฉันก็อารมณ์ขึ้นเกินไปแหละ ยังค้างมาจากแม่มาด้วย
"ต่างประเทศก็โทรกลับหาน้องไม่ได้หรือไง"
(กูก็ไปทำงานไหมล่ะ มึงนั้นแหละเป็นอะไร?)
"ไม่รู้เว้ย หงุดหงิด!"
(เอ้าไอนี้ หงุดหงิดก็ลงมากูอีก มาผับไหมล่ะ กูเลี้ยงเครื่องดื่ม)
"ไม่มีอะไรที่ดีกว่าแดกเหล้าแล้วเหรอพี่กันย์"
(แปลว่าไม่มา?)
"แต่งตัวก่อน"
(สัส ลีลาอยู่นั้น) ด่าเสร็จสายของไอพี่กันย์ก็ตัดจบทันที ฉันไม่รอช้ารีบลุกไปอาบน้ำ แต่งตัวใส่ชุดพร้อมไปผับ ทั้งที่วันนี้ไม่ได้ต้องการอยากจะเมา แต่ปัญหาที่ถาโถมอะไรก็ไม่รู้เกิดในชีวิตของสาววัยยี่สิบแบบฉันก็ทำให้เลิกพึ่งแอลกอฮอลล์แก้ปัญหาไม่ได้เหมือนเดิม
TWENTY SIX PUB
ปึก!
"เอามาอีก" ฉันกระแทกแก้วเหล้าแล้วกระดิกนิ้วบอกบาร์เทนเดอร์ให้เติมเครื่องดื่มมาเพิ่ม สามแก้วเข้ม ๆ ที่ชงมายังไม่มากพอที่จะทำให้ฉันลืมเรื่องแย่ ๆ ที่ต้องเจอในตอนนี้ได้
"ได้แล้วครับ" ฉันรับเครื่องดื่มที่เพิ่งจะถูกชงมาเสร็จหมาด ๆ กำลังจะกระดกเข้าปากแต่ก็ถูกใครบางคนแย่งเอาไปต่อหน้าต่อตา
"ใครว่ะ!?" ฉันปรายมองเจ้าตัวด้วยสายตาหงุดหงิดพร้อมระเบิดลง
"กูเอง" จนเห็นไอพี่กันย์ที่ยืนยักคิ้วกวนตีนให้ก็หันไปคว้าอีกแก้วกระดกดื่มโดยไม่สนใจ
"เป็นอะไรของมึง?"
"เปล่า" ฉันกล่าวปฏิเสธแล้วกระดกดื่มเหล้าออนเดอะร็อกที่อยู่ในมือ ก่อนที่จะไปคว้าอีกแก้วแต่ไอพี่กันย์ก็แย่งไปอีกครั้ง
"ถ้าอยากกินมึงก็สั่งแก้วใหม่ดิพี่ ร้านก็ร้านมึง" ไอนี่มันทำให้ฉันหวุดหงิดได้ทุกเวลาจริง ๆ
"เมาแล้วขึ้นมึงกูกับพี่เลยนะไอมิว แล้วกูก็ไม่ได้อยากแย่งเครื่องดื่มมึงด้วย แต่กูกลัวมึงคุยกับกูไม่รู้เรื่อง"
"ขอโทษ" ฉันยกมือไหว้ไอพี่กันย์ท่วมหัว ถึงจะนิสัยไม่ค่อยดีแต่ก็มีมารยาท ส่วนหนึ่งที่ก้าวร้าวก็เพราะอารมณ์และแอลกอฮอลล์ น้ำเปลี่ยนนิสัยที่เขาว่าไม่เกินจริง
"เออ ๆ ว่าแต่มึงมาคนเดียว?" พี่กันย์ว่าจบก็หันซ้ายขวาคาดว่ามองหาเพื่อนของฉัน แน่นอนว่าไม่มีเพราะฉันไม่ได้บอกเพื่อนว่าจะมา
"อือ มาคนเดียว"
"มาคนเดียวแต่มึงแดกแบบไร้สติเนี่ยนะไอมิว" ไร้สติตรงไหน ฉันรู้เรื่องในสิ่งที่พี่รหัสพูดทุกคำ ได้ยินครบแต่เพียงแค่เห็นมันมีตัวตนหลายคนและกำลังจะสูญเสียการทรงตัวแค่นั้น
"กลัวอะไรวะ เมาก็นอนนี่ดิ ผับพี่รหัสก็เหมือนบ้านตัวเองนั้นแหละ" ใช่ว่าจะไม่เคยนอนที่นี่ แต่แค่ครั้งก่อน ๆ จะมีไอซินดี้กับโอโซนนอนด้วยตลอด
"งั้นก็ไปดื่มข้างบน กูต้องขึ้นไปทำงาน" พี่กันย์พยายามลากแขนฉัน แต่ฉันกลับสะบัดแขนมันออกแล้วกลับมานั่งลงที่เดิม
"ไม่ไป จะนั่งดื่มที่นี่ พี่มีงานก็ไปทำ มิวอยู่คนเดียวได้"
"จะให้กูปล่อยมึงนั่งล่อเสือล่อตะเข้คนเดียวเนี่ยนะ?"
"ไม่ต้องห่วงหรอกหนา เดี๋ยวถ้าใกล้เมาจะให้บาร์เทนเดอร์รูปหล่อไปส่ง" ฉันยิ้มแล้วชี้นิ้วไปทางชายหนุ่มบาร์เทนเดอร์ร้านพี่กันย์ พอเมาแล้วก็มองคนอื่นหล่อไปหมด
"เออ ๆ ฝากดูน้องกูด้วย ถ้ามันไม่ไหวโทรหากูแล้วกัน"
"ครับเฮีย" บาร์เทนเดอร์รูปหล่อพยักหน้ารับปากเจ้าของร้าน ไอพี่กันย์ก็เดินขึ้นไปทำงานของมัน เอาเข้าจริงมันก็เป็นพี่ที่ดีคนหนึ่งนั้นแหละ ถึงจะดีไม่มากแต่อย่างน้อยก็มีข้อดีอยู่บ้าง นั้นแหละเริ่มเมาแล้วก็เริ่มคุยไม่รู้เรื่องเป็นธรรมดา
"สุดหล่อเอาเครื่องดื่มมาเพิ่ม..."
"เจเดนเจไดพ่อบอกให้หยุด!" เสียงที่ดังจากนอกบ้านทำให้ฉันรีบสับเท้าเดินออกไปดูอย่างไว แน่นอนว่าเสียงนั้นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากสามีของฉันที่บอกก่อนหน้าว่าจะออกไปหากิจกรรมทำกับลูกชายฝาแฝดวัยสิบห้าขวบนอกบ้าน แต่เสียงเข้มดุปานนั้นฉันคิดว่าคงจะเกิดเรื่องสักอย่างขึ้นระหว่างสามคนแน่นอน"เกิดอะไรขึ้นคะ?" ฉันมองทั้งสามที่หน้าเหมือนกันราวกับแฝดสาม เจเดนแฝดพี่และเจไดแฝดน้องผู้ถอดแบบคนเป็นพ่อราวกับแกะ ทั้งใบหน้าท่าทางและนิสัยอุตส่าห์อุ้มท้องมาตั้งเก้าเดือนไม่มีอะไรที่เหมือนฉันเลย"จะอะไรก็ทะเลาะกันอีก" คนเป็นพ่อฟ้องฉันแล้วกราดสายตามองลูกชายหน้านิ่ง เป็นเรื่องปกติของบ้านเราที่สองแฝดจะทะเลาะตีกันหยุมหัวกันแทบทุกเวลา ยิ่งช่วงนี้ยิ่งโตขึ้นแตะอายุสองหลักก็ยิ่งมีความคิดเป็นของตัวเอง ตีกันตามประสาเด็กผู้ชายไม่หยุดไม่หย่อนขนาดมีคนกลางอยู่ด้วยก็ยังไม่เว้น"เจเดนแพ้แล้วพาล" แฝดน้องรีบฟ้องขึ้นมาเป็นคนแรก กิจกรรมที่พากันเล่นวันนี้คือเตะบอลแบบแมน ๆ ซึ่งแพ้ที่เจไดหมายถึงก็คงจะแพ้บอลนั้นแหละ"เจไดโกงก่อน ผมไม่ได้พาลนะครับ" แฝดพี่ใช่ว่าจะยอม เถียงกลับทันควันทำเอาคนเป็นพ่อถอนหายใจหนัก ๆ"พอได้แล้ว เป็นพี่น้องกันจะทะ
"ทำไมไม่ท้องว่ะ" คนนั่งหน้ากลุ้มทิ้งตัวลงบนโซฟากลางห้องวีไอพีของผับดัง เขากุมขมับพร้อมหลับตาลงด้วยความปลง ทั้งที่พยายามปั๊มลูกก่อนแต่งงานเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ก็ผ่านประตูวิวาห์ไปตั้งสามเดือน เขาก็ไม่เห็นว่ามิวสิคจะมีทีท่าท้องกับเขาบ้างเลย"มึงไปตรวจหน่อยไหมไอเซฟ น้ำยามึงคงไม่ดีจริง" เปเปอร์ว่าแล้วก็อมยิ้ม ถึงจะพยายามฮึบไว้แต่ก็ยังผุดยิ้มชอบใจที่คนเพอร์เฟ็กต์อย่างเขาก็แอบมีบางอย่างที่ทำไม่สำเร็จ"หรือกูจะไม่มีน้ำยาจริงว่ะ" โจเซฟค่อย ๆ ลืมตาขึ้น คราวแรกเขาก็ไม่อยากจะยอมรับเรื่องนี้เท่าไหร่นักแต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วมันก็คงไม่มีเหตุผลอื่นแล้ว"ใจเย็น ๆ ก่อนเซฟ น้องมิวสิคไม่ได้ฝั่งยาคุมหรือทานยาคุมหรอกใช่ไหม" ซีลีนพยายามปลอบเพื่อน"กูกับมิวเราตกลงกันแล้วว่าจะมีลูกด้วยกัน ไม่มีทางที่มิวสิคจะกินยาคุม" มันไม่ใช่แค่เขาที่พยายาม แต่มิวสิคเองก็อยากมีพยานของความรักตัวน้อย ๆ เป็นของตัวเองเหมือนกัน เขาจึงมั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับฝั่งใดฝั่งหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน"งั้นมึงก็ไม่มีน้ำยาจริง ๆ นั้นแหละ""เอ้าไอซี ไอสัส" คนเครียดจ้องคนเพิ่งว่าตาเขม็ง มันอาจจะจริงอย่างที่เธอบอก แต่ก็ไม่ใช่เ
และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ฉันยืนกอดรูปของพ่อในวันสำคัญอีกหนึ่งวันในชีวิต เราถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันสามคนพ่อแม่ลูกโดยบรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ฉันอยู่ในชุดรับปริญญาอย่างที่พ่อหวัง ส่วนแม่ก็มองมาที่ฉันอย่างภาคภูมิใจและหวังว่าพ่อฉันที่อยู่บนฟ้าก็คงจะมองลงมาที่ฉันด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกันท่านจากฉันไปอีกหนึ่งเดือนก็ครบรอบหนึ่งปีพอดี แน่นอนว่าวันนั้นฉันทั้งร้องไห้เสียใจฟูมฟายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เพียงแแค่คืนเดียวเท่านั้นฉันก็กลับมาเป็นคนละคนราวกับเสกได้ ฉันเข้มแข็งขึ้นไม่ฟูมฟายและใช้ชีวิตตามปกติอย่างที่พ่อเคยสั่งเสีย โดยมีพี่เซฟอยู่ข้าง ๆ ไม่ห่าง ฉันรู้ว่าที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ค้นพบเชื้อมะเร็งท่านต้องต่อสู้กับอะไรมากมาย ฝ่าฝันความเจ็บปวดเพื่อจะอยู่กับเราให้ได้นานที่สุด และนี่คงเป็นการตอบแทนที่ดีที่สุดที่ฉันสามารถทำให้ได้ ทำตามคำขอของท่านเป็นอย่างสุดท้ายดูแลแม่ดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อให้ท่านจากไปอย่างสบายใจ ฉันทำได้หมดแล้ว"พ่อเขาต้องภูมิใจในตัวหนูมาก ๆ เลยลูก" ฉันพยักหน้ารับทันที ใช่ฉันรู้ พ่อพูดกับฉันตลอดและฉันก็รับรู้ได้ผ่านรอยยิ้มของพ่อในกรอบรูป ถ้าพ่ออยู่ตรงนี้ท่า
งานหมั้น J & Mบรรยากาศของงานหมั้นเริ่มขึ้นที่บ้านของมิวสิค โดยออแกไนซ์อย่างเมย์ได้เนรมิตรให้บ้านหลังใหญ่กลายเป็นสถานที่จัดพิธีงานหมั้นสไตล์ไทยทว่าผสมความเป็นตะวันออกทั้งของฝ่ายชายและหญิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยแขกคนสนิทที่ถูกเชิญร่วมงานก็เริ่มทยอยมาถึงกันบางส่วน หน้าที่รับแขกดูแลเบื้องต้นถูกยกให้ซินดี้และเปเปอร์เป็นคนจัดการ ด้วยนิสัยที่เข้ากับคนง่ายในตัวพวกเขาทั้งสองคน ในขณะที่โอโซนก็รับหน้าที่ดูแลมิวสิคทั้งตรวจสอบและเป็นผู้ช่วยเท่าที่เธอต้องการ"สวยมากเลยมึง" โอโซนจับเพื่อนหมุนตัวดูความเรียบร้อยเป็นครั้งที่สอง หลังจากที่ผ่านมือช่างคิวทองแล้วเธอก็ยังไม่ไว้วางใจจับเพื่อนตรวจดูเพื่อความแน่ใจอีกรอบว่าทุกอย่างจะออกมาดีสมกับการหมั้นที่จะเกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิตของเพื่อน"ประมาณ 15 นาทีฝ่ายชายจะมาถึงนะคะ" ทีมงานเดินมาเคาะประตูห้องแต่งตัวพร้อมบอกทางฝ่ายหญิงให้เตรียมตัว และดูเหมือนว่าคนที่ลนลานแซงทางโค้งคงจะเป็นโอโซน ทันทีที่ได้ยินเธอก็รีบหันซ้ายแลขวาหาอะไรสักอย่างเลิ่กลั่กขึ้นมา"อะไรของมึงเนี่ยโซน หาอะไร" มิวสิคจับมือเพื่อนเพื่อให้เธอพยายามตั้งสติ ทันใดนั้นเพื่อนสนิทก็ยิ้มแห้งให้เหมือนกับว่
และแล้ววันนี้ก็เป็นวันที่การสอบสิ้นสุดลงและปิดเทอมอย่างเป็นทางการ ทั้งมิวสิคและโจเซฟที่ได้พักผ่อนจากเรื่องเรียนในช่วงเวลาปิดเทอมก็ต้องมาลุยกับงานหมั้นต่อโดยกำหนดการงานนั้นจะถูกจัดขึ้นในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ระหว่างที่ปิดเทอมเล็กแค่เดือนเดียว เพราะไม่อยากให้รบกวนเวลาเรียนของทั้งสอง ฤกษ์งามยามดีจึงถูกตกลงให้อยู่วันนั้นโดยไม่มีใครโต้แย้งเพราะแบบนั้นแพลนของเขาทั้งสองในวันนี้จึงเป็นการนัดออแกไนซ์รับงานจัดงานหมั้นเพื่อตกลงความต้องการกัน โดยสเกลของงานถูกจัดขึ้นเล็ก ๆ เชิญแค่คนสนิทของทั้งสองครอบครัวมางานเท่านั้น"พี่เซฟชอบแบบไหนหรอคะ" มิวสิคเลื่อนดูรูปธีมของงานที่ต้องการผ่านแท็บเล็ตของออแกไนซ์ที่จัดหาและรวบรวมอยู่ตรงหน้าหลาย ๆ แบบด้วยกัน"มิวชอบแบบไหน พี่ก็เอาแบบนั้นแหละ" ชายหนุ่มยกยิ้มมองตามมือเรียวที่กำลังเลื่อนไปทีละรูปแล้วหันมาถามความคิดเห็น"งั้นเราเอาแบบนี้ดีไหมคะ พี่กับมิวชอบสีน้ำตาลเหมือนกันด้วย" มิวสิคมองภาพแล้วอมยิ้มไม่ได้ แค่นึกถึงวันนั้นเธอก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก มันคงออกมาอบอุ่นและน่ารักแน่ ๆ"เอาแบบนี้เลยครับ" โจเซฟเองก็เห็นด้วย ดีหน่อยที่เขาและเธอมีความชอบคล้ายกัน เขาจ
"ทำไมถึงไม่ดูแลตัวเองเลยล่ะคะ" มือเรียวที่ปาดครีมสำหรับโกนหนวดเสร็จก็เลื่อนไปหยิบใบมีดโกน ก่อนที่จะทำการปาดลงใบหน้าคมที่มีทั้งหนวดและเคราขึ้นมาเพราะความปล่อยตัว เธอจึงอาสาช่วยเขาโกนให้เพื่อให้กลับมาหล่อดูดีเหมือนเดิมอีกครั้ง"ไม่มีมิวพี่ก็ไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งนั้น" โจเซฟยืนคร่อมร่างเล็กที่นั่งบนอ่างล้างหน้า เขาสบสายตาคู่สวยที่กำลังตั้งใจโกนหนวดให้ก็อดยิ้มไม่ได้ ภาพนี้สินะที่รอมานาน..."ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า ตัวก็ผอมนอกจากเหล้าแล้วกินอะไรบ้างไหมคะ""กินไม่ลง คิดถึงเมีย" คำตอบของเขาเรียกรอยยิ้มจากเธอที่เริ่มรู้สึกหมั่นไส้ บิดจมูกโด่งเป็นสันไปหนึ่งที พูดคำว่าเมียได้เต็มปากเต็มคำเชียว"ถ้ามิวไม่กลับมา พี่ก็ตั้งใจจะถอยจากมิวจริง ๆ เหรอคะ?""ก็ตั้งใจแบบนั้น""ทำไมล่ะคะ พี่จะปล่อยมิวไปง่าย ๆ เหรอ?""เราบอกว่าเรารักมัน จะให้พี่ทำยังไง" ในตอนที่ได้ยินใจเขามันแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี ถ้าโกรธเกลียดยังพอตามง้อตามขอโทษกันได้ แต่ถ้าบอกว่ารักคนอื่นไปแล้ว คนอย่างเขาจะทำอะไรได้นอกจากหลีกทางให้เธอได้มีความสุขอยู่กับคนที่รัก แม้ใจจะเจ็บมากก็ตาม"ตอนนั้นมิวไม่ได้ทำไปเพราะอยู่ในแผน" มิวสิคว่าจบก็มองหน้