"ถึงพี่จะว่ากระนั้น ข้าก็ต้องขอบน้ำใจพี่ ที่พี่ได้ช่วยข้าหลายครั้งหลายครา" ระย้าแก้วเอ่ยคำขอบคุณ ไอ้สิงห์
"ทูนหัวของบ่าว เรากับเรือนกันเถิดหนาอย่าอยู่ตรงนี้ให้เสียเวลาเลย นี่ก็ดูท่าอีกมินานฝนก็คงจะตก" อีแตงข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของระย้าแก้วรีบพูดแทนผู้เป็นนาย สองเท้าก้าวเดินออกอย่างมั่นใจ ว่าจะไม่หันกลับไปมองไอ้สิงห์ เพราะหากระย้าแก้วหันกลับไป น้ำตาคงได้อาบสองแก้มเป็นแน่ "คุณหนูอย่าร้องไห้เลยหนา อย่าให้ผู้ใดเห็นน้ำตาของคุณหนูอีกต่อไปคุณหนูของบ่าวเข้มแข็ง" "ข้าขอบน้ำใจพี่แตง ยิ่งนักที่อยู่เป็นเพื่อนข้าเสมอ" อีแตงรีบประคองร่างอรชรของระย้าแก้ว นายทูนหัวที่มันรักหนักหนา มาให้พ้นจากตลาด ลัดเลาะมาจนถึงน้ำตกท้ายหมู่บ้าน ทางผ่านกลับบ้านของระย้าแก้วซึ่งน้ำตกกับบ้านของระย้าแก้วห่างกันไม่ถึงห้าสิบก้าว เรียกว่าใกล้มาก "พี่แตงไปที่เรือนก่อนเถิดหนา ข้าขอนั่งเล่นที่ชิงช้าเถาวัลย์สักครู่" หากข้าสบายใจขึ้นข้าจักได้กลับเข้าเรือน "คุณหนูจะเอาเยี่ยงนั้นก็ได้เจ้าค่ะ แต่อย่านานนักหนานะเจ้าคะ หากแม่นายศรีไพรตามหา บ่าวจักถูกเฆี่ยนหลังลายเป็นแน่" "มินานดอกพี่แตง หากข้าสบายใจขึ้น ข้าจะรีบกลับเรือนทันที" อีแตงรีบเดินกลับเข้าเรือน เพื่อไปเตรียมสำรับอาหารให้กับระย้าแก้ว ต่อให้ระย้าแก้วกลับเข้าไปเรือนตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้นโดนแม่นายศรีนวลเอ็ดเป็นแน่ เหตุเพราะกลับมาทีไร ก็หนีไม่พ้นจักต้องร้องไห้กลับมาทุกครา เหตุเดียวที่ทำให้ระย้าแก้วร้องไห้ได้นั้นก็คือเรื่องของไอ้สิงห์ผู้เดียวเท่านั้น ไอ้สิงห์ที่พยายามจะสลัดจันทร์แรม ให้พ้นทางเสียทีเพราะตั้งแต่คบกัน มาไปมาหาสู่กับนาง นางเริ่มมีอาการแสดง ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หึงหวงไอ้สิงห์กับสตรีนางอื่นไปทั่ว จนไอ้สิงห์รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจแต่ก็ยังมิได้ตัดขาดนางจันทร์แรมเสียทั้งหมด "พี่สิงห์ไปเดินดูของอย่างอื่น เป็นเพื่อนข้าหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ นานๆข้าจะมาตลาดเสียที"นางจันทร์แรมใช้สองมือควงแขนของไอ้สิงห์ "จันทร์แรม เจ้าอย่าทำเยี่ยงนี้เลย นี่มันกลางตลาดหากคนอื่นพากันเอาไปพูด เจ้าจะเสียหายได้หนาปล่อยแขนพี่เถิด" ไอ้สิงห์รีบเอ่ยห้ามปาม "ใครจะพูดเยี่ยงไร ก็ช่างหัวมันปะไรเล่า ก็ข้ารักพี่ พี่ก็รักข้ามิใช่หรือ ข้าจะสนใจผู้อื่นไปใย" ไอ้สิงห์ที่นับวัน ได้ฟังคำพูดของจันทร์แรม ราวกับแม่หญิงตลาด ที่มิได้ผ่านการอบรมกุลสตรีใด ๆ มาเลย นับวันยิ่งทำให้ไอ้สิงห์อยากจะตีตัวออกห่าง มันคงจะจริงอย่างที่ไอ้ดำได้พูดกล่าวเตือนเขาก่อนหน้านี้เป็นแน่ แต่หากเขายังมิได้เห็นกับตาเขาก็มีอาจจะตัดนางจันทร์แรมไปได้ "พี่สิงห์ พี่สิงห์ ..!! ไอ้เผือกควายตัวโปรดของพี่มันกำลังจะคลอดลูกนะพี่รีบกลับไปดูเถิด" เสียงไอ้ดำตะโกนลั่นตลาดโวยวายเรียกไอ้สิงห์ให้รีบกลับไปดูอีเผือก "มึงว่ากระไรหนาไอ้ดำ..!" ไอ้สิงห์แกล้งทวนคำของไอ้ดำทันทีเพราะมันก็กำลังหาข้ออ้างที่จะไม่อยู่กับนางจันทร์แรม "อีเผือกกำลังจะคลอดลูกข้าเลยอยากให้พี่ไปดู" "ได้สิ งั้นมึงกับกูไปกันเลย" "แม่จันทร์ข้าต้องขอตัวก่อนหนา" พูดจบไอ้สิงห์ก็ใช้มือหนาแกะมือเรียวของนางจันทร์แรมที่เกาะแขนของเขาออกอย่างไม่ใยดี ไอ้ดำและไอ้สิงห์รีบวิ่งมาจนพ้นจากตลาดก็ไกลโขอยู่ไอ้สิงห์หยุดพักและหรี่ตา หันกลับไปมองที่ไอ้ดำยังเจ้าเล่ห์ "มึงโกหกกูใช่หรือไม่ไอ้ดำ อีเผือกมันต้องคลอดลูกอีกตั้ง 2-3 เพลาถึงจะออกลูก" "แห่ ๆ พี่ก็ถ้าอุตส่าห์ทำเนียนแล้วหนาพี่ยังจับได้อีกหรือ" "แต่ก็ขอบน้ำใจเอ็งยิ่งนัก ที่ช่วยข้าออกมาจากนางจันทร์แรม ข้าเริ่มรู้สึกเอือมระอานางเหลือทน แต่มิรู้จะสลัดนางให้ออกไปเยี่ยงไรดี" ไอ้สิงห์เองก็เริ่มจะปวดหัวกับนางจันทร์แรมขึ้นทุกวัน "เอาไว้คาดคิดแผนเด็ด ๆ ออกเมื่อไหร่ข้าจะรีบบอกพี่หนา เพราะข่าวของนางจันทร์แรมเรื่องอื้อฉาวเต็มไปหมด" "หากพี่จับนางได้คาหนังคาเขาสักวันหนึ่งนางจะไม่กล้ามาเข้าใกล้พี่อีกเลยเชื่อข้าเถอะ" ไอ้ดำรีบออกความคิดของตนให้กับผู้เป็นนายอย่างไอ้สิงห์ "กูก็หวังเช่นนั้น เมื่อก่อนกูไม่รู้ผีห่าซาตานตนใดบังตากูให้ไปหลงรักนางได้" ไอ้สิงห์ตัดพ้อ "แล้วพี่จะกลับเดือนเลยหรือไม่" "ยังหรอกเดี๋ยวกูขอไปทำกิจ ของกูสักพักกูจะรีบตามกลับไป" พูดจบไอ้สิงห์ก็เร่งเก้าฝีเท้าไป ตรงน้ำตกหลังหมู่บ้านเพื่อไปหาระย้าแก้ว แม้มันจะไม่มีเหตุผลที่จะพบเจอระย้าแก้วก็ตาม แต่มันก็ยังต้องการไปหาหล่อน มันเดินมาได้ไม่นานนักก็มาถึงน้ำตก มันหันไปมองตรงเถาวัลย์ที่ประจำของระยะแก้วมักจะนั่งเล่นอยู่ ภาพที่มันเห็นตอนนี้คือระย้าแก้วนั่งร้องไห้ตาบวมแดงทั้งสองข้างน้ำตาหยดใส ๆ ไหลเต็มสองแก้ม เมื่อก่อนเขาไม่เคยห่วงใยว่าระย้าแก้วจะรู้สึกเยี่ยงไรแต่เหตุใดตอนนี้เขาจึงรู้สึกเจ็บปวด และหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นระย้าแก้วจะต้องร้องไห้เพราะตน "เอ็งจักมานั่งอ่อยเหยื่อผู้ใดเล่า"ไอ้สิงห์ที่อยากจะปลอบใจ แต่กลายเป็นประชดประชันระย้าแก้วแทนทุกครั้งอยู่ร่ำไป "พี่สิงห์มาทำกะไรที่นี่"ระย้าแก้วที่ได้เห็นหน้าไอ้สิงห์ก็รีบเช็ดน้ำหูน้ำตาทันที "ข้าจักมาทำกะไรมันก็เรื่องของข้า แล้วเอ็งเล่าเหตุใดมิกลับเข้าไปที่เรือน มานั่งอยู่ผู้เดียวกงนี้ รู้นึไม่ว่ามันอันตราย" "เรื่องของข้าเถิด พี่ไปดูแลแม่จันทร์แรมของพี่ อย่ามานั่งประชดประชันข้าเยี่ยงนี้เลย"แค่นี้หัวใจก็บอบช้ำเหลือทน "เดี๋ยวนี้เอ็งปากกล้าขึ้นเยอะนะ" "ข้ามิได้ปากกล้า ข้าเห็นพี่เกลียดข้ายิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ ข้าก็มิรู้ว่าถ้าจะทำเยี่ยงไร ให้พี่ชอบข้าขึ้นมาบ้าง" ไอ้สิงห์ที่ได้ยินคำสารภาพรัก จากปากของระย้าแก้วเป็นประจำ มันก็หยิ่งทรนง มักจะทำร้ายจิตใจของ ระย้าแก้วไม่ว่าจะเป็นคำพูด หรือการกระทำ มันก็ไม่เคยสนใจ มันจึงได้นึกพิเรนขึ้นมา "หากเจ้าสามารถนั่งรอข้ากงนี้ได้จนถึงรุ่งเช้า มิไปที่ใดเลย ข้าอาจจะเห็นใจ รักเอ็งบ้างก็ได้" ระย้าแก้วที่ได้ยินเช่นนั้น ก็มิคิดอันใดตอบตกลงทันควัน แม้เวลานี้จะโพล้เพล้ใกล้ค่ำ แลดูท่าเหมือนฝนก็กำลังจะตกลงมา "ได้หากข้าสามารถนั่งรอพี่กงนี้ได้จนถึงรุ่งเช้าพี่สัญญาได้หรือไม่ ว่าพี่จะเลิกเกลียดข้า ไม่ถึงกับต้องรักข้าตอบกลับ แต่อย่าพูดจาทำร้ายจิตใจข้าเยี่ยงที่ผ่านมาได้หรือไม่..?" ระย้าแก้วรีบร้องขอและบอกข้อเสนอกับไอ้สิงห์ "หากเอ็งทำได้เยี่ยงปากพูด ข้าจะเลิกเกลียดเอ็ง แต่ข้าคงมิรับรักคนอย่างเอ็งดอก แลรุ่งเช้าข้าจักมารับเอ็งที่นี่ด้วยตัวเอง "พูดจบไอ้สิงห์ก็เดินจากไปโดยมิได้ไตร่ตรองว่าตนเองได้พูดสิ่งใดออกไปคำพูดที่พล่อย ๆ พูดโดยมิไตร่ตรอง พูดโดยไมิคิด ไอ้สิงห์มิรู้เลยว่า คำพูดของมันนั้นมีความหมายกับหัวใจของระย้าแก้วมากเพียงใด ระย้าแก้วจึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจักนั่งรอไอ้สิงห์จนถึงเช้าดังเช่นที่ไอ้สิงห์ได้ลั่นคำ"ได้หากพี่รับปากข้าเช่นนั้น ข้าจะทำให้พี่ได้เห็น ว่าข้าจักมิผิดคำพูดกับพี่ แม้สักนิดเดียว"ระย้าแก้วตะโกนไล่หลัง"หากเอ็งทำได้เยี่ยงปากพูด ข้าจักทำตามคำพูดเช่นกัน"ไอ้สิงห์คิดอยู่ภายในใจว่าแม่หญิงอย่างระย้าแก้วนั้นมิอาจทำได้ดั่งเช่นคำที่พูดดอกผ่านมาหลายชั่วยาม ระย้าแก้วยังคงนั่งอยู่ที่เถาวัลย์ชิงช้า โดยมิลุกไปที่ใด จนเป็นที่ผิดสังเกตของแม่ศรีนวลและพ่อหมอไทย"อีแตง..! คุณหนูของมึงอยู่ที่ใดกันเล่า เหตุใดจึงยังมิกับเรือน.?" แม่ศรีนวลหันไปถามบ่าวคู่ใจของระย้าแก้ว"คุณหนูขอนั่งเล่นกง น้ำตกหนาเจ้าคะแม่นาย หากแต่บอกว่าจะกลับไม่นานนักเจ้าค่ะ""แต่นี่มันก็หลายชั่วยามแล้วหนา พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าอยู่แล้ว เหตุใดนางจึงยังมิกลับ" มารดาอย่างแม่ศรีนวลเริ่มกับวันกระวายเป็นห่วงลูกสาว"กระนั้นบ่าวขออนุญาตแม่นาย ไปตามคุณหนูหนาเจ้าคะ."อีแตงรีบเสนอตัว"มึงชักช้าอยู่ใยเล่า รีบไปเถิด" พ่อหมอไทยเอ่ยปากแท
"ถึงพี่จะว่ากระนั้น ข้าก็ต้องขอบน้ำใจพี่ ที่พี่ได้ช่วยข้าหลายครั้งหลายครา" ระย้าแก้วเอ่ยคำขอบคุณ ไอ้สิงห์"ทูนหัวของบ่าว เรากับเรือนกันเถิดหนาอย่าอยู่ตรงนี้ให้เสียเวลาเลย นี่ก็ดูท่าอีกมินานฝนก็คงจะตก" อีแตงข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของระย้าแก้วรีบพูดแทนผู้เป็นนายสองเท้าก้าวเดินออกอย่างมั่นใจ ว่าจะไม่หันกลับไปมองไอ้สิงห์ เพราะหากระย้าแก้วหันกลับไป น้ำตาคงได้อาบสองแก้มเป็นแน่"คุณหนูอย่าร้องไห้เลยหนา อย่าให้ผู้ใดเห็นน้ำตาของคุณหนูอีกต่อไปคุณหนูของบ่าวเข้มแข็ง""ข้าขอบน้ำใจพี่แตง ยิ่งนักที่อยู่เป็นเพื่อนข้าเสมอ"อีแตงรีบประคองร่างอรชรของระย้าแก้ว นายทูนหัวที่มันรักหนักหนา มาให้พ้นจากตลาด ลัดเลาะมาจนถึงน้ำตกท้ายหมู่บ้าน ทางผ่านกลับบ้านของระย้าแก้วซึ่งน้ำตกกับบ้านของระย้าแก้วห่างกันไม่ถึงห้าสิบก้าว เรียกว่าใกล้มาก"พี่แตงไปที่เรือนก่อนเถิดหนา ข้าขอนั่งเล่นที่ชิงช้าเถาวัลย์สักครู่" หากข้าสบายใจขึ้นข้าจักได้กลับเข้าเรือน"คุณหนูจะเอาเยี่ยงนั้นก็ได้เจ้าค่ะ แต่อย่านานนักหนานะเจ้าคะ หากแม่นายศรีไพรตามหา บ่าวจักถูกเฆี่ยนหลังลายเป็นแน่""มินานดอกพี่แตง หากข้าสบายใจขึ้น ข้าจะรีบกลับเรือนทันที"อีแ
"พี่แตง ดูปิ่นปักผมอันนี้ซิ สวยเหลือเกิน ลายดอกไม้สวยตรงใจข้าเหลือเกิน" ระย้าแก้วยิ้มสดใส ในวัย 18 ปี งามใสพรั่งราวดอกไม้แรกแย้ม ความงามเลื่องลือไปทั่วคุ้งน้ำ แลหัวท้ายหมู่บ้านต่างพากันอยากเยินโฉมบุษบานางฟ้าเดินดิน"สวยมากเจ้าค่ะทูนหัวของบ่าวอยากได้กระนั้นหรือเปล่าจะได้ต่อราคาพ่อค้าให้"บ่าวคู่ใจอย่างนางแตงรีบจัดแจงให้กับเจ้านายผู้กายของมัน"ข้าอยากได้ปิ่นปักผมอันนี้พี่แตง"ระย้าแก้วที่ยิ้มสดใสอยู่หน้าร้านเครื่องประดับ"จีนซื่อ ข้าเอาปิ่นอันนี้ให้กับนายของขา""ได้ ได้"แต่ยังไม่ทันได้เอาปิ่นปักผมมาใส่ตะกร้าสานของนางแตง ก็มีเรียวกระชากปิ่นออกจากมือของจีนซื่อทันที พร้อมกับทำท่าทีโอหังหันมามองหน้าระย้าแก้วอย่างโกรธเคือง นั่นคือจันทร์แรมที่ตอนนี้อายุอานามก็ปาไป 27 ปี จนจะเป็นสาวแร้งทึ้งอยู่แล้วก็ยังไม่ได้ออกเรือน ข่าวคาว ๆ ก็เล็ดรอดให้ชาวบ้านได้พูดกันไม่เว็นแต่ละวัน จนไอ้สิงห์ระอา ถึงแม้ยังไม่เคยเห็นกับตาได้ยินกับหูแต่มันก็ไม่ได้โง่ดักดาน เพียงแต่ยังไม่ทันเห็นธาติแท้ของนางจันทร์แรมกับตาก็เท่านั้น"ข้าจะเอาปิ่นอันนี้จีนซื่อ ท่านต้องขายให้ข้า"จันทร์แรมที่สแยะยิ้มอย่างผู้มีชัย"ขอโทษอาคุงหนู
ไอ้สิงห์ที่ยังคงร่ำสุรา อยู่ที่ชานเรือนบนบ้าน มันเฝ้ามองระย้าแก้วมาเนิ่นนาน แม้มันจะลั่นวาจาเอาไว้ว่าจะไม่รับรักระย้าแก้ว เรื่องที่มันหวนคิดยังมิได้ครึ่งกับสิ่งที่มันทำ แต่บัดนี้หัวใจที่แข็งแกร่งของมัน ก็ว้าวุ่นมิน้อย มันดื่มหนักจนเมาหลับไปจนถึงเช้าวันแล้ววันเล่า ที่ระย้าแก้วเฝ้ารัก ทะนุถนอมเทิดทูนบูชาในความรักที่มั่นคงของตนเอง ที่มีต่อไอ้สิงห์แม้จักรู้ว่า ไอ้สิงห์มิมีใจให้ตนเองเลย และยังมีนางในดวงใจอย่างแม่จันทร์แรม .แต่ระย้าแก้วก็ยังคงตั้งใจตั้งมั่น สักครั้งในชีวิตนางคิดว่าหากมิทำกะไรสักอย่าง จะมาเสียใจภายหลังแต่หากทำเต็มที่แล้ว ยังมิสามารถเอาชนะใจไอ้สิงห์ได้ นางก็จะถอยออกมาเอง."คุณหนู..!! ทูลหัวของบ่าว จะไปที่ใดกันเล่าแต่งตัวเสียสวยเชียว"บ่าวคู่ใจอย่างนางแตงเอ่ยชมผู้เป็นนาย"วันนี้เห็นว่า พี่สิงห์จะคุมชาวบ้านซ้อมฟันดาบ ข้าอยากจะเอาน้ำมะลิใบเตย เอาไปฝากพี่สิงห์เสียหน่อย ช่วงนี้อากาศร้อน ๆ" ทุกครั้งที่ระย้าแก้วพูดถึงไอ้สิงห์นางมักจะยิ้มแย้มแจ่มใส"ไปทำไมเล่าทูนหัวของบ่าว คราวที่แล้วก็น้ำแกงราดตัวมาทีนึงแล้วหนา"นางแตงรู้สึกโกรธแทนระยาแก้วที่ไปทีไรก็มักจะมีเหตุมีน้ำตาหรือเจ
สภาพเสื้อผ้าสไบที่เลอะเทอะ เปรอะเปื้อนสองแขนแดงเถือก น้ำตาไหลริน แต่นางกลับยังคงยิ้มส่งมาให้กับบ่าวคู่ใจเยี่ยงนางแตง"ข้ามิเป็นอันใดดอกพี่ มันเป็นอุบัติเหตุหนา" ระย้าแก้วที่ปลอบใจนางแตงบ่าวคู่ใจ"อุบัติเหตุอันใดกันเล่า..! ข้าเห็นกับตาว่าพ่อสิงห์จงใจปัดกับข้าวจนหกรดคุณหนูเยี่ยงนี้""มิเป็นไรดอกพี่ เหตุก็เป็นเพราะข้า ที่จะมาวุ่นวายกับพี่เขา ตอนที่พี่สิงห์ยังคงเจ็บแผลอยู่เลยหงุดหงิดก็เท่านั้น"คำพูดภายใต้รอยยิ้มที่เปื้อนน้ำตาระย้าแก้วมักจะหาเหตุผลหักล้างการกระทำที่ไม่ดีของไอ้สิงห์เสมอ"เมื่อใดคุณหนูของข้า จักโตขึ้นแลคิดได้เสียทีหนาบุญคุณหากต้องทดแทน ไปตลอดชีวิตมันก็มิแปลกแต่หากทดแทน แล้วเขามิต้องการก็ควรหยุดเสียทีเถิด"อีแตงพยายามปลอบใจผู้เป็นนายของตนให้รู้จักความรักที่แท้จริงเสียที"เรากลับเรือนกันเถิดหนาคุณหนู ไปล้างเนื้อล้างตัว"อีแตงประคองผู้เป็นนายกลับไปที่ท่าน้ำเพื่อพายเรือกลับสาวน้อยในวัย 17 ปีถึงแม้จะไม่รู้จักคำว่ารักที่แท้จริงเป็นเช่นไร แต่นางก็ตั้งมั่นที่จะมอบกายถวายหัวใจให้กับไอ้สิงห์ระหว่างทางไปก็ราวกับฟ้าฝนเป็นใจตกห่าใหญ่ลงมา จนเรือแทบจะล่มกลางทาง กว่าจะถึงบ้านก็ทุลักทุ
หลังจากวันนั้นข่าวลือเรื่องผู้ชายสองคนต่อยตีกันแย่งหญิงสาวก็ลืมสะพัดทั่วทั้งหมู่บ้านทั่วคุ้งน้ำว่าลูกสาวแสนสวยของพ่อหมอไทยถูกผู้ชายรุมแย่งตัวส่วนไอ้สิงห์ก็เอาแต่ดื่มเมามายโวยวายซ้อมฟันดาบกับบ่าวในเรือนและเหล่าพลทหารที่ตรวจตารอบหมู่บ้านต่างมิมีใครกล้าเข้าหน้ามันสักคนเดียวจนผู้เป็นพ่อต้องเข้ามาคุยกับลูกชาย"ไอ้สิงห์เอ็งเป็นกระไรของเอ็งเหตุใดจึงเอาแต่เมามายเยี่ยงนี้"ผู้เป็นพ่อที่ไม่เคยเห็นลูกชายของตนผู้เงียบขรึมกินเหล้าหัวราน้ำเช่นนี้ แถมยังมีข่าวลือหนาหูเรื่องชกต่อยกลางตลาดเพราะผู้หญิง"ข้ามิเป็นอันใดดอกพ่อ ข้ารู้สึกมีเรื่องให้ข้าต้องตัดสินใจหลายอย่าง ขอเวลาถ้าสักพักนึงเถิด"เสียงครางยานของไอ้สิงห์เอยบอกผู้เป็นพ่อคืนเดือนดับทำให้มองไม่เห็นสิ่งใด บนฟากฟ้า ไอ้สิงห์ที่นอนเมาอยู่ชานเรือน มันนอนน้ำตาไหลรินโดยที่มันก็ไม่รู้เหตุใดจึงรู้สึกเศร้าเช่นนี้ ไอ้สิงห์หวนนึกถึงเรื่องเมื่อสามปีก่อนที่มันได้ช่วยเหลือระย้าแก้วที่กำลังจมน้ำ จนทำให้ระย้าแก้วมอบหัวใจทั้งดวงให้กับมันแต่มันกลับไม่เห็นคุณค่าเอาแต่พูดจาทำร้ายจิตใจของหล่อนย้อนไปเหตุการณ์วันที่ฟ้าฝนมืดครึ้มแต่ระย้าแก้วยังดื้อรั้นที่จะเอาบ
"วันนี้ผู้คนในตลาดมากมาย แม่ระย้าแก้วเดิน ระวัง ๆ หน่อยหนา" พระพายพูดด้วยความเป็นห่วง"พี่พระพายมิต้องห่วงข้าดอก ข้าจะเดินเล่นไม่ไปไหนไกล ข้าอยากไปดูผ้าเสียหน่อย""ถ้าเยี่ยงนั้น ก็ให้แม่แตงอยู่เป็นเพื่อนเจ้าหนา เดี๋ยวพี่จะเดินไปดูของใช้อื่นๆ ด้านหน้านี้เสียหน่อย"พูดจบทั้งสองก็เดินแยกทางกันไป ซึ่งก็ไม่ได้ไกลกันมากมายนัก ส่วนระย้าแก้วนั้นไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่นาง ทุกย่างก้าวที่เดิน อยู่ภายใต้สายตาคู่นี้มิได้วาง"พี่แตง พี่จักไปเดินดูของกระไรก็ไปเถิด ข้าขอเดินเล่นคนเดียวตรงนี้นี่แหละ""บ่าวไปหนาเจ้าคะ แต่คุณหนูระย้าแก้ว ทูนหัวของบ่าวจักต้องไม่ไปไหนไกลหนาเจ้าคะ"บ่าวคู่กายอย่างนางแตงก็กระวนกระวายสองจิตสองใจไม่อยากห่างผู้เป็นนาย"ข้าโตแล้วหนาพี่ มิต้องห่วงถ้าดอก"ระย้าแก้วสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะที่จะไม่ดื้อไม่ซนทางด้านไอ้สิงห์ที่เห็นว่าระย้าแก้วออกไปกับ พระพายโดยการเดินเท้าออกจากวัดไป ปล่อยให้เรือพายนำหน้าไปก่อน มันก็ยิ่งสงสัยว่าพระพาย จักพาระย้าแก้วไปที่ใดมันจึงจะตามไปแต่ติดแม่จันทร์แรม"พี่สิงห์จักไปที่ใดกันเล่า รีบร้อนชอบกล"จันทร์แรมเอ่ยถามทันทีเห็นท่าทีรีบร้อนของ
ความหงุดหงิดหัวใจที่มิอาจดับได้ จวบจนเวลาพลบค่ำทำให้ไอ้สิงห์รู้สึกนอนไม่หลับ จนมันต้องปลุกไอ้ดำให้ไปที่เรือนของระย้าแก้วเป็นเพื่อน แม้จะไม่มีเหตุผลในการไปแต่มันก็ต้องไปเพราะความว้าวุ่นที่รบกวนจิตใจของมัน"ไอ้ดำเดี๋ยวมึงพากูไปบ้านพ่อหมอไทยที""ไปทำไมล่ะพี่สิงห์นี่ก็ค่ำแล้วหนา"ไอ้ดำที่ทำท่าทีสงสัยจึงเอ่ยถามออกไปทันที"เออน่ะ..!!เรื่องของกู กูมีเรื่องต้องไปจัดการเดี๋ยวมึงไปดูต้นทางให้กูที""ได้จ้ะพี่สิงห์"ระย้าแก้วที่อยู่ในห้องนอน ยืนชมพระจันทร์ที่ส่องแสงสวยงาม แม้เธอในวัย 18 ปีจะงามสะพรั่งแต่ก็มิอาจเอาชนะใจ ไอ้สิงห์คนที่ช่วยชีวิตเธอ เธอมิอาจเอาชนะใจผู้ที่อยู่ในหัวใจของไอ้สิงห์ได้ นั่นคือจันทร์แรม"ข้าจักสู้ดวงจันทร์ที่สวยงามได้เยี่ยงไรเล่า ข้าเป็นเพียงดอกไม้ดอกหนึ่ง ที่มิคู่ควรที่จะอยู่ข้างกายของพี่สิงห์ หากเป็นเช่นนั้นข้าควรตัดใจใช่หรือไม่"ระย้าแก้วที่ยืนมองพระจันทร์ แล้วยืนตัดพ้ออยู่กับตนเองในความรักข้างเดียวของนางระย้าแก้วเปิดหน้าต่างทิ้งเอาไว้เพื่อรับสายลมเย็นพร้อมกับเตรียมตัวเข้านอนหลับไหล เปลือกตาสวยคู่นั้นเริ่มหนักอึ้งและกลับลงสู่ห้วงนิทราไอ้สิงห์ที่มาถึงเรือนของพ่อหมอไทยมั
หลังจากวันนั้นที่พระพายได้กลับมา ระย้าแก้วเริ่มไปหาไอ้สิงห์น้อยลง เพราะพระพายที่มักจะพาระย้าแก้วไปเที่ยวเตร่ตามประสา เขาเองตั้งใจจะอยู่ที่นี่แรมเดือนเพื่อดูแลบ้านที่พ่อแม่มอบหมายให้กลับมาดูแล"ข้าไหว้ขอรับพ่อหมอไทย"พระพายที่หอบหิ้วเอามะพร้าวกับกล้วยที่สวนตนมาฝากบ้านระย้าแก้ว"เป็นไงมาไงละพ่อพาย""พอดีวันนี้บ่าวไพร่ ที่บ้านของหลาน มันตัดกล้วยกับมะพร้าวเยอะ เลยหิ้วมาฝากพ่อหมอไทยกับแม่ศรีนวลนะขอรับ""ขอบน้ำใจพ่อพระพาย เดี๋ยวให้บ่าวยกเข้าครัว พ่อมาเหนื่อย ๆ ขึ้นเรือนมากินน้ำกินท่าก่อนพ่อ"พระพายที่ขึ้นเรือนมา นั่งดื่มน้ำโรยดอกมะลิเย็น ๆ จนชื่นใจ ส่วนสายตาสอดส่องมองหาร่างบางของหญิงสาวสวยที่เขาหมายปอง"มองหาผู้ใดเล่าพ่อพาย"เสียงแม่ศรีนวล แม่ของระย้าแก้วที่เดินออกมาจากเรือนนอน"ข้าไหว้จ้ะ ป้าศรีนวล"พระพายยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มรับ"สบายหรือไม่ขอรับ ป้าแม่ศรีนวล""ป้าสบายดี แล้วพ่อพายเล่าเป็นเยี่ยงไรบ้าง""หลานสบายดีขอรับป้าศรีนวล"ขณะที่พระพายนั่งสนทนาอยู่กับแม่ของระย้าแก้วสายตาก็สอดส่องมองหาร่างบาง จนแม่ศรีนวลแม่ของระย้าแก้วอดขำไม่ได้"ถ้ามองหาระย้าแก้ว น้องอยู่ในสวนดอกลั่นทมโน่น""เอ่อคือ..ถ