คำพูดที่พล่อย ๆ พูดโดยมิไตร่ตรอง พูดโดยไมิคิด ไอ้สิงห์มิรู้เลยว่า คำพูดของมันนั้นมีความหมายกับหัวใจของระย้าแก้วมากเพียงใด ระย้าแก้วจึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจักนั่งรอไอ้สิงห์จนถึงเช้าดังเช่นที่ไอ้สิงห์ได้ลั่นคำ
"ได้หากพี่รับปากข้าเช่นนั้น ข้าจะทำให้พี่ได้เห็น ว่าข้าจักมิผิดคำพูดกับพี่ แม้สักนิดเดียว"ระย้าแก้วตะโกนไล่หลัง "หากเอ็งทำได้เยี่ยงปากพูด ข้าจักทำตามคำพูดเช่นกัน" ไอ้สิงห์คิดอยู่ภายในใจว่าแม่หญิงอย่างระย้าแก้วนั้นมิอาจทำได้ดั่งเช่นคำที่พูดดอก ผ่านมาหลายชั่วยาม ระย้าแก้วยังคงนั่งอยู่ที่เถาวัลย์ชิงช้า โดยมิลุกไปที่ใด จนเป็นที่ผิดสังเกตของแม่ศรีนวลและพ่อหมอไทย "อีแตง..! คุณหนูของมึงอยู่ที่ใดกันเล่า เหตุใดจึงยังมิกับเรือน.?" แม่ศรีนวลหันไปถามบ่าวคู่ใจของระย้าแก้ว "คุณหนูขอนั่งเล่นกง น้ำตกหนาเจ้าคะแม่นาย หากแต่บอกว่าจะกลับไม่นานนักเจ้าค่ะ" "แต่นี่มันก็หลายชั่วยามแล้วหนา พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าอยู่แล้ว เหตุใดนางจึงยังมิกลับ" มารดาอย่างแม่ศรีนวลเริ่มกับวันกระวายเป็นห่วงลูกสาว "กระนั้นบ่าวขออนุญาตแม่นาย ไปตามคุณหนูหนาเจ้าคะ."อีแตงรีบเสนอตัว "มึงชักช้าอยู่ใยเล่า รีบไปเถิด" พ่อหมอไทยเอ่ยปากแทรกขึ้นมาทันที อีแตงเร่งเดินลัดเลาะหลังเรือน เพื่อเดินไปที่ ธารน้ำตกหลังเรือน เพื่อไปหาคุณหนูระย้าแก้วจอมซนที่ยังไม่ยอมกลับเรือนเสียที ทั้งที่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่เมื่ออีแตงมาถึงก็ถึงกับตกใจเพราะระย้าแก้วยังคงนั่งอยู่ที่เดิมมิได้ไปไหน "คุณหนูระย้าแก้ว ทูนหัวของบ่าว เหตุใดจึงยังมิกลับเรือนเจ้าค่ะ แม่นายศรีนวลให้บ่าวมาตามคุณหนูกลับเรือนหนาเจ้าคะ" อีแตงรีบเอ่ยคำที่พรั่งพรูด้วยความเป็นห่วง "ข้ามิอาจกับเรือนในเพลานี้ได้ พี่แตงช่วยแจ้งคุณพ่อกับคุณแม่ทีเถิด" อีแตงที่ได้ยินคำพูดของคุณหนูระย้าแก้ว ถึงกับรู้สึกงงเป็นไก่ตาแตก เหตุใดจึงมิยอมกับเรือนในเพลานี้ "ด้วยเหตุอันใดกันเล่า คุณหนูจึงมิยอมกลับเรือนกับข้า..!"หากคุณหนูมิกับเรือน ข้าคงโดนเฆี่ยนหลังลายเป็นแน่"อีแตงคุกเข่าอ้อนวอน "ข้าให้สัญญากับพี่สิงห์เอาไว้ หากข้าสามารถรอพี่สิงห์ อยู่กงนี้ได้จนถึงรุ่งเช้า พี่สิงห์จักเลิกเกลียดข้า" ระย้าแก้วอธิบายเหตุผลให้กับอีแตงฟัง "ได้เยี่ยงไรกันเล่า..!!คุณหนูเป็นหญิงสตรีจะมานั่งท่ามกลางป่าเขา เช่นนี้มิได้หนาเจ้าคะ ถึงแม้จะห่างเรือนมิไกล แต่มันก็มิงามเจ้าค่ะ" "มิได้หรอกพี่ ข้าได้ตบปากรับคำกับพี่สิงห์ไปแล้วหนา ข้ามิอาจผิดคำพูดกับพี่สิงห์ได้เช่นกัน" ระย้าแก้วยังคงแสดงท่าทีดื้อดึง "หากเป็นเช่นนี้ ข้าจักไปเรียนแม่นายศรีนวล แล้วจักกลับมาอยู่เป็นเพื่อนกับคุณหนูหนา"อีแตงเร่งเดินกลับไปที่เรือนทันที อีแตงพอมาถึงเรือน ก็รีบเดินหน้าตาตื่นไปกราบเรียนแม่นายศรีนวล แลพ่อหมอไทยที่นั่งกินข้าวเย็นอยู่ด้วยท่าทางที่กระวนกระวาย "มึงเป็นอันใดเล่า..!!เหตุใดจึงหน้าตาตื่นเยี่ยงนั้น"พ่อหมอไทยเอ่ยถามนางแตง "เออ..คือว่า...คือว่า"อีแตงกระอักกระอ่วน "คือว่าคือกระไรของมึงเล่า..!!! มีเรื่องอันใดมึงก็ปากออกมาเถอะ" พ่อหมอไทยเริ่มจากหงุดหงิดกับอีแตงที่มิพูดออกมาเสียที "คือ..คุณหนูมิยอมกลับเรือนเจ้าค่ะ" "ด้วยเหตุอันใดจึงไม่ยอมกลับเรือน..!!"แม่ศรีนวลโพรงถามกลางป้อง อีแตงจึงเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้กับพ่อหมอไทยและแม่นายศรีนวลฟังทุกอย่าง แม่ศรีนวลถึงกับแทบจะเป็นลมล้มพับ กับความดื้อดึงของลูกสาวตนเอง แต่หากด้วยบุญคุณที่ล้นพ้นเรื่องที่ไอ้สิงห์ได้ช่วยชีวิตของระย้าแก้วเอาไว้นางจึงมิอาจขัดใจลูกสาวได้ "หากเป็นเยี่ยงที่มึงพูด มึงก็จงไปอยู่เป็นเพื่อนนายของมึงเสียเถิด กูรู้ต่อให้กูเอ่ยปากห้าม ก็คงมิกลับเรือนหากเป็นเรื่องของไอ้สิงห์ มิมีผู้ใดขัดใจนางได้ดอก" แม่ศรีนวลผู้เป็นมารดาเอ่ยกับผู้เป็นสามีอย่างน่าเคร่งครึ้ม "แต่กูหวังว่า ครั้งนี้จักเป็นครั้งสุดท้าย ที่ลูกกูจะต้องเสียใจและเจ็บตัวเยี่ยงนี้อีก..!"พ่อหมอไทยพูดเสริม อีแตงที่ได้มารายงานเรื่องราวต่าง ๆ กับแม่นายกับพ่อหมอไทยจบสิ้น มันจึงรีบรุดหน้าเดินกลับไปที่น้ำตกเพื่อไปอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูระย้าแก้วทูนหัวของมันพร้อมกับตะเกียงเจ้าพายุในมือและคบไฟอีก 2 อัน "คุณหนูเจ้าค่ะ กินน้ำกินข้าวเสียหน่อยเถอะ หากจะนั่งอยู่กงนี้จนถึงเช้า ก็ต้องอย่าปล่อยให้ท้องว่างนะเจ้าคะ" "มิเป็นไรดอกพี่ ข้ายังมิหิวดอก"ระย้าแก้วยังคงตั้งมั่นแลนั่งรอไอ้สิงห์เพื่อถึงเช้า ผ่านไปหลายชั่วยาม ระย้าแก้วเริ่มเหน็บกินขา แต่นางก็ยังคงอดทน เพื่อให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปให้ได้ แสงจันทร์นวลกระจ่างก็ยังพอเป็นเพื่อนระย้าแก้วได้บ้าง แต่พอผ่านไปยามหนึ่ง แสงจันทร์ที่สุกใสก่อนหน้า ก็หายลับเข้ากลีบเมฆ ดาวบนท้องฟ้าก็ไม่เหลือให้มองเห็น ท้องฟ้ามืดครึ้มมาแทนที่ ลมเริ่มกรรโชกแรงราวกับมีฝนห่า "คุณหนูของบ่าว ทูนหัวกับเรือนเถิดหนาเจ้าคะ..หากยังนั่งอยู่เยี่ยงนี้ ฝนจากลงเม็ดแล้วใหญ่ นี่ก็ดึกดื่นจวนใกล้จะย่ำรุ่งแล้ว อีกไม่กี่ยาม" มิได้ดอก ข้าอุตส่าห์อดทนมาจนถึงเพลานี้ พรุ่งนี้เช้าพี่สิงห์จักมารับข้าด้วยตนเอง"ระย้าแก้วยังคงยิ้มให้กับ อีแตง แลพูดด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยม "แล้วหากพ่อสิงห์ไม่มาเล่า..! คุณหนูจะทำเยี่ยงไรกลับเถิดหนาเจ้าคะ"อีแตงพยายามเกลี่ยกล่อมผู้เป็นนายเหนือหัว "หากพี่อยากกลับ พี่ก็กลับไปผู้เดียว ถ้ามิอาจจะย้อนกลับไปได้ จนกว่าพี่สิงห์จะมารับข้าในวันพรุ่ง" พระจันทร์ลับบหายเข้ากลีบเมฆดวงดาวที่กระจ่างสดใสก็มิอาจมองเห็น สายลมเริ่มโหมพัดกระหน่ำสายฟ้าเริ่มฟาดเปรี้ยงปร้างดังสนั่น แต่ก็มีอาจทำให้ระย้าแก้วหวั่นใจ ฝนเม็ดเล็กๆเริ่มตกปรอยๆ "คุณหนูเจ้าค่ะ ได้โปรดฟังข้าสักครั้งเถิด กลับเรือนเถิดหนา"อีแตงที่เริ่มเห็นสถานการณ์มิสู้ดี สภาพของระย้าแก้วเริ่มเปียกปอน ท่ามกลางสายฝนเริ่มโปรยปรายลงมามิขาดสาย ท้องฟ้าวิปริตแปรปรวนราวกับจะเกิดอาเพศ ลมพายุเริ่มพัดกรรโชกแรงจากสายฝนเพียงโปรยปราย กลับกลายเป็นพัดกระหน่ำพัดกิ่งไม้ใหญ่พักตกใส่ไปที่ร่างบางของระย้าแก้วอย่างจัง "กรี๊ด..!! คุณหนูระวังเจ้าค่า..!!" อีแตงรีบกระโจนใช้ร่างกายของตนบังกิ่งไม้ใหญ่ จนร่างของระย้าแก้วที่นั่งบนกิ่งเถาวัลย์ร่วงไปกระแทกหิน "โอ๊ะ โอ๊ย...อู้ย...เจ็บ"ระย้าแก้วที่ก้นกระแทกก้อนหิน แลหัวก็กระทกกับกิ่งไม้ใหญ่จนหัวข้างซ้ายแตกร่างกายเปียกปอนทั้งนายและบ่าว "คุณหนูเจ้าค่า กลับเรือนเถิดหนาเจ้าค้า เลือดออก เลือด ฮึก ฮื่อ ทูลหัวของบ่าว เจ็บรึไม่เข้าค่ะ"อีแตงที่โอบกอดร่างของผู้เป็นนาย ที่นั่งหนาวสั่นใบหน้าเล็กๆซีดเซียว ปนกับเลือดแดงฉาน ฝนก็ตกโหมกระหน่ำราวกับกลั่นแกล้งระย้าแก้ว "นี่ก็ยำรุ่งแล้วพี่ ขอข้าทนอีกนิดเถอะเพียงแค่ดวงอาทิตย์ขึ้น พี่สิงห์ก็จักมารับข้า ดังคำแล้วหนา"ใบหน้าซีกเผือกยังคงยกยิ้ม ร่างอรชรสั่นเทาราวลูกนก ผ่านไปนานนักฝนก็เริ่มซาลงแต่ยังคงตกปรอยๆระย้าแก้วที่ร่างเปียกปอน ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด ปากเล็กๆสั่นระริก ด้วยความหนาวเย็นและแผลที่หัวเลือดยังไม่หยุดไหลสนิท ตอนนี้ก็ย่ำรุ่งรอเพียงไม่นานนางก็จะทำสำเร็จแล้ว ไอ้สิงห์ที่เพิ่งตื่นจากการนอนหลับไหลที่แสนสุขสบาย เหตุด้วยเมื่อคืนฝนตกฝนกระหน่ำ ทำให้อากาศดีแต่เหมือนมันจะลืมเลือนเรื่องที่ได้เอ่ยไว้เมื่อวานเสียสิ้นคำพูดที่พล่อย ๆ พูดโดยมิไตร่ตรอง พูดโดยไมิคิด ไอ้สิงห์มิรู้เลยว่า คำพูดของมันนั้นมีความหมายกับหัวใจของระย้าแก้วมากเพียงใด ระย้าแก้วจึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจักนั่งรอไอ้สิงห์จนถึงเช้าดังเช่นที่ไอ้สิงห์ได้ลั่นคำ"ได้หากพี่รับปากข้าเช่นนั้น ข้าจะทำให้พี่ได้เห็น ว่าข้าจักมิผิดคำพูดกับพี่ แม้สักนิดเดียว"ระย้าแก้วตะโกนไล่หลัง"หากเอ็งทำได้เยี่ยงปากพูด ข้าจักทำตามคำพูดเช่นกัน"ไอ้สิงห์คิดอยู่ภายในใจว่าแม่หญิงอย่างระย้าแก้วนั้นมิอาจทำได้ดั่งเช่นคำที่พูดดอกผ่านมาหลายชั่วยาม ระย้าแก้วยังคงนั่งอยู่ที่เถาวัลย์ชิงช้า โดยมิลุกไปที่ใด จนเป็นที่ผิดสังเกตของแม่ศรีนวลและพ่อหมอไทย"อีแตง..! คุณหนูของมึงอยู่ที่ใดกันเล่า เหตุใดจึงยังมิกับเรือน.?" แม่ศรีนวลหันไปถามบ่าวคู่ใจของระย้าแก้ว"คุณหนูขอนั่งเล่นกง น้ำตกหนาเจ้าคะแม่นาย หากแต่บอกว่าจะกลับไม่นานนักเจ้าค่ะ""แต่นี่มันก็หลายชั่วยามแล้วหนา พระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าอยู่แล้ว เหตุใดนางจึงยังมิกลับ" มารดาอย่างแม่ศรีนวลเริ่มกับวันกระวายเป็นห่วงลูกสาว"กระนั้นบ่าวขออนุญาตแม่นาย ไปตามคุณหนูหนาเจ้าคะ."อีแตงรีบเสนอตัว"มึงชักช้าอยู่ใยเล่า รีบไปเถิด" พ่อหมอไทยเอ่ยปากแท
"ถึงพี่จะว่ากระนั้น ข้าก็ต้องขอบน้ำใจพี่ ที่พี่ได้ช่วยข้าหลายครั้งหลายครา" ระย้าแก้วเอ่ยคำขอบคุณ ไอ้สิงห์"ทูนหัวของบ่าว เรากับเรือนกันเถิดหนาอย่าอยู่ตรงนี้ให้เสียเวลาเลย นี่ก็ดูท่าอีกมินานฝนก็คงจะตก" อีแตงข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของระย้าแก้วรีบพูดแทนผู้เป็นนายสองเท้าก้าวเดินออกอย่างมั่นใจ ว่าจะไม่หันกลับไปมองไอ้สิงห์ เพราะหากระย้าแก้วหันกลับไป น้ำตาคงได้อาบสองแก้มเป็นแน่"คุณหนูอย่าร้องไห้เลยหนา อย่าให้ผู้ใดเห็นน้ำตาของคุณหนูอีกต่อไปคุณหนูของบ่าวเข้มแข็ง""ข้าขอบน้ำใจพี่แตง ยิ่งนักที่อยู่เป็นเพื่อนข้าเสมอ"อีแตงรีบประคองร่างอรชรของระย้าแก้ว นายทูนหัวที่มันรักหนักหนา มาให้พ้นจากตลาด ลัดเลาะมาจนถึงน้ำตกท้ายหมู่บ้าน ทางผ่านกลับบ้านของระย้าแก้วซึ่งน้ำตกกับบ้านของระย้าแก้วห่างกันไม่ถึงห้าสิบก้าว เรียกว่าใกล้มาก"พี่แตงไปที่เรือนก่อนเถิดหนา ข้าขอนั่งเล่นที่ชิงช้าเถาวัลย์สักครู่" หากข้าสบายใจขึ้นข้าจักได้กลับเข้าเรือน"คุณหนูจะเอาเยี่ยงนั้นก็ได้เจ้าค่ะ แต่อย่านานนักหนานะเจ้าคะ หากแม่นายศรีไพรตามหา บ่าวจักถูกเฆี่ยนหลังลายเป็นแน่""มินานดอกพี่แตง หากข้าสบายใจขึ้น ข้าจะรีบกลับเรือนทันที"อีแ
"พี่แตง ดูปิ่นปักผมอันนี้ซิ สวยเหลือเกิน ลายดอกไม้สวยตรงใจข้าเหลือเกิน" ระย้าแก้วยิ้มสดใส ในวัย 18 ปี งามใสพรั่งราวดอกไม้แรกแย้ม ความงามเลื่องลือไปทั่วคุ้งน้ำ แลหัวท้ายหมู่บ้านต่างพากันอยากเยินโฉมบุษบานางฟ้าเดินดิน"สวยมากเจ้าค่ะทูนหัวของบ่าวอยากได้กระนั้นหรือเปล่าจะได้ต่อราคาพ่อค้าให้"บ่าวคู่ใจอย่างนางแตงรีบจัดแจงให้กับเจ้านายผู้กายของมัน"ข้าอยากได้ปิ่นปักผมอันนี้พี่แตง"ระย้าแก้วที่ยิ้มสดใสอยู่หน้าร้านเครื่องประดับ"จีนซื่อ ข้าเอาปิ่นอันนี้ให้กับนายของขา""ได้ ได้"แต่ยังไม่ทันได้เอาปิ่นปักผมมาใส่ตะกร้าสานของนางแตง ก็มีเรียวกระชากปิ่นออกจากมือของจีนซื่อทันที พร้อมกับทำท่าทีโอหังหันมามองหน้าระย้าแก้วอย่างโกรธเคือง นั่นคือจันทร์แรมที่ตอนนี้อายุอานามก็ปาไป 27 ปี จนจะเป็นสาวแร้งทึ้งอยู่แล้วก็ยังไม่ได้ออกเรือน ข่าวคาว ๆ ก็เล็ดรอดให้ชาวบ้านได้พูดกันไม่เว็นแต่ละวัน จนไอ้สิงห์ระอา ถึงแม้ยังไม่เคยเห็นกับตาได้ยินกับหูแต่มันก็ไม่ได้โง่ดักดาน เพียงแต่ยังไม่ทันเห็นธาติแท้ของนางจันทร์แรมกับตาก็เท่านั้น"ข้าจะเอาปิ่นอันนี้จีนซื่อ ท่านต้องขายให้ข้า"จันทร์แรมที่สแยะยิ้มอย่างผู้มีชัย"ขอโทษอาคุงหนู
ไอ้สิงห์ที่ยังคงร่ำสุรา อยู่ที่ชานเรือนบนบ้าน มันเฝ้ามองระย้าแก้วมาเนิ่นนาน แม้มันจะลั่นวาจาเอาไว้ว่าจะไม่รับรักระย้าแก้ว เรื่องที่มันหวนคิดยังมิได้ครึ่งกับสิ่งที่มันทำ แต่บัดนี้หัวใจที่แข็งแกร่งของมัน ก็ว้าวุ่นมิน้อย มันดื่มหนักจนเมาหลับไปจนถึงเช้าวันแล้ววันเล่า ที่ระย้าแก้วเฝ้ารัก ทะนุถนอมเทิดทูนบูชาในความรักที่มั่นคงของตนเอง ที่มีต่อไอ้สิงห์แม้จักรู้ว่า ไอ้สิงห์มิมีใจให้ตนเองเลย และยังมีนางในดวงใจอย่างแม่จันทร์แรม .แต่ระย้าแก้วก็ยังคงตั้งใจตั้งมั่น สักครั้งในชีวิตนางคิดว่าหากมิทำกะไรสักอย่าง จะมาเสียใจภายหลังแต่หากทำเต็มที่แล้ว ยังมิสามารถเอาชนะใจไอ้สิงห์ได้ นางก็จะถอยออกมาเอง."คุณหนู..!! ทูลหัวของบ่าว จะไปที่ใดกันเล่าแต่งตัวเสียสวยเชียว"บ่าวคู่ใจอย่างนางแตงเอ่ยชมผู้เป็นนาย"วันนี้เห็นว่า พี่สิงห์จะคุมชาวบ้านซ้อมฟันดาบ ข้าอยากจะเอาน้ำมะลิใบเตย เอาไปฝากพี่สิงห์เสียหน่อย ช่วงนี้อากาศร้อน ๆ" ทุกครั้งที่ระย้าแก้วพูดถึงไอ้สิงห์นางมักจะยิ้มแย้มแจ่มใส"ไปทำไมเล่าทูนหัวของบ่าว คราวที่แล้วก็น้ำแกงราดตัวมาทีนึงแล้วหนา"นางแตงรู้สึกโกรธแทนระยาแก้วที่ไปทีไรก็มักจะมีเหตุมีน้ำตาหรือเจ
สภาพเสื้อผ้าสไบที่เลอะเทอะ เปรอะเปื้อนสองแขนแดงเถือก น้ำตาไหลริน แต่นางกลับยังคงยิ้มส่งมาให้กับบ่าวคู่ใจเยี่ยงนางแตง"ข้ามิเป็นอันใดดอกพี่ มันเป็นอุบัติเหตุหนา" ระย้าแก้วที่ปลอบใจนางแตงบ่าวคู่ใจ"อุบัติเหตุอันใดกันเล่า..! ข้าเห็นกับตาว่าพ่อสิงห์จงใจปัดกับข้าวจนหกรดคุณหนูเยี่ยงนี้""มิเป็นไรดอกพี่ เหตุก็เป็นเพราะข้า ที่จะมาวุ่นวายกับพี่เขา ตอนที่พี่สิงห์ยังคงเจ็บแผลอยู่เลยหงุดหงิดก็เท่านั้น"คำพูดภายใต้รอยยิ้มที่เปื้อนน้ำตาระย้าแก้วมักจะหาเหตุผลหักล้างการกระทำที่ไม่ดีของไอ้สิงห์เสมอ"เมื่อใดคุณหนูของข้า จักโตขึ้นแลคิดได้เสียทีหนาบุญคุณหากต้องทดแทน ไปตลอดชีวิตมันก็มิแปลกแต่หากทดแทน แล้วเขามิต้องการก็ควรหยุดเสียทีเถิด"อีแตงพยายามปลอบใจผู้เป็นนายของตนให้รู้จักความรักที่แท้จริงเสียที"เรากลับเรือนกันเถิดหนาคุณหนู ไปล้างเนื้อล้างตัว"อีแตงประคองผู้เป็นนายกลับไปที่ท่าน้ำเพื่อพายเรือกลับสาวน้อยในวัย 17 ปีถึงแม้จะไม่รู้จักคำว่ารักที่แท้จริงเป็นเช่นไร แต่นางก็ตั้งมั่นที่จะมอบกายถวายหัวใจให้กับไอ้สิงห์ระหว่างทางไปก็ราวกับฟ้าฝนเป็นใจตกห่าใหญ่ลงมา จนเรือแทบจะล่มกลางทาง กว่าจะถึงบ้านก็ทุลักทุ
หลังจากวันนั้นข่าวลือเรื่องผู้ชายสองคนต่อยตีกันแย่งหญิงสาวก็ลืมสะพัดทั่วทั้งหมู่บ้านทั่วคุ้งน้ำว่าลูกสาวแสนสวยของพ่อหมอไทยถูกผู้ชายรุมแย่งตัวส่วนไอ้สิงห์ก็เอาแต่ดื่มเมามายโวยวายซ้อมฟันดาบกับบ่าวในเรือนและเหล่าพลทหารที่ตรวจตารอบหมู่บ้านต่างมิมีใครกล้าเข้าหน้ามันสักคนเดียวจนผู้เป็นพ่อต้องเข้ามาคุยกับลูกชาย"ไอ้สิงห์เอ็งเป็นกระไรของเอ็งเหตุใดจึงเอาแต่เมามายเยี่ยงนี้"ผู้เป็นพ่อที่ไม่เคยเห็นลูกชายของตนผู้เงียบขรึมกินเหล้าหัวราน้ำเช่นนี้ แถมยังมีข่าวลือหนาหูเรื่องชกต่อยกลางตลาดเพราะผู้หญิง"ข้ามิเป็นอันใดดอกพ่อ ข้ารู้สึกมีเรื่องให้ข้าต้องตัดสินใจหลายอย่าง ขอเวลาถ้าสักพักนึงเถิด"เสียงครางยานของไอ้สิงห์เอยบอกผู้เป็นพ่อคืนเดือนดับทำให้มองไม่เห็นสิ่งใด บนฟากฟ้า ไอ้สิงห์ที่นอนเมาอยู่ชานเรือน มันนอนน้ำตาไหลรินโดยที่มันก็ไม่รู้เหตุใดจึงรู้สึกเศร้าเช่นนี้ ไอ้สิงห์หวนนึกถึงเรื่องเมื่อสามปีก่อนที่มันได้ช่วยเหลือระย้าแก้วที่กำลังจมน้ำ จนทำให้ระย้าแก้วมอบหัวใจทั้งดวงให้กับมันแต่มันกลับไม่เห็นคุณค่าเอาแต่พูดจาทำร้ายจิตใจของหล่อนย้อนไปเหตุการณ์วันที่ฟ้าฝนมืดครึ้มแต่ระย้าแก้วยังดื้อรั้นที่จะเอาบ
"วันนี้ผู้คนในตลาดมากมาย แม่ระย้าแก้วเดิน ระวัง ๆ หน่อยหนา" พระพายพูดด้วยความเป็นห่วง"พี่พระพายมิต้องห่วงข้าดอก ข้าจะเดินเล่นไม่ไปไหนไกล ข้าอยากไปดูผ้าเสียหน่อย""ถ้าเยี่ยงนั้น ก็ให้แม่แตงอยู่เป็นเพื่อนเจ้าหนา เดี๋ยวพี่จะเดินไปดูของใช้อื่นๆ ด้านหน้านี้เสียหน่อย"พูดจบทั้งสองก็เดินแยกทางกันไป ซึ่งก็ไม่ได้ไกลกันมากมายนัก ส่วนระย้าแก้วนั้นไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่นาง ทุกย่างก้าวที่เดิน อยู่ภายใต้สายตาคู่นี้มิได้วาง"พี่แตง พี่จักไปเดินดูของกระไรก็ไปเถิด ข้าขอเดินเล่นคนเดียวตรงนี้นี่แหละ""บ่าวไปหนาเจ้าคะ แต่คุณหนูระย้าแก้ว ทูนหัวของบ่าวจักต้องไม่ไปไหนไกลหนาเจ้าคะ"บ่าวคู่กายอย่างนางแตงก็กระวนกระวายสองจิตสองใจไม่อยากห่างผู้เป็นนาย"ข้าโตแล้วหนาพี่ มิต้องห่วงถ้าดอก"ระย้าแก้วสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะที่จะไม่ดื้อไม่ซนทางด้านไอ้สิงห์ที่เห็นว่าระย้าแก้วออกไปกับ พระพายโดยการเดินเท้าออกจากวัดไป ปล่อยให้เรือพายนำหน้าไปก่อน มันก็ยิ่งสงสัยว่าพระพาย จักพาระย้าแก้วไปที่ใดมันจึงจะตามไปแต่ติดแม่จันทร์แรม"พี่สิงห์จักไปที่ใดกันเล่า รีบร้อนชอบกล"จันทร์แรมเอ่ยถามทันทีเห็นท่าทีรีบร้อนของ
ความหงุดหงิดหัวใจที่มิอาจดับได้ จวบจนเวลาพลบค่ำทำให้ไอ้สิงห์รู้สึกนอนไม่หลับ จนมันต้องปลุกไอ้ดำให้ไปที่เรือนของระย้าแก้วเป็นเพื่อน แม้จะไม่มีเหตุผลในการไปแต่มันก็ต้องไปเพราะความว้าวุ่นที่รบกวนจิตใจของมัน"ไอ้ดำเดี๋ยวมึงพากูไปบ้านพ่อหมอไทยที""ไปทำไมล่ะพี่สิงห์นี่ก็ค่ำแล้วหนา"ไอ้ดำที่ทำท่าทีสงสัยจึงเอ่ยถามออกไปทันที"เออน่ะ..!!เรื่องของกู กูมีเรื่องต้องไปจัดการเดี๋ยวมึงไปดูต้นทางให้กูที""ได้จ้ะพี่สิงห์"ระย้าแก้วที่อยู่ในห้องนอน ยืนชมพระจันทร์ที่ส่องแสงสวยงาม แม้เธอในวัย 18 ปีจะงามสะพรั่งแต่ก็มิอาจเอาชนะใจ ไอ้สิงห์คนที่ช่วยชีวิตเธอ เธอมิอาจเอาชนะใจผู้ที่อยู่ในหัวใจของไอ้สิงห์ได้ นั่นคือจันทร์แรม"ข้าจักสู้ดวงจันทร์ที่สวยงามได้เยี่ยงไรเล่า ข้าเป็นเพียงดอกไม้ดอกหนึ่ง ที่มิคู่ควรที่จะอยู่ข้างกายของพี่สิงห์ หากเป็นเช่นนั้นข้าควรตัดใจใช่หรือไม่"ระย้าแก้วที่ยืนมองพระจันทร์ แล้วยืนตัดพ้ออยู่กับตนเองในความรักข้างเดียวของนางระย้าแก้วเปิดหน้าต่างทิ้งเอาไว้เพื่อรับสายลมเย็นพร้อมกับเตรียมตัวเข้านอนหลับไหล เปลือกตาสวยคู่นั้นเริ่มหนักอึ้งและกลับลงสู่ห้วงนิทราไอ้สิงห์ที่มาถึงเรือนของพ่อหมอไทยมั
หลังจากวันนั้นที่พระพายได้กลับมา ระย้าแก้วเริ่มไปหาไอ้สิงห์น้อยลง เพราะพระพายที่มักจะพาระย้าแก้วไปเที่ยวเตร่ตามประสา เขาเองตั้งใจจะอยู่ที่นี่แรมเดือนเพื่อดูแลบ้านที่พ่อแม่มอบหมายให้กลับมาดูแล"ข้าไหว้ขอรับพ่อหมอไทย"พระพายที่หอบหิ้วเอามะพร้าวกับกล้วยที่สวนตนมาฝากบ้านระย้าแก้ว"เป็นไงมาไงละพ่อพาย""พอดีวันนี้บ่าวไพร่ ที่บ้านของหลาน มันตัดกล้วยกับมะพร้าวเยอะ เลยหิ้วมาฝากพ่อหมอไทยกับแม่ศรีนวลนะขอรับ""ขอบน้ำใจพ่อพระพาย เดี๋ยวให้บ่าวยกเข้าครัว พ่อมาเหนื่อย ๆ ขึ้นเรือนมากินน้ำกินท่าก่อนพ่อ"พระพายที่ขึ้นเรือนมา นั่งดื่มน้ำโรยดอกมะลิเย็น ๆ จนชื่นใจ ส่วนสายตาสอดส่องมองหาร่างบางของหญิงสาวสวยที่เขาหมายปอง"มองหาผู้ใดเล่าพ่อพาย"เสียงแม่ศรีนวล แม่ของระย้าแก้วที่เดินออกมาจากเรือนนอน"ข้าไหว้จ้ะ ป้าศรีนวล"พระพายยกมือไหว้พร้อมกับยิ้มรับ"สบายหรือไม่ขอรับ ป้าแม่ศรีนวล""ป้าสบายดี แล้วพ่อพายเล่าเป็นเยี่ยงไรบ้าง""หลานสบายดีขอรับป้าศรีนวล"ขณะที่พระพายนั่งสนทนาอยู่กับแม่ของระย้าแก้วสายตาก็สอดส่องมองหาร่างบาง จนแม่ศรีนวลแม่ของระย้าแก้วอดขำไม่ได้"ถ้ามองหาระย้าแก้ว น้องอยู่ในสวนดอกลั่นทมโน่น""เอ่อคือ..ถ