“เริศค๊าาคุณนาย รับรองได้หลานเร็วๆ นี้แน่เลยค่ะ”
พี่ปลารีบโทรไปรายงานความเคลื่อนไหวให้กับเจ้านายฟังด้วยความตื่นเต้น ซึ่งคนปลายสายที่ได้ยินเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
“ดีมาก..ดีมากถ้าอย่างนั้นคอยสังเกตเอาไว้นะแล้วมารายงานฉันตลอดนะ”
“ได้เลยค่ะคุณนายรับรองจะตามดูทุกฝีก้าวเลยค่ะ”
“อันนั้นก็เกินไปแหมแกนี่นะ”
“แหะ แหะ หยอกๆ ค่ะ คุณนายสบายใจได้เลยนะคะทางนี้ไว้ใจปลาได้เลยค่ะ”
“ดีมากมันต้องยั่งงี้สิ”
“อุ้ยๆ แค่นี้ก่อนนะคะคุณนาย คุณอรลงมาแล้วค่ะ”
“ได้ๆ “
“สวัสดีค่ะคุณนาย “
พี่ปลาวางทั้งสายจากเจ้านายและและวางสายยางรดน้ำต้นไม้แล้วรีบวิ่งเหยาะๆ ไปเดินเรียบๆ เคียงๆ แอบดูท่าทีของคู่รักข้าวใหม่ปลามันเงียบๆ
“อ่าวตื่นแล้วเหรอคุณมาทานข้าวด้วยกันสิ”
“ไม่อ่ะ ชั้นจะออกไปข้างนอก”
อรฤดีพูดเสียงเรียบโดยไม่เดินมาเฉียดโต๊ะข้าวเลยด้วยซ้ำ
“เสียใจด้วยนะคุณแม่ๆ ของพวกเราบอกว่าห้ามออกบ้านสามวัน..”
“ห้ะ…”
สองขาที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงักแล้วหันมาส่งเสียงเป็นคำถามเหมือนกับชายหนุ่มที่ทำเมื่อครู่ไม่มีผิด
“ตามนั้นแหละคุณมานั่งสิ ถ้าขัดคำสั่งมีหวังเป็นเรื่องเป็นราวแน่ๆ “
เจ้าของใบหน้าสวยถอนหายใจหนักๆ ออกมาพร้อมกับเดินกลับมานั่งตามคำพูดของชายหนุ่มอย่างว่าง่าย เธอเข้าใจและเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูดเป็นอย่างดีเพราะเธอเองก็รู้ฤทธิ์เดชของคุณนายสิริวดีอย่างกระจ่างแจ้งแก่ใจตนเองอยู่แล้ว เห็นทีคงต้องโทรไปเลื่อนนัดกับเพื่อนสนิทอย่างกรองขวัญเสียแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณอร พี่ปลาตักข้าวให้นะคะ”
เมื่อเจ้านายสาวคนใหม่นั่งลงเรียบร้อยแล้วพี่ปลาก็รีบวิ่งเข้าในทันที เธอรู้สึกถูกชะตากับอรฤดีมากถึงแม้จะพึ่งเจอและพึ่งอยู่บ้านหลังเดียวกันได้ไม่นานแต่เธอก็ดูใจเย็น เรียบร้อย ไม่ดูแรงๆ ร้ายๆ เหมือนกับคุณลูกปัดที่มีรังษีอำมหิตแผ่ออกมาจากตัวตลอดเวลา
“ขอบคุณค่ะ”
เธอเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนจะตักอาหารเข้าปากโดยไม่ได้สังเกตุเลยว่ามีสายตาคมคู่หนึ่งที่แสนคุ้นเคยกำลังแอบมองเธออยู่หลายต่อหลายครั้ง
เมื่อเห็นอย่างนั้นบ่าวผู้รู้สถานการณ์ดีก็รีบเดินเลี่ยงไปให้เวลาแก่ทั้งสองในทันที
วันแรกของการใช้ชีวิตคู่.. ข้าวมื้อแรกของสถาณะสามีภรรยาความรู้สึกมันเป็นแบบนี้เองสินะ ..
“คุณมีแผนจะทำอะไรหรือเปล่าถูกกักบริเวณตั้งสามวัน”
คนที่ทานอิ่มแล้วเอ่ยถามทำลายความเงียบที่เริ่มจะอึดอัดขึ้นทุกที
“ชั้นว่าจะทำสวนค่ะ เห็นมีพื้นทีว่างเล็กๆ ด้านหลัง”
คำตอบของเธอทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อย ลูกคุณหนูอย่างเธอนี่นะหรือที่จะชอบปลูกผักทำสวน ช่างตรงกันข้ามกับหน้าตาท่าทางจริงๆ
“แล้วคุณล่ะคะ”
คราวนี้เธอเอ่ยถามบ้างเพราะเขาก็ถูกกักบริเวณเช่นเดียวกับเธอ
“อืม..ผมคิดเอาไว้แล้ว เวลาว่างทั้งหมดผมจะอ่านหนังสือท่องเที่ยว”
… คำตอบของเขาทำให้เธอหัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว อยู่ๆ เขาก็เกิดสนใจเรื่องที่เธอสนใจอย่างนั้นเหรอ..
“เผื่อคุณยังไม่รู้ในบ้านนี้มีห้องลับนะ อยากเห็นมั้ยเดี๋ยวผมพาไปดู”
แม้จะพูดอย่างนั้นแต่อรฤดีก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจสิ่งที่เขากำลังนำเสนอเลยแม้แต่น้อย ..
“มาเถอะน่า รับรองคุณต้องชอบแน่ๆ”
นอกจากหนังสือและความเงียบแล้วจะมีอะไรที่เธอชอบอีกล่ะ.. แต่เอาเถอะในเมื่อเขาพูดออกมาแบบนี้ก็ชักนึกอยากรู้ขึ้นมาแล้วเหมือนกัน แล้วจึงลุกขึ้นเดินตามคนตัวสูงไป
“มาทางนี้เลยคุณรับรองห้องนี้คุณยังไม่เห็นแน่นอน”
ยิ่งเขาย้ำคำนี้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งรูสึกอยากจะเห็นมากเท่านั้นเพราะวันที่มาดูเรือนหอครั้งสุดท้ายเธอก็ไม่ได้ตั้งใจดูเลยเพราะไม่ได้คิดจะอยู่ตั้งแต่แรก
“นี่เลยห้องนี้เลย …“
เขาขยับตัวหลบไปทางด้านซ้ายแล้วให้เธอเป็นคนเปิดประตูบานนั้นเอง ..
แกร่ก..
หลังจากที่บานประตูเปิดแล้วใบหน้าสวยก็ยิ้มกว้างออกมาดวงตาเธอเป็นประกายระยิบระยับแล้วเดินเข้วไปในห้องนั้นทันที
“จริงๆ เหรอคุณ…”
“จริงสิ ตรงนั้นใช่ไหมที่คุณอยากจะทำสวน”
อรฤดีพยักหน้าเบาๆ แต่สายตาและสองมือของเธอนั้นไม่อาจละไปจากห้องหนังสือตรงหน้าได้เลย
ในห้องนี้มีหนังสือมากมายเต็มไปหมดแบ่งเป็นหมวดหมู่ชัดเจน บรรยากาศผ่อนคลาย และมองออกไปเห็นวิวสวนตรงกับที่เธออยากจะปลูกผักปลูกดอกไม้พอดี ..
“คุณชอบไหม”
เขาเผลอหลุดถามออกมาด้วยรอยยิ้ม ทั้งที่ตั้งใจว่าจะทำทรงเข้มไว้แท้ๆ
“ชอบค่ะ มีแต่หนังสือดีๆ น่าอ่านทั้งนั้นเลย”
“เอ่อ เดี๋ยวผมมานะ”
ไม่รู้ทำไมเวลาที่เห็นเธอยิ้มแบบนั้นแล้วมันพาให้เขาหน้าแดงไปหมดจนรู้สึกได้ เลยต้องแยกตัวออกมาเพราะไม่อยากจะให้เธอเห็น เดินมาก็ไม่ได้ออกมาไกลอะไรนักหรอกมาแอบมองเขาชื่นชมหนังสืออยู่แถวๆ หน้าห้องนั่นแหละ ..
“พี่ปลาคะ”
“ขาาาคุณอร”
“เดี๋ยวพี่ปลาช่วยเตรียมดิน เตรียมกระถาง แล้วก็เมล็ดพันธุ์ตามนี้ให้อรหน่อยนะคะ”
“ได้เลยค่ะคุณอรเดี๋ยวพี่ปลาจัดให้ค่ะ”
พี่ปลายื่นหน้ามาอ่านรายการแต่ละอย่างที่เจ้านายคนสวยต้องการแป๊ปเดียวก็จำได้แล้วรีบเดินออกไป เมื่อเห็นอย่างนั้นอรฤดีก็หันกลับมาสนใจหนังสือตรงหน้าเหมือนเดิมแบบนี้จะขังเธออยู่ที่นี่สักเจ็ดวันก็ไม่เป็นไร
“มีเล่มไหนถูกใจคุณบ้างไหม”
จอมทัพเดินเข้ามานั่งที่โซฟาพร้อมกับหยิบหนังสือเล่มนึงติดมือมาด้วย
“ถ้าเป็นหนังสือมีสาระชั้นก็ชอบหมดนั่นแหละ ยิ่งเกี่ยวกับเรื่องสถานที่เที่ยวกับการเกษตรชั้นอ่านได้ถึงไหนถึงกันเลย”
“ถึงว่าคุณอยากทำสวน นี่คุณจะปลูกอะไรบ้างล่ะ”
เมื่อจับจุดได้เรื่องที่จะคุยกับเธอก็ไม่ได้ยากอีกต่อไปแล้ว และเมื่อมีคนที่ชวนคุยเรื่องที่ตัวเองสนใจหญิงสาวก็ยิ่งคุยจ้อไม่หยุดจนเหมือนจะลืมไปเลยว่าต่างคนต่างไม่ชอบขี้หน้ากันอยู่เมื่อไม่นานมานี้
“ชั้นว่าจะลองปลูกมะเขือเทศ กับดอกไม้ดูก่อน”
“ทำไมถึงเป็นมะเขือเทศล่ะ”
“ชั้นชอบ…”
“หึหึ โอเค ๆ “
คุยกันอยู่นานสองนานเสียงหัวเราะคิกคักแลกเปลี่ยนคำถามและความรู้กันไปจนเสียงเรียกจากพี่ปลาดังขึ้นที่ด้านนอก
“คุณอรคะ คุณอร ของที่สั่งได้แล้วค่ะ”
เมื่อมองไปนอกหน้าต่างจากห้องหนังสือที่ทั้งสองคนยืนอยู่ตอนนี้ก็เห็นคนงานทยอยขนรางกระถางสำหรับปลูกและดินถุงอีกจำนวนมากโดยที่พี่ปลาถือซองเมล็ดพันธุ์ ชู โบกไปโบกมาท่าทางสนุกสนานร่าเริง
“พี่ปลามาแล้วฉันไปก่อนนะคะ”
จอมทัพพยักหน้ายิ้มๆอให้กับเธอโดยไม่ได้ตอบอะไรอรฤดีก็รีบเดินออกไปพร้อมกับสวมหมวกและถุงมือรองเท้าบู๊ทพร้อมสำหรับการลงมือทำความคิดของเธอให้เป็นจริง
“ขอบคุณมากนะคะพี่ปลา”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ หน้าที่พี่ปลาทั้งนั้นให้พี่ปลาช่วยนะคะ”
แล้วทั้งสองก็ช่วยกันผสมดินเตรียมดินใส่ในรางกระถามยาว และอีกหลายกระถางทั้งเล็กทั้งใหญ่มือเล็กๆ หยิบสิ่งนั้นสิ่งนี้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานใบหน้าสวยเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อไหลย้อยไปตามกรอบหน้าเรียวที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มเป็นระยะๆ
โดยภาพทั้งหมดนั้นอยู่ภายในสายตาของชายหนุ่มตลอดเวลาจะบอกว่ามันคือความสุขก็ไม่ผิดเพราะเขาเองก็คิดว่าสิ่งนี้มันทำให้เขาสงบลง ทำให้เขาลืมโลกภายนอกไปได้ และที่สำคัญมันทำให้เขาอยากจะอยู่ตรงนี้ไปนานๆ เพื่อเฝ้าดู..
จนลืมไปเลยจริงๆ ว่ามือถือของเขาต้องมีคนโทรเข้ามาแน่ๆ ต้องมีคนส่งข้อความมาแน่ๆ
.
“เริศค๊าาคุณนาย รับรองได้หลานเร็วๆ นี้แน่เลยค่ะ”พี่ปลารีบโทรไปรายงานความเคลื่อนไหวให้กับเจ้านายฟังด้วยความตื่นเต้น ซึ่งคนปลายสายที่ได้ยินเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน“ดีมาก..ดีมากถ้าอย่างนั้นคอยสังเกตเอาไว้นะแล้วมารายงานฉันตลอดนะ”“ได้เลยค่ะคุณนายรับรองจะตามดูทุกฝีก้าวเลยค่ะ”“อันนั้นก็เกินไปแหมแกนี่นะ”“แหะ แหะ หยอกๆ ค่ะ คุณนายสบายใจได้เลยนะคะทางนี้ไว้ใจปลาได้เลยค่ะ”“ดีมากมันต้องยั่งงี้สิ” “อุ้ยๆ แค่นี้ก่อนนะคะคุณนาย คุณอรลงมาแล้วค่ะ” “ได้ๆ ““สวัสดีค่ะคุณนาย “พี่ปลาวางทั้งสายจากเจ้านายและและวางสายยางรดน้ำต้นไม้แล้วรีบวิ่งเหยาะๆ ไปเดินเรียบๆ เคียงๆ แอบดูท่าทีของคู่รักข้าวใหม่ปลามันเงียบๆ “อ่าวตื่นแล้วเหรอคุณมาทานข้าวด้วยกันสิ”“ไม่อ่ะ ชั้นจะออกไปข้างนอก”อรฤดีพูดเสียงเรียบโดยไม่เดินมาเฉียดโต๊ะข้าวเลยด้วยซ้ำ “เสียใจด้วยนะคุณแม่ๆ ของพวกเราบอกว่าห้ามออกบ้านสามวัน..”“ห้ะ…” สองขาที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงักแล้วหันมาส่งเสียงเป็นคำถามเหมือนกับชายหนุ่มที่ทำเมื่อครู่ไม่มีผิด“ตามนั้นแหละคุณมานั่งสิ ถ้าขัดคำสั่งมีหวังเป็นเรื่องเป็นราวแน่ๆ “เจ้าของใบหน้าสวยถอนหายใจหนักๆ ออกมาพร้อมกับเดินกลับ
ภายในห้องหอรอรักหลังจากที่พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายออกไปแล้วแต่คู่รักข้าวใหม่ปลามันยังคงนั่งนิ่งไม่ได้ลุกไปไหนเพราะต่างคนต่างทำตัวไม่ถูก.. เพียงเพราะคิดถึงคำพูดที่สิริวดีพูดก่อนออกจากห้องไป .. โบราณเค้าถือว่าห้ามออกจากห้องหอจนกว่าจะเช้าเพราะฉะนั้นรีบมีหลานให้แม่ไวเลยนะจ้ะเข้าใจไหม “คุณไปอาบน้ำก่อนเลยเดี๋ยวคืนนี้ผมนอนที่โซฟาเอง”จอมทัพรีบส่ายหัวสลัดคำพูดพวกนั้นทิ้งไปแล้วพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ เพื่อไม่ให้ต่างฝ่ายต่างเกร็งกันไปมากกว่านี้ “อะ อืม.. งั้นชั้นไปอาบน้ำก่อนนะ”อรฤดีรู้สึกกลืนน้ำลายลงคอลำบากเหลือเกินกว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคำก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปแต่ถ้าสังเกตุให้ดีจะเห็นแก้มนวลของเธอสุกแดงปลั่งจนแทบจะไม่เงยหน้ามามองคนตัวสูงเลยแต่เมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้นก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาอยู่ไม่น้อย“คุณ..คือ”“หืม ว่าไงคุณทำไมยังไม่อาบน้ำอีก”“คือ.. คุณ ช่วยปลดตะขอด้านหลังให้ชั้นหน่อยได้ไหม ชั้นเอื้อมไม่ถึง.. ““ได้สิ”เขาตอบรับง่ายๆ วางรีโมททีวีในมือลงแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปหาเธอที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ อรฤดีก็หันหลังให้อีกฝ่ายไม่รอช้าพร้อมกับรวบเก
กรองขวัญจับมือของเพื่อน สนิทเอาไว้แล้วลูบหลังมือเบาๆ เพื่อ เป็นกำลังใจให้เพื่อน ถึงแม้จะรู้สถานการณ์ดีแต่หน้าที่ของเพื่อนก็คือให้กำลังใจสนับสนุนและยินดี“ขอบใจมากนะยิ้มแบบนี้สวยหรือเปล่า”อรฤดีรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เพื่อนรักต้องการจะสื่อเธอหันกลับมายิ้มให้เพื่อนสาวคนสวยที่คอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร“สวยแต่จะสวยมากกว่านี้ถ้ายิ้มอีกนิดนึงคืนนี้แกเป็นเจ้าสาวสวยที่สุดในงานเป็นนางเอกนะเป็นนางฟ้า จำเอาไว้”“ทำไมเป็นหลายอย่างจังนี่ยังไม่ทันจะเป็นก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้วขอนอนก่อนได้ไหมอ่ะ”เสียงหัวเราะดังคิกคักจากสองสาวที่หยอกกันไปมารอให้ถึงเวลาที่จะได้ออกไปแขกมากันมากมาย ภายในงาน ถูกตกแต่งด้วยสีขาวและสีชมพูของดอกไม้นานาชนิดราวกับโลกเทพนิยายที่ถูกเนรมิตขึ้นภายในโรงแรมสุดหรู“ฉันดีใจจังเลยคุณในที่สุดวันนี้ก็มาถึงฉันมีความสุขจนพูดไม่ถูกเลยค่ะ”สิริวดียกมือขึ้นปากน้ำตา แห่งความสุขเบาๆ อย่างน้อยๆ ก่อนตายจากโลกนี้ไปได้เห็นว่าลูกสาวของเธอเป็นฝั่งเป็นฝาให้หมดห่วงได้นอนตายตาหลับเสียที“นั่นสิคุณผมเองก็ดีใจที่เห็นลูกมีวันนี้”คนเป็นสามีโอบกอดภรรยาสุดที่รักของเค้าไว้โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอนั้นเห
“ที่แม่แกพูดเป็นความจริง พ่อว่าแกต้องกลับไปทบทวนเรื่องของแกกับเด็กผู้หญิงคนนั้นให้ดีๆ แล้วก็ตัดสินใจให้เด็ดขาด ถึงแกจะให้อภัยไม่เอาเรื่องไม่เอาความแต่ทางบ้านหนูอร ยังไงเค้าก็คงอยู่เฉยไม่ได้หรอกนะพ่อเตือนเอาไว้ก่อน”ตอนนี้สีหน้าของจอมทัพเหมือนกับกำลังแบกโลกไว้ทั้งใบยังไงยังงั้นคิ้วหนาทั้งสองข้างของเค้าตอนนี้มันเหมือนกับถูกผูกโบว์รัดแน่นจนตึง “ผมขอเวลาอีกหน่อยนะครับแล้วผมจะเคลียร์เรื่องนี้ให้จบเอง”“อย่าให้มันนานนักล่ะไม่มีใครสมควรที่จะเสียเวลารอใครที่รู้ตัวช้าหรอกนะ แล้วที่สำคัญถ้าแกทำให้หนูอรเสียใจ และไม่ได้มาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านแกเตรียมเก็บของออกจากบ้านไปได้เลย”ทัศนีย์กอดอกพูดมองลูกชายสุดหล่อของเธอด้วยหางตาไม่มีคำว่าลูกฉันเป็นคนดีในพจนานุกรมของเธอถ้าทำไม่ดีทำไม่ถูก ก็มีแต่จะต้องรับผลของการกระทำนั้นด้วยตนเองอย่างไม่มีข้อแม้“โอ้โหขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณแม่ คุณแม่คนสวย”ท่าทางที่เคร่งเครียดของชายหนุ่มหายวับไปกับตาในทันทีเมื่อได้ยินคำว่าเตรียมเก็บของออกจากบ้าน ทำเอาหายเครียดเรื่องลูกปัดไปในทันทีแต่กลับมาเครียดเรื่องที่แม่ของตนเองพูดแทน“ไม่ต้องมาปากหวานแม่ไม่หลงกลคำพูดของคนเหลาะแหละหรอก
ก๊อกๆๆ แกร่กก มือเล็กๆ เปิดประตู เข้ามาโดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้เอ่ยคำอนุญาตใดๆ ซึ่งเพียงแค่เธอเดินผ่านประตูเข้ามาคนที่นอนอยู่บนเตียงก็รีบดีดตัวลุกขึ้นในทันที“คุณไปไหนมาผมส่งข้อความหาคุณก็ไม่ตอบ”เขาเป็นฝ่ายเอ่ยถามก่อนด้วยน้ำเสียที่เต็มไปด้วยความห่วงใย“ฉันโตแล้วนะคะจะไปไหนจะต้องรายงานคุณด้วยหรือยังไงไม่ดีหรอกเหรอที่ฉันให้เวลาคุณได้เป็นส่วนตัวกับคนรักของคุณบ้าง”“โถ่คุณ ผมขอโทษอย่าโกรธผมเลยนะถ้าแม่รู้ว่าผมทำให้คุณโกรธแล้วหายไปทั้งคืนแบบนี้คงโดนแม่เอาตายแน่เลย”“งั้นก็แปลว่าคุณไม่ได้ห่วงฉันจริงๆ น่ะสิคะแค่ห่วงตัวเองกลัวจะโดนคุณแม่บ่นเอาต่างหาก”เธอพูดออกมาโดยที่ไม่ได้หันมามองเขาด้วยซ้ำสองมือเล็กๆ ของเธอจับโทรศัพท์มือถือไว้ในแล้วใถหน้าจอเช็คความเคลื่อนไหวต่างๆ ในหนึ่งวันที่ผ่านมาซึ่งสำหรับเธอนั้นเป็นหนึ่งวันที่ผ่านมาเหตุการณ์เลวร้ายมามากมายเหลือเกิน เกิดแต่กับอรฤดีจริงๆ สินะ!มีแต่เรื่องแต่ราวไม่เว้นวันเห็นทีคงต้อง หาเวลา เข้าวัดเข้าวา ทำบุญสะเดาะเคราะห์บ้างสักหน่อย“ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นนะคุณ ผมเป็นห่วงคุณจริงๆ”“ฉันว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้กันดีกว่าค่ะคนที่คุณควรจะเป็นห่วงคือคนรักของคุณไ
“คุณอรฟื้นแล้ว.. ดื่มน้ำก่อนสักหน่อยนะครับ”เมื่อรฤดีลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าเปรมนั่งมองเธออยู่ด้วยรอยยิ้มเมื่อเขาเห็นว่าเธอได้สติลืมตาขึ้นมาแล้วเขารีบลุกขึ้นไปรินน้ำใส่แก้วมาให้เธอดื่มด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและท่าทางที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนยามที่ได้จ้องมองเธอ“อึก อึก.. ขอบคุณมากนะคะแล้วแผลของคุณ..”เมื่อดื่มน้ำเสร็จเธอก็รีบกวาดสายตาไปมองที่แขนของชายหนุ่มซึ่งตอนนี้เค้าทำแผลเรียบร้อยแล้ว“ไม่ต้องห่วงนะครับทำแผนเรียบร้อยแล้ว ถึงจะลึกไปหน่อยแต่อีกไม่กี่วันก็คงหายแล้วครับ”“แผลลึกมากใช่ไหมคะ อรว่าแล้วเลือดไหลเต็มเลยเพราะอรแท้ๆ เลยขอโทษนะคะคุณเปรม”“หึหึ ผมหยอกเล่นครับ แผลไม่ได้ลึกอะไรมากขยันกินยา ขยันล้างแผลไม่กี่วันก็หายแล้วครับ”เมื่อได้ยินอย่างนั้นเธอก็รู้สึกโล่งใจมันรู้สึกไม่ดีเลยจริงๆ ที่มีคนต้องมาเจ็บตัวเพราะเธออย่างนี้บ่อยๆ“คุณกำลังจะเดินไปไหนครับมืดๆ แบบนี้อันตรายถ้าคุณอรอยากได้อะไรบอกผมได้นะครับ”ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นว่าใบหน้าของเธอหมองลงไปอย่างเห็นได้ชัดคงจะนึกโทษตัวเองอยู่ในใจแน่นอน“อรแค่จะเดินไปตลาดข้างหน้าเองค่ะไม่ได้อยากได้อะไรกะว่าจะไปเดินเล่นแต่เกิดเร