ช่วงค่ำ
ณ บาร์แห่งหนึ่ง … ที่เสียงเพลงดี บรรยากาศดี อาหารอร่อยไร้ที่ติ แต่หญิงสาวสวยที่กำลังจ้องมอง โทรศัพท์มือถือตรงหน้ากลับดูไม่ค่อยจะกลมกลืนกับบรรยากาศในตอนนี้สักเท่าไหร่
ข้อความที่ถูกส่งไปยังคนรักของเธอครั้งแล้วครั้งเล่าไม่แม้จะถูกเปิดอ่านหรือรับสายเพื่ออธิบายใดๆ มีเพียงความเงียบงั้นที่ชวนให้เธอคิดมากและอดระแวงไม่ได้จนต้องออกมาหาที่นั่งดื่มเพื่อหวังว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะช่วยให้เธอรู้สึกดี หรือลืมเรื่องราวเลวร้ายต่างๆ ลงไปได้บ้าง
อึก อึก..
เสียงเจ้าของลำคอสวยระหงจับแก้วไวน์สีสวยยกขึ้นมากระดกทีเดียวจนหมดพร้อมกับส่งสัญญาณให้พนักงานเสิร์ฟเติมแก้วใหม่ให้ในทันที
“ขอผมนั่งด้วยคนนะครับ”
เสียงทุต่ำที่แสนจะคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังทำให้คนที่ยังพอจะมีสติหลงเหลืออยู่บ้างรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันที
“ฉันอยากอยู่คนเดียวอย่ามายุ่งได้ไหม”
ลูกปัดกรอกตามองบนพร้อมกับถอนหายใจหนักๆ ออกมาให้อีกฝ่ายเห็นแต่นั่นดูเหมือนว่าเค้าจะไม่ได้ใส่ใจถือสาเธอเลยแม้แต่น้อย
“ใจร้ายกับผมเสมอเลยนะครับ .. พูดดีๆ กับผมบ้างไม่ได้เหรอผมเป็นห่วงคุณนะ”
แท้ที่จริงแล้วเขาคนนั้นใช่ใครที่ไหนสาเหตุที่เธอไม่อยากจะพูดดีด้วยกับเขานั่นก็เพราะว่าเขาคือ ดนัย ชยางกูล โชติวรรธน์ ว่าที่คู่หมั้นที่ถูกทางผู้ใหญ่ติดต่อจับจองเอาไว้ดองกันนั่นเอง
“แต่ชั้นไม่ต้องการ ชั้นไม่เคยต้องการคุณก็น่าจะรู้ดียังจะพยายามเพื่ออะไรคะ… ชิ!”
ลูกปัดหันมาแว้ดใส่ในทันทีความดีความห่วงอะไรจากเขาเธอไม่ต้องการทั้งนั้นคนที่เธอรักคือจอมทัพเพียงคนเดียวเท่านั้นไม่ว่ายังไงเธอก็จะต้องทำให้เขากลับมาหาเธอให้จนได้
“ผมรู้อยู่แล้วปัด.. ผมรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับผมแต่วันนี้คุณเมามากแล้วนะ ขอให้ผมนั่งเป็นเพื่อนคุณได้ไหม”
“เหอะ..เพื่ออะไร จะทำให้ชั้นดูแย่ในสายคนอื่นไปอีกถึงเมื่อไหร่กันแค่นี้มันยังไม่สาแก่ใจคุณอีกหรือไง”
เธอปรายสายตาไปมองเขาเล็กน้อยแล้วยกแก้วในมือขึ้นมาดื่มซึ่งดนัยเองก็ไม่ได้สนใจฟังคำตัดพ้อที่เธอพูดอีกต่อไปแถมยังถือวิสาสะนั่งลงในทันที จะให้ทำยังไงก็เขาเป็นห่วง.. ถึงแม้เธอจะดูร้ายๆ พูดจาแรงๆ ใส่เขาแต่นั่นก็เป็นเพราะเธอถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจเขาเข้าใจดี
และพร้อมที่จะอภัยให้เธอเสมอ ... จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็เธอเป็นรักแรกและรักเดียวของเขามาโดยตลอดไม่มีใครเข้ามาแทนที่เธอได้เลยแม้ว่าเธอจะไม่เคยหันมามองหรือจะพูดจาทำร้ายจิตใจมากขนาดไหนก็ตาม
สายตาคมจ้องมองดูใบหน้าสวยเย่อหยิ่งตรงหน้าที่ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเศร้าเขาไม่ได้ห้ามทำเพียงนั่งร่วมโต๊ะกับเธอเงียบๆ เท่านั้น
แก้วแล้วแก้วเล่าที่เขาเฝ้ามองดูเธอยกกระกดดื่มกลืนลงคอลูกปัดทำให้ดนัยเข้าใจและได้เรียนรู้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งว่าต่อให้อยู่ใกล้กันแค่เอื้อม ต่อให้เกิดมาคู่ควรกันมากขนาดไหนหรือแม้แต่เราจะมอบความรักให้ไปมากเท่าไหร่แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ต้องการมันก็ไร้ค่าอยู่ดี ..
อันที่จริงถ้าหากว่าเธอได้เจอกับความรักที่ดีและมีความสุขเขาก็จะไม่วุ่นวายอะไรและพร้อมจะเดินจากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ทันที แต่สิ่งที่เข้าเฝ้ามองดูนั้นมันทำให้ทุกครั้งที่เห็นมันเจ็บอยู่ในอกลึกๆ ตลอดมา .. ถ้าเป็นเขา.. ถ้าเป็นเขาสักครั้งเขาจะต้องทำให้เธอมีความสุขได้แน่ๆ ..
“จอมคะ.. คุณมาหาปัดแล้วใช่ไหม อย่ากลับไปอีกเลยนะคะ คุณอยู่กับปัดนะคะจอม…”
อยู่ๆ ลูกปัดก็เงยหน้าขึ้นมาพูดกับดนัยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานปนน้อยใจถึงจะรู้ว่าเธอเมามากแต่ก็ยังแอบดีใจอยู่ไม่น้อยที่เธอจ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาหวานเชื่อมเป็นประกายอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
“คุณเมามากแล้วนะควรกลับได้แล้ว”
“งั้นคุณก็พาปัดกลับสิคะจอม คืนนี้คุณอยู่กับปัดนะคะ”
ด้วยความเมาจนเห็นคนที่เอาแต่คิดถึงมานั่งอยู่ตรงหน้าแถมยังออดอ้อนยั่วยวนทั้งสายตาและท่าทางหวังมัดใจให้อีกคนอยู่เคียงข้างตนเอง.. และแน่นอนว่าเธอทำสำเร็จเพียงแต่คนตรงหน้าเธอนั้นไม่ใช่คนที่เธอกำลังคิดถึงแต่เป็นคนที่เธอไม่เคยคิดจะรักเลยต่างหาก
“ไปครับกลับได้แล้ว ค่อยๆ เดินนะ ..”
ดนัยประคองลูกปัดให้ลุกขึ้นเดินไปอย่างใจเย็นขอให้ได้อยู่ข้างๆ ได้ใกล้ชิดเธอต่อให้เธอจะเห็นเขาเป็นอะไรก็ไม่สำคัญ
สายตาที่เต็มไปด้วยความรักหันมาทอดมองคนที่หลับไปเพราะความเมายิ้มๆ ก่อนจะขับรถตรงออกไปยังคอนโดของตนเอง
“ผมรักคุณมากนะครับปัด..”
ดนัยค่อยๆ วางลูกปัดลงบนเตียงหลังจากที่อุ้มเธอมาตั้งแต่รถจอด แต่สองแขนเรียวก็คล้องคอเขาเอาไว้แน่ก่อนจะกระชับกอดเอาไว้
“อยู่กับปัดนะคะจอม ปัดรักคุณนะคะ “
“ผมก็รักคุณ..”
สิ้นเสียงบอกรักแหบพร่าริมฝีปากหนาก็ประกบจูบแนบสนิทกับริมฝีปากบางที่เผยอรอรับสัมผัสอันหอมหวานด้วยความเต็มใจความคิดถึง ความโหยหาถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดสิ้น สองกายแนบชิดกอดก่ายเติมเต็มกันและกันราวกับเปลวเพลิงที่ค่อยๆ ลุกลามโชตช่วง
ฝ่ามือหนาลูบไล้ผิวกายนวนเนียนที่เคยเป็นเจ้าของด้วยอารมณ์ที่ไม่อาจจะหยั่งถึงปลดเปลื้องเสื้อผ้าโยนทิ้งไปจนเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่าที่คุ้นตา ..
“ผมรักคุณ.. ปัดก็รักคุณค่ะ”
สิ้นคำบอกรักหวานหูก็เป็นเสียงครางหวานที่เต็มไปด้วยความสุขที่ถูกเติมเต็มครั้งแล้วครั้งเล่า สัมผัสเร่าร้อนเกินห้ามใจถูกปรุกเร้าด้วยจังหวะขยับโยกเอวหนาที่ถาโถมเข้ามาจนสองขาสั่นเทาจังหวะหัวใจเต้นรัวจนเหนื่อยหอบ
เสียงร้องครางหวานดังเคล้าคลอเสียงทุ้มต่ำด้วยความเสียดเสียวเกินห้ามใจ …
“ผมรักคุณ..อึก ซี้ดด อ๊าา”
คำพร่ำบอกรักแนบชิดลำคอขาวก่อนจะซุกใบหน้าลงไปขบเม้มดูดดึงในจังหวะสุดท้ายก่อนที่จะปลดปล่อยความรักทั้งหมดเข้าไปในตัวเธอ.. ครั้งแล้วครั้งเล่า ..
สามวันต่อมา
ช่วงเวลาสามวันที่จอมทัพและอรฤดีใช้เวลาอยู่ด้วยกันถึงแม้จะนอนคนละห้องแต่หลายๆ อย่างก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน สายตาที่เคยแข็งกร้าวยามมองจ้องกันนั้นอ่อนโยนกว่าเก่า ความเป็นห่วงเป็นใยที่ไม่เคยมีก็มีให้เห็น และยังแชร์ความคิด หลายๆ อย่างให้แก่กันอีกต่างหาก
“อ่าว คุณจะออกไปไหนเหรอ”
“ครบสามวันแล้วนี่คะ ชั้นมีนัดกับเพื่อนแล้วคุณล่ะ ไม่ออกไปไหนเหรอ”
“ให้ผมไปส่งไหม”
“ไม่ๆ ชั้นมีธุระหลายที่ไม่รบกวนคุณดีกว่า”
คนเป็นสามีพยักหน้ารับเบาๆ มองตามหลังคนที่เดินออกไปในหัวก็คิดถึงว่าเขาควรจะออกไปที่ไหนดีหรือเปล่านะ..
ตืดดด ตืดดด
นี่ไงแค่คิด..ถึงจะไม่เจาะจงแต่รับรองได้ว่ามีเรื่องให้ออกไปข้างนอกแน่นอน
“ครับปัด..”
“นี่จอมลืมปัดแล้วจริงๆ เหรอคะ ไหนจอมบอกว่าจะไม่หายไปไงคะแล้วนี่อะอะไตอนนี้คุณอยู่ไหนคะ ปัดไปหาที่คอนโดก็ไม่อยู่ไม่รู้แหละวันนี้ปัดต้องเจอคุณให้ได้ปัดจะรอคุณอยู่ที่ร้านประจำของเรานะคะ”
ยังไม่ทันที่จอมทัพจะได้พูดอะไรคนเอาแต่ใจก็รีบตัดสายไปเสียแล้วเขาส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมกับคิดอะไรได้บางอย่างที่เห็นทีเขาจะต้องลงมือทำเสียที เพราะตอนนี้ทุกอย่างมันชัดเจนแล้วทั้ง การกระทำ และหัวใจ..
คิดได้อย่างนั้นก็รีบสาวเท้าเดินตรงไปที่รถคันโปรดของตัวเองแล้วขับออกไปในทันที
“อ่าว มารอใครเหรอครับคุณอร” เปรมที่บังเอิญเดินผ่านมาเห็นอรฤดีผู้กุมหัวใจของตนเองกำลังนั่งเหมือนรอใครอยู่ในร้านกาแฟจึงเดินแวะเข้ามาทักทายเพราะหลังจากที่เธอเข้าพิธีวิวาห์ไปเขาก็ไม่ได้เจอกับบเธออีกเลย “อรรอเพื่อนอยู่ค่ะ คุณเปรมล่ะคะ ผมมาทำธุระแถวนี้พอดีครับกำลังจะกลับถ้างั้นให้ผมนั่งรอเป็นเพื่อนนะครับ” “อรว่า..เอ่อ..”อรฤดีอ้ำอึ้งทำหน้าลำบากใจไม่น้อยเพราะตอนนี้เธอแต่งงานแล้วถึงจะไม่ได้เกิดจากความรักแต่ก็ไม่อยากให้มีข่าวลือเสียๆ หายๆ ออกไปในทางที่ไม่ดี “ในฐานะเพื่อนน่ะครับ อีกอย่างผมมีอะไรจะคุยกับคุณอรด้วย” เปรมรู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรแต่การที่เธอมีท่าทีแบบนี้เขาก็ยิ่งมั่นใจชัดเจนถึงสิ่งที่ควรจะพูดออกไป“ก็ได้ค่ะ” “คุณอรดูเปลี่ยนไปนะครับ”“เปลี่ยนไปยังไงเหรอคะ”“ก็คุณดูมีความสุข.. ดูไม่เครียดเหมือนตอนที่เราเจอกันครั้งแรก” เพียงเขาพูดแค่นั้นใบหน้าสวยก็ขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับคนที่บ้าน…“ผมดีใจด้วยนะครับที่คุณอรมีความสุข บอกตามตรงเลยว่าตอนแรกผมตั้งใจจะแย่งคุณอรมาเป็นของผมให้ได้แต่เห็นอย่างนี้แบ้วผมคงต้องยอมแพ้แล้วสินะครับ” “อรก็ยังไม่รู้อนาคต
ช่วงค่ำ ณ บาร์แห่งหนึ่ง … ที่เสียงเพลงดี บรรยากาศดี อาหารอร่อยไร้ที่ติ แต่หญิงสาวสวยที่กำลังจ้องมอง โทรศัพท์มือถือตรงหน้ากลับดูไม่ค่อยจะกลมกลืนกับบรรยากาศในตอนนี้สักเท่าไหร่ข้อความที่ถูกส่งไปยังคนรักของเธอครั้งแล้วครั้งเล่าไม่แม้จะถูกเปิดอ่านหรือรับสายเพื่ออธิบายใดๆ มีเพียงความเงียบงั้นที่ชวนให้เธอคิดมากและอดระแวงไม่ได้จนต้องออกมาหาที่นั่งดื่มเพื่อหวังว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะช่วยให้เธอรู้สึกดี หรือลืมเรื่องราวเลวร้ายต่างๆ ลงไปได้บ้างอึก อึก..เสียงเจ้าของลำคอสวยระหงจับแก้วไวน์สีสวยยกขึ้นมากระดกทีเดียวจนหมดพร้อมกับส่งสัญญาณให้พนักงานเสิร์ฟเติมแก้วใหม่ให้ในทันที“ขอผมนั่งด้วยคนนะครับ”เสียงทุต่ำที่แสนจะคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังทำให้คนที่ยังพอจะมีสติหลงเหลืออยู่บ้างรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันที“ฉันอยากอยู่คนเดียวอย่ามายุ่งได้ไหม”ลูกปัดกรอกตามองบนพร้อมกับถอนหายใจหนักๆ ออกมาให้อีกฝ่ายเห็นแต่นั่นดูเหมือนว่าเค้าจะไม่ได้ใส่ใจถือสาเธอเลยแม้แต่น้อย“ใจร้ายกับผมเสมอเลยนะครับ .. พูดดีๆ กับผมบ้างไม่ได้เหรอผมเป็นห่วงคุณนะ”แท้ที่จริงแล้วเขาคนนั้นใช่ใครที่ไหนสาเหตุที่เธอไม่อยากจะพูดดีด้วยกับเขานั่นก
“เริศค๊าาคุณนาย รับรองได้หลานเร็วๆ นี้แน่เลยค่ะ”พี่ปลารีบโทรไปรายงานความเคลื่อนไหวให้กับเจ้านายฟังด้วยความตื่นเต้น ซึ่งคนปลายสายที่ได้ยินเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน“ดีมาก..ดีมากถ้าอย่างนั้นคอยสังเกตเอาไว้นะแล้วมารายงานฉันตลอดนะ”“ได้เลยค่ะคุณนายรับรองจะตามดูทุกฝีก้าวเลยค่ะ”“อันนั้นก็เกินไปแหมแกนี่นะ”“แหะ แหะ หยอกๆ ค่ะ คุณนายสบายใจได้เลยนะคะทางนี้ไว้ใจปลาได้เลยค่ะ”“ดีมากมันต้องยั่งงี้สิ” “อุ้ยๆ แค่นี้ก่อนนะคะคุณนาย คุณอรลงมาแล้วค่ะ” “ได้ๆ ““สวัสดีค่ะคุณนาย “พี่ปลาวางทั้งสายจากเจ้านายและและวางสายยางรดน้ำต้นไม้แล้วรีบวิ่งเหยาะๆ ไปเดินเรียบๆ เคียงๆ แอบดูท่าทีของคู่รักข้าวใหม่ปลามันเงียบๆ “อ่าวตื่นแล้วเหรอคุณมาทานข้าวด้วยกันสิ”“ไม่อ่ะ ชั้นจะออกไปข้างนอก”อรฤดีพูดเสียงเรียบโดยไม่เดินมาเฉียดโต๊ะข้าวเลยด้วยซ้ำ “เสียใจด้วยนะคุณแม่ๆ ของพวกเราบอกว่าห้ามออกบ้านสามวัน..”“ห้ะ…” สองขาที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงักแล้วหันมาส่งเสียงเป็นคำถามเหมือนกับชายหนุ่มที่ทำเมื่อครู่ไม่มีผิด“ตามนั้นแหละคุณมานั่งสิ ถ้าขัดคำสั่งมีหวังเป็นเรื่องเป็นราวแน่ๆ “เจ้าของใบหน้าสวยถอนหายใจหนักๆ ออกมาพร้อมกับเดินกลับ
ภายในห้องหอรอรักหลังจากที่พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายออกไปแล้วแต่คู่รักข้าวใหม่ปลามันยังคงนั่งนิ่งไม่ได้ลุกไปไหนเพราะต่างคนต่างทำตัวไม่ถูก.. เพียงเพราะคิดถึงคำพูดที่สิริวดีพูดก่อนออกจากห้องไป .. โบราณเค้าถือว่าห้ามออกจากห้องหอจนกว่าจะเช้าเพราะฉะนั้นรีบมีหลานให้แม่ไวเลยนะจ้ะเข้าใจไหม “คุณไปอาบน้ำก่อนเลยเดี๋ยวคืนนี้ผมนอนที่โซฟาเอง”จอมทัพรีบส่ายหัวสลัดคำพูดพวกนั้นทิ้งไปแล้วพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ เพื่อไม่ให้ต่างฝ่ายต่างเกร็งกันไปมากกว่านี้ “อะ อืม.. งั้นชั้นไปอาบน้ำก่อนนะ”อรฤดีรู้สึกกลืนน้ำลายลงคอลำบากเหลือเกินกว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคำก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปแต่ถ้าสังเกตุให้ดีจะเห็นแก้มนวลของเธอสุกแดงปลั่งจนแทบจะไม่เงยหน้ามามองคนตัวสูงเลยแต่เมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้นก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาอยู่ไม่น้อย“คุณ..คือ”“หืม ว่าไงคุณทำไมยังไม่อาบน้ำอีก”“คือ.. คุณ ช่วยปลดตะขอด้านหลังให้ชั้นหน่อยได้ไหม ชั้นเอื้อมไม่ถึง.. ““ได้สิ”เขาตอบรับง่ายๆ วางรีโมททีวีในมือลงแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปหาเธอที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ อรฤดีก็หันหลังให้อีกฝ่ายไม่รอช้าพร้อมกับรวบเก
กรองขวัญจับมือของเพื่อน สนิทเอาไว้แล้วลูบหลังมือเบาๆ เพื่อ เป็นกำลังใจให้เพื่อน ถึงแม้จะรู้สถานการณ์ดีแต่หน้าที่ของเพื่อนก็คือให้กำลังใจสนับสนุนและยินดี“ขอบใจมากนะยิ้มแบบนี้สวยหรือเปล่า”อรฤดีรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เพื่อนรักต้องการจะสื่อเธอหันกลับมายิ้มให้เพื่อนสาวคนสวยที่คอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร“สวยแต่จะสวยมากกว่านี้ถ้ายิ้มอีกนิดนึงคืนนี้แกเป็นเจ้าสาวสวยที่สุดในงานเป็นนางเอกนะเป็นนางฟ้า จำเอาไว้”“ทำไมเป็นหลายอย่างจังนี่ยังไม่ทันจะเป็นก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้วขอนอนก่อนได้ไหมอ่ะ”เสียงหัวเราะดังคิกคักจากสองสาวที่หยอกกันไปมารอให้ถึงเวลาที่จะได้ออกไปแขกมากันมากมาย ภายในงาน ถูกตกแต่งด้วยสีขาวและสีชมพูของดอกไม้นานาชนิดราวกับโลกเทพนิยายที่ถูกเนรมิตขึ้นภายในโรงแรมสุดหรู“ฉันดีใจจังเลยคุณในที่สุดวันนี้ก็มาถึงฉันมีความสุขจนพูดไม่ถูกเลยค่ะ”สิริวดียกมือขึ้นปากน้ำตา แห่งความสุขเบาๆ อย่างน้อยๆ ก่อนตายจากโลกนี้ไปได้เห็นว่าลูกสาวของเธอเป็นฝั่งเป็นฝาให้หมดห่วงได้นอนตายตาหลับเสียที“นั่นสิคุณผมเองก็ดีใจที่เห็นลูกมีวันนี้”คนเป็นสามีโอบกอดภรรยาสุดที่รักของเค้าไว้โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอนั้นเห
“ที่แม่แกพูดเป็นความจริง พ่อว่าแกต้องกลับไปทบทวนเรื่องของแกกับเด็กผู้หญิงคนนั้นให้ดีๆ แล้วก็ตัดสินใจให้เด็ดขาด ถึงแกจะให้อภัยไม่เอาเรื่องไม่เอาความแต่ทางบ้านหนูอร ยังไงเค้าก็คงอยู่เฉยไม่ได้หรอกนะพ่อเตือนเอาไว้ก่อน”ตอนนี้สีหน้าของจอมทัพเหมือนกับกำลังแบกโลกไว้ทั้งใบยังไงยังงั้นคิ้วหนาทั้งสองข้างของเค้าตอนนี้มันเหมือนกับถูกผูกโบว์รัดแน่นจนตึง “ผมขอเวลาอีกหน่อยนะครับแล้วผมจะเคลียร์เรื่องนี้ให้จบเอง”“อย่าให้มันนานนักล่ะไม่มีใครสมควรที่จะเสียเวลารอใครที่รู้ตัวช้าหรอกนะ แล้วที่สำคัญถ้าแกทำให้หนูอรเสียใจ และไม่ได้มาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านแกเตรียมเก็บของออกจากบ้านไปได้เลย”ทัศนีย์กอดอกพูดมองลูกชายสุดหล่อของเธอด้วยหางตาไม่มีคำว่าลูกฉันเป็นคนดีในพจนานุกรมของเธอถ้าทำไม่ดีทำไม่ถูก ก็มีแต่จะต้องรับผลของการกระทำนั้นด้วยตนเองอย่างไม่มีข้อแม้“โอ้โหขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณแม่ คุณแม่คนสวย”ท่าทางที่เคร่งเครียดของชายหนุ่มหายวับไปกับตาในทันทีเมื่อได้ยินคำว่าเตรียมเก็บของออกจากบ้าน ทำเอาหายเครียดเรื่องลูกปัดไปในทันทีแต่กลับมาเครียดเรื่องที่แม่ของตนเองพูดแทน“ไม่ต้องมาปากหวานแม่ไม่หลงกลคำพูดของคนเหลาะแหละหรอก