ภายในห้องหอรอรักหลังจากที่พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายออกไปแล้วแต่คู่รักข้าวใหม่ปลามันยังคงนั่งนิ่งไม่ได้ลุกไปไหนเพราะต่างคนต่างทำตัวไม่ถูก.. เพียงเพราะคิดถึงคำพูดที่สิริวดีพูดก่อนออกจากห้องไป
.. โบราณเค้าถือว่าห้ามออกจากห้องหอจนกว่าจะเช้าเพราะฉะนั้นรีบมีหลานให้แม่ไวเลยนะจ้ะเข้าใจไหม
“คุณไปอาบน้ำก่อนเลยเดี๋ยวคืนนี้ผมนอนที่โซฟาเอง”
จอมทัพรีบส่ายหัวสลัดคำพูดพวกนั้นทิ้งไปแล้วพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ เพื่อไม่ให้ต่างฝ่ายต่างเกร็งกันไปมากกว่านี้
“อะ อืม.. งั้นชั้นไปอาบน้ำก่อนนะ”
อรฤดีรู้สึกกลืนน้ำลายลงคอลำบากเหลือเกินกว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคำก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปแต่ถ้าสังเกตุให้ดีจะเห็นแก้มนวลของเธอสุกแดงปลั่งจนแทบจะไม่เงยหน้ามามองคนตัวสูงเลยแต่เมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้นก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาอยู่ไม่น้อย
“คุณ..คือ”
“หืม ว่าไงคุณทำไมยังไม่อาบน้ำอีก”
“คือ.. คุณ ช่วยปลดตะขอด้านหลังให้ชั้นหน่อยได้ไหม ชั้นเอื้อมไม่ถึง.. “
“ได้สิ”
เขาตอบรับง่ายๆ วางรีโมททีวีในมือลงแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปหาเธอที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ อรฤดีก็หันหลังให้อีกฝ่ายไม่รอช้าพร้อมกับรวบเก็บผมโชว์ลำคอขาวๆ ให้อีกฝ่ายใจเต้นอย่างไม่รู้ตัว
“ตะขออันนี้ใช่ไหม”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ วางมือลงบนแผ่นหลังขาวเนียนที่เขาไม่เคยได้สังเกตเลยสักครั้งว่าเธอจะงดงามได้ขนาดนี้
“ใช่ ตรงนั้นแหละ ..”
เสียงหวานตอบกลับด้วยเสียงแผ่วเบาลงในคำท้ายเพราะรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของคนด้านหลังที่ตกกระทบลงมาบนผิวกายของตนเองจนความคิดความอ่านกระเจิดกระเจิงไปหมด
… ใช่ว่าเธอจะเป็นแบบนั้นคนเดียวซะที่ไหนสองมือหนาที่ค่อยๆ รูดซิบลงช้าๆ เหมือนไม่คิดอะไรนั้นแต่ลึกๆ ภายในอกแกร่งกลับสั่นไหว ยิ่งกลิ่นกายหอมยั่วยวนจางๆ จากเธอนั้นมันทำให้เขาแทบลืมข้อตกลงที่เคยรับปากเธอไว้เสียสนิท
หลังมืออุ่นๆ ของเขาค่อยๆ ลากไล้ไล่ระดับลงไปเรื่อยๆ จนถึงกลางแผ่นหลังนวลซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของซิบเส้นยาวแต่ความต้องการของเขายังคงไม่หยุดแค่นั้น ..
สองมือหนาค่อยๆ แหวกกว้างไปตามสาปซิบรวบกอบเอวคอดแล้วกดจมูกโด่งลงสูดดมความหอมจากผิวกายขาวผ่องอย่างเผลอไหล…
“นี่คุณ.. ปะ ปล่อยนะ”
เสียงดุๆ หวานหูเอ่ยท้วงออกมาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อเรียกสติจากคนด้านหลังที่กำลังโอบกอดเธอไว้ให้คลายปล่อยเธอออกจากอ้อมแขนแข็งแรง
“ผม ผมขอโทษ..”
จอมทัพสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อได้สติ แล้วหันซ้ายหันขวาก่อนจะกลับไปนั่งที่โซฟาแล้วคว้ารีโมทมาเลื่อนหาดูรายการนั่นนี่ไปเรื่อย โดยที่พยายามทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อไม่ให้เธอรู้ว่าเขากำลังพยายามข่มใจตัวเองไว้แค่ไหน
ปกติมีหรือจะปล่อยให้รอดป่านนี้คงจับกดรัวสะโพกปั๊มหลานให้ย่าๆ ยายๆ ไปแล้ว..
ส่วนอรฤดีก็ก้มหน้างุดเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้พูดอะไรกับชายหนุ่มอีกเลย กว่าจะจัดการตัวเองเสร็จก็ใช้เวลาไปนานพอสมควรเมื่อออกมาอีกทีก็พบว่าชายหนุ่มได้นอนหลับปุ๋ยคาโซฟาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ดวงตาคู่สวยยืนจ้องมองดูภาพ ตรงหน้านิ่งงันในหัวนั้นเต็มไปด้วยความคิดต่างๆ มากมายที่มันวกวนกวนใจอยู่ตลอดเวลา ..
ถ้าหากเธอกับเขาแต่งงานกันด้วยความรักมันจะเป็นยังไงนะความคิดชั่ววูบที่ดังก้องขึ้นอยู่ภายในเมื่อจ้องมองไปที่ใบหน้าหล่อคมคายที่กำลังหลับสนิทลงไปด้วยความเหนื่อยล้า แพขนตาดำขลับ คิ้วคนเข้มรับกับสันจมูกโด่งที่เข้ารูปกันได้พอดีกับริมฝีปากหนาที่แทบจะไม่เคยเห็นรอยยิ้มเลย ..
ก็ใช่นะสิ เขามีคนรักอยู่แล้วไงจะมายิ้มให้เธอได้ยังไง เขาเองก็ไม่ได้อยากจะแต่งงานกับเธออยู่แล้วนี่นา
เสียงความคิดเดิมดังก้องดึงสติของเธออีกครั้งก่อนที่เธอจะหมุนตัวเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้ได้อย่างสวยงามจนหอมฟุ้งไปทั่วห้อง
ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันตั้งแต่เช้าทำให้เธอผล็อยหลับไปได้อย่างง่ายดายโดยลืมที่จะระแวงไปเลยว่าตอนนี้เธอนั้นอยู่ในห้องนอนกับชายแปลกหน้าเพียงลำพังสองต่อสอง
เช้าวันต่อมา
“คุณนายให้แจ้งว่าห้ามออกจากเรือนหอสามวันค่ะ”
เพียงแค่จอมทัพเปิดประตูห้องออกมาพี่ปลาแม่บ้านที่คอยดูแลจอมทัพก็ขอตามาดูแลที่เรือนหอของเขาด้วยจริงๆ ก็เป็นคำสั่งของทัศนีย์นั่นแหละเพราะปลาเป็นคนเก่าแก่ที่ไว้ใจได้จึงคอยให้มาอยู่เป็นหูเป็นตาให้ตัวเอง
“ห้ะ.. อะไรนะพี่ปลา”
“คุณนายบอกจริงๆ ค่ะ แต่ว่านะคะคุณจอมมันเป็นเคล็ดค่ะ โบราณเค้าถือ”
แม่บ้านวัยกลางคนพูดจีบปากจีบคอทำท่าทางเป็นจริงเป็นจังไม่ว่าจะยังไงเธอก็จะต้องทำให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน ใช้เวลาด้วยกันให้มากและนานที่สุดตามที่ได้รับคำสั่งมา
“ผมละเชื่อเลย ถ้างั้นเช้านี้มีอะไรทานบ้างครับ”
ชายหนุ่มทำท่าอ่อนใจกับความเชื่อของคนรุ่นพ่อรุ่นแม่แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ คงต้องยอมรับตามสภาพไปก็แล้วกันยิ่งเมื่อคืนเผลอลืมตัวทำเรื่องเอาไว้ด้วยวันนี้กะว่าจะออกไปข้างนอกให้คนที่ยังหลับอยู่คลายความตึงเครียดลงไปบ้างแต่กลับมาเจอแบบนี้ก็คงต้องทนเห็นหน้ากันไปก่อนแล้วกัน
“พี่จัดโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ มีแต่อาหารบำรุงทั้งนั้นเลยทานเยอะๆ นะคะ”
“โถ่พี่ปลาพูดอะไรครับ”
แต่ละคำที่แม่บ้านของเขาพูดออกมาทำเอาส่ายหัวกุมขมับไม่หยุดกันเลยทีเดียว
“แล้วคุณอรล่ะคะ จะรับมื้อเช้าพร้อมกันเลยไหมคะ”
“รับแต่ของผมคนเดียวก่อนดีกว่าครับปล่อยให้เธอพักผ่อนไปก่อน”
จอมทัพพูดแล้วนั่งลงที่โต๊ะอาหารโดยที่ไม่ได้สนใจมองเลยว่าแม่บ้านผู้เป็นสายลับจากแม่ของเขานั้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คิดลึกคิดไปไกลถึงไหนต่อไหนแล้ว
“หืมม ถ้าอย่างนั้นคุณจอมก็ต้องบำรุงเยอะๆ หน่อยแล้วนะคะถ้าคุณนายได้ยินแบบนี้คงต้องดีใจมากแน่ๆ เลยค่ะ”
พี่ปลาพูดไปตักข้าวใส่จานให้เจ้านายสุดหล่อของตัวเองไปด้วยหัวใจที่ชื่นบานดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดี สงสัยอีกไม่นานนี้ต้องได้มีการรับขวัญหลานคนแรกแน่ๆ อร๊ายย…
“คิดอะไรอยู่ครับพี่ปลา”
“ก็คิดถึงเรื่องดีๆ อยู่น่ะสิคะ คุณจอมสู้ๆ นะคะ พี่ปลาเอาใจช่วย”
พี่ปลายิ้มกว้างออกมาด้วยความสุขที่แม้จะเป็นเพียงจินตนาการ แต่อีกไม่นานก็คงจะเป็นเรื่องจริงแน่ๆ เมื่อตอบคำถามแล้วก็รีบเดินออกไปรดน้ำต้นไม้ในสวนปล่อยให้จอมทัพนั่งงงอยู่คนเดียวแถมยังปวดหลังอีกต่างหากบ้านตั้งกว้างเตียงก็นุ่มแต่ต้องนอนทรมานบนโซฟา …
“อ่าว มารอใครเหรอครับคุณอร” เปรมที่บังเอิญเดินผ่านมาเห็นอรฤดีผู้กุมหัวใจของตนเองกำลังนั่งเหมือนรอใครอยู่ในร้านกาแฟจึงเดินแวะเข้ามาทักทายเพราะหลังจากที่เธอเข้าพิธีวิวาห์ไปเขาก็ไม่ได้เจอกับบเธออีกเลย “อรรอเพื่อนอยู่ค่ะ คุณเปรมล่ะคะ ผมมาทำธุระแถวนี้พอดีครับกำลังจะกลับถ้างั้นให้ผมนั่งรอเป็นเพื่อนนะครับ” “อรว่า..เอ่อ..”อรฤดีอ้ำอึ้งทำหน้าลำบากใจไม่น้อยเพราะตอนนี้เธอแต่งงานแล้วถึงจะไม่ได้เกิดจากความรักแต่ก็ไม่อยากให้มีข่าวลือเสียๆ หายๆ ออกไปในทางที่ไม่ดี “ในฐานะเพื่อนน่ะครับ อีกอย่างผมมีอะไรจะคุยกับคุณอรด้วย” เปรมรู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรแต่การที่เธอมีท่าทีแบบนี้เขาก็ยิ่งมั่นใจชัดเจนถึงสิ่งที่ควรจะพูดออกไป“ก็ได้ค่ะ” “คุณอรดูเปลี่ยนไปนะครับ”“เปลี่ยนไปยังไงเหรอคะ”“ก็คุณดูมีความสุข.. ดูไม่เครียดเหมือนตอนที่เราเจอกันครั้งแรก” เพียงเขาพูดแค่นั้นใบหน้าสวยก็ขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับคนที่บ้าน…“ผมดีใจด้วยนะครับที่คุณอรมีความสุข บอกตามตรงเลยว่าตอนแรกผมตั้งใจจะแย่งคุณอรมาเป็นของผมให้ได้แต่เห็นอย่างนี้แบ้วผมคงต้องยอมแพ้แล้วสินะครับ” “อรก็ยังไม่รู้อนาคต
ช่วงค่ำ ณ บาร์แห่งหนึ่ง … ที่เสียงเพลงดี บรรยากาศดี อาหารอร่อยไร้ที่ติ แต่หญิงสาวสวยที่กำลังจ้องมอง โทรศัพท์มือถือตรงหน้ากลับดูไม่ค่อยจะกลมกลืนกับบรรยากาศในตอนนี้สักเท่าไหร่ข้อความที่ถูกส่งไปยังคนรักของเธอครั้งแล้วครั้งเล่าไม่แม้จะถูกเปิดอ่านหรือรับสายเพื่ออธิบายใดๆ มีเพียงความเงียบงั้นที่ชวนให้เธอคิดมากและอดระแวงไม่ได้จนต้องออกมาหาที่นั่งดื่มเพื่อหวังว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะช่วยให้เธอรู้สึกดี หรือลืมเรื่องราวเลวร้ายต่างๆ ลงไปได้บ้างอึก อึก..เสียงเจ้าของลำคอสวยระหงจับแก้วไวน์สีสวยยกขึ้นมากระดกทีเดียวจนหมดพร้อมกับส่งสัญญาณให้พนักงานเสิร์ฟเติมแก้วใหม่ให้ในทันที“ขอผมนั่งด้วยคนนะครับ”เสียงทุต่ำที่แสนจะคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังทำให้คนที่ยังพอจะมีสติหลงเหลืออยู่บ้างรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันที“ฉันอยากอยู่คนเดียวอย่ามายุ่งได้ไหม”ลูกปัดกรอกตามองบนพร้อมกับถอนหายใจหนักๆ ออกมาให้อีกฝ่ายเห็นแต่นั่นดูเหมือนว่าเค้าจะไม่ได้ใส่ใจถือสาเธอเลยแม้แต่น้อย“ใจร้ายกับผมเสมอเลยนะครับ .. พูดดีๆ กับผมบ้างไม่ได้เหรอผมเป็นห่วงคุณนะ”แท้ที่จริงแล้วเขาคนนั้นใช่ใครที่ไหนสาเหตุที่เธอไม่อยากจะพูดดีด้วยกับเขานั่นก
“เริศค๊าาคุณนาย รับรองได้หลานเร็วๆ นี้แน่เลยค่ะ”พี่ปลารีบโทรไปรายงานความเคลื่อนไหวให้กับเจ้านายฟังด้วยความตื่นเต้น ซึ่งคนปลายสายที่ได้ยินเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน“ดีมาก..ดีมากถ้าอย่างนั้นคอยสังเกตเอาไว้นะแล้วมารายงานฉันตลอดนะ”“ได้เลยค่ะคุณนายรับรองจะตามดูทุกฝีก้าวเลยค่ะ”“อันนั้นก็เกินไปแหมแกนี่นะ”“แหะ แหะ หยอกๆ ค่ะ คุณนายสบายใจได้เลยนะคะทางนี้ไว้ใจปลาได้เลยค่ะ”“ดีมากมันต้องยั่งงี้สิ” “อุ้ยๆ แค่นี้ก่อนนะคะคุณนาย คุณอรลงมาแล้วค่ะ” “ได้ๆ ““สวัสดีค่ะคุณนาย “พี่ปลาวางทั้งสายจากเจ้านายและและวางสายยางรดน้ำต้นไม้แล้วรีบวิ่งเหยาะๆ ไปเดินเรียบๆ เคียงๆ แอบดูท่าทีของคู่รักข้าวใหม่ปลามันเงียบๆ “อ่าวตื่นแล้วเหรอคุณมาทานข้าวด้วยกันสิ”“ไม่อ่ะ ชั้นจะออกไปข้างนอก”อรฤดีพูดเสียงเรียบโดยไม่เดินมาเฉียดโต๊ะข้าวเลยด้วยซ้ำ “เสียใจด้วยนะคุณแม่ๆ ของพวกเราบอกว่าห้ามออกบ้านสามวัน..”“ห้ะ…” สองขาที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงักแล้วหันมาส่งเสียงเป็นคำถามเหมือนกับชายหนุ่มที่ทำเมื่อครู่ไม่มีผิด“ตามนั้นแหละคุณมานั่งสิ ถ้าขัดคำสั่งมีหวังเป็นเรื่องเป็นราวแน่ๆ “เจ้าของใบหน้าสวยถอนหายใจหนักๆ ออกมาพร้อมกับเดินกลับ
ภายในห้องหอรอรักหลังจากที่พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายออกไปแล้วแต่คู่รักข้าวใหม่ปลามันยังคงนั่งนิ่งไม่ได้ลุกไปไหนเพราะต่างคนต่างทำตัวไม่ถูก.. เพียงเพราะคิดถึงคำพูดที่สิริวดีพูดก่อนออกจากห้องไป .. โบราณเค้าถือว่าห้ามออกจากห้องหอจนกว่าจะเช้าเพราะฉะนั้นรีบมีหลานให้แม่ไวเลยนะจ้ะเข้าใจไหม “คุณไปอาบน้ำก่อนเลยเดี๋ยวคืนนี้ผมนอนที่โซฟาเอง”จอมทัพรีบส่ายหัวสลัดคำพูดพวกนั้นทิ้งไปแล้วพูดออกมาด้วยท่าทางสบายๆ เพื่อไม่ให้ต่างฝ่ายต่างเกร็งกันไปมากกว่านี้ “อะ อืม.. งั้นชั้นไปอาบน้ำก่อนนะ”อรฤดีรู้สึกกลืนน้ำลายลงคอลำบากเหลือเกินกว่าจะพูดออกมาได้แต่ละคำก่อนจะรีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปแต่ถ้าสังเกตุให้ดีจะเห็นแก้มนวลของเธอสุกแดงปลั่งจนแทบจะไม่เงยหน้ามามองคนตัวสูงเลยแต่เมื่อเขาพูดออกมาแบบนั้นก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาอยู่ไม่น้อย“คุณ..คือ”“หืม ว่าไงคุณทำไมยังไม่อาบน้ำอีก”“คือ.. คุณ ช่วยปลดตะขอด้านหลังให้ชั้นหน่อยได้ไหม ชั้นเอื้อมไม่ถึง.. ““ได้สิ”เขาตอบรับง่ายๆ วางรีโมททีวีในมือลงแล้วลุกขึ้นเดินตรงไปหาเธอที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ อรฤดีก็หันหลังให้อีกฝ่ายไม่รอช้าพร้อมกับรวบเก
กรองขวัญจับมือของเพื่อน สนิทเอาไว้แล้วลูบหลังมือเบาๆ เพื่อ เป็นกำลังใจให้เพื่อน ถึงแม้จะรู้สถานการณ์ดีแต่หน้าที่ของเพื่อนก็คือให้กำลังใจสนับสนุนและยินดี“ขอบใจมากนะยิ้มแบบนี้สวยหรือเปล่า”อรฤดีรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เพื่อนรักต้องการจะสื่อเธอหันกลับมายิ้มให้เพื่อนสาวคนสวยที่คอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอมาตั้งแต่ไหนแต่ไร“สวยแต่จะสวยมากกว่านี้ถ้ายิ้มอีกนิดนึงคืนนี้แกเป็นเจ้าสาวสวยที่สุดในงานเป็นนางเอกนะเป็นนางฟ้า จำเอาไว้”“ทำไมเป็นหลายอย่างจังนี่ยังไม่ทันจะเป็นก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้วขอนอนก่อนได้ไหมอ่ะ”เสียงหัวเราะดังคิกคักจากสองสาวที่หยอกกันไปมารอให้ถึงเวลาที่จะได้ออกไปแขกมากันมากมาย ภายในงาน ถูกตกแต่งด้วยสีขาวและสีชมพูของดอกไม้นานาชนิดราวกับโลกเทพนิยายที่ถูกเนรมิตขึ้นภายในโรงแรมสุดหรู“ฉันดีใจจังเลยคุณในที่สุดวันนี้ก็มาถึงฉันมีความสุขจนพูดไม่ถูกเลยค่ะ”สิริวดียกมือขึ้นปากน้ำตา แห่งความสุขเบาๆ อย่างน้อยๆ ก่อนตายจากโลกนี้ไปได้เห็นว่าลูกสาวของเธอเป็นฝั่งเป็นฝาให้หมดห่วงได้นอนตายตาหลับเสียที“นั่นสิคุณผมเองก็ดีใจที่เห็นลูกมีวันนี้”คนเป็นสามีโอบกอดภรรยาสุดที่รักของเค้าไว้โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอนั้นเห
“ที่แม่แกพูดเป็นความจริง พ่อว่าแกต้องกลับไปทบทวนเรื่องของแกกับเด็กผู้หญิงคนนั้นให้ดีๆ แล้วก็ตัดสินใจให้เด็ดขาด ถึงแกจะให้อภัยไม่เอาเรื่องไม่เอาความแต่ทางบ้านหนูอร ยังไงเค้าก็คงอยู่เฉยไม่ได้หรอกนะพ่อเตือนเอาไว้ก่อน”ตอนนี้สีหน้าของจอมทัพเหมือนกับกำลังแบกโลกไว้ทั้งใบยังไงยังงั้นคิ้วหนาทั้งสองข้างของเค้าตอนนี้มันเหมือนกับถูกผูกโบว์รัดแน่นจนตึง “ผมขอเวลาอีกหน่อยนะครับแล้วผมจะเคลียร์เรื่องนี้ให้จบเอง”“อย่าให้มันนานนักล่ะไม่มีใครสมควรที่จะเสียเวลารอใครที่รู้ตัวช้าหรอกนะ แล้วที่สำคัญถ้าแกทำให้หนูอรเสียใจ และไม่ได้มาเป็นลูกสะใภ้ของบ้านแกเตรียมเก็บของออกจากบ้านไปได้เลย”ทัศนีย์กอดอกพูดมองลูกชายสุดหล่อของเธอด้วยหางตาไม่มีคำว่าลูกฉันเป็นคนดีในพจนานุกรมของเธอถ้าทำไม่ดีทำไม่ถูก ก็มีแต่จะต้องรับผลของการกระทำนั้นด้วยตนเองอย่างไม่มีข้อแม้“โอ้โหขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณแม่ คุณแม่คนสวย”ท่าทางที่เคร่งเครียดของชายหนุ่มหายวับไปกับตาในทันทีเมื่อได้ยินคำว่าเตรียมเก็บของออกจากบ้าน ทำเอาหายเครียดเรื่องลูกปัดไปในทันทีแต่กลับมาเครียดเรื่องที่แม่ของตนเองพูดแทน“ไม่ต้องมาปากหวานแม่ไม่หลงกลคำพูดของคนเหลาะแหละหรอก