로그인
ประธานเกาถูกถีบอย่างแรง ตัวของเขากระแทกกับเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลัง เขาเจ็บจนเหงื่อเย็น ๆ ไหลท่วม“อื้อ—” เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมหน้าอก ความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้เขาต้องนอนขดตัวลงบนพื้น เสียงครวญครางอย่างทรมานดังขึ้นมา ความรู้สึกเหมือนหน้าอกถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ เขาเจ็บจนใบหน้าซีดขาว เหงื่อเย็น ๆ ไหลท่วม ด้วยความแรงขนาดนี้ แทบจะทำให้กระดูกของเขาหักสะบั้นได้เลย คิดไม่ถึงเลยว่า ลู่เยี่ยนเป่ยจะเป็นคนทำลายเรื่องดี ๆ ของเขาอีกแล้วสายตาของเขาราบเรียบ แต่ก็แฝงไปด้วยแรงกดดันอันไร้ที่สิ้นสุด “ประธานเกา ให้ฉันพานายขึ้นสวรรค์ดีไหม?”เหงื่อเย็น ๆ ไหลท่วมแผ่นหลังของประธานเกาในทันทีลู่เยี่ยนเป่ยมองไปทางสวีหว่านหนิง “ลุกขึ้นไหวไหม?”เธอพยักหน้า จากนั้นร่างกายของเธอที่ถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมก็ถูกเขาอุ้มขึ้นมาในอ้อมแขนอ้อมแขนของเขาอบอุ่นมาก อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมไม้จันทน์จาง ๆ ทั้งคุ้นเคยและอ่อนโยน ในขณะที่ลู่เยี่ยนเป่ยกำลังอุ้มเธอออกไป สวีหว่านหนิงก็เอื้อมมือไปจับเสื้อของเขาแล้วพูดอย่างยากลำบากว่า “โทร…โทรศัพท์”ลู่เยี่ยนเป่ยกวาดสายตามองรอบด้าน จากนั้นก็เห็นโทรศัพท์ที่ตกอยู่มุมห้องเขาวางสว
พวกเราคบกันมาตั้งหลายปี แม้สวีหว่านหนิงจะรู้ว่าเฉินไป่อันไม่ได้รักเธอ แต่เธอก็ยังมีความหวังเล็ก ๆ ว่าเขาจะผลักประตูบานนั้นออก เขาไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ผลักประตูออก ประธานเกาก็จะไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีกต่อไป แต่เขาไม่ ที่แท้ความสัมพันธ์ตลอดห้าปี…ก็มีแค่เธอที่คิดไปเองฝ่ายเดียวแม้กระทั่งตระกูลสวียังเป็นเช่นนี้มือของชายคนนั้นลูบไล้ทั่วร่างกายของเธอ น้ำตาล้นเอ่อ ทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าล้วนพร่ามัวแต่ก็ชัดเจนเธอได้ยินเสียงเสื้อผ้าที่ฉีกขาด แต่เธอไร้เรี่ยวแรงขัดขืนริมฝีปากของสวีหว่านหนิงสั่นระริก เธอเหมือนปลาบนเขียงที่ไร้ทางสู้ ไม่ว่าใครก็สามารถเหยียบย่ำได้ แม้ว่าร่างกายและจิตใจเธอจะบอบช้ำแตกสลาย เลือดสด ๆ ไหลริน แต่ก็ยังไม่มีใครเห็นใจ ช่างน่ารังเกียจ—-เธอทำอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ?ทำไมทุกคนถึงทำกับเธอแบบนี้ **อีกด้านหนึ่ง เฉินไป่อันก็เดินตามลู่ซินอวี่มาที่ห้องส่วนตัว ตอนที่ได้เจอกับลู่เยี่ยนเป่ยแล้ว แต่เขายังดูเหม่อลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ภายในสมองมีเพียงแววตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือของสวีหว่านหนิงเธอดูโอนอ่อน แต่ความหยิ่งผยองในกระดูกยังคงอยู่!หากความหยิ่งผยองน
หลี่ซูอิงพูดพร้อมรอยยิ้ม “ครั้งที่แล้วคือเรื่องไหนเหรอ?”“พวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เธอคงไม่ได้กำลังโทษว่าเป็นความผิดของอาใช่ไหม” สวีเจิ้นหงจ้องเธอตาเขม็งท้ายสุดแล้วสวีเจิ้นหงก็มีบุญคุณที่เลี้ยงเธอมา จนเธอมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ได้ เมื่อพูดถึงขั้นนี้แล้ว สวีหว่านหนิงยังจะพูดอะไรได้อีก เธอส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว”“เจินเจินเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ นานมากแล้วที่พวกเราไม่ได้กินข้าวด้วยกันแบบนี้ เธอก็ไม่ได้ทำงานแล้ว ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ต้องดื่มกันสักหน่อย” สวีเจิ้นหงพูดขึ้น จากนั้นก็รินไวน์ให้เธอครึ่งแก้วทั้งสี่คนชนแก้วกัน สวีเจิ้นหงเล่าถึงความยากลำบากเมื่อสิบปีที่แล้วตอนที่เพิ่งเริ่มธุรกิจ จากนั้นก็เปลี่ยนไปพูดเรื่องพ่อแม่ของสวีหว่านหนิง เธอก็ทำได้เพียงนั่งฟังเงียบ ๆ “หนิงหนิง หลายปีที่ผ่านมานี้ ถ้าอาทำอะไรไม่ดีกับเธอก็ช่วยยกโทษให้ด้วยนะ”อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายทำให้สวีเจิ้นหงรู้สึกสับสน สวีหว่านหนิงพูดพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “คุณกับอาสะใภ้เลี้ยงดูฉันมา ทุกสิ่งที่คุณมอบให้ ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมากค่ะ”“เด็กดี” สวีเจิ้นหงยิ้ม หนึ่งชั่ว
สวีหว่านหนิงชะงักไปเล็กน้อย แต่สวีเจินเจินกลับกวาดสายตาสำรวจเธออย่างจริงจัง ยัยเด็กเหลือขอคนนี้เข้าหาท่านรองลู่ได้ด้วยเหรอ?นับว่ามีความสามารถ สวีหว่านหนิงฝืนยิ้ม “ฉันได้รับเกียรติพบเขา แต่ด้วยสถานะสูงส่งของเขา นอกจากนี้เขายังเป็นอาของลู่ซินอวี่ ต่อให้ฉันไปขอร้องเขา เขาก็อาจจะไม่เหลือบแลฉันสักนิดเลยก็ได้”สวีเจินเจินแค่นหัวเราะ “อย่างน้อยเธอก็รู้จักเจียมตัวเอง”สวีเจิ้นหงเคยได้ยินมาว่า ลู่เยี่ยนเป่ยเคยออกหน้าช่วยเธอในงานเลี้ยงครั้งหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงคิดว่าสวีหว่านหนิงจะช่วยพูดได้ แต่ตอนนี้ดูแล้ว ถนนสายนี้ก็น่าจะถูกปิดตายแล้ว เฉินไป่อันบีบบังคับเขาอย่างไม่ลดละ มีเพียงไม่กี่คนที่เต็มใจช่วยเหลือเขา…แล้วเขาจะทำยังไงดี **หลังจากผ่านมาสักพักหนึ่ง สวีหว่านหนิงก็ไม่ได้เจอกับลู่เยี่ยนเป่ยอีกเลย ในใจของเขารู้ดีว่าคนอย่างลู่เยี่ยนเป่ย หากเขาไม่ต้องการทำ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถควบคุมเขาได้เฉินไป่อันยังคงกดดันเธออย่างต่อเนื่อง ตระกูลสวีกำลังตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก สวีเจินเจินเคยไปขอเข้าพบเฉินไป่อันแล้ว แต่กลับถูกเขาไล่ออกจากบริษัท หลังจากกลับมาบ้าน เธอก็โมโหฟาดงวงฟ
ตอนที่สวีหว่านหนิงลงจากรถ มือข้างหนึ่งของลู่เยี่ยนเป่ยก็ยังคีบบุหรี่ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งกำลังไถโทรศัพท์ เขาน่าจะเห็นวิดีโอที่พูดเรื่องการถอนหมั้นแล้ว ควันบุหรี่ลอยฟุ้ง สิ่งนี้ทำให้โครงหน้าของเขาดูคมคายมากยิ่งขึ้น เขาสวมเสื้อสีขาว กางเกงดำ ดูสง่าผ่าเผยแต่ดื้อรั้น ดวงตาของสวีหว่านหนิงแดงก่ำ เธอเป็นเหมือนสัตว์ตัวเล็กที่น่าสงสาร “ท่านรอง ฉันขอยืมบุหรี่สักม้วนได้ไหม” สวีหว่านหนิงลองพูดหยั่งเชิงอย่างลังเล “ตามใจ”ลู่เยี่ยนเป่ยพูด จากนั้นก็หยิบบุหรี่และไฟแช็กให้เธอสวีหว่านหนิงหยิบบุหรี่ออกจากซองแล้วคาบไว้ที่ปากอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เธอทัดผมยาวไว้หลังหู ตอนที่เธอจุดไฟแช็ก เปลวไฟก็ส่องสะท้อนเข้าที่ใบหน้าสวยของเธอผิวเธอบอบบางมาก ต่อให้ผ่านมาหลายวันแล้ว แต่รอยฟกช้ำบนร่างกายก็ยังไม่หายดีภายใต้ประกายไฟส่องสะท้อนความงามที่อ่อนแอและบอบบางนี่เป็นครั้งแรกที่เธอสูบบุหรี่ เธอสูบเข้าไปอย่างรุนแรง ทำให้สำลักควันและไออออกมาจนน้ำน้ำตาไหล“สูบไม่เป็นก็ยังจะสูบอีก” ลู่เยี่ยนเป่ยหัวเราะเสียงทุ้มต่ำ “ไหนบอกว่าบุหรี่สามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ไม่ใช่เหรอ?”“เธอชอบเฉินไป่อันขนาดนั้นเชียวเหรอ?”“ไ
ตั้งแต่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต สวีหว่านหนิงก็ต้องอาศัยอยู่กับคนอื่นมาโดยตลอด เธอจึงเรียนรู้ที่จะอ่านสีหน้าของคนอื่น แต่ไม่มีใครเคยสนใจเลยว่าเธอจะสบายดีหรือเปล่า ลู่เยี่ยนเป่ยเป็นคนแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมานี้ “เธอจะกลับบ้านเลยหรือเปล่า?” ลู่เยี่ยนเป่ยถาม “ฉันยังไม่อยากกลับบ้าน”ตระกูลสวีถูกเฉินไป่อันกดดันหนักมากแทบจะอยู่ไม่ไหวแล้วสวีเจิ้นหงดิ้นรนหาเงิน สวีเจินเจินก็ติดต่อเพื่อนที่อยู่ในเมืองเจียง ตระกูลสวีกำลังล้มละลายแล้ว ไม่มีใครช่วยเหลือเขาสักคน ทุกครั้งที่สวีเจินเจินไม่พอใจจากเรื่องด้านนอก เธอก็จะกลับมาระบายอารมณ์กับสวีหว่านหนิงที่นั่น…ไม่ใช่บ้านของเธอตั้งแต่แรก**รถไปจอดอยู่ที่พื้นที่ว่างเปล่าชานเมือง ตอนที่ลู่เยี่ยนเป่ยกำลังสูบบุหรี่ โทรศัพท์ของสวีเจิ้นหงก็สั่นขึ้น คนที่โทรมาคือ เฉินไป่อันลู่เยี่ยนเป่ยไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่ลงจากรถ และให้พื้นที่กับเธอ เขารู้ว่าเธอไม่ได้รับความยุติธรรม และทั้งดื้อรั้น ปากแข็ง นั่นทำให้เขารู้สึกสงสารอย่างอดไม่ได้ ถึงขนาดมีความคิดอยากจะช่วยเธอ แต่ถ้าเขาลงทุนให้สวีซื่อ มันก็สามารถแก้ปัญหาได้ชั่วคราวเท่านั้น แต่เกรงว่าหลังจากนี้จะมีป





![ภรรยาซาตาน [PWP] + [SM25+] #จบแล้ว](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)

