พริมาที่เร่งรีบหนีอายเข้ามาในห้องก็หุบยิ้มไม่ได้ มือเล็กยกขึ้นทาบหน้าอกเพื่อจับจังหวะการเต้นของหัวใจ
“พี่พีบ้า! ไม่แผ่วลงเลยรึไง จีบกันได้ทุกวัน คนเขินจะตายอยู่แล้วเนี่ย” หญิงสาวกัดปากพูดกับตัวเองทั้งเขินทั้งอาย กระนั้นกลับพึงพอใจกับพฤติกรรมที่เขามีต่อเธอที่สุด
พริมาคิดถึงความเสมอต้นเสมอปลายที่รพีพัฒน์มีให้ ตั้งแต่วันแรกที่ตกลงเป็นแฟนกันจนถึงปัจจุบันนี้ ความรักความเอาใจใส่ของเขามันไม่มีลดลงเลย นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น จนตอนนี้พริมาเข้าใจแล้วว่า คำพูดที่ใครหลายคนเอ่ยไว้ว่าการมีแฟนที่จีบเราในทุก ๆ วันนั้นราวกับถูกรางวัลที่หนึ่ง เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะว่าคุณจะมีความสุขในทุก ๆ วันได้อย่างไรละ!
คิดดูสิว่าคู่รักหลายคู่ที่เลิกรากันไปมันเป็นเพราะอะไร ไม่ใช่ความหวานที่มีมันลดน้อยลงไปหรือไร? จริงอยู่ที่ปัจจัยในการเลิกรามันมีหลายอย่าง แต่การเติมความหวานให้กันและกันมันก็ช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้ไม่ใช่เหรอ?
เพราะฉะนั้นพริมาจึงรู้สึกโชคดีและมีความสุขมากที่รพีพัฒน์จีบเธอในทุก ๆ วัน เพราะนอกจากมันจะทำให้มีความสุขมากแล้ว ยังกระชุ่มกระชวยเหมือนย้อนไปในช่วงที่เพิ่งคบกันแรก ๆ ด้วยนะ ทั้งที่คบหากันมานานกว่า 6 ปีแล้ว! หากคุณไม่เชื่อก็ดูหลักฐานบนใบหน้าสวยของพริมาสิ ความสุขฉายชัดเสียขนาดนั้น มันมีความสุขสุด ๆ ไปเลยไม่ใช่หรือไง
อนิจจา ขนาดยิ้มจนปวดกรามเธอยังหุบยิ้มไม่ได้เลย!
“อ๊าย! อิจฉาตัวเองจริง ๆ มีแฟนเสมอต้นเสมอปลายนี่ดีจริง ๆ ปัญหาจุ๋มจิ๋มไม่มี หัวไม่ต้องปวด ทุกวันมีแต่ความสุข ฮ่าฮ่า หุบยิ้มไม่ได้เลยอะ อุ๊บส์ เขินจัง! แต่ว่าอาบน้ำดีกว่า ให้ผู้ชายรอนานไม่ดี” ว่าแล้วสาวเจ้าก็ตรงเข้าห้องน้ำไปทันที ไม่นานหลังจากนั้นก็นุ่งกระโจมอกออกมาด้วยผ้าขนหนูสีขาว เท้าที่ตั้งใจจะตรงไปยังตู้เสื้อผ้าชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นชุดนอนถูกเตรียมไว้บนเตียง ดวงตากลมโตทอประกายวาววับ ความอบอุ่นแผ่ซ่านในห้องหัวใจ มุมปากทั้งสองข้างยากนักที่จะหุบยิ้มลงได้
“พี่พีแน่ ๆ เลย ทำไมฉันโชคดีมีแฟนน่ารักได้ขนาดนี้เนี่ย เฮ้อ! อิจฉาตัวเองในรอบที่ล้าน” คนอารมณ์ดีพูดด้วยใบหน้าเบิกบาน
ครั้นแต่งตัวเสร็จ พริมาก็เดินออกจากห้องนอนไป แล้วเข้าไปนั่งประจำที่ของตัวเองหน้าโต๊ะทานข้าว โดยมีชายหนุ่มคอยบริการ หญิงสาวมองอาหารหน้าตาน่ารับประทานหลายอย่างที่ชายหนุ่มตั้งใจทำด้วยรอยยิ้ม
“หยุดยิ้มได้แล้วครับ แก้มจะแตกแล้วนั่น กินได้แล้วครับ เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย”
“ก็พริมมีความสุขนี่คะ พริมนี่โชคดีจริง ๆ ที่มีพี่พีเป็นแฟน คนอะไรไม่รู้ ทั้งหล่อ ทั้งรวย มากความสามารถ ครบเครื่องจริง ๆ พูดแล้วก็อิจฉาเอง ฮ่าฮ่า”
“หึหึ อิจฉาตัวเองก็เป็นเนอะคนเรา กินได้แล้วครับ พูดอยู่นั่นแหละ ถ้ายังไม่กินข้าวเห็นทีพี่ต้องให้กินอย่างอื่นแทนแล้วมั้ง ดีไหม?”
“กินค่ะ! กินเดี๋ยวนี้เล๊ย!” น้ำเสียงจริงจังกับสายตาลุ่มลึกที่มองมาทำให้พริมารีบตกปากรับคำพร้อมทั้งตักข้าวเข้าปากเคี้ยวแก้มตุ่ยทันที
เหอ ๆ อย่าคิดว่าเธอรู้ไม่ทันเชียวว่าไอ้ที่กินอย่างอื่นของเขามันหมายความว่าอะไร แต่เธอจะกินตอนนี้ไม่ได้! ทำงานมาเหนื่อย ๆ มันต้องเติมพลังกันก่อนสิ แล้วหลังจากท้องอิ่มค่อยว่ากันทีหลัง!
คู่รักทานข้าวเย็นด้วยกันอย่างมีความสุข ผลัดกันถามไถ่เรื่องนู้นเรื่องนี้อย่างเพลิดเพลิน กระทั่งอาหารบนโต๊ะหมดเรียบร้อย พริมาก็ขันอาสาเป็นฝ่ายเก็บกวาดบ้าง แล้วไล่ชายหนุ่มเข้าห้องไปอาบน้ำ ซึ่งรพีพัฒน์ทำตามอย่างว่าง่าย
5 นาทีผ่านไปพริมาเดินตามเข้ามาในห้องนอน แต่คนที่เข้ามาอาบน้ำก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกมา หญิงสาวจึงหยิบหนังสือฉบับพิเศษ ‘กลเม็ดพิชิตใจสามี’ ขึ้นมาอ่าน แม้ว่าตอนนี้เธอและเขายังไม่แต่งงานกัน หรือมีสถานะสามีภรรยาตามกฎหมาย แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาไปไกลและชัดเจนแน่นอนอยู่แล้วว่าเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ เธออ่านได้!
20:00 น. รพีพัฒน์กลับจากทำงานก็เข้ามาเห็นภรรยาสาวนั่งหน้าบูดอยู่ในห้องนอนเด็ก ซึ่งเป็นห้องว่างข้าง ๆ ห้องนอนพวกเขา ที่เอามารีโนเวทให้เป็นห้องนอนของลูก“เป็นอะไรครับ ทำไมนั่งหน้าบูดแบบนี้” ชายหนุ่มถามคนนั่งหน้าบึ้งอย่างสงสัยไม่รู้มีใครทำอะไรให้เธอไม่สบายใจหรือไม่พอใจ วันนี้คนสวยของเขาถึงได้อารมณ์ไม่ดีแบบนี้“ก็คุณพ่อคุณแม่สิคะ ซื้อของเล่นกับชุดเด็กมาอีกแล้ว พริมบอกว่าให้พอก่อน ๆ ดูสิคะเนี่ย เต็มห้องไปหมด ไม่รู้จะจัดการยังไงแล้ว” เจ้าตัวชี้ไปยังกองของเล่นที่เพิ่งมาใหม่สด ๆ ร้อน ๆ ที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้อง รพีพัฒน์เลิกคิ้วแล้วมองตามมือขาวผ่องที่ตอนนี้เริ่มมีน้ำมีนวลมากกว่าแต่ก่อนก็เห็นจริงดังว่า เขาพรูลมหายใจออกจากปาก ห้ามพ่อแม่เขา? คงยาก! ยิ่งหลานคนแรกด้วยแล้ว หึหึ“ไม่ต้องมายิ้มเลยนะคะพี่พี พริมเครียดจะตายอยู่แล้วเนี่ย! ฮึก”เขาว่าอารมณ์คนท้องมักแปรปรวน รพีพัฒน์แจ่มแจ้งแก่ใจแล้ว ภายในหนึ่งวันเขาต้องปรับตัวรับกับอารมณ์แม่ของลูกอยู่ตลอด เดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะ ผสมปนเปกันไปหมด เช่นเดียวกับตอนนี้ “โอ๋ อย่าร้องสิครับ ไหนเครียดอะไร ไม่เห็นมีอะไรให้น่าเครียดเลย
“มีความสุขไหมคะ” พริมาเอ่ยถามคนที่ตระกองกอดเธออยู่ข้างหลัง มือบางกอบกุมมือใหญ่ที่โอบกอดเธอไว้ ขณะที่สายตาทอดมองไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า ชมความงามของธรรมชาติที่รังสรรค์ขึ้น ประเทศที่มีสีเขียวที่เธอชื่นชอบ ประเทศที่มีเทือกเขาเยอะที่สุดในโลก มองไปทางไหนก็งดงาม ประเทศสวิตเซอร์แลนด์“มีความสุขครับ” เสียงทุ้มตอบกลับก่อนกระชับกอดให้แน่นขึ้น พร้อมทั้งโน้มใบหน้าหอมแก้มนุ่มเข้าปอดฟอดใหญ่“ชอบไหมครับ ได้มาฮันนีมูนและพักผ่อนยังประเทศที่พริมชอบ”“ชอบสิคะ ชอบที่สุดเลย ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวกล่าวตอบเสียงใสพาใจคนฟังชุ่มชื้น“หนึ่งปีที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นมากมายเหมือนกันนะครับ”“ใช่ค่ะ ทั้งงานทั้งคนวุ่นไปหมดเลย”“นั่นสิครับ ดีจังที่เราได้มาฮันนีมูนและพักผ่อนกันแบบนี้”“ใช่ค่ะดีมากเลย ที่นี่สงบมากเลยค่ะ วิวก็สวย พริมอยากอยู่ไปนาน ๆ เลย”“ได้เลยครับ หยุดตามวันที่เราแพลนไว้เลยเนอะ ความจริงเราควรมาฮันนีมูนกันตั้งนานแล้ว นี่อะไร แต่งงานกันมาสามเดือนแล้วเพิ่งจะได้มาฮันนีมูน”“อย่าบ่นสิคะ ช่วงนั้นเราสองคนงานยุ่งนี่นา คุณพ่อเพิ่งวางมือให้พี่อิงรับตำแหน่งประธานบริษัทแบบเต็มตัว แม้พริมจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับตำแหน่งบริ
หนึ่งปีผ่านไป... “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”“เรียบร้อยดีครับ”“ดี อย่าให้มีอะไรผิดพลาดละ”“ครับ”เสียงพูดคุยระหว่างออแกไนซ์และทีมงานดังขึ้นเป็นระยะให้ได้ยินอยู่เรื่อย ๆ เรียกได้ว่าแทบทุก 3 นาที 5 นาที ที่เป็นเเบบนี้เพราะว่างานนี้เป็นงานใหญ่ จึงไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด ทุกอย่างต้องออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดซุ้มประตูดอกไม้ขนาดใหญ่สีขาวแซมสีชมพูที่อยู่หน้าประตู ถูกเซตเข้ากันอย่างลงตัว ตั้งแต่ทางเดินเข้าไปจนถึงเวทีปูด้วยพรมสีแดง ภายในห้องบอลรูมสุดหรูถูกตกแต่งไปด้วยไม้ดอกหลากสีนานาพรรณ โต๊ะแชมเปญทาวเวอร์จัดเรียงแก้วลดหลั่นกันมาดูงดงามหรูหราเข้ากับบรรยากาศของงานอย่างมาก โต๊ะเก้าอี้ต่างถูกจัดเรียงไว้อย่างลงตัว ข้างเวทีมีเครื่องดนตรีถูกติดตั้งไว้อย่างเพียบพร้อม และหากทอดสายตามองขึ้นไปบนเวทีจะเห็นชื่อของคนสองคนประดับไว้โดยมีรูปหัวใจอยู่ตรงกลาง‘รพีพัฒน์ พริมา’ ใช่แล้ว!วันนี้คือวันแต่งงานของรพีพัฒน์และพริมา วันคืนที่ชายหนุ่มเฝ้ารอมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็มาถึงสักที! “โอ๊ย ๆ หุบยิ้มหน่อยเถอะพ่อคุณ ยิ้มจนปากจะฉีกแล้วนั่น” ภายในห้องวีไอพีของโรงแรมห้องหนึ่ง เสียงเย้าแหย่เอ่ยแซวของเพื่อนชายดังขึ้นหลายค
หนึ่งเดือนต่อมาจากคำขอร้องกึ่งบังคับของคนในครอบครัว ทำให้คุณเดชาใช้ชีวิตไม่ต่างไปจากคนปลดเกษียณ เขาหยุดงานเพื่อพักฟื้นร่างกายอยู่ที่บ้านนับตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล เวลาว่างส่วนใหญ่ถ้าไม่ปลูกผักทำสวนก็จะทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยให้จิตใจผ่อนคลายปลอดโปร่ง เพราะได้กำลังใจดี กำลังกายจึงดีตามไปด้วย สุขภาพของเขาจึงกลับมาแข็งแรงอย่างรวดเร็วกระนั้นคุณเดชาก็ยังไม่กลับไปทำงานที่บริษัทแต่อย่างใด เพราะหลังจากได้หยุดยาว มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น จึงคิดอะไรได้หลายอย่าง เริ่มคิดถึงบั้นปลายชีวิตที่เรียบง่ายแต่มีความสุข ชายวัยกลางคนจึงคิดอยากวางมือจากบริษัท แล้วหันมาใช้ชีวิตเรียบง่ายปลูกผักทำสวนอยู่ที่บ้านมากกว่างานบริษัทตอนนี้เขาจึงมอบหมายให้ลูก ๆ และผู้บริหารคนอื่น ๆ ดูแลรับผิดชอบ เพื่อว่าหากเขาวางมือจริง ๆ ขึ้นมาจะได้ไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องงานที่สำคัญจริง ๆ คุณเดชาจะประชุมอยู่บ้าน เอกสารสำคัญตัวไหนที่เขาต้องเซ็น เลขาส่วนตัวก็จะนำมามอบให้ที่บ้านเช่นกัน กล่าวถึงเรื่องความสัมพันธ์ครอบครัว ระหว่างคุณเดชาและบุตรสาวทั้งสองนับว่าดีขึ้นเรื่อย ๆ ต่างฝ่ายต่างปรับตัวเขาหากัน แม้แรก ๆ พริมาจะมีอาการเกร็งและฝื
“พริม พ่อรู้ว่าความสัมพันธ์ของเราไม่ค่อยดี และพ่อก็ได้ทำร้ายจิตใจลูกมามาก แต่พ่อก็อยากบอกให้ลูกรู้ว่า พ่อรักลูกนะ รักไม่น้อยไปกว่าพี่สาวของลูกเลย แล้วพ่อก็อยากขอโทษ ขอโทษที่เข้มงวดกับลูกเกินไป ขอโทษที่ทำหน้าที่พ่อได้ไม่ดีพอ ขอโทษที่ให้ครอบครัวที่สมบูรณ์กับลูกไม่ได้ ขอโทษนะลูก พ่อขอโทษ” คุณเดชามองแผ่นหลังของบุตรสาวด้วยแววตาวูบไหว หน้าอกรู้สึกปวดแปลบเพราะหัวใจบีบรัดจนต้องยกมือขึ้นมากุมไว้ แต่ก็ยังฝืนพูดต่อว่า“มันอาจฟังดูเห็นแก่ตัว แต่พ่อขอโอกาสอีกสักครั้งได้ไหม ขอให้พ่อได้ทำหน้าที่พ่อที่ดี เป็นที่พึ่งพาแก่ลูกบ้าง สักครั้งก่อนตายก็ยังดี ลูกจะให้โอกาสพ่อได้ไหมพริมา” ไหล่บางสั่นน้อย ๆ ก่อนที่หยดน้ำตาจะกลิ้งหล่นลงบนใบหน้างาม ใจดวงน้อยสั่นระรัว เมื่อได้ยินคำว่ารักและคำขอโทษ ที่เธอเฝ้ารอออกจากปากเขา หญิงสาวรู้สึกดีกับสิ่งที่ได้ยิน แต่มันยังไม่พอจะปลดล็อกความรู็สึกทั้งหมดได้ กำแพงที่เธอมีต่อเขามันสูงเกินไป หากอิงอรมีปมเรื่องการถูกละเลยความรู็สึก เธอก็มีปมที่คิดว่าตัวเองและแม่ไม่สำคัญสำหรับเขาเช่นกันร่างบางสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากใบหน้า ก่อนหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนเป็
08:30 น. เช้าวันที่แปดคุณเดชาตื่นขึ้นมาในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลด้วยใบหน้าผ่องใสเบิกบานกว่าเดิม มองขวดน้ำเกลือที่พยาบาลเพิ่งเปลี่ยนให้ใหม่ด้วยแววตาเบื่อหน่ายเขาแข็งแรงดีแล้วคุณหมอก็ยังไม่ยอมให้กลับบ้านเสียที เฮ้อ!ดวงตาคมดุกวาดมองไปรอบตัวพลันรู้สึกว่าห้องพักผู้ป่วยดูคับแคบขึ้นทันตาเพราะทุกคนอยู่ที่นี่กันหมด ไม่ว่าจะเป็นอรวรรณ อิงอร พริมา รพีพัฒน์ ฉัตร“ทนหน่อยนะคะคุณ หายดีกว่านี้เดี๋ยวหมอก็อนุญาตให้กลับเองแหละค่ะ” คุณอรวรรณรีบพูดเมื่อเห็นสายตาเบื่อหน่ายของสามีคุณเดชาไม่ตอบ สายตาของเขาจ้องเขม็งไปยังบุตรสาวทั้งสอง ที่คนหนึ่งเกิดจากหน้าที่ อีกคนเกิดจากความรัก แต่ถึงจะเกิดจากคนละแม่ เขาก็รักลูกทั้งสองคนมากอยู่ดี ไม่เคยรักใครน้อยกว่าใครเลย แล้วทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ พี่น้องไม่รักกันก็ว่าแย่แล้ว คิดร้ายต่อกันไม่พอ ถึงขนาดไล่ให้อีกคนไปตาย คนเป็นพ่ออย่างเขาจะรับได้หรือ? ลูกสองคนเป็นแบบนี้แล้วเขาจะมีความสุขได้อย่างไร?คุณเดชาหลับตากล้ำกลืนความขมขื่นเอาไว้ให้ลึกที่สุด ภายในห้องพักผู้ป่วยเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ คิดว่าหากมีใครสักคนทำเข็มตกต้องได้ยินชัดเจนแน่ สถานการณ์ดูเหมือนจะน่า