วันต่อมา...
หลังจากกินมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว ต้วนหยางเฟยและหยวนอันอันจึงเก็บของส่วนตัว เพื่อย้ายบ้านโดยที่ชายหนุ่มฝากให้พี่ชายไปลางานให้ ขณะที่กำลังเก็บของอยู่นั้น คนเป็นสามีก็ได้พูดขึ้นมาว่า “ดูเหมือนคุณจะเปลี่ยนไป”
หยวนอันอันได้ยินก็สะดุ้งเล็กน้อยไม่คิดว่า เพิ่งแต่งงานเข้ามาสองวันสามีจะสังเกตเห็นว่าเธอเปลี่ยนไปจากเดิม
“ฉันแค่อยากเป็นคนดีในสายตาพี่และทุกคน อีกอย่างก่อนหน้านี้ฉันเองที่ทำผิดจนพี่ต้องมารับผิดชอบคนอย่างฉัน เอ่อ...ฉันขอเวลาพี่สักหน่อย หากฉันยังไม่ดีพอสำหรับพี่ เมื่อนั้นพี่ค่อยหย่ากับฉัน”
ต่อให้คิดว่าจะอยู่กับเขาไปจนวันตาย แต่หากผ่านไปสักปีสองปีเธอยังไม่ได้หัวใจเขามาครอง เธอจะเขียนใบหย่าให้ เพื่อให้เขามีชีวิตตามที่ต้องการ ในเมื่อทำดีแล้วยังไม่ได้หัวใจเขามาเธอก็พร้อมจะปล่อยให้เขาเป็นอิสระแล้วต่างก็เริ่มชีวิตใหม่
“แต่งงานได้สองวันทำไมถึงพูดเรื่องหย่าล่ะ การแต่งงานไม่ใช่เรื่องล้อเล่น และผมเองเมื่อตัดสินใจแต่งงานแล้วก็ไม่คิดเรื่องหย่าร้างหรอกนะ เราสองคนค่อยศึกษากันไปก็แล้วกัน แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็ค่อยมานั่งปรึกษากันว่าเราอยู่กันไม่ได้เพราะอะไร หากไม่มีทางออกสำหรับปัญหาเราสองคนค่อยมาคุยกันเรื่องหย่าร้าง” เขาพูดน้ำเสียงราบเรียบสบตาเธอเพื่อยินยันในสิ่งที่พูดออกมา
ต้วนหยางเฟยไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร และไม่ว่าเขากับเธอแต่งงานกันเพราะอะไร ในเมื่อแต่งกันแล้วก็ควรประคองชีวิตคู่ให้ตลอดรอดฝั่งก็พอ นั่นเพราะว่าในชีวิตนี้เขาเองก็ต้องการแต่งงานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
หยวนอันอันไม่คิดว่าชายตรงหน้าที่ถูกบังคับให้แต่งงานกับเธอจะพูดแบบนี้ออกมา เวลานี้ใจของเธอรู้สึกอบอุ่นไม่น้อยเลย
ไม่เสียแรงที่ตั้งใจจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต“ขอบคุณมากนะพี่หยางเฟย ฉันจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังที่แต่งงานกับฉันในครั้งนี้” หญิงสาวตอบกลับ สายตาของเธอจับจ้องไปที่เขาอยู่ตลอด แต่เมื่อเห็นเขาประสานสายตามาเธอก็รู้สึกเขินอายจึงก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อ
เห็นท่าทีน่ารักของภรรยา ชายหนุ่มยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นหยิบของบางอย่างหลังตู้ออกมาแล้วยื่นให้เธอ
“นี่คือเงินเก็บของผม คุณเก็บไว้เถอะ เอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายเมื่อย้ายไปอยู่บ้านหยวน”
หยวนอันอันมีสีหน้าตื่นตกใจไม่คิดว่าเขาจะเอาเงินเก็บออกมาให้ ในเมื่อชาติที่แล้วเขาเก็บเงินไว้เองตลอด แล้วทำไม...
“พี่เก็บไว้เถอะ นี่มันเงินของพี่ ฉันเพิ่งแต่งเข้ามาเอง
อีกอย่างฉันพอจะมีเงินใช้อยู่ค่ะ” หญิงสาวคิดว่าหากเธอเอาเนื้อและผลไม้ไปขาย เธอคงจะมีเงินเข้าบ้านไม่น้อยเหมือนกัน เลยคิดว่าเงินของสามีก็ควรให้เขาเก็บเองถึงจะถูกต้วนหยางเฟยหรี่ตามองเธอ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำปฏิเสธ
แต่ตอนนี้เขาและเธอแต่งงานกันแล้ว เรื่องเงินและเรื่องในบ้านต้องให้คนเป็นภรรยาดูแลอยู่แล้ว“คุณเก็บไว้เถอะ ผมทำงานนอกบ้านเรื่องภายในบ้านคุณควรจะดูแล อีกอย่างย่าของคุณก็อายุเยอะแล้ว ควรพาท่านไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลสักหน่อย หากป่วยเป็นอะไรจะได้รักษาทันเวลา” เขาไม่ได้แช่งหรือคิดไม่ดีกับย่าหยวน แต่อยากจะให้ภรรยาดูแลหญิงชรามากกว่านี้ ท่านจะได้อยู่กับเธอไปอีกนาน ๆ
ที่ผ่านมาต้วนหยางเฟยมักจะได้ยินข่าวลือไม่ค่อยดีของภรรยาไม่เว้นวัน เนื่องจากหยวนอันอันเมื่อก่อนนั้นมักจะหาเรื่องและตบตีกับคนในหมู่บ้านไปทั่ว และยิ่งเธอสร้างเรื่องราวเพื่อให้เขาแต่งงานด้วย เขายิ่งไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนดี แต่เมื่ออยู่ด้วยกันไม่กี่วันเขากลับไม่คิดอย่างนั้น
‘หรือว่าข่าวลือที่กระจายทั่วหมู่บ้านนั้นไม่ใช่เรื่องจริง แต่เพราะมีคนใส่ร้ายเธอกันนะ’
เมื่อสามีพูดแบบนี้หยวนอันอันจึพยักหน้า แล้วยื่นมือมารับกล่องเงินไว้ “ขอบคุณนะคะที่ไว้ใจภรรยาคนนี้”
หญิงสาวยิ้มให้อย่างอ่อนโยน เธอไม่รู้หรอกว่าทำไมเรื่องราวในชาตินี้ต่างจากชาติที่แล้ว แต่ไม่ว่าเพราะอะไรเธอก็ยังยืนยันคำเดิมว่า จะรักษาชีวิตคู่ของเธอและสามีไปจนผมขาวและตายจากกันในวัยชรา
ต้วนหยางเฟยสบตากับเธอโดยบังเอิญ เขามองอยู่ครู่หนึ่งแล้วคิดในใจว่า ‘หากคุณทำตัวน่ารักแบบนี้สักวันหนึ่งผมคงรักคุณโดยไม่มีข้อแม้’
จากนั้นทั้งสองจึงช่วยกันเก็บของกันต่อจนเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่ต้วนหยางเฟยจะไปยืมรถเข็นที่กองพลน้อยเพื่อขนของย้ายบ้าน
บทส่งท้าย ครอบครับอบอุ่น (จบ)เมื่อได้ยินสิ่งที่หลานสาวบอก หญิงชราก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี แม้จะไม่ได้อยากรบกวนหยวนอันอันหรือตระกูลฟาง แต่ก็ไม่อยากทิ้งใครไว้ข้างหลังเหมือนกัน“ถ้าอย่างนั้นย่าก็สบายใจ แต่สิ่งพวกนี้ไม่ได้ทำให้หลานอึดอัดใช่ไหม” นางจับมือหลานสาวมากุมไว้แล้วตบเบา ๆ ยังขอบคุณ“ไม่อึดอัดอะไรเลยค่ะ ฉันเองก็อยากจะช่วยเหลือพวกเขาเหมือนกัน ที่ผ่านมาเขาก็ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ความจริงแล้วฉันอยากให้เขาย้ายไปอยู่ในเมืองด้วยซ้ำ แต่ก็คงทำไม่ได้เพราะทุกคนมีบ้านอยู่ที่นี่”“นั่นสิ ช่วยได้เท่าที่ช่วยก็แล้วกัน”สองย่าหลานสบตาให้กันพร้อมกับยิ้มออกมา ก่อนจะพากันเดินไปที่บ้านต้วนเพื่อดูว่าทุกคนเตรียมตัวกันเสร็จแล้วหรือยังส่วนต้วนหยางเฟย แม้ว่าทุกคนจะยังไม่ได้ย้ายเข้ามาในเมือง แต่ชายหนุ่มก็ต้องมาทำงานกับพี่ชายของภรรยาแล้ว นับว่าเป็นงานที่หนักหนาพอสมควรเนื่องจากเขาไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับกิจการร้านค้าที่ใหญ่อย่างนี้มาก เคยทำก็แค่ขายของในตลาดมืดและส่งสินค้าให้ลูกค้าประจำบ้านเท่านั้น“เป็นอย่างไรบ้าง พอทำไหวไหม” ฟางอี้โตวเดินเข้ามาแล้วถามพร้อมรอยยิ้ม ความจริงแล้วสองสามวันที่ผ่านมาน้องเขยคนนี้ก็ทำ
จุบจบของคุณหนูฟาง (ตัวปลอม)สองสามีภรรยาได้แต่กุมมือกันแน่น หยวนอันอันตั้งใจจะพาต้วนหยางเฟยเข้าไปในมิติ แต่ในขณะที่กำลังจะพาเขาไป ก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับสวนเข้ามา พร้อมกับมีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินลงมาจากรถ“พบกันอีกแล้วนะหยวนอันอัน” ฟางหยูซิวยิ้มอย่างชั่วร้าย รู้สึกพึงพอใจที่แผนการของเธอกำลังจะสำเร็จ“อย่าบอกนะว่านี่คนของคุณหนู” หยวนอันอันแสร้งถามออกมา ทั้งที่มั่นใจแล้วว่ากลุ่มชายฉกรรจ์พวกนี้เป็นคนของฟางหยูซิว“รู้ตอนนี้มันก็สายไปแล้วล่ะ” เธอเดินมาดร้ายให้เข้ามาหา แล้วยืนนำหน้าชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ โดยมีแม่นมคอยเกาะติดอยู่ด้วย“เราสองคนไม่ได้เป็นศัตรูกัน อีกอย่างก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง ทำไมคุณถึงคิดจะเอาชีวิตฉันล่ะ” หยวนอันอันยังคงแกล้งถาม“ใครใช้ให้แกเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ที่หายไปละ ถ้าไม่มีแกสักคนตำแหน่งคุณหนูฟางก็ยังคงเป็นของฉัน และทรัพย์สมบัติที่มี ก็ต้องเป็นของฉันเหมือนกัน” ฟางหยูซิวดวงตาวาวโรจน์ เธอไม่พอใจอย่างมากที่ผลออกมาว่าอยู่นั้นเป็นลูกของตระกูลฟาง“แต่คุณอยู่กับตระกูลฟางมาตั้งนานแล้ว นายท่านและนายหญิงฟางก็ดูจะรักคุณมาก ต่อให้ผลตรวจจะเป็นอย่างที่คุณบอก แล้วคุณถามฉันสักคำหรือ
ความจริงปรากฎหยวนอันอันไม่สนใจว่าผลจะออกมาอย่างไร แต่ในเมื่อนายท่านฟางทำในสิ่งที่ขอร้องแล้ว เธอและต้วนหยางเฟยเลยมาหาซื้อตึกโดยใช้เส้นสายของนายท่านฟางที่ช่วยเหลือ จึงทำให้ทั้งสองคนมีร้านค้าแล้วในตอนนี้วันนี้จึงตัดสินใจพาทุกคนออกมาโดยการเช่าเกวียนของหมู่บ้านเพราะย่าหยวนเองก็มาด้วย“ร้านนี้แพงไหมสะใภ้สาม” แม่สามีอย่างเหอซือเฉิงถาม“ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะแม่ นี่คือร้านที่ฉันต้องการให้พี่ใหญ่กับพี่รองมาช่วยค้าขาย ส่วนฉันกับพี่หยางเฟยจะเป็นคนไปรับสินค้ามาเอง แล้วอีกอย่างฉันคิดว่าพวกเครื่องสานทุกชนิดจะรับมาจากชาวบ้าน อย่างไรรบกวนพ่อบอกกับหัวหน้าหมู่บ้านให้หน่อยได้ไหมคะ อย่างน้อยนี่ก็เป็นรายได้ของชาวบ้านที่เพิ่มขึ้นมา นอกจากรออาหารจากกองพลน้อย”หยวนอันอันตอบกลับ เธอคิดว่าร้านนี้ไม่ควรจะขายแค่อาหารและวัตถุดิบเพียงอย่างเดียว เลยตัดสินใจให้พ่อสามีไปคุยกับหัวหน้าหมู่บ้าน เกี่ยวกับเครื่องสานที่ชาวบ้านมักจะทำกันไว้ใช้เอง ให้เอามาฝากขายที่ร้านของเธอ“ดีเลย เดี๋ยวเรื่องนี้พ่อจะไปบอกหัวหน้าหมู่บ้านเอง”ต้วนเริ่นชวนตอบรับอย่างยินดี อย่างน้อยการค้าของลูกชายและลูกสะใภ้ยังช่วยเหลือชาวบ้านได้ นั่นเพราะคนชรา
วางแผนกำจัดให้พ้นทางเมื่อเจ้าหน้าที่พาหญิงสาวทั้งสามคนไปแล้ว หยวนอันอันจึงเริ่มมีสติขึ้นมา เพราะถ้าหากเธอตื่นมาก่อนหน้านี้ ซูน่านเผิงคงไม่ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นแน่“อันอันน้องฟื้นแล้ว รู้สึกปวดตรงไหนหรือไม่” ต้วนหยางเฟยรีบถามอย่างร้อนใจ เพราะต้องการให้ดูสมจริงมากที่สุด“นั่นสิหลานย่า ย่ากลัวเหลือเกินว่าจะไม่มีหลานอยู่กับย่าอีกแล้ว” หญิงชรารีบถามอย่างร้อนใจเหมือนกันทุกคนที่อยู่บริเวณนี้ พอเห็นว่าหยวนอันอันมีสติและฟื้นขึ้นมาแล้วก็รู้สึกโล่งใจ ถึงแม้ว่าจะมีใครบางคนที่ไม่ค่อยชอบเธอก็ตาม แต่ก็ไม่อยากให้ต้องมาตายเพราะถูกวางยาพิษจากลูกสาวบ้านซู“เกิดอะไรขึ้นคะพี่ เมื่อครู่นี้ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะตาย แต่ก็ดีใจเหลือเกินที่ฟื้นขึ้นมา” เธอพูดออกมาเสียงเบา แต่ก็ขยิบตาอย่างเจ้าเล่ห์ให้กับสามีโดยที่คนอื่นไม่ทันสังเกตเห็น “เธออย่ามัวแต่พูดอยู่เลยสะใภ้สาม สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้ของเธอก็คือควรกลับเข้าไปพักผ่อน แล้วดูว่าร่างกายมีตรงไหนผิดปกติหรือเปล่า ฉันจะได้ให้เจ้าสามพาเธอไปรักษาในเมืองอย่างทันท่วงที” เหอซือเฉิงกลัวว่าสะใภ้คนนี้จะเป็นอันตราย เลยอยากให้เขาไปพักผ่อนเสียก่อน แต่พอ นึกได
จุดจบของคนคิดร้ายหางอี๋หรู่ได้ยินสิ่งที่น้องสามีถามก็เกิดความหวาดกลัว นั่นเพราะว่าพอเธอเอาขนมมาจากหลานสาวก็ตรงดิ่งมาที่นี่ทันที เลยไม่เข้าใจว่าทำไมแค่ขนมที่ผสมยาถ่าย หยวนอันอันถึงได้สลบไปแบบนี้“เกิดอะไรขึ้นกับอันอัน ตายแล้ว! ทำไมอันอันเธอถึงได้ไปนอนอย่างนั้นล่ะ” ซือเหนียงได้ยินเสียงโวยวายขณะที่กำลังจัดเรียงฟืนเข้าที่เลยออกมาดู และพอเห็นหยวนอันอันนอนสลบอยู่ เลยตกใจแทบสิ้นสติ ซึ่งขณะนั้นเอง ชาวบ้านที่เดินผ่านไปมาต่างก็หยุดมอง และส่งเสียงพูดคุยซุบซิบกันไม่หยุด“เรื่องนี้คงต้องถามพี่สะใภ้รองครับ เพราะเธอคือคนที่เอาขนมกล่องนี้มาให้อันอันกิน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดและนี้สร้างความตกใจให้กับชาวบ้านและซือเหนียงไม่น้อย นั่นก็เพราะว่าไม่เคยมีใครเห็นต้วนหยางเฟยเป็นแบบนี้มาก่อนคราวนี้ทุกคนจึงหันไปทางหางอี๋หรู่กันอย่างพร้อมเพรียง และกดดันเธอเพื่อขอคำตอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ฉันก็แค่เอาขนมมาให้สะใภ้สามกินก็เท่านั้นเอง ทุกคนจะมามองฉันแบบนั้นไม่ได้นะ” เธอตอบกลับอย่างร้อนรน ตอนนี้ในสมองนั้นคิดอะไรไม่ออกแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหยวนอันอันตอนนี้ชาวบ้านไม่มีใค
โดนหลอกใช้จี้เจียซีเดินกลับมาบ้านด้วยใจที่โกรธเคือง แต่เพราะเรื่องนี้ยังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องมากเลยไม่กล้าที่จะบอกทุกคนในบ้าน แต่กับแม่สามี เรื่องนี้เธอคิดว่าควรจะบอก อย่างไรหากเกิดเรื่องไม่ดีเข้า แม้สามีจะได้จัดการเรื่องนี้อย่างทันท่วงที“อ้าวทำไมวันนี้กลับมาเร็วล่ะสะใภ้ใหญ่” เหอซือเฉิงเห็นว่าสะใภ้ใหญ่กลับมาเร็วกว่าปกติก็เกิดความแปลกใจ“พอดีวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นเล็กน้อย ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะบอกแม่ เราเข้าบ้านเถอะ เรื่องนี้ไม่ควรให้ใครได้ยิน” เธอรีบบอกพร้อมกับมองซ้ายขวาเพราะกลัวว่าใครจะมาได้ยินเข้าก่อนจะจูงมือแม่สามีเข้าบ้านแล้วบอกให้ลูกกับหลานนั่งเล่นกันเองไปก่อนพอเข้ามาในบ้านแล้ว จี้เจียซีจึงบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียดและไม่มีคำไหนตกหล่นเลยแม้แต่คำเดียว“เลี้ยงไม่เชื่อง ฉันจะดูสิว่าสะใภ้รองมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยไหม หากหล่อนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยฉันจะให้หย่ากับเจ้ารองเสีย แล้วส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการเสียเลย” เหอซือเฉิงพูดอย่างเจ็บใจและโกรธมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้“ฉันเองก็โกรธไม่ต่างกัน ไม่คิดว่าลูกสาวบ้านซูกับหลานสาวของน้องสะใภ้รองจะมีจิตใจโหดเหี้ยมผิดมนุษย์