“พระชายาเพคะ หรือว่าเราจะกลับจวน…”
“ช่างเถอะ ในเมื่อข้าเลือกเส้นทางนี้เองก็ไม่มีเหตุผลใดที่ข้าจะแก้ไขเองไม่ได้หากจะตายเพราะรักเขาก็ต้องยอมรับให้ได้”
“พระชายา ฮือ…อย่าทรงตรัสเช่นนั้นเลยเพคะ อย่าทำให้จินถิงกลัวเพคะ”
สองนายบ่าวร้องไห้กอดกันในตำหนักที่เย็นเยือกซึ่งตั้งแต่นางแต่งเข้ามาที่นี่พึ่งจะมีวันนี้ที่เขาก้าวเข้ามาหานางเป็นครั้งแรก แต่นับเป็นครั้งแรกที่รวดเร็วและเจ็บปวดเหลือเกิน
“ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าเขาจะเกลียดข้าได้ถึงเพียงไหน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นในงาน”
“ได้ข่าวว่าพระชายารองถูกวางยาในสุรามงคลเพคะ แต่นั่นเป็นยาถ่าย ตอนนี้นางจึง….”
“หึ ฮ่า ๆ ๆ ใครหนอช่างทำเสียจริง เขาไม่คิดจะสงสัยผู้อื่นเลย ช่างน่าสมเพชตัวเองยิ่งนัก”
คิดว่าเรื่องราวจะจบเพียงเท่านั้น แม้ว่าหลังจากนั้นจะไม่มีเรื่องใดร้ายแรงแต่ขอเพียงแค่มีเล่อชุนหลันอยู่ใกล้ ๆ พระชายารองที่เขาพึ่งรับเข้าจวนมาก็พร้อมที่จะกล่าวโทษนางทันที
“ท่านพี่ ช่วยไม่ได้นะเพคะก็ท่านไม่ควรจะทำให้สำรับของท่านอ๋องตกเช่นนั้นเลย คืนนี้ก็นอนในห้องเก็บฟืนไปนะ ปิดประตูแล้วเฝ้าเอาไว้อย่าให้ผู้ใดแอบนำอาหารมาให้นางได้เล่า”
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เล่อชุนหลันตกเป็นเหยื่อ จนสามเดือนถัดมา ที่ เมืองชุ่นเกิดกบฏ ท่านอ๋องต้องจัดทัพไปออกศึกหลังจากที่พระชายารับโทษมาหลายต่อหลายครั้งโดยที่ไม่เคยปริปากบ่น ไม่โมโหและหากจะพูดตามความเป็นจริงคือ นางแทบจะไม่พูดสิ่งใดอีกเลยจนก่อนที่เขาจะออกทัพอีกสองวัน ท่านอ๋องจึงมาเสวยอาหารเย็นกับนางที่ตำหนักเป็นครั้งแรก
“ข้าคงไปไม่นาน เรื่องในตำหนักก็ฝากเจ้าดูแลด้วย”
“เพคะ”
“เจ้าไม่สบายงั้นหรือเหตุใดดูซูบลงไป”
“ท่านอ๋องตรัสถามเช่นนี้ ไม่ทราบจริง ๆ หรือเพคะว่า…”
“จินถิง”
พระชายาเรียกนางเอาไว้เพื่อไม่ให้นางพูดสิ่งใดที่ระคายพระกรรณท่านอ๋องเพราะเขากำลังจะออกศึกสำคัญไม่ควรต้องมากังวลใจเรื่องเล็กน้อยที่นางพบเจอในจวนอ๋องที่โหดร้ายแห่งนี้
“พระชายา บ่าว…”
“เจ้าไปเอาห่อยาที่ข้าเตรียมเอาไว้มาให้ท่านอ๋องติดตัวไปในกองทัพ แล้วก็ผ้าห่มที่เรา… พึ่งซื้อมานั่นด้วย”
“เพคะพระชายา”
“เจ้าไม่น่าลำบาก นี่เจ้าออกไปซื้อ…”
เมื่อเขาถามแล้วหันไปมองที่นิ้วมือของสตรีที่มักจะพูดว่านางร้ายกาจ และเป็นสตรีน่ารังเกียจที่บีบบังคับเขาทางอ้อมเพื่อให้แต่งนางเข้ามาก็ต้องตกใจอีกครั้งเพราะนิ้วของนางเกือบทุกนิ้วมีแต่บาดแผลซึ่งเกิดจากมีดหรือเข็มเขาก็ไม่แน่ใจนักเมื่อชามน้ำแกงถูกวางลงเขาหมายจะเอื้อมออกไปดึงมาดูแต่นางกลับรีบดึงมันกลับทำราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว ควรจะต้องหาผ้าห่มไปเพิ่มให้มากหน่อยเพคะ”
“อ่อ ใช่ ขอบใจเจ้ามาก แล้วช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“สบายดีทุกอย่างเพคะ”
เขาไม่เคยคิดจะถามเรื่องนี้แต่เกือบหกเดือนที่นางมาอยู่ที่นี่แม้ว่าเขาจะเคยรับฟังเรื่องที่นางกลั่นแกล้งชายารองแต่ก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจเพราะเรื่องตำหนักหลังเขามอบให้นางดูแลแต่เท่าที่ดูจากสภาพนางในตอนนี้ ทั้งผอมซูบและขอบตาคล้ำอีกทั้งสุขภาพที่ดูอ่อนแอลง เขาคงจะละเลยนางไปมากจริง ๆ
“มือของเจ้า…”
“หม่อมฉันชอบปอกเม็ดเกาลัดไม่ทันระวังก็เลยมีแผลโปรดอย่าทรงกังวลเพคะ”
“เล่อชุนหลัน”
“ท่านอ๋องเพคะ นี่ก็ค่ำแล้วจินถิงเองก็ยกของไปที่ตำหนักกลางให้พระองค์แล้ว เสด็จกลับไปพักผ่อนเถอะเพคะ”
“แต่…”
“หม่อมฉันมีเรื่องอื่นที่ต้องทำคงไม่ไปส่งนะเพคะ”
นางโค้งคำนับให้เขาหลังจากที่เดินมาส่งเพียงหน้าตำหนักและรีบปิดประตูทันที ท่านอ๋องรู้สึกจุกที่ลำคอทั้ง ๆ ที่พึ่งกินอาหารมาเต็มท้อง เขาไม่รู้เลยว่าช่วงระยะเวลาไม่นาน พระชายาของเขาจะเปลี่ยนไปเช่นนี้แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องนี้ การศึกอยู่ตรงหน้าเขาต้องรีบจัดการเสียก่อน
“พระชายาเพคะ!!”
“รีบไปเอากระโถนมา ฮึก!!”
นางกระอักเลือดออกมาไม่น้อยเมื่อพยายามอัดอั้นเอาไว้รอให้ท่านอ๋องกลับไปและรีบกลับเข้ามา แม้นว่าเขาจะไม่ค่อยใส่ใจนางแต่ในช่วงเวลานี้ที่กำลังจะออกศึกสำคัญเช่นนี้นางไม่อยากให้เขาต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ถึงท่านอ๋องจะไม่เคยคิดเป็นห่วงนางเลยก็ตาม
“พระชายาเพคะหม่อมฉันคิดว่าควรบอกเรื่องนี้ให้ท่านอ๋องทรงทราบนะเพคะ”
“อย่าโวยวาย เจ้าอย่าร้องไห้เงียบ ๆ เอาไว้ข้าไม่เป็นไร พิษแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอกรีบไปเอายามาให้ข้า”
“เพคะ”
แม้ไม่ต้องเดานางก็รู้ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้คือผู้ใด เพื่อตำแหน่งใหญ่ในราชสำนักเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ยังว่างอยู่ ท่านอ๋องยังมิได้ตัดสินพระทัยแต่งตั้งผู้ใด บุตรขุนนางขั้นสองอย่างลี่จินเซียนต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยบิดานางอยู่แล้ว ขอเพียงขึ้นเป็นพระชายาได้ ตำแหน่งเสนาบดีของพ่อนางก็ไม่เกินเอื้อม แต่ต้องกำจัดผู้ที่ขวางนางเสียก่อน
“ช่างชั่วช้ายิ่งนัก ข้าจะทำเช่นไรดี ฮือ…”
“จินถิงอย่าเสียงดัง ท่านอ๋องกำลังจะออกศึกสำคัญเจ้าอย่าได้ให้เรื่องนี้หลุดรอดออกไป พิษนั้นเรื่องเล็กบ้านเมืองเรื่องใหญ่ต่อให้เขาไม่เคยรักข้าเลยแต่เราจะยอมให้เขามีกังวลเรื่องในจวน…ไม่ได้”
“เพคะ หม่อมฉันทราบแล้ว”
สองวันถัดมา
ท่านอ๋องจัดกองทัพเพื่อเตรียมจะเดินทางไปเมืองชุ่น ห่อยาที่นางให้ไปวันก่อนอยู่ในมือของเขา
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าเห็นพระชายาบ้างหรือไม่”
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันมาส่งพระองค์เพคะนี่เป็นเครื่องรางที่วัดหย่งไท่ซือ หม่อมฉัน...”
“อืม ขอบใจเจ้าสุขภาพไม่ค่อยดี พวกเจ้าพาชายารองเข้าไปพักเถอะ”
“เพคะท่านอ๋อง”
“เช่นนั้นหม่อมฉันขออวยพรให้พระองค์โชคดีนำชัยชนะกลับมาเหลียงโจวเพคะ”
ชายารองหันไปแล้วแต่เสียงที่ท่านอ๋องเอ่ยถามองครักษ์ประจำกายนั้นดังขึ้นมาตามหลังซึ่งนางได้ยินเต็มสองหู
“เจ้าไม่ได้แจ้งพระชายาหรอกหรือว่าข้าจะออกศึกในวันนี้ เหตุใดนางจึงไม่ออกมาส่งข้า”
“ลี่จินเซียน” กำหมัดแน่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางเดินกลับไปที่ตำหนักทันทีพร้อมกับสอบถามสาวใช้
“แน่ใจแล้วใช่หรือไม่ว่ามันจะลุกขึ้นมาไม่ได้”
“เพคะพระชายารองหม่อมฉันมั่นใจเพคะ”
“ดี จากนี้ยังไม่ต้องวางยามัน ปล่อยไปก่อนถ้ามันตายช่วงที่ท่านอ๋องไม่อยู่จวนจะยิ่งน่าสงสัย”
“เพคะ บ่าวทราบแล้ว”
ท่านอ๋องที่พะว้าพะวังเมื่อมองไปยังด้านหลังทางเข้าตำหนักของนาง เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อใดที่เขามักจะมองไปที่นั่นเสมอ แต่ก็ยังไม่มีเงาของเล่อชุนหลัน
“หรือนางจะไม่สบาย ข้าจะไปดูหน่อย!!”
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จวนจะได้เวลาแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่ว่านาง…”
“ท่านอ๋องเพคะ”
“เล่อชุนหลัน!! เหตุใดเจ้าเดินมาจากทางนี้”
ชุนหลันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อนางแอบเห็นแววตาดีใจของเขาแวบหนึ่งแต่ก็คิดว่าตาฝาดเพราะหลังจากนั้นท่าทีของบุรุษหนุ่มในชุดเกราะสีขาวนั้นก็นิ่งเฉยไปอีกครั้ง
“เหตุใดเจ้าจึงมาช้านัก”
“หม่อมฉันตื่นมาทำขนมเอาไว้ให้พระองค์ ตอนเดินทางจะได้ไม่หิวเพคะ จินถิงเอาออกมา”
สาวใช้ยื่นห่อขนมไปให้องครักษ์ของท่านอ๋องอย่างไม่เต็มใจจนเสิ่นกงนึกแปลกใจกับท่าทีนั้นแต่ท่านอ๋องกลับคว้าห่อผ้าในมือเสิ่นกงขึ้นมาเก็บเอาไว้เอง
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ห่อนั้นยังร้อนอยู่”
“ขอบใจเจ้ามากนะพระชายา ข้าไม่อยู่เจ้าเองก็…. ดูแลตัวเองด้วย รอข้ากลับมา”
เล่อชุนหลันเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง แต่สายตาของนางที่มองเขารู้สึกว่าจะเปลี่ยนไปมากแม้จะยังยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่อ่อนแรงเต็มที หรือว่านางจะป่วยจริง ๆ โดยที่เขาไม่รู้มาก่อน
“เพคะ ขอให้พระองค์นำชัยชนะกลับมาเหลียงโจวโดยเร็วนะเพคะ”
“เจ้าคนบ้าจวินซานหรง ท่านออกไปเลย”“แต่ว่าท้องของเจ้า...ไม่ปวดแล้วงั้นหรือ”“โอ๊ยย!! นี่ท่านไม่รู้จริง ๆ หรือว่าข้าต้องการบอกอะไรกับท่าน”“เร็วเข้าเจ้าบอกข้ามาว่าเจ็บตรงไหน แล้วเมื่อครู่ข้าก็กระแทกไปเยอะเสียด้วยสิ ไม่ได้ข้าว่าไปเรียกหมอหวังมาดีกว่ารอข้า...”“จวินซานหรงเจ้าคนซื่อบื้อหยุดนะ!!”จวินซานหรงที่ลุกจากเตียงต้องรีบหันมาทันที เขาเดินมานั่งข้าง ๆ ชุนหลันที่กำลังทำหน้าโมโหสุดขีดอย่างที่เขาไม่เคยเห็นและกำลังจะเริ่มร้องไห้ ไม่เข้าใจเลยว่าการที่เขาเป็นห่วงนางและจะรีบไปตามหมอนี่มันผิดตรงไหนแต่คนตรงหน้ากลับเริ่มร้องไห้เขาจึงต้องรีบซับน้ำตาให้นางก่อน“อาหลันข้าไม่ไปแล้ว ไม่ไปแล้วเจ้าอย่าร้องไห้นะบอกข้าสิว่าเจ็บตรงไหนข้าจะช่วยเจ้าเอง”“ท่านมันฉลาดทุกเรื่องแต่กลับโง่เรื่องนี้ ข้าไม่น่าแต่งงานกับท่านเลย”“ไม่ได้นะเจ้าอย่าพูดเช่นนี้ ใช้ได้ที่ไหนกันพึ่งจะเข้าหอกันคืนเดียวก็จะพูดแบบนี้เจ้าเป็นอะไรกันแน่บอกข้าเถอะข้าจะได้”“ข้าท้องเจ้าคนซื่อบื้อ”“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าปวดท้อง…. ข้ากำลังจะไปเรียก… อะไรนะอาหลัน เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่า…”“หึ ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์แล้ว จะนอน!!”“เดี๋ยวก่อน!! เดี๋ยวก่อนส
ห้องส่งตัวเล่อชุนหลันผล็อยหลับไปหลายครั้งและสะดุ้งอีกครั้งเมื่อประตูห้องเปิดและเสียงของคนด้านนอกที่มาส่ง นางจึงรู้ว่าได้เวลาที่เจ้าบ่าวจะเดินมาเปิดผ้าคลุมแล้ว“อาหลันเจ้ารอนานหรือไม่ ข้ามาแล้ว”จวินซานหรงเดินมาพร้อมกับจับไม้มงคลและเดินไปที่เจ้าสาวก่อนจะค่อย ๆ เปิดออกมา ใบหน้าของเจ้าสาวที่แต่งแต้มด้วยชาดสีแดงสดตรงหน้าทำให้เขารู้สึกตกตะลึงไปนิดหน่อยเพราะเขาไม่เคยเห็นเล่อชุนหลันแต่งหน้าด้วยสีจัดจ้านและงดงามเช่นนี้มาก่อน“อาหลันวันนี้เจ้างดงามราวโบตั๋นในอุทยานหลวง”“จวินซานหรงท่านเมาแล้ว”“ข้าดื่มมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เมาถึงขนาดมองเจ้าผิดหรอก ปกติเจ้าก็งดงามอยู่แล้ว”“ช่างปากหวานเสียจริง”“ข้าช่วยเจ้าถอดเครื่องประดับดีหรือไม่เจ้าคงหนักแล้วสินะ”“ไหล่ข้าปวดไปหมดแล้วเพคะ ชุดนี้หนักมากจริง ๆ ไหนจะเครื่องประดับนี่อีก”จวินซานหรงเพียงแค่ยิ้มและค่อย ๆ ช่วยนางถอดเครื่องประดับ ถ้าจะพูดให้ถูกคือเขาพยายามจะถอดชุดของนางต่างหาก“ซานหรงท่านไม่ต้องเลยนะ ท่านบอกจะมาช่วยถอดแต่นี่กลับเอาแต่ถอดชุดของข้า ท่านไปจัดการตัวเองเลยไป”“แต่ว่าชุดนี้มันดูจะสวมยากแล้วก็หลายชั้น ข้าคิดว่าคงจะเสียเวลานานที่จะถอด
มู่หรงเฉิงยิ้มค้างและหันมามองใบหน้าของผู้ที่พูดให้ชัด ๆ เขารู้เพียงว่าที่สกุลเล่อมีหมอมาพักอยู่ด้วยเป็นสตรี แต่ก็ไม่ได้คิดว่านางจะเกี่ยวข้องอะไรกับเขาแต่เมื่อมองเช่นนี้นางก็ช่างละม้ายคล้ายกับน้องสาวแท้ ๆ ของเขาอยู่หลายส่วน“เจ้า…. เจ้าคือ…”“ข้า… หวังเจียวเมิ่ง อ้อ จริงสิข้ามีนี่ด้วยท่านดูสิ”นางหยิบกำไลข้อมมือสีเงินที่นางเก็บเอาไว้เป็นอย่างดีออกมาและยื่นให้เขาดู มู่หรงเฉิงเมื่อเห็นกำไลข้อมือนี้เขาก็น้ำตาไหลลงมาทันที“กำไลของท่านแม่ เป็นสิ่งเดียวที่ท่านเหลืออยู่เพื่อให้ข้าเอาไว้ยืนยันตัวเองเมื่อเจอท่าน”“กำไลนี้… เป็นของท่านแม่ของข้า…เช่นนั้นเจ้า…”สองคนที่ยืนร้องไห้จนตาแดงมองสบตากันและกันด้วยความแปลกใจ ดีใจจนไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ มู่หรงเฉิงมองไปที่กำไลไม่หยุด หวังเจียวเมิ่งหันมาเรียกเขาอีกครั้ง“พี่ใหญ่!! ข้าตามหาท่านมานานหลายเดือน ในที่สุดข้าก็พบท่าน”“น้องเล็ก เป็นเจ้าจริง ๆ เมิ่งเอ๋อร์ของพี่”มู่หรงเฉิงเดินมากอดนางเอาไว้แน่น หวังเจียวเมิ่งเองก็กอดเขากลับพร้อมกับร้องไห้โฮออกมาสุดเสียงเพราะความดีใจ มู่หรงเฉิงนั้นค่อย ๆ สงบสติอารมณ์เอาไว้ได้ก่อนจะค่อย ๆ คลายอ้อมกอดของน้องสาว
“ท่านว่าอะไรนะ… ละ ลี่จินเซียนงั้นหรือ”เล่อชุนหลันค่อย ๆ ทรุดตัวอย่างหมดแรง ซานหรงค่อย ๆ พยุงนางลงมานั่งและจับมือนางเอาไว้เพราะเขารู้ดีว่านางคงต้องตกใจมากดังนั้นเมื่อจางหลิงรีบมาบอกข่าว เขาก็รีบตามมาเพราะรู้ว่านางจะต้องอยากไปที่จวนอ๋อง“นาง… ตายแล้วหรือเพคะ ทำไมกัน”“ลี่จินเซียนไปหาเรื่องหวังเจียวเมิ่งถึงในตำหนักกลางและไปพบหวังเจียวเมิ่งที่กำลังดูแลน้องแปดอยู่ นางทนไม่ไหวจึงได้ดึงตัวหวังเจียวเมิ่งออกมาหวังจะทำร้าย น้องแปดดึงพวกนางแยกออกจากกัน ลี่จินเซียนล้มลงกับพื้นและวิ่งเข้าหาพวกเขาอีกครั้งแต่พวกเขาหลบทัน นางจึงพุ่งไปชนกับหน้าต่างและพลัดตกลงมาชั้นล่าง”“คิดไม่ถึงเลยว่านางจะพบจุดจบเช่นนี้ แล้วนี่ร่างของนาง…”“น้องแปดสั่งให้คนนำไปฝังที่สุสานสกุลลี่นอกเมืองแล้ว และให้กรมวังแจ้งว่านางป่วยตาย”“แล้วเจียวเมิ่ง!!”“เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนหวังเจียวเมิ่งปลอดภัยดี ทุกคนไม่มีผู้ใดบาดเจ็บเจ้าต้องตั้งสติก่อนนะ ที่ข้ายังไม่ให้เจ้าไปที่นั่นในตอนนี้เพราะศพของสนมลี่ยังไม่ได้ถูกนำออกไป ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเห็นภาพไม่งามเช่นนั้น อยากให้เจ้าจดจำนางเอาไว้ด้วยภาพที่ดีก็พอแล้ว”“ข้า… เข้าใจแล้วเพคะ ลี่จินเซียนคิ
หวังเจียวเมิ่งพยักหน้ารับและเริ่มใช้มีดเงินด้ามเล็กเริ่มกรีดไปที่ข้อมือของท่านอ๋องในทันที เมื่อเริ่มกรีดเลือดสีดำก็พุ่งออกมาจนเปื้อนชุดของหวังเจียวเมิ่งแต่นางไม่ใส่ใจที่จะเช็ดและกำลังตั้งใจบีบเลือดพิษออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชุนหลันหยิบผ้ามาเช็ดเลือดที่ติดตามใบหน้าของเจียวเมิ่งออกให้อย่างเบามือ“ขอบคุณพี่ชุนหลัน”“อยากได้สิ่งใดก็บอกมาข้าจะได้ช่วยหยิบให้”“ท่านช่วยหยิบชามใบใหม่มาให้ข้าทีเจ้าค่ะ”“ได้”เมื่ออยู่ตรงนี้นางจึงเข้าใจความรู้สึกของหวังเจียวเมิ่ง การตัดสินใจในการรักษาคนในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้นช่างไม่ง่ายเลย ไม่นานเลือดพิษก็ถูกรีดออกมาจนหมด นางค่อย ๆ ทำแผลให้ท่านอ๋องและเดินออกมาพักผ่อน ชุนหลันเทน้ำให้เจียวเมิ่งดื่มจนหมดก่อนจะนั่งข้าง ๆ ด้วยความหมดแรง“ท่านอ๋องปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ”ท่ามกลางความโล่งอกของทุกคนในห้องที่เหนื่อยวิ่งเตรียมของ เสิ่นกงแทบจะทรุดลงกับพื้น ตอนนี้จวินซานหรงค่อย ๆ ดึงผ้าห่มมาห่มให้ท่านอ๋อง เสิ่นปาเดินเข้ามาพร้อมกับยาที่พึ่งต้มเสร็จ“องค์รัชทายาท ยาต้มเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจมาก… น้องแปด เจ้าลุกไหวหรือไม่ดื่มยานี่ก่อน”หยางอี้เหรินค่อย ๆ ลุกข
ทั้งสองเดินกลับมาที่ค่ายก็พึ่งจะเห็นว่าท่านอ๋องและองค์รัชทายาทนั่งรอพวกนางอยู่ที่หน้ากระโจม เมื่อเห็นพวกนางพวกเขาต่างก็ดึงแต่ละคนเข้ามาถาม“เจ้าไปที่ใดมาอาหลันหายไปเสียนานข้าเป็นห่วง”“ได้เวลาที่ข้าจะกินยาแล้วเจ้ามัวเหลวไหลไปที่ใดมาหากพิษกำเริบเจ้าต้องรับผิดชอบ”ชุนหลันหันมามองเจียวเมิ่งที่ทำหน้าตกใจและยิ้มออกมา เจียวเมิ่งหันมามองหน้าชุนหลันที่หันมายิ้มให้ เจียวเมิ่งจึงยิ้มตอบและพยักหน้าพร้อมกับจับแขนท่านอ๋องและพาเดินกลับไปที่กระโจม“นี่เจ้าดึงข้าทำไม”“ท่านอ๋องบอกว่าได้เวลาดื่มยาแล้วนี่เพคะ จะมัวมานั่งเล่นอยู่แถวนี้ให้ลมโกรกจนป่วยเพิ่มทำไม หม่อมฉันจะรีบไปเตรียมยาให้”“ต้องเตรียมกรีดนิ้วอีกแล้วงั้นหรือ วันนี้พักไม่ได้หรือ”“ไม่ได้”“งั้นเจ้าต้องทำยาชาเอาไว้ให้ข้า บ๊วยด้วยอย่าลืมล่ะ”“พูดมากจริงรีบตามมา”“นี่!! ข้าเป็นแม่ทัพนะ”“เพคะ ๆ ทราบแล้ว”“ข้า!! หึ เผด็จการชัด ๆ แม้แต่ข้าที่เป็นแม่ทัพก็ไม่ละเว้นสักนิด”ท่านอ๋องเดินตามหวังเจียวเมิ่งเข้าไปในกระโจมแล้ว ชุนหลันหันไปยิ้มให้กับทั้งคู่อย่างจริงใจ ซานหรงหันมามองตามนางก่อนจะเอ่ยถาม“เจ้าคงไม่โกรธน้องสี่ที่พูดเรื่ององค์หญิงอานฉวนหรอกนะเพร