รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วงนั้นทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจอย่างน่าประหลาด และไม่ใช่ความอุ่นจากขนมที่เขารับมาอย่างแน่นอน รอยยิ้มของนางทำให้เขารู้สึกไม่อยากนำทัพออกไปแต่ก็ต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งเพราะในสายตาของเขานางยังคงเป็นสตรีที่เสแสร้งเก่งไม่ต่างจากวันวานที่เคยรู้จัก เขาจะไม่มีวันตกหลุมพรางนี้โดยเด็ดขาด
“เคลื่อนทัพ!!”
คำสั่งสุดท้ายดังขึ้นพร้อมกับกลองรัวที่ดังอยู่ด้านหน้า เล่อชุนหลันตกใจจนเกือบหลุดอาการออกมา จินถิงรีบรับนางเอาไว้ท่านอ๋องตกพระทัยเล็กน้อยเมื่อเห็นนางยกมือขึ้นมาปิดที่ปากและรีบหันกลับไป
“เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเถอะ เสียงกลองอาจจะทำให้ตกใจได้ พาพระชายากลับเข้าไปในตำหนักเถอะ”
“เพคะท่านอ๋อง”
นางย่อคำนับและรีบเดินกลับเข้าไปในตำหนักทันที แม้ว่าเขานึกสงสัยแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว เขาจึงนำทัพเดินทางออกเมืองเหลียงโจวในทันที
หกเดือนผ่านไป
ศึกชายแดนยืดเยื้อกว่าที่คิดมากนัก จนในที่สุดในตอนเที่ยงของวันที่ฝนกำลังจะหยุดตก ราชสำนักก็ได้รับข่าวดีว่าท่านอ๋องทรงชนะศึกและกำลังเดินทางกลับเมืองเหลียงโจว
“พระชายาเพคะ ท่านอ๋องกำลังจะกลับมาแล้วเพคะ”
“จริงหรือ แคก แคก”
“พระชายาเพคะ”
“ไม่เป็นไร เร็วเข้ารีบมาผัดหน้าให้ข้า เอาเข้มมากพอที่จะปกปิด…ผิวหน้าที่….”
“พระชายาเพคะ พระองค์ยังเป็นหวัดอยู่ไม่ต้องออกไปรับเสด็จก็ได้กระมังเพคะ”
“ไม่ได้ ท่านอ๋องกลับมาพร้อมชัยชนะ ข้าในฐานะพระชายาหากว่าไม่ไปเจ้าคิดว่าผู้อื่นจะคิดเช่นไรกับสกุลเล่อ เหล่าขุนนางจะคิดเช่นไรกับท่านพ่อของข้า ในตอนนี้มีแต่ผู้ที่ต้องการให้บิดาของลี่จินเซียน…รับตำแหน่ง….”
“พระชายาเพคะ”
“ช่างเถอะ ไข้หวัดเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเป็นกันอยู่แล้วรีบแต่งตัวให้ข้าเถอะ วันนี้อากาศดีฝนพึ่งหยุดตกช่างเป็นวันที่ดียิ่งนัก”
เล่อชุนหลันเดินก้าวเท้าออกจากตำหนักเพื่อไปรอรับเสด็จท่านอ๋องยังหน้าตำหนักใหญ่ซึ่งที่นั่นมีพระชายารองรออยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่อเห็นนางแทนที่ชายารองจะความเคารพตามธรรมเนียมแต่ไม่เลย นางเพียงแค่เอ่ยทักทายเท่านั้น
“ท่านพี่ นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าท่านจะมีแรงเดินออกมารับท่านอ๋องด้วย ข้าคิดว่า…”
“ชายารองท่านหมายความว่าอย่างไร!!”
“จินถิง เงียบเถอะ”
“พระชายาเพคะ”
“เป็นแค่สาวใช้ยังกล้าตีฝีปากกับข้า พวกเจ้าสั่งสอนนางแทนข้าทีสิ”
“หยุดนะ สาวใช้ของข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้าสั่งสอน”
“ท่านพี่ นี่ท่านคิดจะ….”
“ท่านอ๋องเสด็จแล้ว”
“มาแล้ว ๆ กองทัพมาถึงด้านหน้าแล้ว!!”
เล่อชุนหันได้ยินเสียงแตรที่ให้สัญญาณเมื่อกองทัพและเหล่าอาชาศึกค่อย ๆ เคลื่อนพลเข้ามา รอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมาหลายเดือนเริ่มฉายแววมากขึ้นเมื่อกองทัพเริ่มเคลื่อนขบวนพร้อมกับธงที่โบกสะบัดอยู่ในมือขุนศึกผู้กล้า เมื่อกองทัพเคลื่อนเข้ามา รอยยิ้มที่มีก็เริ่มลดลงจนกลายเป็นคิดไม่ถึง
“อะไรกัน นางคือผู้ใดกัน!!”
สตรีในชุดสีขาวที่มากับท่านอ๋อง นางนั่งม้าตัวเดียวกันกับเขาเคลื่อนเข้ามาจนถึงด้านหน้าและค่อย ๆ เคลื่อนมายังตำหนักท่านอ๋อง
“แม้แต่ในยามนี้ท่านก็ยังทำร้ายจิตใจข้าไม่หยุดยั้ง หยางอี้เหรินข้ารู้สึกเหนื่อยเหลือเกินแล้ว”
เล่อชุนหลันรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อนางเห็นว่ามีสตรีอยู่บนหลังม้านั่งมากับเขาท่ามกลางความยินดีของเหล่าชาวเมืองเหลียงโจว
“จินถิงข้าเหนื่อยแล้ว อยากกลับเข้าไปพักผ่อน”
“ท่านพี่!! นี่ท่านจะมองอยู่เฉย ๆ เช่นนี้น่ะหรือเพคะ!!”
เสียงที่โกรธจัดของพระชายารองลี่จินเซียนแผดขึ้นทำให้ชุนหลันยิ่งปวดหัวหนักกว่าเดิม แต่นางไม่ต้องการเห็นไม่อยากรับฟังและได้ยินอะไรอีกแล้ว จินถิงและสาวใช้ในตำหนักค่อย ๆ พยุงนางกลับไปที่ตำหนัก
ท่านอ๋องที่มองเห็นรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยที่พระชายาไม่ทันจะต้อนรับเขาก็เดินกลับเข้าไป มีเพียงชายารองที่ยืนปั้นหน้าด้วยยิ้มท่าทางประหลาดเต็มทีอยู่หน้าตำหนักเพื่อรอเขา
“ถวายบังคมท่านอ๋องเพคะ ยินดีด้วยที่ชนะการศึกกลับมาเพคะ”
“อืม ขอแนะนำ ผู้นี้คือแม่นาง “หวังเจียวเมิ่ง” นางเป็นหมอที่เก่งกาจมากและตอนทำศึกครั้งนี้นางได้ช่วยกองทัพเอาไว้หลายครั้งดังนั้น…”
“ท่านอ๋องเพคะ พระองค์ทรงเหนื่อยแล้วรีบกลับเข้า…”
“ชายารองเจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดงั้นหรือ เจ้ากล้าดีเช่นไรพูดขัดจังหวะข้า!!”
ลี่จินเซียนถึงกับตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของท่านอ๋องที่กล้าตำหนินางต่อหน้าเหล่าทหารและกองทัพ อีกทั้งสตรีที่พึ่งมากับเขาก็เห็นได้ชัดว่านางผู้นั้นลอบยิ้มอย่างพอใจอยู่ด้านหลังท่านอ๋อง
“หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ แต่ว่า…”
“หึ พระชายาไปไหนเหตุใดยังไม่ทันได้มาต้อนรับก็กลับเข้าไปในตำหนัก”
“นะ…นาง…ช่วงนี้พระชายาเป็นไข้หวัดเพคะ หม่อมฉันเองก็เตือนท่านพี่แล้วว่าอย่าได้ออกมาจะได้…สุดท้ายนางก็ทนยืนไม่ไหวก็เลย….”
“เอาล่ะ ท่านหมอหวังข้าคงต้องรบกวนให้ท่านพักที่นี่ก่อน เสิ่นปา เสิ่นกง ให้คนจัดหาที่พักให้นางด้วย”
""พ่ะย่ะค่ะ""
“อะไรนะเพคะท่านอ๋อง ให้นางพักที่นี่งั้นหรือเพคะนางจะมาพักนานหรือไม่แล้วนางมาในฐานะอันใดเพคะ”
“พระชายารองพ่ะย่ะค่ะ….”
ท่านอ๋องหันไปด้วยสายตาที่ดุดัน เหี้ยมเกรียมที่ไม่เคยใช้มองนางมาก่อนเมื่อนางกล้าถามเขาเช่นนี้
“ข้าไม่จำเป็นต้องรายงานเรื่องนี้กับเจ้าทุกเรื่อง ทหาร!! ตามข้าเข้าวัง!!”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ชุนหลันได้รับข่าวจากเสิ่นปา องครักษ์ส่วนพระองค์ของท่านอ๋องแล้วว่าจะมีแขกมาพักด้วยนางเป็นท่านหมอหญิงที่ช่วยเหลือกองทัพที่ช่วยท่านอ๋องและเหล่าทหารเอาไว้
“รู้แล้ว ข้าจะสั่งให้คนจัดที่พักให้นางตามคำสั่งท่านอ๋อง”
“พระชายาเพคะ แต่ว่าพระองค์…ยังไม่หายดี”
“แขกของท่านอ๋องต้องดูแลนางให้ดี”
“พระชายา…”
“เจ้าไปเอาเสื้อคลุมมาให้ข้าแล้วรีบตามมา”
จินถิงส่งสายตาโกรธมาให้องครักษ์หนุ่มข้างกายท่านอ๋อง นางไม่พอใจอย่างที่สุด เสิ่นปาและเสิ่นกงนั้นคุ้นเคยกับสายตาของสาวใช้ผู้นี้ดี และพวกเขาต่างก็เข้าใจที่นางจะโกรธด้วย
เรือนรับรองแขก
“ถวายบังคมพระชายา”
“ท่านหมอตามสบายเถิด ข้าจัดที่พักให้แล้วหากว่าเจ้ามีสิ่งใดที่ต้องการเพิ่มก็แจ้งสาวใช้ได้ หากว่าไม่สะดวกสิ่งใดก็ให้คนมาแจ้งข้าส่วนรถม้าและองครักษ์ข้าจะให้เสิ่นปาจัดการให้เจ้าหากเจ้ามีธุระจะออกไปนอกจวน”
“ขอบพระทัยพระชายาเพคะ”
นางยิ้มให้หมอหญิงอย่างรวยรินเต็มทีและเดินกลับมาที่ตำหนักทั้งความโกรธและไม่พอใจของจินถิงที่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพระชายาต้องไปดูแลหมอหญิงผู้นั้นด้วย
“เจ้าอย่าได้โกรธไปเลย เรามีหน้าที่ต้องดูแลในฐานะที่นางเป็นแขกของท่านอ๋อง”
“แต่ว่าท่านก็ป่วยอยู่นะเพคะ”
“ตัวข้าน่ะแทบจะไม่มีความรู้สึกเจ็บอะไรแล้ว รู้สึกราวกับว่ามันเจ็บซ้ำ ๆ จนแทบจะไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำให้เขาได้ในฐานะพระชายา”
“ไม่นะเพคะพระชายาอย่าทรงตรัสเช่นนี้เลยนะเพคะ พระองค์จะต้องหายดีในเร็ววันนะเพคะ เพียงแค่ไข้หวัดเท่านั้นมิอาจจะทำร้ายพระองค์ได้หรอกเพคะ”
ชุนหลันหันมายิ้มและลูบศีรษะสาวใช้เคียงกายด้วยความเอ็นดูอีกครั้ง นางเป็นคนที่อยู่ใกล้ชิดชุนหลันที่สุดทุกเวลา แต่ในยามนี้นางรู้แล้วว่าต่อให้ทำดีเพียงใด ผู้ที่ไม่รักทำอย่างไรก็มิอาจรักนางได้
“ไข้ของข้าเป็นไข้ใจที่ไม่มีหมอคนใดสามารถรักษาให้หายได้หรอกจินถิง และข้า…ก็จะไม่เสียเวลาที่จะรักษามันอีกต่อไปแล้ว”
“เจ้าคนบ้าจวินซานหรง ท่านออกไปเลย”“แต่ว่าท้องของเจ้า...ไม่ปวดแล้วงั้นหรือ”“โอ๊ยย!! นี่ท่านไม่รู้จริง ๆ หรือว่าข้าต้องการบอกอะไรกับท่าน”“เร็วเข้าเจ้าบอกข้ามาว่าเจ็บตรงไหน แล้วเมื่อครู่ข้าก็กระแทกไปเยอะเสียด้วยสิ ไม่ได้ข้าว่าไปเรียกหมอหวังมาดีกว่ารอข้า...”“จวินซานหรงเจ้าคนซื่อบื้อหยุดนะ!!”จวินซานหรงที่ลุกจากเตียงต้องรีบหันมาทันที เขาเดินมานั่งข้าง ๆ ชุนหลันที่กำลังทำหน้าโมโหสุดขีดอย่างที่เขาไม่เคยเห็นและกำลังจะเริ่มร้องไห้ ไม่เข้าใจเลยว่าการที่เขาเป็นห่วงนางและจะรีบไปตามหมอนี่มันผิดตรงไหนแต่คนตรงหน้ากลับเริ่มร้องไห้เขาจึงต้องรีบซับน้ำตาให้นางก่อน“อาหลันข้าไม่ไปแล้ว ไม่ไปแล้วเจ้าอย่าร้องไห้นะบอกข้าสิว่าเจ็บตรงไหนข้าจะช่วยเจ้าเอง”“ท่านมันฉลาดทุกเรื่องแต่กลับโง่เรื่องนี้ ข้าไม่น่าแต่งงานกับท่านเลย”“ไม่ได้นะเจ้าอย่าพูดเช่นนี้ ใช้ได้ที่ไหนกันพึ่งจะเข้าหอกันคืนเดียวก็จะพูดแบบนี้เจ้าเป็นอะไรกันแน่บอกข้าเถอะข้าจะได้”“ข้าท้องเจ้าคนซื่อบื้อ”“ข้ารู้แล้วว่าเจ้าปวดท้อง…. ข้ากำลังจะไปเรียก… อะไรนะอาหลัน เมื่อครู่นี้เจ้าบอกว่า…”“หึ ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์แล้ว จะนอน!!”“เดี๋ยวก่อน!! เดี๋ยวก่อนส
ห้องส่งตัวเล่อชุนหลันผล็อยหลับไปหลายครั้งและสะดุ้งอีกครั้งเมื่อประตูห้องเปิดและเสียงของคนด้านนอกที่มาส่ง นางจึงรู้ว่าได้เวลาที่เจ้าบ่าวจะเดินมาเปิดผ้าคลุมแล้ว“อาหลันเจ้ารอนานหรือไม่ ข้ามาแล้ว”จวินซานหรงเดินมาพร้อมกับจับไม้มงคลและเดินไปที่เจ้าสาวก่อนจะค่อย ๆ เปิดออกมา ใบหน้าของเจ้าสาวที่แต่งแต้มด้วยชาดสีแดงสดตรงหน้าทำให้เขารู้สึกตกตะลึงไปนิดหน่อยเพราะเขาไม่เคยเห็นเล่อชุนหลันแต่งหน้าด้วยสีจัดจ้านและงดงามเช่นนี้มาก่อน“อาหลันวันนี้เจ้างดงามราวโบตั๋นในอุทยานหลวง”“จวินซานหรงท่านเมาแล้ว”“ข้าดื่มมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เมาถึงขนาดมองเจ้าผิดหรอก ปกติเจ้าก็งดงามอยู่แล้ว”“ช่างปากหวานเสียจริง”“ข้าช่วยเจ้าถอดเครื่องประดับดีหรือไม่เจ้าคงหนักแล้วสินะ”“ไหล่ข้าปวดไปหมดแล้วเพคะ ชุดนี้หนักมากจริง ๆ ไหนจะเครื่องประดับนี่อีก”จวินซานหรงเพียงแค่ยิ้มและค่อย ๆ ช่วยนางถอดเครื่องประดับ ถ้าจะพูดให้ถูกคือเขาพยายามจะถอดชุดของนางต่างหาก“ซานหรงท่านไม่ต้องเลยนะ ท่านบอกจะมาช่วยถอดแต่นี่กลับเอาแต่ถอดชุดของข้า ท่านไปจัดการตัวเองเลยไป”“แต่ว่าชุดนี้มันดูจะสวมยากแล้วก็หลายชั้น ข้าคิดว่าคงจะเสียเวลานานที่จะถอด
มู่หรงเฉิงยิ้มค้างและหันมามองใบหน้าของผู้ที่พูดให้ชัด ๆ เขารู้เพียงว่าที่สกุลเล่อมีหมอมาพักอยู่ด้วยเป็นสตรี แต่ก็ไม่ได้คิดว่านางจะเกี่ยวข้องอะไรกับเขาแต่เมื่อมองเช่นนี้นางก็ช่างละม้ายคล้ายกับน้องสาวแท้ ๆ ของเขาอยู่หลายส่วน“เจ้า…. เจ้าคือ…”“ข้า… หวังเจียวเมิ่ง อ้อ จริงสิข้ามีนี่ด้วยท่านดูสิ”นางหยิบกำไลข้อมมือสีเงินที่นางเก็บเอาไว้เป็นอย่างดีออกมาและยื่นให้เขาดู มู่หรงเฉิงเมื่อเห็นกำไลข้อมือนี้เขาก็น้ำตาไหลลงมาทันที“กำไลของท่านแม่ เป็นสิ่งเดียวที่ท่านเหลืออยู่เพื่อให้ข้าเอาไว้ยืนยันตัวเองเมื่อเจอท่าน”“กำไลนี้… เป็นของท่านแม่ของข้า…เช่นนั้นเจ้า…”สองคนที่ยืนร้องไห้จนตาแดงมองสบตากันและกันด้วยความแปลกใจ ดีใจจนไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ มู่หรงเฉิงมองไปที่กำไลไม่หยุด หวังเจียวเมิ่งหันมาเรียกเขาอีกครั้ง“พี่ใหญ่!! ข้าตามหาท่านมานานหลายเดือน ในที่สุดข้าก็พบท่าน”“น้องเล็ก เป็นเจ้าจริง ๆ เมิ่งเอ๋อร์ของพี่”มู่หรงเฉิงเดินมากอดนางเอาไว้แน่น หวังเจียวเมิ่งเองก็กอดเขากลับพร้อมกับร้องไห้โฮออกมาสุดเสียงเพราะความดีใจ มู่หรงเฉิงนั้นค่อย ๆ สงบสติอารมณ์เอาไว้ได้ก่อนจะค่อย ๆ คลายอ้อมกอดของน้องสาว
“ท่านว่าอะไรนะ… ละ ลี่จินเซียนงั้นหรือ”เล่อชุนหลันค่อย ๆ ทรุดตัวอย่างหมดแรง ซานหรงค่อย ๆ พยุงนางลงมานั่งและจับมือนางเอาไว้เพราะเขารู้ดีว่านางคงต้องตกใจมากดังนั้นเมื่อจางหลิงรีบมาบอกข่าว เขาก็รีบตามมาเพราะรู้ว่านางจะต้องอยากไปที่จวนอ๋อง“นาง… ตายแล้วหรือเพคะ ทำไมกัน”“ลี่จินเซียนไปหาเรื่องหวังเจียวเมิ่งถึงในตำหนักกลางและไปพบหวังเจียวเมิ่งที่กำลังดูแลน้องแปดอยู่ นางทนไม่ไหวจึงได้ดึงตัวหวังเจียวเมิ่งออกมาหวังจะทำร้าย น้องแปดดึงพวกนางแยกออกจากกัน ลี่จินเซียนล้มลงกับพื้นและวิ่งเข้าหาพวกเขาอีกครั้งแต่พวกเขาหลบทัน นางจึงพุ่งไปชนกับหน้าต่างและพลัดตกลงมาชั้นล่าง”“คิดไม่ถึงเลยว่านางจะพบจุดจบเช่นนี้ แล้วนี่ร่างของนาง…”“น้องแปดสั่งให้คนนำไปฝังที่สุสานสกุลลี่นอกเมืองแล้ว และให้กรมวังแจ้งว่านางป่วยตาย”“แล้วเจียวเมิ่ง!!”“เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนหวังเจียวเมิ่งปลอดภัยดี ทุกคนไม่มีผู้ใดบาดเจ็บเจ้าต้องตั้งสติก่อนนะ ที่ข้ายังไม่ให้เจ้าไปที่นั่นในตอนนี้เพราะศพของสนมลี่ยังไม่ได้ถูกนำออกไป ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเห็นภาพไม่งามเช่นนั้น อยากให้เจ้าจดจำนางเอาไว้ด้วยภาพที่ดีก็พอแล้ว”“ข้า… เข้าใจแล้วเพคะ ลี่จินเซียนคิ
หวังเจียวเมิ่งพยักหน้ารับและเริ่มใช้มีดเงินด้ามเล็กเริ่มกรีดไปที่ข้อมือของท่านอ๋องในทันที เมื่อเริ่มกรีดเลือดสีดำก็พุ่งออกมาจนเปื้อนชุดของหวังเจียวเมิ่งแต่นางไม่ใส่ใจที่จะเช็ดและกำลังตั้งใจบีบเลือดพิษออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชุนหลันหยิบผ้ามาเช็ดเลือดที่ติดตามใบหน้าของเจียวเมิ่งออกให้อย่างเบามือ“ขอบคุณพี่ชุนหลัน”“อยากได้สิ่งใดก็บอกมาข้าจะได้ช่วยหยิบให้”“ท่านช่วยหยิบชามใบใหม่มาให้ข้าทีเจ้าค่ะ”“ได้”เมื่ออยู่ตรงนี้นางจึงเข้าใจความรู้สึกของหวังเจียวเมิ่ง การตัดสินใจในการรักษาคนในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้นช่างไม่ง่ายเลย ไม่นานเลือดพิษก็ถูกรีดออกมาจนหมด นางค่อย ๆ ทำแผลให้ท่านอ๋องและเดินออกมาพักผ่อน ชุนหลันเทน้ำให้เจียวเมิ่งดื่มจนหมดก่อนจะนั่งข้าง ๆ ด้วยความหมดแรง“ท่านอ๋องปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ”ท่ามกลางความโล่งอกของทุกคนในห้องที่เหนื่อยวิ่งเตรียมของ เสิ่นกงแทบจะทรุดลงกับพื้น ตอนนี้จวินซานหรงค่อย ๆ ดึงผ้าห่มมาห่มให้ท่านอ๋อง เสิ่นปาเดินเข้ามาพร้อมกับยาที่พึ่งต้มเสร็จ“องค์รัชทายาท ยาต้มเสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบใจมาก… น้องแปด เจ้าลุกไหวหรือไม่ดื่มยานี่ก่อน”หยางอี้เหรินค่อย ๆ ลุกข
ทั้งสองเดินกลับมาที่ค่ายก็พึ่งจะเห็นว่าท่านอ๋องและองค์รัชทายาทนั่งรอพวกนางอยู่ที่หน้ากระโจม เมื่อเห็นพวกนางพวกเขาต่างก็ดึงแต่ละคนเข้ามาถาม“เจ้าไปที่ใดมาอาหลันหายไปเสียนานข้าเป็นห่วง”“ได้เวลาที่ข้าจะกินยาแล้วเจ้ามัวเหลวไหลไปที่ใดมาหากพิษกำเริบเจ้าต้องรับผิดชอบ”ชุนหลันหันมามองเจียวเมิ่งที่ทำหน้าตกใจและยิ้มออกมา เจียวเมิ่งหันมามองหน้าชุนหลันที่หันมายิ้มให้ เจียวเมิ่งจึงยิ้มตอบและพยักหน้าพร้อมกับจับแขนท่านอ๋องและพาเดินกลับไปที่กระโจม“นี่เจ้าดึงข้าทำไม”“ท่านอ๋องบอกว่าได้เวลาดื่มยาแล้วนี่เพคะ จะมัวมานั่งเล่นอยู่แถวนี้ให้ลมโกรกจนป่วยเพิ่มทำไม หม่อมฉันจะรีบไปเตรียมยาให้”“ต้องเตรียมกรีดนิ้วอีกแล้วงั้นหรือ วันนี้พักไม่ได้หรือ”“ไม่ได้”“งั้นเจ้าต้องทำยาชาเอาไว้ให้ข้า บ๊วยด้วยอย่าลืมล่ะ”“พูดมากจริงรีบตามมา”“นี่!! ข้าเป็นแม่ทัพนะ”“เพคะ ๆ ทราบแล้ว”“ข้า!! หึ เผด็จการชัด ๆ แม้แต่ข้าที่เป็นแม่ทัพก็ไม่ละเว้นสักนิด”ท่านอ๋องเดินตามหวังเจียวเมิ่งเข้าไปในกระโจมแล้ว ชุนหลันหันไปยิ้มให้กับทั้งคู่อย่างจริงใจ ซานหรงหันมามองตามนางก่อนจะเอ่ยถาม“เจ้าคงไม่โกรธน้องสี่ที่พูดเรื่ององค์หญิงอานฉวนหรอกนะเพร