“เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะ ไม่ร้องนะ หมิงเอ๋อร์ของแม่เป็นอะไร” เสวียนหนี่ทำอะไรไม่ถูกเมื่อบุตรชายร้องไห้โฮต่อหน้าต่อตา ทั้งยังมึนงงกับคำพูดราวกับว่านางมาเพื่อกล่าวโทษเขาเช่นนั้น ครั้นจะเข้าไปกอดปลอบเจ้าตัวก็คอยแต่ถอยห่าง“ฮือออ ท่านแม่บอกมาเถอะขอรับ ลูกจะปรับปรุงตัวทุกอย่าง เพราะฉะนั้นอย่าโมโหแล้วทำหน้าน่ากลัวเลยขอรับ” ท่านแม่ยิ้มเหมือนจะเข้ามาบีบคอเขาเลยคนต้นเรื่องหุบยิ้มฉับทันทีที่บุตรชายพูดจบ นางหรือก็คิดว่าตนเองทำดีแล้วเสียอีก กลับกลายเป็นว่ายิ้มหวาน ๆ นั่น คือการแยกเขี้ยวใส่ไปได้อย่างไร ต่อไปนี้ข้าจะฝึกยิ้มก่อนออกจากเรือนทุกครั้งเลยคอยดูเพราะเสียงร้องไห้ของนายน้อยดังมาแต่ไกล ทำให้พี่เลี้ยงสาวที่เพิ่งจะเดินกลับมาจากทำธุระส่วนตัวต้องรีบสาวเท้าให้เรือนโดยเร็ว เมื่อมาถึงก็ต้องตกใจฮูหยินหนี่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าคุณชายน้อย อีกทั้งคุณชายก็เอาแต่ร้องไห้ตัวสั่น ระหว่างที่ตนไม่อยู่จะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ไม่ได้การนางต้องปกป้องคนสำคัญจากสตรีใจร้ายผู้นี้จื่อซีปราดเข้าไปดึงตัวคุณชายน้อยกอดเอาไว้แนบอก กั้นกลางระหว่างสองแม่ลูกใช้ตนเองเป็นเกราะกำบังปกป้องคุณชายไม่ให้ถูกทำร้าย หากเกิดอะไรขึ้นนางก็พร้
เสวียนหนี่พร้อมกับสาวใช้มุ่งหน้าไปเรือนปีกซ้าย ซึ่งอยู่ห่างจากเรือนใหญ่ไม่มากนัก ระหว่างทางเดินจึงได้เห็นว่าสระที่เคยมีดอกบัวชูช่อเมื่อหลายวันก่อน บัดนี้มันกลายเป็นสนามหญ้าไปตั้งแต่เมื่อใดกัน“นายท่านสั่งถมสระบัวด้วยตนเองเลยนะเจ้าคะ” เพียงแค่มองตาก็รู้ใจเจ้านายสาว อาหงจึงไม่พลาดที่จะบอกเล่าถึงความเอาใจใส่ของนายท่านที่มีต่อฮูหยิน เพื่อหวังว่าทั้งสองจะกลับมาปรองดองรักใคร่กลมเกลียวกันได้ในสักวัน“อืม” พ่อของลูกก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องให้ต้องคิดหนัก การเข้าหาเขามิใช่เรื่องง่ายพอ ๆ กับการเข้าหาบุตรชาย ต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเป็นสองเท่าเพื่อให้เขาทั้งสองยอมเปิดใจและยอมอภัย ให้นางได้แก้ตัวในสิ่งเลวร้ายที่เคยกระทำในอดีตอาหงไม่กล้าถามอะไรต่อเมื่อฮูหยินเงียบและมีสีหน้าจริงจัง นางจึงรีบหุบปากให้สนิท ได้แต่เดินตามหลังเจ้านายต้อย ๆ จนกระทั่งมาถึงเรือนฝั่งซ้ายซึ่งเป็นสถานที่อ่านตำราของคุณชายน้อยสุดท้ายแล้วก็เกิดความสงสัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหตุใดฮูหยินถึงไม่เข้าหานายน้อยดี ๆ มาแอบมองอยู่ข้างเสาเรือนไปเพื่ออะไร เดินอีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงตัวคุณชายอยู่แล้วเซี่ยหมิงเด็กชายวัยสี่หนาวกำลังเอาขนมที่ตนแอบเก็
หลังจากผ่านการพักฟื้นร่างกายตามเวลาท่านหมอกำหนด เสวียนหนี่ถือโอกาสนี้ลุกขึ้นเปลี่ยนแปลงตนเองครั้งใหญ่ ทำเอาบ่าวไพร่พากันตกใจไปตาม ๆ กัน ฮูหยินหนี่ไม่ขว้างปาข้าวของ หรือแม้แต่ด่าทอบ่าวไพร่อย่างที่เคยทำเป็นประจำ วางตัวดีน่าเกรงขามมากขึ้น รวมไปถึงการแต่งกายใหม่เพื่อลบภาพลักษณ์ ไม่เหลือคราบฮูหยินหนี่ตัวตลกประจำจวนเมื่อก่อนนางมักแต่งกายหรูหราและเปิดเปลือยเนื้อหนัง ผัดแป้งแต่งหน้าหนาเตอะตามความนิยมของหญิงเริงเมือง นั่นเป็นเพราะฉีเยี่ยนชู้รักของนางชอบให้แต่งกายเช่นนี้ เขามักจะบอกว่ามันงดงามเร้าใจเป็นที่สุด เสวียนหนี่จึงไม่ลังเลหากสิ่งนั้นทำให้ชายคนรักพึงพอใจ แม้ใครต่อใครแอบพูดลับหลังว่านางเป็นต้นแบบของนางโลมโคมเขียวก็ตามแต่ที่ตลกร้ายก็คือฉีเยี่ยนแค่พูดไปส่ง ๆ ตามคำแนะนำของเสวียนหลัน เพื่อให้เสวียนหนี่ต้องอับอายและกลายเป็นตัวตลกในสายตาผู้คนภายนอก“ฮูหยินงดงามมากเลยเจ้าค่ะ แต่งกายเช่นนี้ดีกว่าชุดพวกนั้นเป็นไหน ๆ” อาหงเอ่ยชมเจ้านายสาวไม่หยุดปาก นางรู้สึกว่าตั้งแต่ฮูหยินฟื้นขึ้นมาต่างไปจากเดิมมาก ราวกับเป็นคนละคนก็ว่าได้ แต่หากให้เลือกนางขอฮูหยินที่เป็นแบบนี้มากกว่าคนเก่าเป็นไหน ๆสาวใช้คนสนิท
นั่นยิ่งทำให้เสวียนหนี่รู้สึกว่าตนเองละเลยหน้าที่ฮูหยินมากเกินไป แม้กระทั่งบ่าวไพร่ก็ยังทำตัวเสียมารยาทไม่ให้ความเคารพต่อนายจ้าง การงานหรือก็เกียจคร้านทำอย่างขอไปที หลังจากนี้คงต้องจัดระเบียบใหม่เสียแล้วอย่างไรครั้งนี้นางจะไม่ยอมให้มีจุดจบเช่นเดิมเป็นอันขาด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นเพราะความโง่งมของตนเอง ชาติที่แล้วเอาแต่กล่าวโทษคนรอบกาย แต่มิเคยหันกลับมามองตนเองเลยสักครั้ง สิ่งที่ควรเปลี่ยนให้ได้อันดับแรก นั่นคือตนเอง จึงจะหลีกหนีชะตาอันน่าสมเพชนั่นไปได้ในขณะที่เสวียนหนี่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง ประตูห้องถูกเปิดออก เซี่ยอวิ๋นเดินเข้ามาด้วยใบหน้านิ่งเฉย ไม่ได้รู้สึกตกใจแต่อย่างใดที่มีคนรายงานเรื่องที่ภรรยาพยายามฆ่าตัวตาย“ก็ดูสบายดีนี่ ดูเหมือนที่ข้าได้รับรายงานคงจะเกินความจริงไปหน่อยกระมัง” กายหนายืนกอดอกพิงเสาเตียง ครั้งนี้นางจะมาไม้ไหนกันแน่เรียกร้องความสนใจเพราะต้องการสิ่งใดจากเขาอีก เงิน ทอง ที่ดิน หรือของมีค่าอย่างอื่น แต่การฆ่าตัวตายมันก็ดูจะเกินไปหน่อยหรือ เอาชีวิตตนเองมาล้อเล่นเช่นนี้มันดีแล้วหรือเสวียนหนี่มิได้โต้ตอบคำพูดแสนเจ็บแสบของสามี เหตุใดเมื่อก่อนนางถ
“ฮูหยินฟื้นแล้ว ใครก็ได้ตามท่านหมอมาที”บ่าวไพร่ในจวนวิ่งกันให้วุ่น บัดนี้ฮูหยินฟื้นคืนสติแล้วหลังจากฮูหยินหนี่ตกน้ำในสระบัว กว่าจะหาพบและช่วยขึ้นมาได้จมหายไปราว ๆ เกือบหนึ่งก้านธูป ทุกคนจึงคิดว่าฮูหยินหนี่อย่างไรก็ไม่มีทางรอด แต่นางกลับรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์เสวียนหนี่หลับไปถึงสามวันเต็ม เมื่อตื่นจากการหลับใหลเจ้าตัวก็เอาแต่มองความวุ่นวายตรงหน้าด้วยความมึนงง นางควรจะตายไปแล้วมิใช่หรือ? ถ้าหากไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นการย้อนเวลาจะเป็นไปได้หรือไม่ถ้าย้อนเวลากลับมาได้จริงยามนี้นางกลับมาในช่วงเวลาใดกันนะ เหตุใดถึงได้วุ่นวายถึงเพียงนี้“อาหงเกิดอะไรขึ้นหรือ ข้าเป็นอะไร”เสียงแหบแห้งของเสวียนหนี่ทำเอาบ่าวคนสนิทตัวสั่นน้ำตาคลอ นั่งตัวสั่นงันงกกุมมือเจ้านายสาวเอาไว้แน่น“ในที่สุดฮูหยินก็ฟื้นเสียที สามวันก่อนท่านตกสระบัวเจ้าค่ะ ข้าคิดว่าฮูหยินจะ....” อาหงไม่กล้าพูดต่อนางเก็บคำว่าตายกลืนลงไป ซึ่งมันเป็นคำอัปมงคลไม่อยากพูดถึงมันอีกที่แย่ไปกว่านั้นไม่รู้ว่าผู้ใดมันบังอาจปล่อยข่าว เรื่องที่ฮูหยินหนี่ตกน้ำมิใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นเพราะนางคิดฆ่าตัวตาย ตนรับใช้มานานเจ้านายมานานเชื่อว่าฮูหยินไม่มีทางคิด
ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยชื่อชายคนรัก เสวียนเยว่กลับไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้บุตรสาวได้เลือกเลยสักทาง“ข้าไม่สน รีบตั้งครรภ์เสีย แล้วขอเงินห้าพันตำลึงเป็นของรับขวัญ เงินแค่ห้าพันตำลึงไม่ทำให้ไอ้พ่อค้านั่นล่มจมหรอก ข้าให้เวลาสามเดือน ทำอย่างไรก็ได้ให้ตั้งครรภ์กับเซี่ยอวิ๋นซะ หรือไม่ก็หาเงินห้าพันตำลึงมาให้ข้า ไม่เช่นนั้นก็ขาดกัน” ดีแค่ไหนที่ตนหาสามีร่ำรวยให้ หากให้หาสามีเองจะมีปัญญาหรือคงไม่พ้นพวกกุลี หรือไม่ก็บ่าวในเรือน เสวียนหนี่ได้แต่ร่ำไห้น้ำตานองหน้า ได้แต่มองบิดาเดินจากไปไม่แม้จะไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ นางจะไปหาเงินมากมายเช่นนั้นมาจากที่ใดได้ แม้แต่สินเดิมที่ได้มาตนก็นำไปขายนำเงินส่วนนั้นให้เสวียนหลันไปหมดแล้ว คราวนี้ท่านพ่อถึงขั้นตัดขาดความเป็นพ่อลูก นางจะทำอย่างไรดี กว่าจะทำให้บิดายอมรับนำชื่อเข้าตระกูลได้ ตนต้องยอมอดทนอดกลั้นพยายามแค่ไหนกว่าจะได้สิ่งนั้นมา จะให้มันพังลงเช่นนี้ไม่ได้สุดท้ายในเมื่อไม่มีทางใดให้เสวียนหนี่ได้เลือก นอกจากยอมนอนกับเซี่ยอวิ๋นสามีที่ตนไม่ได้รัก เพียงแค่หนึ่งครั้งนางก็ตั้งครรภ์ได้อย่างที่ตั้งใจ นับจากนั้นเสวียนหนี่ก็กลับมาทำตัวห่างเหินใส่สามีอีกครั้ง ไม่สนใจห