เข้าสู่ระบบคำพูดของเขาเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง แพรพรรณที่นั่งเงียบมาตลอด หันขวับมามองคนรักทันที ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“แพรทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ คุณก็รู้ดี” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว
“รุตคะ...แพรว่าพวกเราควรเลิกกันเถอะ ถึงยังไงเรื่องนี้มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่ดี”
เธอเอ่ยปากขึ้น ทุกอย่างมันเกินเลยไปมากแล้ว ตอนนี้วิศรุตมีข่าวกับน้องสาวจนสื่อเล่นโจมตีไม่หยุด และไม่มีทางที่สองไม่ลูกนั้นจะยอมหยุดเหมือนกันหากยังไม่สมหวังและตอนนี้เธอเองก็ไม่ใช่คนตัวคนเดียว เธอมีลูกที่ต้องปกป้องเธอจะไม่ยอมให้สองแม่ลูกนั้นรู้เด็ดขาดเพราะมันหมายถึงความปลอดภัยของเธอกับลูก
การที่เธอเลือกที่จะจบความสัมพันธ์จึงเป็นทางเลือกเดียวที่คิดได้ตอนนี้
แต่คำว่า 'เลิกกัน' ที่หลุดจากริมฝีปากบาง กลับทำให้ชายหนุ่มที่กำลังขับรถถึงกับชะงัก พวงมาลัยในมือสั่นน้อย ๆ กรามแกร่งขบแน่นจนเห็นเป็นสัน
เขาชะลอความเร็วลงอย่างรวดเร็วก่อนจะจอดรถสนิทข้างทาง ใบหน้าคมตวัดสายตามามองเธอด้วยแววตาที่ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ ทั้งตกตะลึง
“คุณพูดแบบนั้น ง่ายไปไหมแพร” เขากัดฟันแน่น เสียงเข้มเจือสั่น มือหนายื่นออกไปจับหัวไหล่ของเธอทั้งสองข้าง บังคับให้เธอหันมาสบตาเขาเต็ม ๆ
“เงยหน้ามามองผม แล้วพูดอีกครั้งสิ ว่าคุณต้องการจะเลิกกับผมจริง ๆ”
ดวงตาคมกริบของเขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาฉ่ำวาวของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า อารมณ์เดือดดาลปะทุอยู่ในอกจนแทบระเบิดออกมา แต่เขาก็ยังพยายามข่มไว้ ข่มจนมือที่จับไหล่เธอไว้แน่น เริ่มสั่นเล็กน้อย
เขาพยายามอดกลั้นอย่างมากที่จะไม่ตะคอกใส่เธอ ทั้งที่ตอนนี้เขาอยากจะตะโกนถามเธอเหลือเกินว่าเธอไม่คิดจะสู้เพื่อพวกเราบ้างเลยหรือยังไง?
เขารักเธอ รักฉิบหาย แต่เธอกลับเอาแต่หนี...
ครั้งที่แล้วเธอก็หายไปโดยไม่บอกกล่าว กลับมาอีกทีก็เจอเรื่องเฮงซวยที่เขาถูกใส่ร้ายพอดี
แล้วตอนนี้...เธอจะหนีไปอีกแล้วเหรอ?
วิศรุตสูดลมหายใจลึก ข่มกลั้นอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมา ก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำ เจือความน้อยเนื้อต่ำใจจนแทบปิดไม่มิด
“หึ! คุณบอกเลิกผมง่ายจังเลยนะแพร ทั้งที่เราเพิ่งนอนด้วยกัน รู้อะไรไหมผมรักคุณจะตายห่า ถ้าจะให้เลิกผมคงทำไม่ได้หรอกนะ ลืมไปเถอะเรื่องนั้น”
เขาแค่นเสียงออกมา กักเก็บทุกอารมณ์เอาไว้ ก่อนจะปล่อยมือจากเธอแล้วหันหน้ากลับไปมองถนนด้านหน้า ร่างหนาทิ้งตัวเอนพิงพนักเบาะอย่างแรง ความเงียบงันเข้าครอบงำจนได้ยินแต่เสียงลมหายใจของกันและกัน
“แล้วคุณจะทำอย่างไรคะรุตในเมื่ออีกหน่อยก็ต้องแต่งงานกับน้องสาวแพรแล้ว” เสียงเหนื่อยล้าเอ่ยออก เธอเองก็เหนื่อยเหลือเกินแล้วตอนนี้ ทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาจนเธอแทบจะรับไม่ไหว
“จะไม่มีงานแต่งเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละแพร!! หากผมจะแต่งงานกับใครนั่นก็คือคุณคนเดียว จำเอาไว้เลย!!”
พูดจบวิศรุตก็เคลื่อนรถออกไปอย่างรวดเร็ว และไม่คุยกับเธออีกจนถึงบ้าน ส่วนแพรพรรณรู้ว่าตอนนี้อารมณ์เขาไม่ดีเธอจึงนั่งเงียบโดยไม่พูดอะไรออกมาเหมือนกัน
รถสัญชาติคันสีขาวเคลื่อนตัวเข้ามาจอดในบ้านหลังใหญ่อย่าง ช้า ๆ แต่เบื้องหน้าที่ปรากฏไม่ใช่บ้านตามที่ใครหลายคนอาจเข้าใจ แต่เป็นคฤหาสน์หลังโต ออกแบบอย่างสวยงาม ลานหน้าบ้านมีน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าน และยังมีรูปปั้นแบบกรีกโบราณทั้งเสาและสถาปัตยกรรมล้วนออกแบบคลาสสิคจัดวางอย่างลงตัวไม่มีที่ติ
แน่นอนว่าเธอเคยมาที่นี่แล้วในฐานะแฟนของวิศรุต แต่ไม่ได้มาบ่อยเท่านั้น เพราะส่วนมากก็เอาแต่ไปขลุกอยู่ที่คอนโดของเขานั่นแหละ
“ผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่นะแพร หลังจากนี้ผมต้องไปดูงานสามวัน คุณจะอยู่ที่นี่โดยมีแม่บ้านคอยดูแลรวมทุกอย่าง ไม่ต้องไปไหนอีก คุณไม่รู้หรือไงว่าผมเป็นห่วงมากแค่ไหน ผมไม่อยากให้เราห่างกันเลย อีกอย่างคุณจะได้ไม่ต้องหนีผมไปไหนอีกแล้ว”
เขาจับศีรษะของคนรักโน้มเข้ามาจูบทั้งหน้าผากและเส้นผม เป็นการแสดงความรักอย่างที่เขาเคยทำ ทุกอย่างยังคงเป็นวิศรุต เขาแสดงความรักที่อ่อนโยนกับเธอเสมอมา ข้อนี้แพรรู้ดีกว่าใคร เขาพาเธอเข้าไปพักผ่อนในห้องที่คุ้นเคย ภายในใจรู้สึกสับสนว่าการที่เธออาศัยอยู่ที่นี่เป็นเรื่องที่ดีจริงหรือ ไม่อยากคิดว่าน้องสาวรู้จะตามมาฉีกอกเธอถึงที่บ้านวิศรุตหรือเปล่า
แต่ในตอนนี้เธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนแล้วตอนนี้เธอเหนื่อยล้าเต็มที หลังจากอาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จเธอก็ล้มตัวลงนอนโดยมีร่างสูงของเจ้าของบ้านนอนกอดเธอหลับไปตลอดทั้งคืน
ทางฝั่งของศศิจันทร์ตอนนี้เธอหัวเสียไม่น้อยงานง่าย ๆ แค่นี้ทำไมพวกมันยังทำไม่ได้
"ฉันโอนเงินให้แล้ว และพวกแกก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ!!" เธอกรอกเสียงลงไปตามสายด้วยความหงุดหงิดงานก็ทำไม่สำเร็จยังจะกล้ามาขอเงินอีก ไอ้พวกสารเลวเอ๊ย!! หญิงสาวส่งเสียงผรุสวาสอยู่หลายคำก่อนจะเดินออกจากห้องในโรงแรมด้วยความโมโหสุดขีด เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา!!!
ทั้งที่ครั้งนี้เธอ ต้องการเอาเขาให้อยู่หมัดแล้วแท้ ๆ มันดันพลาดอีกจนได้
...
ผ่านมาอาทิตย์นึงที่เธออยู่บ้านวิศรุตด้วยความหวาดระแวงและสิ่งที่เธอกังวลก็เป็นจริงขึ้น เมื่อศศิจันทร์สืบรู้ว่าเธอไม่ได้ไปเที่ยวที่ภาคเหนืออย่างที่มันบอกพ่อ แต่กลับไปขลุกอยู่ในบ้านของคนที่เธออยากแต่งงานด้วย
“ทำไมพี่รุตทำกับศศิแบบนี้คะ!”
หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงเพลิงโทรหาเจ้าของบ้านก่อนที่จะก้าวลงจากรถ เธอมองคฤหาสน์ใหญ่โตที่ตัวเองเฝ้าฝันว่าจะได้เป็นคุณนายในบ้านหลังนี้ หากเทียบกับบ้านตัวเอง ที่นี่ใหญ่กว่าหลายเท่า แค่นี้ก็รู้ว่าเขาร่ำรวยขนาดไหน นี่เป็นอีกเหตุผลที่จะต้องจัดการกับพี่สาวให้สิ้นซาก วิศรุตจะได้ไม่หลงละเมอไปกับความสวยของนังพี่สาวต่างแม่ได้อีก
“คุณพูดเรื่องอะไรศศิ อย่าลืมว่าเราควรจะพูดกันในชั้นศาลหากว่าคุณอยากไกล่เกลี่ย แต่รู้เอาไว้ด้วยว่าผมไม่ยอมความแน่เพราะชื่อเสียงผมเสียหายเช่นกัน”
เขาเอ่ยเสียงออกมาตามสายด้วยใบหน้าเบื่อหน่ายเต็มที
“พี่รุตไม่ชนะหรอกค่ะ และนังแพรก็ไม่ชนะด้วยเพราะศศิจะทำให้มันเป็นนังผู้หญิงหน้าผี พี่รุตจะได้ไม่ต้องไปสนใจมันอีกอย่างไรละคะ คิก ๆ” น้ำเสียงที่พูดออกมาช่างราวกับคนวิปริต ไม่ต่างจากเสียงหัวเราะที่เบ่งบานออกมาจากริมฝีปากแดงอย่างกับเลือดไก่และน้ำเสียงนั่นก็ทำเอาวิศรุตร่างเย็นเฉียบขึ้นมา
เขารีบวางปากกาที่จรดลงบนเอกสาร มือหนากระชับโทรศัพท์แน่น
“นี่คุณจะทำบ้าอะไร! ใจเย็น ๆ ก่อนนะศศิ”
“พี่รุตรู้ไหมคะ ตอนนี้ศศิอยู่ที่ไหน...คิก~~ บ้านสวยดีนะคะ"
เธอยังคงเอ่ยเสียงหวานที่ฟังเย็นยะเยือกจับใจ เท้าของวิศรุตรีบก้าวออกจากห้องทำงานทันที ใบหน้าคมเข้มดูน่ากลัวจนใครที่เห็นพากันเดินหนี
"คุณจะทำอะไร" เขาเอ่ยเสียงต่ำอย่างน่ากลัว แต่ปลายสายกับหัวเราะแผ่วเหมือนกับไม่รู้สึกรู้สา ก่อนจะเอ่ยคำที่ทำให้วิศรุตรีบวิ่งออกมา อย่างไม่รอช้า
เลขาหน้าห้องที่กำลังจะอ้าปากถามว่าเจ้านายจะไปไหน ถึงกับอ้าปากค้าง เพราะเห็นเจ้านายเข้าลิฟต์ไปแล้ว
"ศศิก็จะเอาน้ำกรดสาดหน้ามันยังไงล่ะคะ!ดูสิว่าพี่รุตจะยังรักยังหลงมันอีกหรือเปล่า!!” เธอขู่อาฆาตเสียงเย็นผ่านทางมือถือ ก่อนที่จะตัดสายไป
“บ้าเอ๊ย!!” เขาสบถออกมาแล้ววางมือถือ วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตแม้อีกไม่นานจะต้องเข้าประชุมก็ตาม แต่เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เรื่องร้ายแรงถึงขนาดนี้เขาคงรอไม่ไหว ต้องรีบกลับบ้านไปหาแพรพรรณก่อนเป็นอันดับแรก
ศศิจันทร์บุกเข้าบ้าน ถึงขนาดขู่จะสาดน้ำกรดใส่คนรัก เขาไม่รู้หรอกว่าเธอจะทำจริงหรือเปล่าแต่คนอย่างศศิจันทร์ไว้ใจไม่ได้
วิศรุตรีบขับรถด้วยความเร็วเกินกำหนด เพื่อกลับไปถึงบ้านให้เร็วที่สุด ระหว่างนั้นก็ต่อสายโทรศัพท์หาแม่บ้านแต่ก็ไม่มีคนรับยิ่งทำให้เขาใจร้อนรุ่มไปหมด
ในขณะเดียวกันกับที่ศศิจันทร์กำลังเดินทางเข้าไปข้างในบ้านอย่างย่ามใจ เธอรู้สึกสนุกขึ้นมาเมื่อตัวเองจะได้เป็นฝ่ามือเพชฌฆาตเพื่อสำเร็จโทษพี่สาวขึ้นมาจริง ๆ
“อย่างน้อยหากใบหน้าเละเทะกลายเป็นเนื้อเน่า คงไม่มีผู้ชายคนไหนอยากนอนด้วยหรอกนะอีแพร โชคร้ายจริง ๆ ขนาดอยู่ในบ้านผู้ชายแล้วยังไม่หมดเวรหมดกรรม ฉันจะกดแกให้จมดินเลยทีเดียว!”
“ขอบคุณยาย ขอบคุณตานะจ๊ะ ที่ใจดีกับแพรและลูก"ท่ามกลางอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นยังมีเด็กหญิงตัวน้อยในผ้าอ้อมสีขาวสะอาดกำลังนอนหลับฝันดีอยู่ พาขวัญนอนหลับตาพริ้มขนตางอนหนาเด่นชัด แก้มกลมขึ้นสีชมพู ผิวพรรณเนียนผ่องดุจสำลีขาวสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่เป็นเหมือนดั่งของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิต แม้จะเกิดมาไม่มีพ่อแต่กลับเต็มเปี่ยมด้วยความรักจากครอบครัว แตกต่างจากชีวิตในวัยเด็กของแพรพรรณเอง ที่เติบโตมากับความรู้สึกขาดสิ่งเหล่านี้ จึงยิ่งทำให้เธอรู้ว่ารักจากตากับยายนั้นสำคัญสำหรับเธอเพียงใดหญิงสาวยิ้มน้อย ๆ ทั้งน้ำตา ก่อนจะก้มลงกระซิบกับลูกน้อยในอ้อมแขนของผู้เป็นยาย“ถึงหนูจะไม่มีพ่อเหมือนใครเขา แต่แม่ก็รักหนูที่สุดในโลกเลยนะจ๊ะ ลูกรักของแม่”ตอนนี้ชีวิตของแพรมีความสุขตามอัตภาพ ใช้ชีวิตแบบสงบตามที่ตัวเองต้องการ และเธอก็เคยคิดว่าวิถีชีวิตนี้จะดำเนินต่อไปแบบนี้เรื่อย ๆ จนถึงอนาคตข้างหน้าแต่ความสงบก็ไม่ยั่งยืนเมื่อแพรพรรณเข้ามาทำงาน ความสวยสะพรั่งของเธอก็ถูกตาต้องใจใครหลายคนเพียงแค่เข้าทำงานได้ไม่ถึงเดือนก็มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เข้ามาตามจีบแต่เธอก็ปฏิเสธไปทุกราย เธอไม่เปิดโอกาสให้ใครเข้ามาในชีวิต ตอนนี
ทางด้านวิศรุต หลังจากรับรู้เรื่องราวที่ไม่เป็นจริงจากศศิจันทร์ แต่เขากลับเชื่ออย่างสนิทว่าแพรพรรณตั้งท้องกับชายอื่นจริง ๆ ทำให้ตัวเขาหมดแรงที่จะต่อสู้เพื่อตัวเองและหญิงสาวแม้ในระหว่างนั้นจะมีรังรองและศศิจันทร์คอยให้ข่าวเรื่องที่เขากับเธอยังคงคบหากันอยู่เสมอแม้จะไม่ได้แต่งงานก็ตามวิศรุตความทุกข์ใจเสียใจมาทุ่มเทให้กับงานทั้งหมด โหมงานอย่างหนักจนไม่มีเวลามาคิดเรื่องอื่น จากชายหนุ่มที่มีความอ่อนโยนรอยยิ้มอบอุ่น ตอนนี้เขากลายเป็นคนเงียบขรึมเขากลายเป็นผู้บริหารที่ผู้คนยำเกรงวิศรุตถูกจับตามองในฐานะของนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงทำให้ บริษัทของเขารุ่งเรืองและก้าวหน้ายิ่งกว่าเดิม แต่ในความสำเร็จกลับไม่มีคนข้างกายที่ตัวเองโหยหา ตลอดเวลาที่ไม่มีแพรพรรณ เขาไม่เคยเปิดใจให้ใครอีกเลย แม้ศศิจันทร์จะพยายามเอาตัวเข้ามาในชีวิต เปลี่ยนตัวเองแค่ไหนก็ตามแต่กลับวิศรุตก็ไม่ได้ให้ความสนใจเธอเหมือนเดิม"เมื่อไหร่พี่รุตจะเลิกคิดถึงนังแพรเสียทีคะคุณแม่!" เสียงบ่นของศศิจันทร์เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทั้งที่เธอพยายามปรับปรุงตัวเองทุกอย่าง ทำทุกวิถีทางให้เขาหันมาสนใจแต่เขาก็ไม่หันมามองสักที"ลูกต้องให้เวลาเขาหน่อย เรื
ทางด้านแพรพรรณตอนนี้เธออาศัยอยู่ในห้องนอนเล็ก ๆ ในคอนโดที่เธอเช่าเอาไว้ ตอนนี้เธอเองก็คิดไม่ตก ทั้งเรื่องที่ศศิจันทร์ข่มขู่เรื่องลูกของเธอ ในตอนที่เธอกำลังนั่งจมอยู่กับความเครียดอยู่นั้น เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เธอมองไปที่หน้าจอ เป็นศศิจันทร์ที่โทรเข้ามา เธอไม่ได้กดรับในทันที เพียงแต่นั่งจ้องนิ่งอยู่แบบนั้น ปล่อยให้เสียงเรียกดังอยู่อย่างนั้นจนสายตัดไปเองและไม่นานนัก ข้อความก็เด้งขึ้นมา พร้อมกับรูปภาพที่ถูกส่งเข้ามารัว ๆ‘อย่าลืมยินดีกับฉันด้วยล่ะ’ปลายนิ้วจิ้มไปที่หน้าจอก่อนจะเห็นรูปบัตรเชิญงานแต่งและรูปถ่ายอีกหลายใบหัวใจของเธอแหลกสลาย ราวกับถูกบดขยี้ซ้ำ ๆ จนไม่เหลือชิ้นดี เธอปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างช้า ๆ แม้รักวิศรุตมากเพียงใด แต่ภาพนั้นมันยืนยันกับเธออย่างชัดเจนแล้วว่า เขาเลือกเดินต่อโดยไม่มีเธอการจากไปของเธออาจทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น แพรพรรณสูดลมหายใจเข้าลึก กดบล็อกเบอร์ของศศิจันทร์ พร้อมกับตัดช่องทางการติดต่อทุกอย่างจากแม่เลี้ยงและน้องสาว ตอนนี้เธอไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจริง ๆ สินะ” เธอพึมพำทั้งเสียงสะอื้น นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ก
“ขอบใจมาก และรับรู้เอาไว้ด้วยว่าเรื่องนี้ต้องไม่แพร่งพรายออกไปให้ใครรู้ เข้าใจใช่ไหม” เธอย้ำเตือนกับหญิงวัยกลางคน ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ“ค่ะคุณ”ความคิดเหยียบย่ำคนในครอบครัวไม่มีทางที่จะลดลง ศศิจันทร์ขับรถออกไปจากบริเวณนั้นทันทีเธอตรงมาที่บริษัทของวิศรุต เดินตรงดิ่งไปยังห้องทำงานและเปิดเข้าไปอย่างถึงวิสาสะวิศรุตเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง แววตาคมดุฉายชัดถึงความหงุดหงิดทันทีที่เห็นผู้บุกรุก “ใครอนุญาตให้คุณเข้ามา ศศิ!” เขาพูดเสียงเข้ม กรามขบแน่น “ผมไม่มีธุระอะไรจะคุยกับคนอย่างคุณ!”แต่ศศิจันทร์กลับส่งยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน เธอเดินเข้าไปใกล้แล้ววางซองเอกสารลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา “ศศิแค่อยากให้พี่รุตตาสว่างเท่านั้นเองค่ะ" เธอยังคงยิ้มแล้วพูดต่อ"พี่รุตอยากรู้ไม่ใช่เหรอคะ ว่าแพรพรรณหายไปไหนมาตั้งสี่เดือนทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแสดงความหงุดหงิด ศศิจันทร์ก็ไม่รีรอ รีบเข้าเรื่องทันทีวิศรุตวางปากกาลงอย่างแรง ก่อนจะลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะมายืนประจันหน้าเธอ แววตาแข็งกร้าว"เธอต้องการอะไรกันแน่?"เรื่องที่เธอบุกรุกเข้าบ้านเขาเพื่อทำร้ายแพรพรรณ เขายังไม่ทันเอาเรื่องด้วยซ้ำ แต่เธอกลับกล้
เช้าวันต่อมา ศศิจันทร์นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟากลางโถงห้องรับแขก มือเรียวกดหมายเลขโทรศัพท์ของพี่สาวต่างแม่ด้วยท่าทางเยือกเย็นเสียงสัญญาณดังไม่นาน ปลายสายก็กดรับ“รับเร็วดีนี่...” ศศิจันทร์แสยะยิ้มเยาะ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสะใจ"ต้องการอะไร" เสียงปลายสายตอบกลับมาเรียบแต่ถ้าฟังดี ๆ จะสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวในน้ำเสียง“แค่อยากโทรมาแจ้งข่าวน่ะ” ศศิจันทร์พูดช้า ๆ อย่างจงใจ “ตอนนี้ฉันกับ พี่รุต เข้าใจกันดีแล้ว และเขาก็ ตกลงจะแต่งงานกับฉัน”“เมื่อไหร่...” เธอถามเบา ๆ ราวกับคนที่กำลังจะหมดแรง “เธอจะแต่งงานกับเขาเมื่อไหร่”เสียงเธอสั่นเครือจนแม้แต่คนใจร้ายอย่างศศิจันทร์ก็ยังรู้สึกถึงความสั่นไหวนั้น แต่มันยิ่งทำให้เธอยิ้มกว้างขึ้น“ไม่นานหรอกจ้ะ” ศศิพูดเสียงหวานหยัน “เสียใจด้วยนะ ในที่สุดพี่รุตก็เป็นของฉันจนได้”ปลายสายเงียบไป ก่อนจะพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้าวร้าน“แค่นี้ใช่ไหมศศิที่เธอต้องการ”“วันนี้เอาแค่นี้ก่อน อย่าเพิ่งทนไม่ไหวล่ะ!!”ศศิจันทร์ตัดสายทิ้งทันที แพรพรรณกำมือถือเอาไว้แน่น น้ำตาเจ้ากรรมไหลลงมาอีกแล้ว ครั้งนี้เธอร้องไห้โฮโดยไม่อายใครอยู่ในห้องที่วิศรุ
“ใช่!! ฉันใจดำอำมหิตก็เพราะเป็นแก และอยากจะให้แกไม่อยู่บนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ แกไม่เคยรู้หรอกว่าฉันเสียใจขนาดไหน” ความในใจที่ค้างคาพรั่งพรูออกมาไม่หยุด“ในตอนที่ชีวิตแกมีความสุขอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ แกไม่รู้หรอกว่าฉันกับแม่ต้องโดดเดี่ยวขนาดไหน แกไม่เคยรู้รสชาติของคนที่ถูกตามหน้าว่าไม่มีพ่อ มันเจ็บปวดยังไง!! ถึงเวลาแล้วที่ฉันก็จะแย่งสิ่งที่แกรักและหวงแหนมาไว้กับตัว คือคนที่แกรักที่สุดไงล่ะนังหน้าโง่!”ความเคียดแค้นของศศิจันทร์ไม่ใช่วันนี้หรือเมื่อวาน แต่มันคือปมด้อยในใจเมื่อครั้งอดีต ที่แม่และเธอเฝ้ารอคอยให้ครอบครัวตัวเองมีความสุขบ้างเหมือนกัน หากไม่มีแม่ของแพรพรรณมาขวางเอาไว้ ชีวิตเธอคงมีความสุขมากกว่านี้รังรองเป็นคนเอาความคิดชั่วร้ายมาใส่สมองของลูกสาวมาตั้งแต่เด็ก ทั้ง ๆ ที่รังรองเป็นคนวางยาวิชัยในคืนนั้นยัดเยียดสถานะเมียน้อย ตอนนั้นเธอเองยังพูดว่าเต็มใจและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนสุดท้ายแล้วรังรองก็อยู่อย่างหลบซ่อนมาเป็นสิบปี จนวันนึงเธอทนไม่ไหวขึ้นมา เธอเป็นคนส่งภาพความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างวิชัยกับเธอส่งให้พลอยใสดู ทำให้พลอยใสเสียใจและขับรถเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต ซึ่งเรื่องราวที่เก







