เข้าสู่ระบบ“แพร! คุณมาที่นี่ได้ยังไง!”
เสียงของวิศรุตดังขึ้นอย่างตกตะลึง เมื่อเห็นร่างบางที่ยืนอยู่ตรงประตู ใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาวที่เขารักที่สุดในชีวิต ทำเอาหัวใจเขาแทบหยุดเต้น
แพรพรรณ ลูกเลี้ยงของรังรองและคุณวิชัย คนที่เขาคบหากันมาตั้งแต่สมัยมัธยมและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อสี่เดือนก่อน แต่ตอนนี้เธอกลับมายืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าสวยเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบลงมาไม่ขาดสาย
“รุต แพรไม่นึกเลยว่าคุณจะทำแบบนี้ นี่น้องสาวของแพรนะ” เสียงหวานปนสะอื้นเจือความเจ็บปวด ดวงตาฉายแววร้าวรานเอ่ยถามคนรักด้วยสีหน้าสิ้นหวัง หัวใจเจ็บร้าวทรมานเกินทนเมื่อเห็นคนรักกับน้องสาวอยู่บนเตียงเดียวกัน สภาพตอนนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทั้งสองคนทำอะไรกันไปบ้าง
ทันทีที่วิศรุตเห็นหน้าคนรักกำลังเข้าใจผิดเขาก็ร้อนรนรีบอธิบาย
“ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะแพร คุณต้องฟังผมนะ” ชายหนุ่มรีบลุกแล้วเพื่อจะเข้าไปหาคนรัก แต่ไม่คิดว่าหญิงสาวอีกคนจะเข้ามากอดรั้งตัวเขาเอาไว้แน่น
"พี่รุต อย่าไปนะ พี่รุตต้องรับผิดชอบศศินะคะ!" เสียงของศศิจันทร์แทรกเข้ามา พร้อมกับแรงกอดที่รัดเขาแน่นไม่ยอมปล่อย เธอซุกหน้าลงกับแผ่นหลังของเขาอย่างแนบชิด ร่างกายสั่นไหวแกล้งสะอื้นอย่างน่าสงสาร
วิศรุตหันขวับกลับไปด้วยสายตาวาวโรจน์
“ปล่อย!” เขาตะคอกเสียงต่ำ
แต่ศศิกลับไม่ยอมแม้แต่น้อย ยังคงกอดแน่นเหมือนกลัวว่าจะเสียเขาไป
ขณะที่แพรพรรณยืนนิ่ง น้ำตาไหลไม่ขาดสาย เธอมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่แตกสลาย เธอไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรอีกต่อไป ระหว่างความรักกับความไว้ใจที่เพิ่งถูกเหยียบย่ำลงตรงหน้าเธอเอง
เธอมองคนรักด้วยสายตาเต็มไปด้วยความผิดหวัง สับสนและเจ็บปวดเกินบรรยาย ก่อนที่เสียงของรังรองจะสอดเข้ามาราวกับจะตอกย้ำความเชื่อใจของเธอที่มีต่อคนรัก
“ใครเชื่อคุณก็บ้าแล้ว! ดูจากสภาพแบบนี้ถ้าเชื่อก็โง่เต็มที!” เธอแค่นหัวเราะเยาะในลำคอ หันไปมองหน้าลูกเลี้ยงด้วยแววตาเย้ยหยัน เธอยังเดินเกมที่ตัวเองได้วางไว้ เธอต้องจับวิศรุตมาแต่งงานกับลูกสาวให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีสกปรกแค่ไหนก็ตาม
ยิ่งเห็นลูกเลี้ยงยืนทุกข์ระทมอยู่ก็ยิ่งสะใจ เธอก็ยิ้มในใจ หึ! สมน้ำหน้ามัน
แต่ในขณะที่หลายคนอาจหลงกลกับฉากละครตรงหน้า มีเพียงชายหนุ่มคนเดียวเท่านั้นที่อ่านเกมทุกอย่างออก วิศรุตกัดฟันแน่น เส้นเลือดที่ขมับเต้นแรงราวจะระเบิด ใบหน้าคมเข้มมืดครึ้มดั่งพายุฝนก่อนฟ้าผ่า ดวงตาวาวโรจน์เต็มไปด้วยโทสะ
เขาสลัดแขนของศศิจันทร์ออกอย่างแรงจนหญิงสาวเซถลา ก่อนจะลุกขึ้นก้าวฉับ ๆ ไปคว้าเสื้อผ้ามาแต่งตัวอย่างเร็ว ไม่มีคำพูดใด ๆ อีกจากนั้นเขาก็หันขวับไปมองตากล้องที่ยังกดชัตเตอร์อยู่
แชะ! แชะ! แชะ!
เสียงแฟลชยังไม่หยุด จนชายหนุ่มชี้นิ้วไปทีละคน ดวงตาคมกร้าวฉายแววเกรี้ยวกราดอย่างที่สุด
“หยุดถ่ายเดี๋ยวนี้!!! ถ้ายังล้ำเส้นกันอีก ผมจะฟ้องพวกคุณให้หมด!!” เสียงข่มขู่เย็นยะเยือกที่เอ่ยออกทำให้พวกนักข่าวที่พากันทำข่าวขนลุกตั้งชัน
วิศรุตกวาดตามองใบหน้าของแต่ละคนช้า ๆ ดวงตาคมกล้าฉายแววเดือดดาลรุนแรงราวกับจะเผาทุกคนให้มอดไหม้ ใบหน้าคมเข้มบึ้งตึงจนเหมือนพายุที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ เขาจำหน้าพวกนี้ไว้หมด จากนั้นเขาหันขวับกลับไปหาต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ดวงตาเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ กัดฟันพูดชัดถ้อยชัดคำ
“อย่าคิดว่าทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้แล้วผมจะยอมรับ คิดว่าผมไม่รู้ว่าพวกคุณต้องการอะไร!” เสียงของเขาทำเอาบรรยากาศทั้งห้องให้เงียบกริบ กล้องที่เคยโฟกัสมาที่เขาตอนนี้ค่อย ๆ เบี่ยงไปทางอื่น แต่วิศรุตกลับเดินย่างสามขุมเข้าไปหา พร้อมกับจับกล้องให้กลับมาจ้องหน้าตนเองอีกครั้ง
“นี่ช่องจริงหรือเปล่า? หรือว่าถูกใครจ้างวานมา?”
รังรองที่ได้ยินแบบนั้นก็ร้อนรน
“อย่ามาเฉไฉนะคุณวิศรุต!” เธอกรีดเสียงอย่างเหลืออด ดวงตาลุกวาวด้วยความโกรธที่เริ่มควบคุมไม่อยู่
“ถ้าคุณไม่รับผิดชอบลูกสาวฉัน เดี๋ยวทุกคนจะได้รู้กันหมดว่า ‘หนุ่มไฮโซเจ้าของบริษัท กานต์ศิริดีเวลลอปเมนท์ กรุ๊ป’ ล่อลวงและทำอนาจารลูกสาวของบริษัทคู่แข่ง!!”
“ไม่ว่าจะยังไงคุณหนีไม่พ้นแน่! คุณไม่มีทางเลือกหรอกคุณวิศรุต! รับผิดชอบซะ!!”
"หึ!" วิศรุตแค่นเสียงหัวเราะเยาะในลำคอ
ยัยป้านี่คิดว่าเขาจะกลัวหรือไง
คำขู่พวกนี้ไม่ได้ผลสำหรับเขานัก เรื่องนี้เขารู้ดีว่าตนเองถูกสองแม่ลูกนี้จัดฉากและเขาไม่ได้รักใคร่ชอบพอกับศศิด้วยซ้ำ คนที่เขารักคือแพรพรรณ คนที่ตอนนี้กำลังยืนเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
วิศรุตจ้องหน้ารังรองนิ่ง ๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉียบ แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่นทุกคำ ดวงตาคมฉายแววเยือกเย็น ขณะมองอีกฝ่ายอย่างไม่สะทกสะท้าน
“คนอย่างผม มีทางเลือกเสมอ”
“แต่คุณ ต้องแต่งงานกับศศิ!” เสียงของรังรองดังลั่นไปทั้งห้อง “ถ้าไม่ฉันจะป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ไปเลย ดูสิว่าบริษัทจะของคุณจะยังน่าเชื่อถืออยู่รึเปล่า? เมื่อลูกชายเจ้าของบริษัทฟันผู้หญิงแล้วไม่รับผิดชอบ!”
รังรองลอยหน้าลอยตาพูดอย่างไม่ยอมแพ้แต่วิศรุตนิ่งเงียบ เขากดอารมณ์ไว้ภายใต้สีหน้าสงบนิ่ง ทั้งที่ภายในเดือดพล่านสิ่งที่เขาจะทำต่อจากนี้คือปล่อยให้ทนายเป็นคนจัดการก็แล้วกัน
วิศรุตหันกลับไปมองเพียงคนเดียว คนเดียวเท่านั้นที่เขาแคร์ แพรพรรณยังคงยืนอยู่ตรงนั้นน้ำตาคลอเต็มสองตา ไหลรินอาบแก้มอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
ตอนนี้เขาไม่สนใจคนร้ายกาจอย่างสองแม่ลูกนั่นอีก ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าตรงหน้าเท่านั้น ที่ดูจะมาได้ถูกที่ถูกเวลาเสียจริง
ดวงตาคมของเขาจ้องมองเธอนิ่งแต่แฝงไปด้วยความตัดพ้อ
“เธอหายไปตั้งหลายเดือน แต่กลับมาเห็นฉันในสภาพแบบนี้ รู้สึกดีหรือเปล่าละแพร?”เขาหัวเราะเยาะตัวเองเบา ๆ ดวงตาแดงก่ำจากความเจ็บปวดที่อัดแน่นอยู่ภายใน ทั้ง ๆ ที่เขาพยายามตามหาเธอแทบตาย แต่สุดท้ายแล้วเธอก็มาปรากฏตัวในจังหวะนรกสุด ๆ
“รู้สึกยังไงบ้าง แพร!!”
เขาถามด้วยเสียงที่สั่นจากทั้งโทสะและความเสียใจ กำปั้นทั้งสองข้างของเขากำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน สันกรามขึ้นเป็นริ้วจากความอัดอั้นที่แทบระเบิด
“คุณน่าจะเป็นคนที่รู้จักผมที่สุด แต่นี่คุณกลับไม่เชื่อใจผมเลยเหรอ? ผมคิดมาตลอดว่าคุณจะเข้าใจผมดีที่สุดนะแพร”
ร่างบางยังคงก้มหน้านิ่ง ดวงตาวูบไหว ก่อนจะมองไปที่สองแม่ลูกที่มองมาที่เธอด้วยสายตาสะใจ หมายความว่ายังไง นี่มันเรื่องอะไรกัน ตอนนี้แพรพรรณเองก็สับสนไม่น้อย
เธอมองชายคนรักอีกครั้ง เธอควรจะเชื่อใจเขาหรือเชื่อในสิ่งที่ตนเองเห็น และความลังเล ไม่เชื่อใจ ก็สะท้อนออกมาให้เห็น
“หึ…”
วิศรุตหัวเราะเยาะในลำคออีกครั้ง มองใบหน้าของคนรักที่ดูเหมือนจะไม่เชื่อใจกันเลย
น่าสมเพชตัวเองฉิบหาย
ยิ่งเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามของเธอเขาก็ยิ่งเจ็บปวด ทั้งที่เธอควรจะเชื่อใจเขาที่สุดแต่ดูเธอตอนนี้สิ สองมือของวิศรุตกำแน่นด้วยความรู้สึกเจ็บหน่วงในใจก่อนหันไปจ้องเขม็งใส่แม่ลูกสารพัดพิษ
“พรุ่งนี้ผมจะส่งทนายมาจัดการ พวกคุณเตรียมตัวเอาไว้ก็แล้วกัน!”
“ขอบคุณยาย ขอบคุณตานะจ๊ะ ที่ใจดีกับแพรและลูก"ท่ามกลางอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นยังมีเด็กหญิงตัวน้อยในผ้าอ้อมสีขาวสะอาดกำลังนอนหลับฝันดีอยู่ พาขวัญนอนหลับตาพริ้มขนตางอนหนาเด่นชัด แก้มกลมขึ้นสีชมพู ผิวพรรณเนียนผ่องดุจสำลีขาวสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่เป็นเหมือนดั่งของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิต แม้จะเกิดมาไม่มีพ่อแต่กลับเต็มเปี่ยมด้วยความรักจากครอบครัว แตกต่างจากชีวิตในวัยเด็กของแพรพรรณเอง ที่เติบโตมากับความรู้สึกขาดสิ่งเหล่านี้ จึงยิ่งทำให้เธอรู้ว่ารักจากตากับยายนั้นสำคัญสำหรับเธอเพียงใดหญิงสาวยิ้มน้อย ๆ ทั้งน้ำตา ก่อนจะก้มลงกระซิบกับลูกน้อยในอ้อมแขนของผู้เป็นยาย“ถึงหนูจะไม่มีพ่อเหมือนใครเขา แต่แม่ก็รักหนูที่สุดในโลกเลยนะจ๊ะ ลูกรักของแม่”ตอนนี้ชีวิตของแพรมีความสุขตามอัตภาพ ใช้ชีวิตแบบสงบตามที่ตัวเองต้องการ และเธอก็เคยคิดว่าวิถีชีวิตนี้จะดำเนินต่อไปแบบนี้เรื่อย ๆ จนถึงอนาคตข้างหน้าแต่ความสงบก็ไม่ยั่งยืนเมื่อแพรพรรณเข้ามาทำงาน ความสวยสะพรั่งของเธอก็ถูกตาต้องใจใครหลายคนเพียงแค่เข้าทำงานได้ไม่ถึงเดือนก็มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เข้ามาตามจีบแต่เธอก็ปฏิเสธไปทุกราย เธอไม่เปิดโอกาสให้ใครเข้ามาในชีวิต ตอนนี
ทางด้านวิศรุต หลังจากรับรู้เรื่องราวที่ไม่เป็นจริงจากศศิจันทร์ แต่เขากลับเชื่ออย่างสนิทว่าแพรพรรณตั้งท้องกับชายอื่นจริง ๆ ทำให้ตัวเขาหมดแรงที่จะต่อสู้เพื่อตัวเองและหญิงสาวแม้ในระหว่างนั้นจะมีรังรองและศศิจันทร์คอยให้ข่าวเรื่องที่เขากับเธอยังคงคบหากันอยู่เสมอแม้จะไม่ได้แต่งงานก็ตามวิศรุตความทุกข์ใจเสียใจมาทุ่มเทให้กับงานทั้งหมด โหมงานอย่างหนักจนไม่มีเวลามาคิดเรื่องอื่น จากชายหนุ่มที่มีความอ่อนโยนรอยยิ้มอบอุ่น ตอนนี้เขากลายเป็นคนเงียบขรึมเขากลายเป็นผู้บริหารที่ผู้คนยำเกรงวิศรุตถูกจับตามองในฐานะของนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงทำให้ บริษัทของเขารุ่งเรืองและก้าวหน้ายิ่งกว่าเดิม แต่ในความสำเร็จกลับไม่มีคนข้างกายที่ตัวเองโหยหา ตลอดเวลาที่ไม่มีแพรพรรณ เขาไม่เคยเปิดใจให้ใครอีกเลย แม้ศศิจันทร์จะพยายามเอาตัวเข้ามาในชีวิต เปลี่ยนตัวเองแค่ไหนก็ตามแต่กลับวิศรุตก็ไม่ได้ให้ความสนใจเธอเหมือนเดิม"เมื่อไหร่พี่รุตจะเลิกคิดถึงนังแพรเสียทีคะคุณแม่!" เสียงบ่นของศศิจันทร์เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทั้งที่เธอพยายามปรับปรุงตัวเองทุกอย่าง ทำทุกวิถีทางให้เขาหันมาสนใจแต่เขาก็ไม่หันมามองสักที"ลูกต้องให้เวลาเขาหน่อย เรื
ทางด้านแพรพรรณตอนนี้เธออาศัยอยู่ในห้องนอนเล็ก ๆ ในคอนโดที่เธอเช่าเอาไว้ ตอนนี้เธอเองก็คิดไม่ตก ทั้งเรื่องที่ศศิจันทร์ข่มขู่เรื่องลูกของเธอ ในตอนที่เธอกำลังนั่งจมอยู่กับความเครียดอยู่นั้น เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เธอมองไปที่หน้าจอ เป็นศศิจันทร์ที่โทรเข้ามา เธอไม่ได้กดรับในทันที เพียงแต่นั่งจ้องนิ่งอยู่แบบนั้น ปล่อยให้เสียงเรียกดังอยู่อย่างนั้นจนสายตัดไปเองและไม่นานนัก ข้อความก็เด้งขึ้นมา พร้อมกับรูปภาพที่ถูกส่งเข้ามารัว ๆ‘อย่าลืมยินดีกับฉันด้วยล่ะ’ปลายนิ้วจิ้มไปที่หน้าจอก่อนจะเห็นรูปบัตรเชิญงานแต่งและรูปถ่ายอีกหลายใบหัวใจของเธอแหลกสลาย ราวกับถูกบดขยี้ซ้ำ ๆ จนไม่เหลือชิ้นดี เธอปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างช้า ๆ แม้รักวิศรุตมากเพียงใด แต่ภาพนั้นมันยืนยันกับเธออย่างชัดเจนแล้วว่า เขาเลือกเดินต่อโดยไม่มีเธอการจากไปของเธออาจทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น แพรพรรณสูดลมหายใจเข้าลึก กดบล็อกเบอร์ของศศิจันทร์ พร้อมกับตัดช่องทางการติดต่อทุกอย่างจากแม่เลี้ยงและน้องสาว ตอนนี้เธอไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจริง ๆ สินะ” เธอพึมพำทั้งเสียงสะอื้น นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ก
“ขอบใจมาก และรับรู้เอาไว้ด้วยว่าเรื่องนี้ต้องไม่แพร่งพรายออกไปให้ใครรู้ เข้าใจใช่ไหม” เธอย้ำเตือนกับหญิงวัยกลางคน ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ“ค่ะคุณ”ความคิดเหยียบย่ำคนในครอบครัวไม่มีทางที่จะลดลง ศศิจันทร์ขับรถออกไปจากบริเวณนั้นทันทีเธอตรงมาที่บริษัทของวิศรุต เดินตรงดิ่งไปยังห้องทำงานและเปิดเข้าไปอย่างถึงวิสาสะวิศรุตเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง แววตาคมดุฉายชัดถึงความหงุดหงิดทันทีที่เห็นผู้บุกรุก “ใครอนุญาตให้คุณเข้ามา ศศิ!” เขาพูดเสียงเข้ม กรามขบแน่น “ผมไม่มีธุระอะไรจะคุยกับคนอย่างคุณ!”แต่ศศิจันทร์กลับส่งยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน เธอเดินเข้าไปใกล้แล้ววางซองเอกสารลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา “ศศิแค่อยากให้พี่รุตตาสว่างเท่านั้นเองค่ะ" เธอยังคงยิ้มแล้วพูดต่อ"พี่รุตอยากรู้ไม่ใช่เหรอคะ ว่าแพรพรรณหายไปไหนมาตั้งสี่เดือนทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแสดงความหงุดหงิด ศศิจันทร์ก็ไม่รีรอ รีบเข้าเรื่องทันทีวิศรุตวางปากกาลงอย่างแรง ก่อนจะลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะมายืนประจันหน้าเธอ แววตาแข็งกร้าว"เธอต้องการอะไรกันแน่?"เรื่องที่เธอบุกรุกเข้าบ้านเขาเพื่อทำร้ายแพรพรรณ เขายังไม่ทันเอาเรื่องด้วยซ้ำ แต่เธอกลับกล้
เช้าวันต่อมา ศศิจันทร์นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟากลางโถงห้องรับแขก มือเรียวกดหมายเลขโทรศัพท์ของพี่สาวต่างแม่ด้วยท่าทางเยือกเย็นเสียงสัญญาณดังไม่นาน ปลายสายก็กดรับ“รับเร็วดีนี่...” ศศิจันทร์แสยะยิ้มเยาะ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสะใจ"ต้องการอะไร" เสียงปลายสายตอบกลับมาเรียบแต่ถ้าฟังดี ๆ จะสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวในน้ำเสียง“แค่อยากโทรมาแจ้งข่าวน่ะ” ศศิจันทร์พูดช้า ๆ อย่างจงใจ “ตอนนี้ฉันกับ พี่รุต เข้าใจกันดีแล้ว และเขาก็ ตกลงจะแต่งงานกับฉัน”“เมื่อไหร่...” เธอถามเบา ๆ ราวกับคนที่กำลังจะหมดแรง “เธอจะแต่งงานกับเขาเมื่อไหร่”เสียงเธอสั่นเครือจนแม้แต่คนใจร้ายอย่างศศิจันทร์ก็ยังรู้สึกถึงความสั่นไหวนั้น แต่มันยิ่งทำให้เธอยิ้มกว้างขึ้น“ไม่นานหรอกจ้ะ” ศศิพูดเสียงหวานหยัน “เสียใจด้วยนะ ในที่สุดพี่รุตก็เป็นของฉันจนได้”ปลายสายเงียบไป ก่อนจะพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้าวร้าน“แค่นี้ใช่ไหมศศิที่เธอต้องการ”“วันนี้เอาแค่นี้ก่อน อย่าเพิ่งทนไม่ไหวล่ะ!!”ศศิจันทร์ตัดสายทิ้งทันที แพรพรรณกำมือถือเอาไว้แน่น น้ำตาเจ้ากรรมไหลลงมาอีกแล้ว ครั้งนี้เธอร้องไห้โฮโดยไม่อายใครอยู่ในห้องที่วิศรุ
“ใช่!! ฉันใจดำอำมหิตก็เพราะเป็นแก และอยากจะให้แกไม่อยู่บนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ แกไม่เคยรู้หรอกว่าฉันเสียใจขนาดไหน” ความในใจที่ค้างคาพรั่งพรูออกมาไม่หยุด“ในตอนที่ชีวิตแกมีความสุขอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ แกไม่รู้หรอกว่าฉันกับแม่ต้องโดดเดี่ยวขนาดไหน แกไม่เคยรู้รสชาติของคนที่ถูกตามหน้าว่าไม่มีพ่อ มันเจ็บปวดยังไง!! ถึงเวลาแล้วที่ฉันก็จะแย่งสิ่งที่แกรักและหวงแหนมาไว้กับตัว คือคนที่แกรักที่สุดไงล่ะนังหน้าโง่!”ความเคียดแค้นของศศิจันทร์ไม่ใช่วันนี้หรือเมื่อวาน แต่มันคือปมด้อยในใจเมื่อครั้งอดีต ที่แม่และเธอเฝ้ารอคอยให้ครอบครัวตัวเองมีความสุขบ้างเหมือนกัน หากไม่มีแม่ของแพรพรรณมาขวางเอาไว้ ชีวิตเธอคงมีความสุขมากกว่านี้รังรองเป็นคนเอาความคิดชั่วร้ายมาใส่สมองของลูกสาวมาตั้งแต่เด็ก ทั้ง ๆ ที่รังรองเป็นคนวางยาวิชัยในคืนนั้นยัดเยียดสถานะเมียน้อย ตอนนั้นเธอเองยังพูดว่าเต็มใจและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนสุดท้ายแล้วรังรองก็อยู่อย่างหลบซ่อนมาเป็นสิบปี จนวันนึงเธอทนไม่ไหวขึ้นมา เธอเป็นคนส่งภาพความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างวิชัยกับเธอส่งให้พลอยใสดู ทำให้พลอยใสเสียใจและขับรถเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต ซึ่งเรื่องราวที่เก







