เข้าสู่ระบบหลังจากผ่านไปสองวันแต่เรื่องราวกลับเงียบลงตั้งแต่วันนั้น เพราะเส้นสายและอำนาจของวิศรุตนั้นมีมากกว่า ขนาดพวกนักข่าวที่จ้างมายังไม่สามารถเอาข่าวออกมาลงได้ เรื่องนี้ทำให้รังรองร้อนรุ่ม แต่เธอก็ไม่คิดจะยอมแพ้
เธอยังยื่นเรื่องนี้และหลักฐานให้ทนายเพื่อบีบให้วิศรุตยอมรับการกระทำที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“คุณแม่คะ! ทำแบบนี้แล้วพี่รุตเขาจะยอมทำตามเงื่อนไขของเราเหรอคะ ฮึก...ศศิคิดว่าพี่รุตคงเกลียดศศิไปแล้วแน่ ๆ ฮือออ...”
เสียงสะอื้นปนความสิ้นหวังดังลอดจากริมฝีปากของศศิจันทร์ เธอก้มหน้า ร่างไหวสั่นราวกับคนแตกสลาย ก่อนที่ร่างของแม่จะเข้ามาปลอบโยนพูดจาเอาอกเอาใจ ยกมือลูบหลังของลูกสาวคนเดียวอย่างอ่อนโยน
"อย่าคิดแบบนั้นเลยลูก อย่างน้อยเราก็เป็นผู้หญิง หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปยังไงเสียสังคมก็ต้องตราหน้าผู้ชายและเห็นใจฝ่ายหญิงอยู่แล้ว เชื่อแม่นะ ยังไงแม่ก็ไม่ยอมอยู่แล้ว เชื่อแม่นะลูกทนอีกนิดแล้วลูกจะได้ในสิ่งที่ต้องการ"
รังรองพูดอย่างเอาใจลูกสาวสุดที่รัก เพียงแค่นั้นคนที่กำลังร้องไห้ก็เผยรอยยิ้มเหยียดออกมา
"แล้วคุณพ่อจะยอมเหรอคะ?" ศศิจันทร์เอ่ยถามเสียงแผ่ว แววตาสั่นไหวเต็มไปด้วยความกังวล เพราะรู้ดีว่าเรื่องธุรกิจที่ยังคงแข่งขันกันอยู่ในตลาดนั้นจะทำให้ผู้เป็นพ่อไม่มีวันยอมให้เธอแต่งงานกับวิศรุตได้ง่าย ๆ แน่
แต่รังรองกลับยิ้มเยือกเย็น ริมฝีปากคลี่ออกอย่างมั่นใจ
"ยอมสิ ไม่ว่ายังไงคุณพ่อก็ต้องยอม" รังรองยิ้ม เพราะเรื่องที่วิชัยติดค้างเธอสองแม่ลูกมันมีมากมายนัก ไม่ว่ายังไงเธอก็จะทำให้เขายอมให้ลูกสาวเธอแต่งงานกับวิศรุตให้ได้
ศศิจันทร์ยังคงไม่วางใจนัก เธอกัดริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยออกมาราวกับลังเล “แต่คุณแม่คะ พี่รุตเขาเป็นคนรักของนังแพรนะคะ ทำแบบนั้นจะดีเหรอคะ” คำพูดเหมือนจะดีแต่กลับแฝงไปด้วยความชั่วร้ายไม่ต่างจากนางร้ายในละครที่ยิ้มหวานแต่ซ่อนเข็มแหลมเอาไว้
“โธ่ลูกแม่ ทำไมช่างเป็นคนดีแบบนี้นะ ทั้งที่ยัยนั่นก็เอาแต่แย่งของของลูก ชอบทำร้ายลูกแท้ ๆ”
ใช่แล้ว!
เธอเคยใส่ร้ายพี่สาวต่างแม่มาแล้วโดยที่มันไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยสักนิด เธอกุเรื่องว่าแพรพรรณชอบแย่งของ ชอบทำร้ายเธอ รอยเล็บที่จิกตามเนื้อตามตัวเป็นหลักฐานชั้นดีแต่ใครจะรู้ว่าเธอเป็นคนทำเองนอกจากตัวของเธอเอง
เมื่อพ่อเห็นรอยพวกนั้น เขาก็โกรธจัด ตั้งท่าจะลงโทษแพรพรรณทันที แต่เป็นเธอเองที่แสร้งวิงวอนขอร้องไม่ให้ทำ
เธอทำเสียงอ่อนเสียงหวาน หลั่งน้ำตา และบอกพ่อว่า...“ศศิรักพี่แพรนะคะ ไม่อยากให้พ่อลงโทษพี่เลย ถ้าพ่อทำแบบนั้นศศิกลัวว่าพี่เขาจะไม่เล่นกับศศิอีก”
เด็กหญิงผู้แสนดีคนนั้น แท้จริงแล้วก็แค่เด็กน้อยผู้เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมตั้งแต่เด็ก
แน่นอนทุกเรื่องมันเป็นเรื่องที่เธอโกหกทั้งนั้นและยังมีอีกเรื่องที่เธอเอาไปฟ้องพ่อก็คือเรื่องที่พี่สาวต่างแม่แอบคบกับลูกชายบริษัทคู่แข่งของพ่อ พ่อโกรธมากสั่งห้ามเด็ดขาดและหลังจากนั้นทั้งคู่ก็โดนกีดกันถึงขีดสุด แถมพ่อยังสั่งกักบริเวณแพรพรรณ ห้ามออกจากบ้าน ยกเว้นแค่ช่วงเวลาเรียนเท่านั้น และมันเป็นแบบนั้นอยู่ตลอดทั้งปี จนผู้ชายคนนั้นเรียนจบไปโดยที่ไม่ได้เห็นหน้ากันอีกเลย
ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเพราะศศิจันทร์คอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด ทุกครั้งที่เห็นทั้งสองคนอยู่ใกล้กันเมื่อใด ข่าวก็จะถึงหูพ่อทันทีแล้วการกักบริเวณก็จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งและมันเป็นอย่างนั้นไปตลอดทั้งปีจนผู้ชายคนนั้นเรียนจบ
สุดท้ายแล้ว ทั้งสองก็เลิกรากัน แม้จะเป็นเพียงความเข้าใจเข้าข้างตัวเองของศศิจันทร์ก็ตาม แต่สำหรับเธอมันคือชัยชนะอันหอมหวาน
เรื่องนี้ยังคงสร้างความสะใจให้เธอได้เสมอ เพียงแค่นึกถึงน้ำตาของแพรพรรณ ความอึดอัดที่อีกฝ่ายต้องเผชิญ หัวใจของศศิจันทร์ก็พองโตด้วยความสะใจ
เธอไม่เคยเรียกแพรพรรณว่า ‘พี่’ เลยสักครั้ง การเกิดมาของทั้งคู่ราวเส้นขนาน ไม่สามารถบรรจบกันด้วยความรักตามแบบฉบับพี่น้องได้เลยและจะไม่มีวันนั้น
ศศิจันทร์เกลียดแพรพรรณเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เธอเติบโตมาโดยขาดพ่อมาโดยตลอดและทั้งหมดนั้นเป็นเพราะคำว่า ‘ทะเบียนสมรส’ ที่พ่อไม่เคยให้กับแม่ของเธอ ทำให้เธอโตมาด้วยการขาดความอบอุ่น ไม่รู้ว่าทำไมพ่อถึงไม่เคยมางานโรงเรียน ไม่เคยพาไปเที่ยว ไม่เคยอยู่ด้วยกันครบสามคนเหมือนครอบครัวอื่น
เด็กน้อยผู้ไม่รู้เรื่องราวของผู้ใหญ่เธอไม่ตระหนักเลยว่าทำไมแม่ของเธอถึงมาทีหลังและการไม่มีทะเบียนสมรสก็แปลได้ว่าแม่ของเธอเป็นเมียน้อย แต่กลับมีความแค้นฝังลึกจิตใจดำมืดเกินเยียวยา
ในวันที่เธอมีโอกาสเอาคืน เธอจะเหยียบให้จมดิน จะทำให้มันไม่มีความสุข ให้มีแต่ความเจ็บให้สมกับที่เธอและแม่ต้องแบกรับมาตลอดสิบกว่าปี เธอมองแม่ที่เธอรักและเทิดทูน ก่อนจะโผเข้าสวมกอดมารดาแน่น ซึ่งอีกฝ่ายก็ยิ้มรับ ที่แท้เรื่องทั้งหมดก็เป็นการวางแผนของทั้งคู่ แม่ลูกคู่นี้ช่างมหาภัยเสียจริง
“คุณแม่ฉลาดที่สุดเลยค่ะ ศศิรักคุณแม่นะคะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างชื่นชม
อีกฝ่ายยิ้มพึงใจ ยกมือลูบศีรษะลูกสาวอย่างอ่อนโยน หากแต่แววตากลับเต็มไปด้วยพิษร้าย “พวกเราจะต้องชนะมันให้ได้ นังแพรพรรณและแม่ของมันนับเป็นเสี้ยนหนามตำใจแม่มานาน แม้แต่ตอนที่แม่มันตายไป ก็ยังไม่ยอมเอาลูกมันไปลงนรกด้วยกัน…แค่คิดก็เจ็บใจนัก!”
ความเกลียดชังในน้ำเสียงของหญิงผู้นั้นชัดเจนจนสัมผัสได้ แม้คนตายก็ยังไม่วายถูกสาปแช่งเพราะสำหรับรังรอง ความแค้นคือสิ่งเดียวที่หล่อเลี้ยงเธอให้มีชีวิตอยู่ต่อและเธอจะไม่มีวันยอมให้ ‘ลูกของมัน’ ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร
พลอยใส มารดาของแพรพรรณเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน เธอถูกรถบรรทุกขับชนแล้วหนี ไม่สามารถค้นหาผู้ที่กระทำผิดอย่างประมาทนั้นได้ แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริง สำหรับใครหลายคน มันอาจเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้า แต่สำหรับรังรองกลับเป็นเรื่องดีที่สุดในชีวิต การจากไปของพลอยใส ทำให้เธอได้เผยตัวออกมาอย่างเต็มภาคภูมิ
จวบจนงานศพของพลอยใสสิ้นสุดลงเธอก็ได้ปรากฏตัวออกมายืนเคียงข้างสามีได้อย่างเต็มตัว เว้นเสียแต่ว่ายังมีเสี้ยนหนามตามใจอย่างแพรพรรณอีกคนที่มันไม่ยอมตายตามมารดาไปด้วย สิ่งนี้เองที่เป็นเสี้ยนหนามที่สองของรังรอง
เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่า ‘ลูกเลี้ยง’ อย่างแพรพรรณ จะกลายเป็นก้างชิ้นใหญ่ที่ขวางทางความรักของลูกสาวแท้ ๆ ของเธอเอง
เมื่อศศิจันทร์จบมัธยมและก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย เธอบังเอิญเลือกเรียนในสถาบันเดียวกับพี่สาวต่างแม่ แพรพรรณซึ่งในตอนนั้นอยู่ชั้นปีที่สอง ขณะที่เธอเพิ่งเข้าปีหนึ่ง
แต่ใครจะรู้ว่าการที่เธอเข้ามาเรียนต่อมหาวิทยาลัยจะเจอเข้ากลับผู้ชายคนนั้น คนที่เธอรู้ว่าเป็นใคร แต่การเจอกันในครั้งนี้ทำให้หัวใจของศศิเต้นแรงเพราะวิศรุตเปลี่ยนไปมากจากเด็กหนุ่มใส่แว่นหนาดัดฟันในวัยมัธยม ตอนนี้กลับเป็นชายหนุ่มเต็มตัว เป็นหนุ่มหล่อผู้ที่หญิงสาวทั้ง มหาวิทยาลัยต่างก็ชื่นชม แถมยังเป็นเดือนของคณะบริหาร เป็นพี่ปีสามที่หล่อที่สุด
และยิ่งเธอได้รู้ความลับของวิศรุตกับแพรพรรณอีกครั้งว่าพวกเขายังคงแอบคบกันอยู่ทั้งที่เธอเคยเอาเรื่องราวการคบหาของทั้งคู่ไปฟ้องคนเป็นพ่อแล้วแท้ ๆ และดูเหมือนว่าครั้งนี้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จะแน่นแฟ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ นี่พวกมันตบตาพ่อกับเธอมาตลอดเลยอย่างนั้นเหรอ ศศิคิดด้วยความเคียดแค้น
เธอเฝ้ามองทั้งคู่ด้วยความเจ็บใจ และคิดว่าคนอย่างแพรพรรณมันมีอะไรดีนักถึงทำให้วิศรุตหลงรักไม่เสื่อมคลายตั้งแต่มัธยมจวบจนถึงตอนนี้
ทั้งที่เธอเคยสร้างความสัมพันธ์ร้าวฉานจนพ่อสั่งห้ามมันไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวิศรุตแล้วแต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าพวกมันกลับลักลอบแอบคบกันอยู่ลับ ๆ และยังจับมือกันแน่นฝ่าฟันอุปสรรคกันมาได้จนถึงตอนนี้ และสิ่งที่ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าก็คือ วิศรุตในวันนี้เป็นชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมไม่เหมือนในอดีตแต่เขายังมองมันด้วยสายตาสายตารักใคร่ คอยดูแล เอาใจใส่สารพัดราวกับแพรพรรณเป็นผู้หญิงเดียวในโลกนี้
ความริษยาผสมปนเปกับความเจ็บใจ กลายเป็นเชื้อเพลิงร้อนแรงที่เผาผลาญอยู่ในอกและกลายเป็นความอยากได้
และอะไรที่เธออยากได้ เธอต้องได้!!!
“ขอบคุณยาย ขอบคุณตานะจ๊ะ ที่ใจดีกับแพรและลูก"ท่ามกลางอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นยังมีเด็กหญิงตัวน้อยในผ้าอ้อมสีขาวสะอาดกำลังนอนหลับฝันดีอยู่ พาขวัญนอนหลับตาพริ้มขนตางอนหนาเด่นชัด แก้มกลมขึ้นสีชมพู ผิวพรรณเนียนผ่องดุจสำลีขาวสิ่งมีชีวิตตัวน้อยที่เป็นเหมือนดั่งของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิต แม้จะเกิดมาไม่มีพ่อแต่กลับเต็มเปี่ยมด้วยความรักจากครอบครัว แตกต่างจากชีวิตในวัยเด็กของแพรพรรณเอง ที่เติบโตมากับความรู้สึกขาดสิ่งเหล่านี้ จึงยิ่งทำให้เธอรู้ว่ารักจากตากับยายนั้นสำคัญสำหรับเธอเพียงใดหญิงสาวยิ้มน้อย ๆ ทั้งน้ำตา ก่อนจะก้มลงกระซิบกับลูกน้อยในอ้อมแขนของผู้เป็นยาย“ถึงหนูจะไม่มีพ่อเหมือนใครเขา แต่แม่ก็รักหนูที่สุดในโลกเลยนะจ๊ะ ลูกรักของแม่”ตอนนี้ชีวิตของแพรมีความสุขตามอัตภาพ ใช้ชีวิตแบบสงบตามที่ตัวเองต้องการ และเธอก็เคยคิดว่าวิถีชีวิตนี้จะดำเนินต่อไปแบบนี้เรื่อย ๆ จนถึงอนาคตข้างหน้าแต่ความสงบก็ไม่ยั่งยืนเมื่อแพรพรรณเข้ามาทำงาน ความสวยสะพรั่งของเธอก็ถูกตาต้องใจใครหลายคนเพียงแค่เข้าทำงานได้ไม่ถึงเดือนก็มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เข้ามาตามจีบแต่เธอก็ปฏิเสธไปทุกราย เธอไม่เปิดโอกาสให้ใครเข้ามาในชีวิต ตอนนี
ทางด้านวิศรุต หลังจากรับรู้เรื่องราวที่ไม่เป็นจริงจากศศิจันทร์ แต่เขากลับเชื่ออย่างสนิทว่าแพรพรรณตั้งท้องกับชายอื่นจริง ๆ ทำให้ตัวเขาหมดแรงที่จะต่อสู้เพื่อตัวเองและหญิงสาวแม้ในระหว่างนั้นจะมีรังรองและศศิจันทร์คอยให้ข่าวเรื่องที่เขากับเธอยังคงคบหากันอยู่เสมอแม้จะไม่ได้แต่งงานก็ตามวิศรุตความทุกข์ใจเสียใจมาทุ่มเทให้กับงานทั้งหมด โหมงานอย่างหนักจนไม่มีเวลามาคิดเรื่องอื่น จากชายหนุ่มที่มีความอ่อนโยนรอยยิ้มอบอุ่น ตอนนี้เขากลายเป็นคนเงียบขรึมเขากลายเป็นผู้บริหารที่ผู้คนยำเกรงวิศรุตถูกจับตามองในฐานะของนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงทำให้ บริษัทของเขารุ่งเรืองและก้าวหน้ายิ่งกว่าเดิม แต่ในความสำเร็จกลับไม่มีคนข้างกายที่ตัวเองโหยหา ตลอดเวลาที่ไม่มีแพรพรรณ เขาไม่เคยเปิดใจให้ใครอีกเลย แม้ศศิจันทร์จะพยายามเอาตัวเข้ามาในชีวิต เปลี่ยนตัวเองแค่ไหนก็ตามแต่กลับวิศรุตก็ไม่ได้ให้ความสนใจเธอเหมือนเดิม"เมื่อไหร่พี่รุตจะเลิกคิดถึงนังแพรเสียทีคะคุณแม่!" เสียงบ่นของศศิจันทร์เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทั้งที่เธอพยายามปรับปรุงตัวเองทุกอย่าง ทำทุกวิถีทางให้เขาหันมาสนใจแต่เขาก็ไม่หันมามองสักที"ลูกต้องให้เวลาเขาหน่อย เรื
ทางด้านแพรพรรณตอนนี้เธออาศัยอยู่ในห้องนอนเล็ก ๆ ในคอนโดที่เธอเช่าเอาไว้ ตอนนี้เธอเองก็คิดไม่ตก ทั้งเรื่องที่ศศิจันทร์ข่มขู่เรื่องลูกของเธอ ในตอนที่เธอกำลังนั่งจมอยู่กับความเครียดอยู่นั้น เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เธอมองไปที่หน้าจอ เป็นศศิจันทร์ที่โทรเข้ามา เธอไม่ได้กดรับในทันที เพียงแต่นั่งจ้องนิ่งอยู่แบบนั้น ปล่อยให้เสียงเรียกดังอยู่อย่างนั้นจนสายตัดไปเองและไม่นานนัก ข้อความก็เด้งขึ้นมา พร้อมกับรูปภาพที่ถูกส่งเข้ามารัว ๆ‘อย่าลืมยินดีกับฉันด้วยล่ะ’ปลายนิ้วจิ้มไปที่หน้าจอก่อนจะเห็นรูปบัตรเชิญงานแต่งและรูปถ่ายอีกหลายใบหัวใจของเธอแหลกสลาย ราวกับถูกบดขยี้ซ้ำ ๆ จนไม่เหลือชิ้นดี เธอปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างช้า ๆ แม้รักวิศรุตมากเพียงใด แต่ภาพนั้นมันยืนยันกับเธออย่างชัดเจนแล้วว่า เขาเลือกเดินต่อโดยไม่มีเธอการจากไปของเธออาจทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้น แพรพรรณสูดลมหายใจเข้าลึก กดบล็อกเบอร์ของศศิจันทร์ พร้อมกับตัดช่องทางการติดต่อทุกอย่างจากแม่เลี้ยงและน้องสาว ตอนนี้เธอไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจริง ๆ สินะ” เธอพึมพำทั้งเสียงสะอื้น นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ก
“ขอบใจมาก และรับรู้เอาไว้ด้วยว่าเรื่องนี้ต้องไม่แพร่งพรายออกไปให้ใครรู้ เข้าใจใช่ไหม” เธอย้ำเตือนกับหญิงวัยกลางคน ซึ่งอีกฝ่ายพยักหน้าตอบรับ“ค่ะคุณ”ความคิดเหยียบย่ำคนในครอบครัวไม่มีทางที่จะลดลง ศศิจันทร์ขับรถออกไปจากบริเวณนั้นทันทีเธอตรงมาที่บริษัทของวิศรุต เดินตรงดิ่งไปยังห้องทำงานและเปิดเข้าไปอย่างถึงวิสาสะวิศรุตเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียง แววตาคมดุฉายชัดถึงความหงุดหงิดทันทีที่เห็นผู้บุกรุก “ใครอนุญาตให้คุณเข้ามา ศศิ!” เขาพูดเสียงเข้ม กรามขบแน่น “ผมไม่มีธุระอะไรจะคุยกับคนอย่างคุณ!”แต่ศศิจันทร์กลับส่งยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน เธอเดินเข้าไปใกล้แล้ววางซองเอกสารลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา “ศศิแค่อยากให้พี่รุตตาสว่างเท่านั้นเองค่ะ" เธอยังคงยิ้มแล้วพูดต่อ"พี่รุตอยากรู้ไม่ใช่เหรอคะ ว่าแพรพรรณหายไปไหนมาตั้งสี่เดือนทันทีที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแสดงความหงุดหงิด ศศิจันทร์ก็ไม่รีรอ รีบเข้าเรื่องทันทีวิศรุตวางปากกาลงอย่างแรง ก่อนจะลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะมายืนประจันหน้าเธอ แววตาแข็งกร้าว"เธอต้องการอะไรกันแน่?"เรื่องที่เธอบุกรุกเข้าบ้านเขาเพื่อทำร้ายแพรพรรณ เขายังไม่ทันเอาเรื่องด้วยซ้ำ แต่เธอกลับกล้
เช้าวันต่อมา ศศิจันทร์นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟากลางโถงห้องรับแขก มือเรียวกดหมายเลขโทรศัพท์ของพี่สาวต่างแม่ด้วยท่าทางเยือกเย็นเสียงสัญญาณดังไม่นาน ปลายสายก็กดรับ“รับเร็วดีนี่...” ศศิจันทร์แสยะยิ้มเยาะ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสะใจ"ต้องการอะไร" เสียงปลายสายตอบกลับมาเรียบแต่ถ้าฟังดี ๆ จะสัมผัสได้ถึงความสั่นไหวในน้ำเสียง“แค่อยากโทรมาแจ้งข่าวน่ะ” ศศิจันทร์พูดช้า ๆ อย่างจงใจ “ตอนนี้ฉันกับ พี่รุต เข้าใจกันดีแล้ว และเขาก็ ตกลงจะแต่งงานกับฉัน”“เมื่อไหร่...” เธอถามเบา ๆ ราวกับคนที่กำลังจะหมดแรง “เธอจะแต่งงานกับเขาเมื่อไหร่”เสียงเธอสั่นเครือจนแม้แต่คนใจร้ายอย่างศศิจันทร์ก็ยังรู้สึกถึงความสั่นไหวนั้น แต่มันยิ่งทำให้เธอยิ้มกว้างขึ้น“ไม่นานหรอกจ้ะ” ศศิพูดเสียงหวานหยัน “เสียใจด้วยนะ ในที่สุดพี่รุตก็เป็นของฉันจนได้”ปลายสายเงียบไป ก่อนจะพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้าวร้าน“แค่นี้ใช่ไหมศศิที่เธอต้องการ”“วันนี้เอาแค่นี้ก่อน อย่าเพิ่งทนไม่ไหวล่ะ!!”ศศิจันทร์ตัดสายทิ้งทันที แพรพรรณกำมือถือเอาไว้แน่น น้ำตาเจ้ากรรมไหลลงมาอีกแล้ว ครั้งนี้เธอร้องไห้โฮโดยไม่อายใครอยู่ในห้องที่วิศรุ
“ใช่!! ฉันใจดำอำมหิตก็เพราะเป็นแก และอยากจะให้แกไม่อยู่บนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ แกไม่เคยรู้หรอกว่าฉันเสียใจขนาดไหน” ความในใจที่ค้างคาพรั่งพรูออกมาไม่หยุด“ในตอนที่ชีวิตแกมีความสุขอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ แกไม่รู้หรอกว่าฉันกับแม่ต้องโดดเดี่ยวขนาดไหน แกไม่เคยรู้รสชาติของคนที่ถูกตามหน้าว่าไม่มีพ่อ มันเจ็บปวดยังไง!! ถึงเวลาแล้วที่ฉันก็จะแย่งสิ่งที่แกรักและหวงแหนมาไว้กับตัว คือคนที่แกรักที่สุดไงล่ะนังหน้าโง่!”ความเคียดแค้นของศศิจันทร์ไม่ใช่วันนี้หรือเมื่อวาน แต่มันคือปมด้อยในใจเมื่อครั้งอดีต ที่แม่และเธอเฝ้ารอคอยให้ครอบครัวตัวเองมีความสุขบ้างเหมือนกัน หากไม่มีแม่ของแพรพรรณมาขวางเอาไว้ ชีวิตเธอคงมีความสุขมากกว่านี้รังรองเป็นคนเอาความคิดชั่วร้ายมาใส่สมองของลูกสาวมาตั้งแต่เด็ก ทั้ง ๆ ที่รังรองเป็นคนวางยาวิชัยในคืนนั้นยัดเยียดสถานะเมียน้อย ตอนนั้นเธอเองยังพูดว่าเต็มใจและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนสุดท้ายแล้วรังรองก็อยู่อย่างหลบซ่อนมาเป็นสิบปี จนวันนึงเธอทนไม่ไหวขึ้นมา เธอเป็นคนส่งภาพความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างวิชัยกับเธอส่งให้พลอยใสดู ทำให้พลอยใสเสียใจและขับรถเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต ซึ่งเรื่องราวที่เก







