LOGINฟางเฟยกลับมาถึงบ้านตระกูลเกา เธอรีบเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมุ่งหน้าไปที่ลานยุทธเพื่อทบทวนกระบวนท่าที่เรียนไป
“ทำไมขยันแบบนี้ นึกถึงวันแรกทำท่าไม่อยากเรียนด้วยซ้ำ”
“คุณปู่ ไม่ได้สิคะ พี่จางจิ้งบอกหนูเอาไว้ ว่าถ้าหนูฝึกดาบจนคล่องดีแล้ว จะให้ยืมใช้ดาบของเขา”
คุณปู่ เกาซูว่าน ได้แต่ยิ้มชอบใจ
“เจ้านี่รู้จักหลอกล่อน้อง ฟางเฟย วางดาบลงแล้วหนูช่วยร่ายรำให้ปู่ดูหน่อย”
“ได้ค่ะ”
หญิงสาวส่งดาบให้ซิน แล้วออกลีลาร่ายรำ ด้วยการเริ่มจากท่วงท่าเชื่องช้าอ่อนช้อย จนเริ่มมีท่วงท่าที่กระโดดทรงตัว เปรียบเสมือนนกกระเรียนกระโดดเยื้องย่าง แผ่วเบาแต่หนักหน่วงแข็งแรงงดงาม จบลงด้วยการกางแขนขนาดกับพื้น แล้วตีรังกาโดยไม่ใช้มือยันพื้น ซึ่งเป็นทักษะของยิมนาสติกเสียงปรบมือดังขึ้น
“เยี่ยมจริง ๆ เห็นตัวเล็กบอบบางแบบนี้ กลับมีความยืดหยุ่นร่างกายที่ดี”
“ทีนี้คุณปู่เชื่อผมแล้วใช่ไหม ว่าฟางเฟยไม่ธรรมดาอย่างที่ผมบอกไว้จริง ๆ นี่ขนาดเพิ่งฟื้นไข้ได้ไม่กี่วัน ผมว่าวิชาดาบพื้น ๆ คงไม่เหมาะสม คุณปู่มีความเห็นว่าอย่างไงครับ”
เกาจางจิ้งเดินเข้ามาในลานยุทธ และกล่าวชื่นชมฟางเฟยต่อคุณปู่ เกาซูว่านมองดูหลานสาวที่ถูกเลือกให้เป็นผู้ถือคันฉ่องของตระกูลอย่างเห็นด้วยและภูมิใจ
ฟางเฟยกลับจากลานยุทธ เดินผ่านศาลฮั่นยุหวี่หญิงสาวเดินเข้าไปจุดธูปสักการะ ก่อนจะกลับไปบ้านเพื่ออาบน้ำพักผ่อน ฟางเฟยหยิบคันฉ่องมาส่องกับแสงสีเหลืองของแดดยามเย็น พลิกไปมานึกถึงวัยเด็กที่เวลาไปศาลเจ้าประจำตระกูล ก็มักจะไปขอดูคันฉ่อง ใฝ่ฝันอยากได้มาครอบครอง คิดว่าการได้เป็นผู้ถือคันฉ่องของตระกูลเป็นเรื่องสำคัญ จะมีใครรู้บ้างว่าหน้าที่ตรงนี้ แท้จริงคืออะไร
“ฟางเฟย พรุ่งนี้เช้าพี่จะพาไปที่ที่นึง จะไปกับพี่ไหม”
“ได้ค่ะ 3 วันนี้ว่าง ก่อนไปเซี่ยงไฮ้พี่จางจิ้งอยากพาไปที่ไหนก็ได้”
“ดีเลย มาอยู่ที่นี่หลายเดือนแล้ว พี่ควรพาเธอไปรู้จักสถานที่ต่าง ๆ ให้คุ้นเคย”
“คันฉ่องมีปัญหาเหรอ เห็นเอามานั่งดูนานแล้ว”
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่กำลังคิดว่าหน้าที่ของฉัน ต่อจากนี้มีประโยชน์อะไรบ้างกับตระกูลเกา คนถือคันฉ่องแบบฉัน สิ่งสำคัญที่ต้องทำคืออะไร ทำไมคนก่อนนี้ไม่จดบันทึกเล่าเรื่องราวไว้บ้าง หรือสิ่งที่ได้ทำ มันไม่สามารถบอกใครได้ ถึงไม่มีการบันทึกเอาไว้”
เกาจางจิ้งมองดูน้องสาว ในใจก็คิดถึงดาบที่เขาเป็นผู้สืบทอด ก็ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษ ตระกูลเกามีความเก่าแก่รอดพ้นเภทภัยหลายต่อหลายครั้ง จนถึงทุกวันนี้ เบื้องลึกเบื้องหลังมีหลายคนอยากรู้ และต้องการช่วงชิงอำนาจแทนตระกูลเกา แต่สุดท้ายก็มีอันเป็นไปแตกต่างกัน สำหรับเขาทุกครั้งที่จับดาบแค่รู้สึกทรงพลัง และไม่รู้จักเหน็ดเหนื่่อยหากต้องเข็นฆ่าศัตรู แต่กับน้องสาวที่นั่งมองกระจกทองแดด เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่า หน้าที่และความสำคัญที่น้องสาวต้องทำคืออะไร
“กินข้าวแล้วก็พักผ่อนเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว พรุ่งนี้เช้าก็ไปกับพี่แล้วกัน”
เกาจางจิ้งเดินออกไป ฟางเฟยมองตามหลังพี่ชายที่มีรูปร่างองอาจ คิดถึงพี่ชายที่เมืองไทยตอนนี้จะเป็นอย่างไงบ้างนะ ล่าสุดที่ได้คุยกันผ่านโทรศัพท์ ก็สบายดีงานที่เคยมีปัญหาก็ลงตัวหมดแล้ว พี่ชายคนนี้ช่างเก่งการบริหาร สมควรที่พ่อจะไว้ใจเขา
ห้วงเวหาอันเวิ้งว้างและแสงดวงดาราพร่างพราวนภา บุรุษชุดขาวผมยาวที่คุ้นตากับรอยยิ้มละไม นั่งรอเธออยู่เหมือนรู้ว่าเธอจะมาถึง
“เจอกันอีกแล้วนะเกาฟางเฟย นั่งลงก่อน วันนี้ข้าได้น้ำค้างห้วงเวหามา อากาศวันนี้เย็นเป็นพิเศษ ดื่มชาอุ่น ๆ กับข้าก่อนแล้วกัน"
ซื่อเว่ยต้าตี้ ริมน้ำชาจากกาดินเผาสีดำ กลิ่นชาหอมสดชื่น ชาสีอำพันสวยงาม ฟางเฟยยกจอกชาขึ้นมาเป่าไล่ความร้อน แล้วค่อย ๆ ดื่ม
“สาวงาม ข้อเสียของเจ้าคือเชื่อใจคนง่าย เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าชานั้น จะปลอดภัยกับเจ้า”
ฟางเฟยละสายตาจากจอกชา เหลือกตาขึ้นมองหน้า ซื่อเว่ยต้าตี้ ชายหนุ่มยังมีสีหน้าและท่าทางเรียบเฉยปกติ
“ถ้าสหายท่านไม่ยอมให้นางแสดง ข้าจะไปหาใครมาทำหน้าที่ตรงนี้ได้ ตายแน่ ๆ ครั้งนี้ข้าตายแน่”“อันใดของท่าน งานอะไรสำคัญนักรึ ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าในวังจะมีงานอันใด ถ้าจัดเลี้ยงเล็กน้อยในตำหนัก ท่านก็ไม่น่ากระวนกระวายเช่นนี้ นางรำในสำนักท่านมากมาย จะหามาแทนนางผู้ก่อปัญหาไม่ได้เชียวรึ”“เรามีนางรำมากมายก็จริง แต่ข้าเฝ้าทดสอบพวกนางมาหลายวัน ก็หาคนแสดงไม่ได้ เมื่อครู่แม่นางทั้งสองเข้ามาขอทดสอบ แม่นางน้อยผู้นั้นทำได้ ทำได้ดีด้วย องค์ชายท่านช่วยเกลี้ยกล่อมสหายรูปงาม ให้อนุญาตแม่นางน้อยผู้นั้นทำการแสดงให้ข้าเถอะนะ”“ท่านซื่อเว่ยเป็นคู่หมั้นของนาง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขา ท่านใช้คนนอกทำการแสดงก็ผิด คนของตนทำผิดปกปิดก็ผิด ลี่กัน เช่นนี้หากมีผู้อื่นรู้เข้าข้าจะช่วยเจ้าได้อย่างไรกัน”ท่านอาจารย์ลี่กัน ได้แต่นั่งถอนหายใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด กับการแก้ปัญหาที่จวนตัวเทพเจ้าดวงดาวดึงเกาฟางเฟยมาจนพ้นสายตาผู้คน เทพเจ้าหนุ่มมองหน้าหญิงสาวตรงหน้าด้วยความไม่สบอารมณ์ “ว่ามาเจ้าเด็กดื้อ นี่เจ้าทำอะไรฟางเฟย ข้าตั้งใจพาเจ้ามาสังเกตการณ์โจวซานป๋อ เพื่อกลับไปวางแผน เพื่อดึงเขาออกจากห้วงฝัน แต่เวลานี้เร
“มีอันใดเฟิ่งหวาง”“มีเรื่องน่าสนุกที่นั่น ตอนนี้”ฟางเฟย เข้าไปกระซิบกับซื่อเว่ยต้าตี้ เทพเจ้าหนุ่มมีสีหน้าไม่อนุญาต แต่มีหรือจะห้ามเจ้าเด็กดื้อได้ ฟางเฟยยิ้มให้เขา แล้วคว้ามือเฟิ่งหวางวิ่งออกไปจากโรงปั้น“นั่นนางจะไปที่ใดกัน”“ไปสำนักนาฏศิลป์” ซื่อเว่ยต้าตี้ตอบด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นักโจวซานป๋อเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา “ท่านกับนางดูแล้วเหมือนอายุห่างกันไม่น้อยหากข้าไม่เห็นหน้าท่าน”“หมายความว่าเช่นไร” “ท่านดูเป็นผู้ใหญ่ สุขุมและอบอุ่น แต่นางดูซุกซนดื้อรั้นแม้บางครั้งจะดูดุ แต่คงเพราะเป็นหญิงที่มักจะมีหลากหลายอารมณ์”“แต่โดยรวมนางก็น่ารักสำหรับข้า” ซื่อเว่ยต้าตี้ตอบพร้อมรอยยิ้มและแววตาชวนฝัน“ถ้าข้าได้นางเป็นคู่ครอง ข้าคงมีความสุขเช่นท่าน”“อย่าแม้แต่คิดโจวซานป๋อ ข้าหวงนางดั่งชีวิตข้าเอง”“เข้าใจแล้ว” โจวซานป๋อได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าให้กับท่าทางหึงหวงอย่างออกนอกหน้าของซื่อเว่ยต้าตี้ ชายหนุ่มเตรียมอุปกรณ์ทำงานใส่ลงตะกร้า แล้วยื่นส่งให้คนงานเอาไปเตรียมจัดขึ้นรถม้า “แม่นางฟางเฟยกับแม่นางเฟิ่งหวางไปนานเกินไปแล้วนะ ท่านซื่อเว่ยเราไปดูนางกันหน่อยดีไหม”“ข้าก็รอท่านอยู่นี่ไง ไปกันเถอะข้าเ
“สร้างฝนก็หน้าที่ท่าน เกี่ยวอะไรกับข้า”“เกี่ยวสิ เจ้านี่แหล่ะเป็นส่วนประกอบสำคัญของข้า เพราะเจ้าเกาฟางเฟย สตรีเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้ข้ารู้สึกปลดปล่อย” เทพเจ้ามังกรขาวเกร็ดมุกไม่รอช้า รีบบรรเลงบทรักอันเร้าร้อนกับหญิงสาวที่เขาเฝ้ารักเฝ้าดูแลเป็นตามกำหนด ข่ายมนต์เรียกฝนของเจ้ามังกรก็สำแดงเดช ฟ้าครึ้มมืดดำในกลางดึก เสียงฟ้าร้องสนั่นหวั่นไหวก่อนที่สายฝนจะโปรยปรายลงมาไม่ขาดสายติดต่อกันเป็นเวลานาน จนระดับน้ำขึ้นสูง เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวราวแผ่นดินเคลื่อนย้ายตนเอง ใต้แอ่งลำธารเกิดการยุบตัวจนเป็นแอ่งน้ำกว้างใหญ่ สายน้ำเชี่ยวกราดมาหยุดหมุนวนอยู่ในแอ่งน้ำใหม่ จนล้นเอ่อถึงไหลต่อไปตามสายธาร ฉือเกาเทารีบวิ่งหน้าตาตื่นเข้าจวนสกุลโจวแต่เช้า “คุณชายรอดหรือไม่ ท่านฟื้นหรือยัง”“ฟื้นแล้วเจ้าค่ะ คุณชายซื่อเว่ยดูแลทั้งคืน”“คุณชายรูปงามผู้นั้นนะรึ วิเศษจริง ข้ารอฟังข่าวอยู่ที่หมู่บ้านทุ่งนาไม่มีผู้ใดไปส่งข่าวต่อข้าเลย อ๋อไปไม่ซินะ ก็ถนนมันขาด”“เอ๊ะอะอันใดแต่เช้า” โจวซานป๋อเดินออกมาโดยมีเซิงฉีพยุงเดินออกมาจากด้านใน แม้จะอาการดีขึ้นแล้ว แต่สีหน้ายังคงซีดเซียว บาดแผลที่หัวไหล่ดูหนักหนาเอาการถึงกับแขน
ซื่อเว่ยต้าตี้ยืนดูความรักของมารดาที่มีต่อบุตรของตน สะท้อนไปถึงตนเอง หากท่านแม่รู้ว่าข้าถูกรังแก นางคงเสียใจไม่ต่างกับมารดาของโจวซานป๋อในตอนนี้เลย แต่จะไม่มีวันที่เขาจะต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้เป็นอันขาด ยิ่งเวลานี้เขามีหญิงสาวที่เฝ้ารักมาอยู่เคียงข้าง ยิ่งไม่มีวันที่จะยอมให้ตัวเองตกเป็นฝ่ายถูกกระทำแน่นอน “ทูลพระสนม ขอให้ข้าได้ลองรักษาคุณชายโจวได้หรือไม่”“ท่านทำได้รึ ท่านมีความรู้ด้านการแพทย์ด้วยรึคุณชายซื่อเว่ย”“ข้าพอมีความรู้อยู่บ้าง จึงอยากลองดู หากท่านจะอนุญาต”“ได้ ๆ เวลานี้ข้ามีแต่อธิษฐานต่อฟ้าดิน ให้มีผู้วิเศษช่วยลูกข้าให้ปลอดภัย หากท่านช่วยได้ก็ถือว่าสวรรค์เมตตาข้ากับลูกแล้ว”เทพเจ้าดวงดาวเข้าไปในห้องของโจวซานป๋อ และขอให้ทุกคนออกไปรออยู่ด้านนอก ห้ามเข้ามาจนกว่าเขาจะอนุญาต เวลาผ่านไปเนินนาน ก็ยังไร้วีแววว่าเขาจะออกมา ฟางเฟยกับเฟิ่งหวางจึงตัดสินใจพาพระสนมกลับไปนอนพักผ่อน หากซื่ิอเว่ยต้าตี้ออกมาเมื่อใด ก็ค่อยให้สาวใช้ไปตาม “ท่านฟางเฟยไปนอนเถอะ คืนนี้ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนนางเอง”“ข้าตั้งใจจะกลับไปรอท่านซื่อเว่ยต้าตี้”เฟิ่งหวางยิ้มให้หญิงสาว แล้วกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ “อย่าห่วงไปเลย
ซื่อเว่ยต้าตี้เห็นสองสาวกระซิบกัน จนฟางเฟยมีหน้าตาเคร่งเครียดขึ้นมา “ข้ากับฟางเฟย เราหมั้นหมายกันมาตั้งแต่นางแรกเกิด ตัวข้าเองก็ติดตามนางไปทุกหนแห่ง ที่ข้ายังไม่แต่งนางเป็นภรรยา เพราะรู้ดีว่านางยังอย่างเรียนรู้ชีวิต และเรียนรู้ใจของข้า”“คุณชายซื่อเว่ย ช่างรักนางนัก น่าอิจฉาเสียจริง” เหล่าช่างหลวงต่างพูดชื่นชมเมื่อได้ยินเหตุผลจากชายหนุ่มคุณชายโจวเมื่อได้ยินแบบนั้นก็มีสีหน้าสลดลงเล็กน้อย แต่ก็สามารถปรับอารมณ์ให้เป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว “เอาละหากพวกเจ้าอิ่มแล้ว พวกเราก็ลงมือต่อเถอะ เดี๋ยวแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเร่งงานเตาเผา ส่วนอีกกลุ่มจัดตั้งโต๊ะอุปกรณ์แล้วลงมือขึ้นท่อได้เลย”เห็นโจวซานป๋อสั่งงานคนของตนและแยกตัวออกไปทำงาน ซื่อเว่ยต้าตี้จึงหันมาทางหญิงสาวทั้งสอง “ฟางเฟย ข้าจะไปดูลำน้ำด้านล่าง เจ้าไปกับข้านะ ส่วนเจ้าเฟิ่งหวางอยู่ช่วยคุณชายโจวที่นี่ ระวังคนขององค์ชายรองให้ดี ข้าไม่ไว้ใจ”“เจ้าค่ะท่านเทพ”“อย่าเรียกข้าเช่นนี้”“ได้คุณชาย ข้าจะอยู่จัดการด้านนี้เอง”เทพเจ้ามังกรขาวเกร็ดมุกยืนบนโขนหินใหญ่ มองดูสายน้ำที่เชี่ยวกราดด้านล่าง จากต้นน้ำจนสุดสายตาของปลายน้ำ ที่ลัดเลาะหายไป
“ข้าคงมิอาจให้ท่านช่วย ด้วยท่านเป็นแขกของข้า แต่หากท่านจะไปด้วยข้าก็ยินดี ข้าจะกลับไปควบคุมแรงงานกู้ระบบส่งน้ำที่เสียหายเมื่อคืน”ภาพหมู่บ้านทุ่งนาในส่วนด้านบนก็ดูปกติดี แต่ที่สังเกตเห็นได้ชัดเจน คือบริเวณริมลำธารทั้งสองฝั่งน้ำน่าจะขึ้นสูงและหลากลงเขามาด้วยความเร็ว ดูจากคราบโคลนดินแดงที่พัดจนต้นไม้ใบหญ้าริมลำธารลู่ล้มไปตามกระแสน้ำ ชาวบ้านและทหารแรงงานที่ถูกจัดส่งให้มาอยู่ในส่วนนี้ ต่างช่วยกันกู้ท่อดินเผาและชิ้นส่วนรหัสวิดน้ำ ซึ่งทำจากไม้ได้รับความเสียหายจากการถูกน้ำพัดพา มาจัดประกอบซ่อมบำรุงกันใหม่ ฟางเฟยเกิดความกังวลขึ้น กับเหตุการณ์ที่เห็นตรงหน้า “ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ทั้งหมดนี้เกิดจากท่านใช่หรือไม่”“เกิดจากข้าคืออะไร”“เฟิ่งหวางบอกข้า ว่าท่านเป็นสายเลือดมังกรสวรรค์ บิดาท่านคือเทพวายุเป็นมังกรแห่งสายลม แต่ท่านคือมังกรจากน้ำ เพราะท่านถือกำเนิดภายใต้มหาสมุทรแห่งทะเลอุดร มารดาท่านเป็นมารน้ำ ท่านจึงมีพลังแห่งน้ำ เหตุที่ฝนตกหนักเมื่อคืนย่อมเป็นเพราะพลังของท่าน”ซื่อเว่ยต้าตี้ได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะออกมาอย่างขบขัน “เจ้าไก่ห้าสีตัวนี้สักวันข้าจะเอามาย่างกิน มาอยู่สวรรค์ไม่นานรู้ดีไปเสียหมด







