LOGIN“ชาของข้าปลอดภัยต่อเจ้า อย่ากลัวไปเลย เพียงแต่เจ้าควรระวังตัวมากกว่านี้ ในห้วงฝันของพวกเขา อาจไม่ใช่ที่ปลอดภัยสำหรับเจ้า ต่อให้ข้าติดตามเจ้าไปในห้วงฝันด้วย ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะช่วยเจ้าได้ทุกครั้ง เจ้าควรระวังตัวเองเอาไว้ด้วย อ้อ…วันนี้เจ้าดูสวยงามมาก ข้าชอบ”
ซื่อเว่ยต้าตี้ มองดูหญิงสาวด้วยสายตาพอใจ ชุดและปิ่นเมฆาของเขา จะอยู่บนตัวนางทุกครั้งที่นางมาที่นี่
“ชาของท่านเทพรสชาติดีมาก กลิ่นหอมสดชื่น น้ำชามีรสหวานปลายลิ้น แบบนี้คงทำให้เจริญอาหารและบำรุงธาตุได้ดี”
“ใบชานี้ครั้งนึงเคยมีในแดนพฤกษา แต่พอ กุ้ยอ้ายป๋อเฉิง เข้าสู่นิพพานต้นชานี้ก็แห้งเหี่ยวทิ้งใบจนหมดต้น ทำให้สวรรค์ไม่มีใบชานี้ใช้ในตำหนักและแดนเทพอีก พอดีข้าอยู่เพียงลำพังและไม่เคยมีเพื่อน ทำให้ยังเหลือชานี้สำหรับเจ้า”
“ผู้ชายรูปงาม และอบอุ่นเช่นท่าน ไม่มีเพื่อนหรือคู่รักข้างกาย ฟังดูประหลาดนัก”
“ประหลาดงั้นหรือฟางเฟยเจ้ามองรอบตัวข้า จะมีใครอยากมาที่นี่แดนดาราห้วงเวหา มีแต่ความว่างเปล่าเงียบเหงา ที่นี่ไม่มีใครอยากมาหรอก ข้าอยู่เช่นนี้มานานแสนนาน ถือว่าโชคดีมากที่องค์ ฮั่นยุหวี่ มอบหน้าที่ชี้ทางเจ้ามาที่ข้า ทำให้ข้าได้ดูแลเจ้า สาวงามเจ้ายินดีมีข้าเป็นเพื่อนรึไม่”
“ยินดีค่ะ ได้เพื่อนเป็นถึงเทพดวงดาว ใบหน้างดงามกับรอยยิ้มของท่าน มองทั้งวันก็ไม่มีวันเบื่อ”
ซื่อเว่ยต้าตี้ยิ้มแล้วหลบสายตาของฟางเฟย ดูเหมือนคำชมของหญิงสาว จะทำให้บุรุษผู้ชอบโปรยคำหวาน มีทีท่าเขินอายขึ้นมาบ้าง
“เราไปเยี่ยม กุ้ยอ้ายป๋อเฉิง กันหน่อยดีไหม”
กุ้ยอ้ายป๋อเฉิง เป็นบุรุษรูปงามในอาภรณ์สีน้ำตาลอ่อนผ้าด้านในที่ถูกทับเป็นสีขาว เนื้อผ้าเป็นผ้าฝ้ายและผ้าที่ทอจากเยื้อและไยไม้บางชนิด รอบตัวของเทพเจ้าหนุ่ม มีกลิ่นแก่นไม้หอมบางชนิด ผมยาวถูกรวบเกล้ามวยอยู่กลางศีรษะปักปิ่นไม้เรียบง่าย เทพเจ้าหนุ่มนั่งหลับตาอย่างสงบ ทั่วห้องมีตุ๊กตาไม้แกะสลักในอิริยาบถต่าง ๆ ถูกจัดวางและทำความสะอาดอย่างเรียบร้อย คงเป็นฝีมือเซียนรับใช้ที่อยู่ด้านนอก สองข้างซ้ายขวา มีเชิงตะเกียงน้ำมันลดหลั่นเป็นชั้น รู้ทรงเหมือนต้นไม้ ที่ถูกจุดให้แสงสว่างไม่เคยขาด กลางห้องมีกระถางกำยานส่งกลิ่นหอมไปทั่วห้อง ฟางเฟยลงไปนั่งคุกเขาตรงหน้าเทพเจ้าธาตุไม้ มองใบหน้างดงามที่นิ่งสงบ เพราะอะไรกันนะถึงหลับใหลแบบนี้
“เจ้าห้ามถูกตัวเขา” ซื่อเว่ยต้าตี้รีบเข้ามาจับมือฟางเฟย ที่กำลังเอื้อมไปสัมผัสใบหน้าของ กุ้ยอ้ายป๋อเฉิง
“ทำไมล่ะ ก็เพราะไม่มีใครปลุกเขา เขานั่งแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว”
ฟางเฟยหันไปมองหน้า ซื่อเว่ยต้าตี้และพยายามดึกมือออก แต่ซื่อเว่ยต้าตี้ไม่ยอมปล่อย แล้วยังดึงหญิงสาวให้ลุกขึ้น ดันร่างของเธอให้ออกห่าง จากร่างของกุ้ยอ้ายป๋อเฉิง
“ถ้าเจ้าสัมผัสถูกร่างของเขา ดวงจิตของเขาจะไม่สามารถกลับมาที่ร่างกายของเขาได้อีก เข้าใจรึยัง”
ฟางเฟยหยุดดึงดันที่จะดื้อรัน หญิงสาวหันไปมองเทพเจ้าธาตุไม้ ความรู้สึกสงสารแผ่เข้าสู้หัวใจของเธอ เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา
“ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ฉันจะไปในห้วงฝันของ ท่านกุ้ยอ้ายป๋อเฉิง ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ท่านพาฉันไปได้ไหม”
ซื่อเว่ยต้าตี้ ยกมือขึ้นปิดตาหญิงสาว พอเขาลดมือลง ภาพตรงหน้ากลับเป็นผืนป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ที่ร่มรื่น ดอกไม้เบ่งบานรับแสงแดดอ่อน ส่งกลิ่นหอมสดชื่นไปทั่ว
ภาพกุ้ยอ้ายป๋อเฉิงสะพายตะกร้าก้มหน้าก้มตาเก็บสมุนไพรบางชนิด ใส่ลงในตะกร้าที่เขาสะพายมา ใบหน้าเรียบเฉยที่ฟางเฟยเห็นก่อนนี้ ปรากฎรอยยิ้มและดวงตาที่มีความสุข ฟางเฟยเดินตามกุ้ยอ้ายป๋อเฉิงไปเรื่อย ๆ ดูเหมือนเขาจะไม่รู้เลยว่ามีคนตามมาถึงสองคน จนกระทั่งมาถึงตำหนักเทพเจ้าธาตุไม้ของเขา ที่แตกต่างไปจากที่เห็นในก่อนหน้านี้
ตอนนี้ที่นี่สวยงามร่มรื่น ต้นไม้ออกดอกสีสันสวยงาม เบ่งบานโปรยกลีบร่วงหล่นจนลานหญ้าสีเขียว เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้สีชมพูเต็มลานไปหมด ฟางเฟยมองดูต้นไม้ใหญ่หน้าเรือนไม้ของกุ้ยอ้ายป๋อเฉิง ที่กำลังมีกลีบดอกสีชมพูร่วงหล่น หญิงสาวหมุนตัวไปในลานกลีบดอกไม้ ที่นี่สวยงามสมกับเป็นแดนสวรรค์
ฟางเฟยและทุกคนหันไปมองต้นเสียงที่มาถึง เทพธิดารูปโฉมงดงามนางหนึ่งพร้อมเทพธิดารับใช้ ใบหน้ายิ้มสดใสทอดสายตาไปที่ซือเว่ยต้าตี้ “นาน ๆ ทีท่านจะกลับมาแดนสวรรค์ ไม่คิดกลับตำหนักซื่อเว่ย ไปเข้าเฝ้าองค์ฮั่นยูหวี่ ก็จะกลับแดนห้วงเวหา ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมนะ”“ข้ากำลังพานางไปเข้าเฝ้า แล้วจะกลับห้วงเวหา ไม่คิดจะพักที่นี่ ข้าทิ้งงานมาหลายวัน ข้าไม่อย่าต้องโทษมีความผิดใด ๆ ทั้งสิ้น”“ช่างใจร้ายนัก ท่านไม่คิดถึงข้าบางเลยรึ แดนห้วงเวหาท่านก็ปิดผนึกเอาไว้ ไม่ว่าผู้ใดก็เข้าออกมิได้ ข้าไปหาหลายหน ทหารยามก็ปฏิเสธทุกครั้ง จะฝ่าผนึกพลังเวทย์ก็ทำมิได้ ท่านจะหลบหน้าข้าแบบนี้ตลอดไปเช่นนั้นรึ”เทพเจ้าหนุ่มทำเป็นหูทวนลมไม่ได้ยินสิ่งที่นางพูด "ท่านเทพไท่ไป๋จิงซิง รบกวนจัดยาให้นางแล้วให้คนไปส่งให้ข้าด้วย” ซื่อเว่ยต้าตี้หยิบชิ้นเห็ดหลินจือ ส่งให้เทพผู้เฒ่าหนึ่งชิ้น เป็นสินน้ำใจ แล้วเขาก็รีบเดินมาประคองฟางเฟย เพื่อเดินออกจากห้องปรุงยา แต่ก็ถูกเทพธิดาบริวารของนางผู้มาเยือนขวางไว้“บังอาจ” ซื่อเว้ยต้าตี้ตวาดใส่พวกนาง “พวกเจ้าเป็นแค่สาวใช้ อย่ากำเริบกับข้า”พวกนางได้แต่ก้มศีรษะตัวสั้นด้วยความหวาดกลัว“ซื่อเว่ยต้าตี้ ท่
หมอลี่จู ส่งจูบให้จางจิ้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป จางจิ้งได้แต่ขำกับท่าทีของลี่จู เธอเป็นผู้หญิงน่ารักและใจดี เสียก็แต่เขาไม่ได้ชอบเธอ จางจิ้งเดินกลับไปยืนข้างเตียงของฟางเฟย แค่คืนกับวัน ตอนนี้สีหน้าของฟางเฟยดูดีขึ้นจริง ๆ หวังว่าเธอในอีกช่วงเวลาคงปลอดภัย จางจิ้งกุมมือของหญิงสาวเอาไว้ ส่งพลังไปถึงฟางเฟย รีบกลับมานะพี่รออยู่เสียงหัวเราะเฮฮาดังออกมาจากห้องพักฟื้นบนแดนสวรรค์ เกาฟางเฟยเล่าเรื่องมากมายบนโลกมนุษย์ ณ เวลาปัจจุบันให้กับ ซื่อเว่ยต้าตี้ กุ้ยอ้ายป๋อเฉิง และมู่ตัน ฟัง ชายหนุ่มทั้งสองเล่นหมากไปดื่มน้ำชาไป และกินขนมปังกรอบที่เธอเอาติดตัวมา ฟังเรื่องต่าง ๆ ที่เธอเล่า ประหนึ่งฟังนิทานหลอกเด็ก เจ้าเด็กน้อยก็พลอยหัวเราะชอบใจไปด้วย“นี่อะไรกัน พวกเจ้าเป็นถึงเทพระดับสูง มานั่งจับกลุ่มส่งเสียงดังอะไรกัน พวกเจ้านะ พวกเจ้า เห็นสถานพยาบาลของข้าเป็นบ้านของพวกเจ้ากันรึไง”เทพไท่ไป๋จิงซิง ยืนเท้าเอวบ่นพวกเขา ซื่อเว่ยต้าตี้ถึงกับหัวเราะกับท่าทางของท่านเทพอาวุธโส“เกาฟางเฟย ซื่อเว่ยต้าตี้ ข้ากับมู่ตันกลับก่อนดีกว่า ตาเฒ่าอารมณ์เสียแล้ว ข้าเพิ่งก่อเรื่องจากตำหนักสวรรค์มาหมาด ๆ จะมาโดนเรื่องนี้อีก ค
ซื่อเว่ยต้าตี้ทำตามที่เขาบอก แล้วมองใบหน้าของฟางเฟย นับเลขในใจ เป็นอย่างที่กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงพูด เกาฟางเฟยค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ใบหน้าแรกที่หญิงสาวเห็นคือซื่อเว้ยต้าตี้ ที่ยิ้มกว้างเทพเจ้าหนุ่มเข้ามากอดเธอเอาไว้ด้วยความดีใจ“โอะ…โอ๊ย ๆ…ซื่อเว่ยต้าตี้ ข้าเจ็บ ข้าจะตายเพราะท่านนี่แหละ เบา ๆ หน่อย”“ขอโทษ ข้าดีใจ เจ้าเจ็บหนักมาก รู้ไหมข้ากังวลมากแค่ไหน เมื่อเช้าท่านพ่อส่งเห็ดหลินจือมาให้ ข้าให้เจ้ากินไปหลายครั้งก็ยังนิ่งอยู่ รู้ไหมข้าเริ่มใจไม่ดีแล้วนะ”หญิงสาวจับมือของเขาไว้ พร้อมส่งยิ้มให้“ข้ารู้ ท่านจะไม่ทิ้งข้า ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ข้าดีใจที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นหน้าท่าน กระเป๋าข้าอยู่ไหน”"อยู่นี่เจ้าต้องการอะไรบอกข้า"“ลูกอม อ้อ…น้ำตาลก้อน”“ได้ ๆ ข้าแกะให้ นี่ข้าป้อน” แค่พอเข้าปาก ฝางเฟยก็รีบคายออกทันที“เอาสีอื่น ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ นี่มันรสกาแฟ ข้าปากคอขมไปหมด ท่านยังจะให้กินรสกาแฟอีก เอาสีแดง”“ได้ ๆ ก็ข้าไม่รู้ เจ้าขนเอามาซะเยอะเลย รสชาติไหนเป็นรสอะไรข้าจะรู้ได้อย่างไร”กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงและมู่ตันก้มดูชายหญิงตรงหน้า ด้วยความสนใจ ในกระเป๋าของฟางเฟยนอกจากคันฉ่องทองแดงกับมีดสั้น ก็มีขนมน่าตาแปล
องค์ไท่จื่อไฉเหลี่ยงหวง หลับตาลงสูดลมหายใจเข้าปอด มู่ตันคือเทพธิดาที่เขาหลงรักและพอใจ ถึงขั้นจะแต่งนางขึ้นเป็นชายา โดยไม่สนคำทักท้วงถึงความเหมาะสมคู่ควรใด ๆ แต่ในเมื่อเวลานี้ กุ้ยอ้ายป๋อเฉิงได้มาแสดงตัวถึงความเป็นเจ้าของ มีหรือที่คนหยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นเขา จะดื้อดึงเอาของที่มีเจ้าของมาเป็นของตน ต่อให้ต้องการมากแค่ไหนก็ตาม“ในเมื่อเจ้าพูดถึงเพียงนี้ ข้าดูไม่มีความหมายในชีวิตเจ้าเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความดีที่เจ้าแสดงต่อข้า ทุกอย่างข้าคงคิดไปเอง”ไฉเหลี่ยงหวง คุกเข่าลงต่อหน้าองค์ฮั่นยุหวี่ ผู้เป็นบิดา“ท่านพ่อ ลูกโง่เขลา ดวงตามืดบอดในรัก ขอท่านได้โปรดยกเลิกการเสกสมรสของข้า ด้วยเถิดพระเจ้าข้า”องค์ฮั่นยุหวี่เงยหน้ามองเพดาห้องโถง รู้สึกสงสารบุตรชาย แต่ในเมื่อความจริงประจักษ์ชัดถึงเพียงนี้ คงต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามหนทางของมัน“ได้ ประกาศออกไป ข้าขอยกเลิกงานสมรส องค์ไท่จื่อไฉเหลี่ยงหวงกับเทพธิดามู่ตันแดนบุปผา การหมั้นหมายระหว่างทั้งสองถือว่าขาดต่อกัน จะไม่มีการเสกสมรสระหว่างคนทั้งสองเกิดขึ้นอีกต่อไป”“ขอบพระทัยพระเจ้าข้า” บุคคลทั้งสามกล่าวขึ้นพร้อมกันกุ้ยอ้ายป๋อเฉิงอุ้มบุตรชายเดินจูงม
“อย่ามากพิธี กลับมาแล้วรึ นางหนูตระกูลเกาผู้นี้ใช้ได้ทีเดียว งานแรกก็เจอเจ้าเล่นงานซะปางตาย ถนอมนางหน่อย หน้าที่ของนางยังไม่จบ"“ขออภัย ในเวลานั้นข้าไม่สามารถควบคุมตนเองได้ จึงพลั้งมือทำร้ายนาง และข้าไม่รู้ว่านางเป็นเพียงมนุษย์ ปิ่นเมฆาสวรรค์ของท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ดูจะปิดบังทุกสิ่งได้มิดชิด จนข้ายังคิดว่านางเป็นเทพบนชั้นฟ้า ด้วยพลังแบบนั้นนางน่าจะรับมือได้ ไม่คิดว่าผลจะเป็นเช่นนี้"“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เรื่องมันผ่านไปแล้ว นางเองตอนนี้ก็ปลอดภัยดี อยู่ในความดูแลของไท่ไป๋จิงซิง เมื่อเช้าข้าได้ส่งเห็ดหลินจือไปให้ อีกไม่นานก็จะกลับมาปกติ ว่าแต่เจ้าเถอะมีอันใดจะบอกข้าอีกหรือไม่”“ข้ามีเรื่องต้องกราบทูล ขอท่านฮั่นยุหวี่ ทรงโปรดอภัย”เทพเจ้ากุ้ยอ้ายป๋อเฉิง วาดแขนทำพิธีคารวะชุดใหญ่ แล้วคุกเข่าลงคำนับ ท่านฮั่นยูหวี่มองดูท่าคารวะแล้วรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ด้านหลังกุ้ยอ้ายป๋อเฉิง มีเทพธิดามู่ตันว่าที่สะใภ้หลวงที่กำลังอุ้มทารกน่ารักในอ้อมอก “ข้า ใคร่ขอให้ท่านช่วยเหลือ ขอทรงโปรดยุติการเสกสมรสระหว่างมู่ตันกับไท่จื่อไฉเหลี่ยงหวง ด้วยนางเป็นภรรยาของข้า จึงมิอาจแต่งไปเป็นภรรยาผู้อื่นได้”องค์ฮั่นยุหวี
“ท่านคิดทำสิ่งใด”“พูดความจริง ต่อให้ต้องถูกลงโทษ ข้าก็ต้องยอมรับมัน”“ลงโทษ ความรักระหว่างเรามีโทษด้วยเหรอ ต่อให้วันนี้ท่านไม่มา ข้าก็คิดไว้แล้วว่าวันแต่งงาน ข้าจะบอกความจริงต่อตำหนักสวรรค์ ดินแดนสูงส่งเช่นนั้น คงไม่อยากรับผู้หญิงมีตำหนิไปเป็นชายาหรอก”“ทำเช่นนั้นมิได้ ทุกชีวิตที่นี่จะเดือดร้อน ถ้าความเข้าใจกลับแปลเปลี่ยนเป็นความโกรธเคือง”“แล้วแบบนี้จะทำอย่างไง”“เราจะไปกันสามคน เราจะไปกันเฉพาะครอบครัวของเรา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เราสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาเราต้องจบมันด้วยตนเอง”กุ้ยอ้ายป๋อเฉินอุ้มลูกชายของเขาในอ้อมอก แขนอีกข้างก็โอบเอวมู่ตันไว้ เสกตัวเองเป็นพญานกยักษ์ บินขึ้นสู่เวหา ทหารแดนบุปผาต่างตกตะลึง กับนกยักษ์ที่โฉบเอามู่ตันกับลูกชายของนางบินขึ้นสู่ท้องฟ้า กว่าจะตั้งสติได้ง้างคันธนูยิงออกไป พญานกยักษ์ก็พาสองแม่ลูกบินไปจนลับสายตาเสียแล้วเกาจางจิ้งยืนมองดูร่างของฟางเฟย ที่ถูกโยงไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ ภาพที่ฟางเฟยสำลักเอาลิ้มเลือดออกมา ยังคงติดตาเขาจนถึงตอนนี้ เสื้อผ้าของเขายังเต็มไปด้วยเลือดของหญิงสาว แม้เขาจะผ่านการเข่นฆ่ามานับไม่ถ้วน แต่กับผู้หญิงคนนี้มันต่างกันออกไป บุ







