Masuk“ท่านอาจารย์ข้าขอโทษ ท่านพูดถูก ข้าควรตั้งใจศึกษาให้มากกว่านี้ ไม่ควรเหลวไหล แต่ในเมื่อข้าล่วงเข้าสู่วันเวลาของเทพเจ้าธาตุดินแล้ว พวกท่านก็อนุญาตให้ข้าทำภารกิจให้เสร็จสิ้นเถอะนะ สัญญาข้าสัญญา จะกลับมาทำขาหมูตุ๋นไก่อบเป็ดย่าง ขนมหวาน อะไรก็ได้ที่ท่านต้องการข้าทำได้หมดเลย”“ดี ๆ ข้าชอบทุกอย่างที่เจ้าพูด” สัตว์เทพพยัคฆ์ขาวไป่หู่ยิ้วหัวเราะชอบใจ “พอได้แล้ว เจ้าก็เห็นแก่กินเกินไปไป่หู่” สัตว์เทพเต่าดำเซี่ยนอวู่ ก้าวเดินออกมายืนดูหญิงสาวให้เต็มตา “เกาฟางเฟย บางทีเจ้าอาจไม่ต้องเรียนกับพวกข้าแล้วก็ได้”“ได้อย่างไร ยังเหลือท่านกับไป่หู่” สัตว์เทพเซี่ยนหวู่รีบยกมือขึ้นห้ามจูเชว่ ที่ออกอาการไม่พอใจต่อความคิดของผู้อาวุโสสูงสุด “เวลาตอนนี้มีจำกัดเสียแล้ว ทุกอย่างก็คงขึ้นอยู่กับวาสนา เจ้ามาถึงจุดนี้ได้ก็ถือว่าเกินมนุษย์ไปมากแล้ว ต่อจากนี้หากมีปัญหาพวกข้าทั้งสี่ยินดีเคียงข้างเจ้า ช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ เรื่องความรู้ที่เหลือก็ให้ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ดูแลนางเอาเถิด” เทพเจ้าดวงดาวโค้งศีรษะน้อมรับคำชี้แนะ“เอาล่ะพวกท่านคุยกันจบแล้ว ขอข้าถามอะไรสักเล็กน้อย” ทุกคนหันมามองเกาจางจิ้ง “เทพเจ้าเมื่อครู่ เขาคือ
“แม่นางผู้นั้นร้ายกาจนัก พวกข้าไม่ขายให้สามีนางหรอก คุณหนูสกุลหลี่นางเป็นมือสังหาร เคยฆ่าโจรป่าตายเกลี้ยงล่ำลือไปทั้งเมือง”ซือซงได้ยินชายสองคนที่ตะโกนบอกสาเหตุที่รีบหนีเขาออกไป ถึงกลับเอียงคอเกาหัว “มือสังหาร น้อยไปสิ ดีนะนางไม่คืนร่างเดิมไล่จิกพวกโจรลากไส้ออกมาสับ” ซือซงท้าวเอวหัวเราะเสียงดัง เมื่อเขาสร้างมโนภาพแล้วคิดไปตามที่ใจจินตนาการรถม้าของอ๋องปราบศัตรูแล่นผ่านหน้าเขาไป ผ้าม่านที่พลิ้วแรงลม ทำให้โจวซานป๋อมองเห็นชายหนุ่มชุดดำ ที่ยืนหัวเราะอยู่ข้างทาง 'ชายผู้นั้นทำไมรู้สึกคุ้นเคย' โจวซานป๋อถึงกับรีบแหวกผ้าม่าน ชะเง้อหน้าออกไปมองดูชายชุดดำผู้นั้นอีกครั้ง แต่ก็เห็นเพียงแผ่นหลังของเขาที่เดินจากไปเท่านั้นประตูมิติเปิดออก เหล่าผู้อาวุโสแห่งสี่สัตว์เทพปรากฏกายขึ้นท่ามกลางโลกแห่งความว่างเปล่า กลีบดอกท้อที่เกาจ้างจิ้งเห็นในครั้งแรกกลับแปลเปลี่ยนเป็นผงถ่านสีดำ ล่องลอยฟุ้งกระจายไปทั่ว ซื่อเว่ยต้าตี้จากเทพเจ้าหนุ่มชุดขาว เวลานี้เขากลับคืนเป็นร่างมังกรขาวเกล็ดมุก โดยบนหัวของเจ้ามังกรใหญ่มีหญิงสาวตัวเล็กนอนฟุบหลับอยู่บนขนอ่อนนุ่มของเจ้ามังกร“ท่านซื่อเว่ยต้าตี้เหตุใดจึงกลายเป็นแบบนี้" เกาจา
ท่านอ๋องแม่ทัพและนางซูเมิ่งเดินออกมาจากเรือนรับรอง ตามมาด้วยโจวซานป๋อ ซือซงเห็นพวกเขากำลังจะออกไปจากจวนสกุลฟ่าน ด้วยความรีบร้อนทำให้ผลทับทิมที่วางอยู่บนอกหล่นลงมากลิ้นอยู่ใต้โคนต้นไม้“นั่นอะไร” โจวซานป๋อแม้เห็นเพียงหางตา ก็รู้ได้ทันทีถึงความผิดปกติ ด้วยความเป็นคนช่างสังเกต ชายหนุ่มหยุดเดินหันมามองวัตถุที่หล่นจากต้นไม้ “ต้นสาลี่เหตุใดจึงมีผลเป็นทับทิม” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองดูกิ่งก้านบนต้นไม้แต่ก็ไม่พบความผิดปกติหรือมีสัตว์ตัวเล็กหน้าเหมือนหนูหางเหมือนจิ้งจอกมาก่อกวน"“มีอะไรรึคุณชาย” ฮูหยินฟ่านที่กำลังเดินตามออกมาเพื่อส่งแขก หันมามองดูชายหนุ่มที่ก้มลงหยิบผลทับทิม แล้วชะเง้อคอมองหาบางสิ่งบนต้นไม้“มีผลทับทิมมาตกใต้ต้นสาลี่”“ทับทิมงั้นรึ ในจวนมีต้นทับทิมใหญ่ แต่ไม่ได้อยู่แถวนี้ คงมีนกหรือกระรอกยักษ์เอามากินตรงนี้”“กระรอกยักษ์” โจ้วซานป๋อฟังด้วยความสนใจ“ใช่คุณชายมันตัวใหญ่เกือบเท่าแมวรุ่น ขนสีขาวทั้งตัวงามมาก แต่ปกติมันจะมาช่วงผลสาลี่สุกงอม ไม่น่าเป็นช่วงนี้นะ” ฉูหยินฟ่านมองตามสายตาโจวซานป๋อไล่ไปตามกิ่งก้านของต้นสาลี“เกือบไปแล้วเชียว” ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกปาก เดินออกมาจากมุมกำแพงที่
โจวซานป๋อและท่านอ๋องแม่ทัพ เดินดูห้องหับความเรียบร้อยของจวนใต้เท้าฟ่าน ขุนนางผู้ใหญ่สังกัดเสนาบดีกรมธรรมการ ที่เพิ่งถูกย้ายให้ไปดูแลการทูตที่ฉางอัน“ท่านอ๋อง อันที่จริงเรือนหลังนี้ สามีข้าทั้งรักทั้งหวง ด้วยใช้เงินเก็บสะสมค่อย ๆ สร้างไว้ หวังให้เป็นเรือนตายในบันปลายชีวิต แต่ในเมื่อถูกย้ายไปฉางอันในวัยกลางคน เห็นที คงมิได้กลับมาที่นี่อีก ราคาที่ข้าและสามีเสนอให้ท่านถือว่าถูกมากแล้ว นั่นเป็นเพราะท่านพี่รู้ดีว่่าองค์ชายเอง ก็…มิได้มีเบี้ยหวัดอันใดมากมายเท่าผู้อื่น และเฟิ่งหวางเอง ก็หาใช่ใครอื่น ข้าก็รักนางเปรียบได้กับหลานแท้ ๆ”“ฮูหยินฟ่าน ราคาของท่านข้ามิติดใจอันใด เพียงแต่…เป็นเช่นท่านฟ่านเข้าใจ ข้ามิได้มีเงินเก็บมากมายอันใด ครั้งก่อนชาวบ้านและทหารแรงงานประสบภัยธรรมชาติ ข้าก็ต้องขายเครื่องปั้นแลเครื่องเคลือบเพื่อรวมเงินช่วยเหลือพวกเขา ข้าก็เลย…” โจวซานป๋อทำหน้าเศร้า มองดูเรือนขุนนางหลังใหญ่ที่มีราคาพอควรท่านอ๋องแม่ทัพยกมือตบบ่าบุตรชายเบา ๆ “ฮูหยินฟ่าน เอาเช่นนี้ได้หรือไม่ ข้าและบุตรชายจะขอจ่ายท่านและใต้เท้าฟ่านก่อนครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งที่เหลือ ข้าเชื่อว่าเขาทั้งสองคงหาได้ไม่ยาก เฟิ่
ซื่อเว่ยต้าตี้วาดแขนเสื้อผ่านหน้าหญิงสาว เกาฟางเฟยก็ย่อขนาดเล็กลง เหลือเพียงแค่คืบเดียว ซื่อเว่ยต้าตี้อุ้มร่างนางที่หลับสนิท มาเก็บไว้ในตัวเสื้อของตนเอง แล้วพุ่งตัวเข้าใส่สตรีไร้หน้าในชุดขาวของฟางเฟย สตรีไร้หน้าพยายามใช้ข่ายมนต์เล่นงานเทพเจ้ามังกรขาวเกล็ดมุก แต่ก็ดูไม่เป็นผล เทพเจ้าระดับซ่างเซียนมีอิทธิฤทธิ์เหนือเทพเซียนปกติ สมกับตำแหน่งสวรรค์ที่เขาได้รับ“เจ้าคันฉ่อง เจ้าทำเช่นนี้เพื่ออะไร ปล่อยตัวสหายข้านะ เขาเป็นแขกสำคัญของตำหนักสวรรค์ เจ้าคงไม่ต้องการให้ตำหนักสวรรค์เป็นศัตรูด้วยหรอกถูกหรือไม่”“ท่านซื่อเว่ยต้าตี้ ท่านอย่าขู่ข้า ข้าอยู่แดนปัญจธาตุมานาน มีหรือจะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร”“แล้วเจ้าต้องการอะไร ถึงทำเช่นนี้”“พลังของเกาฟางเฟย พลังของทายาทคันฉ่องทองแดงแห่งปัญจธาตุ ข้าไม่สมควรต้องถูกควบคุมอีกต่อไป พลังพิสุทธิ์ของนางช่างหอมหวาน สดใส บริสุทธิ์ ข้าต้องการเป็นตัวของข้าเองไม่ขึ้นกับผู้ใด ไม่ถูกควบคุมอีกต่อไป”“อะไรทำให้เจ้าคิดว่าเจ้าถูกควบคุม ที่ผ่านมาพวกข้าก็ไม่เคยควบคุมเจ้า เจ้าเป็นส่วนเดียวกับมู่หลินหนิงอัน เป็นส่วนเดียวกับเกาฟางเฟย แล้วก็มีหน้าที่เป็นอาวุธเป็นของวิเศษประจำแดนป
เทพเจ้าดวงดาวหันหน้ากลับมามองดูเธอ ฟางเฟยถึงกับอ้าปากค้างรีบล่ะมือออกจากแขนของชายหนุ่ม เทพเจ้าดวงดาวกลับไร้หน้า นี่ไม่ใช่ซื่อเว่ยต้าตี้ “เลี่ยงจิน นี่เป็นเจ้าอย่างนั้นหรือ” เกาฟางเฟยไม่รอคำตอบ หญิงสาวหันหลังกลับไปมองยังเกาจางจิ้ง แต่ตอนนี้กลับไม่พบใครในสถานที่ว่างเปล่าแห่งนี้เลย “ซื่อเว่ยต้าตี้ ท่านอยู่ที่ไหน” เกาฟางเฟยตะโกนเรียกออกไปจนสุดเสียง แต่ก็ได้ยินเพียงเสียงตนเองสะท้อนกลับมา“ท่านกลัวข้าอีกแล้ว เกาฟางเฟย บอกแล้วไงว่าไม่ต้องกลัว”“ข้าบอกให้เจ้ายืมใบหน้าข้าได้ ทำไมไม่เอามาใช้”“ถ้าข้าใช้ใบหน้าเจ้าแต่แรกก็ไม่สนุกนะสิ เจ้ามังกรขาวเกร็ดมุก ทำไมถึงอยากพบข้านักนะ”“ซื่อเว่ยต้าตี้อยากพบเจ้า” ฟางเฟยทำหน้าสงสัย เมื่อได้ยินเช่นนี้“เจ้ามังกรนั่นลงทุนลดอายุเทพเซียน ปรากฏกายต่อฝูงชน เพราะเป็นห่วงเจ้า หรือเพราะมีปัญหากับข้า”“เจ้าพูดเช่นนี้ข้ายิ่งไม่เข้าใจ ในเมื่อเจ้าและเทพเจ้าดวงดาว ถือกำเนิดใกล้เคียงกัน ทำไมฟังจากท่านแล้ว เหมือนมีปัญหากันละ”“ปัญหารึ ไม่เลย ข้าอยู่ของข้า เขาอยู่ของเขา แต่ที่ไม่เขาใจทำไมตอนนี้ถึงอยากพบข้าขึ้นมา” เจ้าคันฉ่องเลี่ยงจิน ยกมือที่มีเรียวนิ้วงดงามแบบเดียวกับซื่อเ







