Share

บทที่ 1 คุณหนูใหญ่จาง

last update Last Updated: 2025-06-14 11:59:08

ราชครูจางมองบุตรสาวของตนที่ยามนี้กำลังกินขนมพุทราหวานอย่างสบายอารมณ์คราหนึ่ง ไม่รู้เพราะเหตุใดเขาจึงรู้สึกว่าจางลู่หลินเปลี่ยนไปไม่เหมือนแต่ก่อนราวกับกลายเป็นคนละคนเสียอย่างนั้น

ส่วนจางลู่หลินนั้นเมื่อกินขนมอิ่มแล้ว นางก็หันมามองบิดาของตนและเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน

"ท่านพ่อ ท่านจะตีข้าโดยไม่เอ่ยถามความเป็นไปให้รู้แจ้งเสียก่อน เช่นนี้ใช้ไม่ได้เลยนะเจ้าคะ ท่านเอาแต่ฟังความจากคนอื่นแต่ไม่ยอมไต่ถามต้นสายปลายเหตุจากบุตรสาวของตนเองเลยแม้แต่น้อย เดิมทีข้าเห็นว่าสตรีน้อยนางหนึ่งถูกเอาตัวมาขายที่หอนางโลม คนที่เอานางมาขายให้กับหอนางโลมก็คือแม่เลี้ยงใจชั่ว ข้าเองเข้าใจนางเป็นอย่างดีจึงช่วยนางจากคนใจบาปพวกนั้น ท่านพ่อ ท่านเป็นขุนนางแท้ๆควรจะดีใจที่บุตรสาวทำความดีสิเจ้าคะ ไม่ใช่เอาแต่ด่าๆเช่นนี้ ท่านเป็นบิดาประสาอันใดกัน"

ราชครูจางเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ชะงักไปชั่วขณะ เขามองไปที่ด้านหลังของจางลู่หลินก็พบว่ามีสตรีน้อยคนหนึ่งที่นั่งก้มหน้าตัวสั่นงันงกอยู่ บุตรสาวไม่ได้โกหก แต่อย่างไรเขาย่อมต้องสั่งสอนนางให้รู้จักคำว่าสิ่งใดควรทำไม่ควรทำ

"แต่เจ้าทุบตีบุรุษที่หอนางโลมอย่างไรย่อมไม่สมควร ไม่มีสตรีจวนใดเขาทำกัน อีกอย่างเจ้าจะแต่งงานอยู่แล้ว ทำเช่นนี้ไม่เท่ากับหักหน้าข้าและไม่ให้เกียรติองค์ชายใหญ่หรอกหรือ"

จางลู่หลินถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย แล้วจึงปรายตามองไปที่มารดาเลี้ยงอย่างเย็นชา

"ท่านพอใจหรือยังที่ทำให้ท่านพ่อตำหนิข้าได้น่ะ วันๆไม่รู้จักทำตัวให้เกิดประโยชน์ กลับเอาเวลาไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่น"

“ลู่หลิน เจ้าอย่าเอ่ยวาจาสามหาวเช่นนี้นะ”

ราชครูจางรีบเอ่ยปรามบุตรสาวทันใด

“ข้าพูดผิดหรือ ท่านพ่อเองก็รู้ดีแก่ใจนี่เจ้าคะ”

ราชครูจางนิ่งเงียบไปในทันที เขาหันไปมองภรรยาของตนเล็กน้อย เขาไม่ใช่คนโง่ อย่างไรย่อมมองออกว่าภรรยาและบุตรสาวคนโตไม่ได้ปรองดองกันสักเท่าใดนัก

อย่างไรจางลู่หลินก็เป็นบุตรสาวคนโตของเขา นางเองก็กำพร้ามารดามาตั้งแต่แบเบาะ ก่อนตายเขารับปากมารดาของนางว่าจะดูแลนางให้ดี แต่บางครั้งกลับทำไม่ได้ตามที่สัญญาเอาไว้ ในใจของราชครูจางจึงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก วาจาที่กำลังจะพ่นด่าทอบุตรสาวพลันจุกอยู่ที่ลำคอไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกมาได้อีก

เมื่อเห็นว่าบิดาคลายโทสะลงแล้ว จางลู่หลินก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก

ก่อนหน้านี้นางกำลังดื่มเหล้าอยู่ในผับ เพราะเมามากแล้วจึงคิดจะขับรถกลับบ้านเสียหน่อย ผู้ใดจะรู้นางกลับขับรถชนสะพานทำให้รถของนางร่วงลงไปในแม่น้ำ นางเสียชีวิตอย่างทรมาณ เมื่อได้สติรู้ตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนเองมาอยู่ในร่างของจางลู่หลิน บุตรสาวคนโตของจวนท่านราชครูที่มีอายุสิบเจ็ดปีเต็ม อีกทั้งสตรีนางนี้ยังมีชื่อแซ่และใบหน้าที่เหมือนกับนางอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

จากหญิงสาวในยุคปัจจุบันกลับต้องมาอยู่ในร่างของสตรีในยุคโบราณ แรกเริ่มนางยังทำใจยอมรับไม่ได้ ไม่เพียงเท่านั้นยังจะต้องมาเจอมารดาเลี้ยงกลั่นแกล้งอีกด้วย

มารดาเลี้ยงของนางเป็นสตรีจากจวนตระกูลไป๋ บิดานางเป็นขุนนางมีหน้ามีตาไม่น้อย นางมีน้องชายน้องสาวต่างมารดาซึ่งเป็นฝาแฝดกัน นามว่าจางหยวนและจางเสวี่ย สองพี่น้องนรกนี่ชอบสรรหาเรื่องมากลั่นแกล้งนาง ที่เจ้าของร่างเดิมต้องตกน้ำจนป่วยตายก็เพราะถูกจางเสวี่ยผลักตกน้ำและล้มป่วยจนถึงแก่ชีวิต

ร่างนี้อ่อนแอไม่เบา นางต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะฟื้นฟูสภาพร่างกายให้มีเรี่ยวแรงอย่างเช่นตอนนี้

ด้านจางฮูหยินมารดาเลี้ยงที่เห็นว่าจางลู่หลินไม่ถูกลงโทษก็ลอบโมโหโทโสอยู่ในใจ นางลูกเลี้ยงชั่วนี้ เหตุใดจึงไม่ตายๆไปเสียนะ

ก่อนหน้านี้คิดว่าหลังจากจางลู่หลินตายไปแล้ว จางเสวี่ยบุตรสาวของนางก็จะได้แต่งเป็นพระชายาเอกขององค์ชายใหญ่แทน ในภายภาคหน้าย่อมต้องได้เป็นมารดาของแผ่นดิน แต่ผู้ใดจะรู้ จางลู่หลินที่หมดลมหายใจเพราะตกน้ำตายไปก่อนหน้านี้กลับฟื้นขึ้นมาเสียก่อน

ยิ่งคิดนางก็ยิ่งโมโห อยากจะแช่งให้จางลู่หลินตายวันละหลายสิบหน

แต่เมื่อได้เห็นแววตาของสามีที่มองนางอย่างไม่พอใจ นางจึงไม่กล้าเอ่ยวาจาใดออกมาอีก ตั้งแต่จางลู่หลินฟื้นขึ้นมาก็ไม่มีใครรังแกนางได้อีกเลย เพราะนิสัยของนางเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ

หรือว่ามีผีมาสิง!

ด้านจางลู่หลินที่เห็นว่าอย่างไรตนย่อมไม่ถูกลงโทษแล้วก็บิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน วันนี้นางทุบตีคนมาเหนื่อยมากแล้วจริงๆ หญิงสาวหันมาเอ่ยกับบิดาอย่างไม่ใส่ใจ

"ท่านพ่อข้าเหนื่อยแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะเจ้าคะ อ้อ อย่าลืมให้ห้องครัวทำอาหารรสเลิศมาให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ"

จางลู่หลินกำลังจะเดินกลับเรือนตนแต่พลันคิดสิ่งใดขึ้นมาได้ นางจึงเดินเข้าไปหาบิดา ราชครูจางมองบุตรสาวอย่างหวาดระแวงเล็กน้อย จางลู่หลินโน้มใบหน้าเข้ามากระซิบบางอย่างที่ข้างหูของบิดาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

"ท่านพ่อ ตั๋วเงินที่ท่านให้มาก่อนหน้านี้ ข้าใช้ไถ่ตัวสตรีน้อยนางนั้นไปหมดแล้ว ขอกู้เงินเพิ่มอีกสักห้าร้อยตำลึงได้ไหมเจ้าคะ ไว้ข้าแต่งงานแล้วจะเอามาคืนให้ท่าน"

ราชครูจางรู้สึกว่าตนเองแข้งขาอ่อนขึ้นมาเสียดื้อๆ 

มารดามันเถอะ นี่ลูกหรือโจรกันนะ ตั้งแต่นางฟื้นขึ้นมาก็ไถเงินเขาไม่หยุดเลย!

“วันพรุ่งข้าจะให้คนเอาไปให้ที่เรือน”

แม้ในใจจะก่นด่า แต่เขากลับไม่ได้ตระหนี่กับบุตรสาวแต่อย่างใด

เมื่อกลับมาถึงห้องนอน จางลู่หลินก็ทิ้งกายลงนอน ไม่นานนักสาวใช้ก็ยกอาหารเข้ามา ก่อนหน้านี้นางได้ให้ ตงฟาง หญิงสาวที่นางช่วยมาจากหอนางโลมไปพักที่เรือนคนใช้ก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยแจกแจงหน้าที่ให้รับผิดชอบ

"คุณหนู อาหารมาแล้วเจ้าค่ะ"

จางลู่หลินหันไปมอง หลิงหลิง สาวใช้น้อยคนสนิทข้างกายของตนคราหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ายิ้มแย้มแล้วจึงเดินไปที่โต๊ะอาหาร ระหว่างที่กำลังกินอาหาร สมองของจางลู่หลินก็คิดถึงเรื่องที่นางจะต้องแต่งงานขึ้นมา

ได้ยินว่าคนผู้นั้นเป็นถึงองค์ชายใหญ่ผู้สูงศักดิ์ นางยังไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยสักครั้ง ได้ยินเพียงชื่อเสียงและคำเล่าลือเล่าอ้างจากคนภายนอกว่าองค์ชายใหญ่เป็นพวกไม่เห็นหัวใครอีกทั้งยังมีนิสัยหยาบกระด้างและชอบเสพสุราเคล้านารี ให้ตายเถอะ เวรกรรมอันใดกันทำให้นางต้องมาแต่งให้กับบุรุษเฮงซวยเช่นนี้

ในขณะที่จางลู่หลินกำลังกินอาหารอย่างสำราญใจ ก็ได้ยินเสียงของจางเสวี่ยที่เอ่ยกับนางอย่างดูแคลน

"เหอะ คิดว่าได้แต่งกับองค์ชายใหญ่แล้วจะสุขสบายอย่างนั้นหรือ พี่ใหญ่ ท่านแย่งองค์ชายใหญ่ไปจากข้า ข้าขอสาปแช่งให้ท่านทุกข์ใจไปจนวันตาย!"

จางลู่หลินเงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะส่งเสียงเหอะออกมาอย่างไม่ใส่ใจ เมื่อจางเสวี่ยเห็นว่าจางลู่หลินไม่สนใจตนก็รีบตรงเข้ามาปัดชามข้าวบนโต๊ะของพี่สาวจนร่วงตกแตกกระจัดกระจายเต็มพื้น ยามนี้ท่านพ่อออกไปด้านนอกแล้ว ย่อมสะดวกที่นางจะกลั่นแกล้งพี่สาวต่างมารดาผู้นี้ได้ตามใจชอบ

จางลู่หลินเงยหน้าไปมองจางเสวี่ยอย่างเย็นชา จะทำอะไรก็ช่างเถิด แต่มาทำลายอาหารมื้อพิเศษของนางช่างบังอาจยิ่งนัก!

"พี่ใหญ่ ท่านจะ อร๊าย!!"

จางเสวี่ยยังเอ่ยไม่ทันจบก็ถูกจางลู่หลินยกเท้าถีบเข้าที่หน้าท้องอย่างรวดเร็ว แรงถีบของพี่สาวไม่เบาเลย ทำเอานางลอยละล่องออกไปนอกห้อง นอนราบอยู่บนพื้นใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด

"จางเสวี่ย ข้าไม่ใช่พี่สาวอ่อนแอคนเดิมที่เจ้าจะรังแกได้ตามใจชอบอีกต่อไปแล้ว นับแต่นี้หากพวกเจ้าคนใดกล้าเสนอหน้ามาสร้างปัญหาให้ข้าอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ ไสหัวไป!"

อยู่ๆจางเสวี่ยก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ นางรู้สึกหวาดกลัวจางลู่หลิ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เมื่อไม่อาจรังแกพี่สาวต่างมารดาได้ จางเสวี่ยจึงให้สาวใช้ช่วยพยุงนางกลับเรือน  จางหยวนที่ได้ยินว่าจางเสวี่ยถูกจางลู่หลินทำร้ายก็คิดจะไปเอาคืนให้น้องสาว แต่สุดท้ายก็โดนจางลู่หลินทุบตีจนหัวแตกวิ่งร้องไห้กลับเรือนไปอีกคน จางฮูหยินที่เห็นเช่นนั้นก็กัดฟันหรอกแต่กลับไม่กล้าไปหาเรื่องลูกเลี้ยงเพราะกลัวจะโดนถูกตีกลับมาอีกคน

ตกเย็นเมื่อราชครูจางกลับมาและได้ยินว่าในจวนเกิดเรื่อง เขาจึงเรียกจางลู่หลินมาอบรม แต่กลับกลายเป็นเขาเสียเองที่ถูกบุตรสาวอบรมแทน เพราะความโมโหเขาจึงเอาโทสะทั้งหมดไปลงกับภรรยาตนแทน

เช้าวันต่อมา จางลู่หลินยังไม่เห็นคนนำตั๋วเงินมามอบให้เสียที นางจึงตรงไปหาบิดาตนที่ห้องตำราในทันที

"ท่านพ่อ เมื่อวานนี้ข้าขอยืมเงินท่านห้าร้อยตำลึง ไม่เห็นจะมีคนนำไปมอบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ ท่านลืมหรือ”

ราชครูจางหนังตากระตุก เขาอุตส่าห์แกล้งลืมแต่บุตรสาวตัวดีกลับจำได้ขึ้นสมอง ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก

เมื่อเห็นว่าบิดาทำเป็นไม่ได้ยิน จางลู่หลินก็ส่งเสียงเหอะในลำคอ และเอ่ยอย่างจริงจัง

 “ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าขอเพิ่มเป็นหนึ่งพันตำลึงดีกว่า เป็นค่าชดเชยที่ท่านเรียกข้ามาดุด่าโดยไร้ความผิดถึงสองครั้งสองครา"

ราชครูจางแทบกระอักโลหิตออกมาแล้ว

"ลู่หลิน เจ้าจะปล้นพ่อหรือ"

"ยืมเจ้าค่ะ ท่านพ่อ ตอนนี้ลูกไม่มีเงิน ท่านพ่อย่อมต้องช่วยเหลือลูกสิเจ้าคะ ส่งเงินมาเจ้าค่ะหนึ่งพันตำลึง"

ราชครูจางถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะล้วงหยิบตั๋วเงินส่งให้บุตรสาวไปตามที่นางต้องการ

เวรกรรมจริงๆ รู้อย่างนี้รีบส่งคนเอาไปให้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ก็คงดี!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   ตอนจบ

    หลังจากดื่มกินกันอย่างสำราญใจ เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงช่วงกลางดึก หลี่เหวยกลับมายังที่พักของตน ก่อนจะพบว่ายามนี้จางลู่หลินยังคงไม่เข้านอน หญิงสาวเอาแต่มองดวงจันทร์ที่ด้านนอกหน้าต่างด้วยแววตาที่วูบไหว เขาที่เริ่มมึนเมาเล็กน้อย ตรงเข้าไปกอดนางจากทางด้านหลัง ก่อนจะซบใบหน้าลงไปที่ซอกคอขาวเนียนของนาง พลางเอ่ยถาม"พระจันทร์น่ามองตรงที่ใดกัน ข้ายังน่ามองกว่าตั้งเยอะ"จางลู่หลินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ลอบเบ้ปากคราหนึ่ง "หลงตนเองเกินไปแล้ว"หลี่เหว่ยหันตัวนางให้กลับมามองเขา จางลู่หลินมองสบตากับบุรุษตรงหน้าเล็กน้อย"จางลู่หลิน เจ้ามันน่ารังเกียจ น่ารังเกียจยิ่งกว่าผู้ใด"เพียงเขาเอ่ยปากพูดก็เอาแต่พ่นวาจาเหน็บแนมนางจนนางคร้านที่จะถกเถียงกับเขาแล้ว หญิงสาวยื่นสองมือไปประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ และพินิจมองอย่างชื่นชม"หลี่เหว่ย ข้าว่า ข้าคงชอบท่านเข้าแล้วล่ะ ไม่สิ อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ชอบเท่านั้นแต่ข้าหลงรักท่านแล้วต่างหาก"หลี่เหว่ยที่ได้ยินเช่นนั้นแววตาก็ทอประกายวูบไหว เขาไม่ได้เมามายถึงขนาดขาดสติ ย่อมฟังวาจาที่นางกล่าวออกมาได้อยางชัดเจนแจ่มแจ้ง ใจของเขาเต้นถี่ระรัวอย่างบ้าคลั่ง แต่ว่าค

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   ตอนที่ 31 ชัยชนะ

    เมื่อสงครามจบลง หลี่เหว่ยได้สั่งให้ฝังศพเหล่าทหารกล้าเอาไว้ที่ริมแม่น้ำซึ่งมีทัศนียภาพที่งดงามที่สุดในชายแดน อีกทั้งยังเทสุราลงบนพื้นเป็นการไว้อาลัยให้กับพวกเขาที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันมาจนได้รับชัยชนะหลายบ้านที่บุตรชายกลับมาอย่างปลอดภัยล้วนดีใจเป็นอย่างมาก แต่บ้านที่ต้องสูญเสียบุตรชายในสนามรบต่างเศร้าโศกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หลี่เหว่ยเองก็ปลอบประโลมพวกเขาเป็นอย่างดีเมื่อได้เห็นว่าเขาอ่อนโยนกับเหล่าชาวบ้านเช่นนี้ จางลู่หลินก็นับว่าได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อย เขาเอาใจใส่ราษฎรเป็นอย่างดี เรื่องเล็กๆน้อยๆล้วนคิดอ่านอย่างละเอียดรอบคอบก่อนหน้านี้ที่หลี่หรงลอบนำกองกำลังทหารออกไปได้ และจัดการเผาทำลายหมู่บ้านหลานฮวา โชคดีที่หลีเหว่ยส่งคนเฝ้าจับตาดูมานานจึงช่วยเหล่าชาวบ้านออกมาได้ ตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่เมืองหนานหลิงและปลอดภัยดี เฟิ่งเฉวียนก็ให้การดูแลพวกเขาอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องเมื่อได้รับชัยชนะ แน่นอนว่าย่อมต้องมีการเฉลิมฉลอง เหล่าชาวบ้านในชายแดนชำนาญการล่าสัตว์และใช้เหยี่ยว อาหารที่นำมาเลี้ยงฉลองจึงมีแต่อาหารที่ชาวบ้านกินกันเป็นประจำ แต่หลี่เหว่ยกลับไม่ได้รังเกียจ เขาร่วมดื่มกินกับเหล่าทหารอย่

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   บทที่ 30 สงคราม

    เมื่อแผนการถูกเปิดเผย แน่นอนว่าหรงหวาที่เป็นท่านหญิงผู้มาจากแคว้นฉานซี รวมถึงคนของแคว้นฉานซีทั้งหมดต้องถูกจับตัวมาขังเอาไว้เพื่อรอการไต่สวนเว้นแต่อาซาน ที่หลี่เหวยพาเขาเข้าเฝ้าเสด็จพ่อของตนและบอกความจริงทุกอย่างจนกระจ่างแจ้ง ฮ่องเต้หลี่เจี้ยนยามนี้ล้มป่วยหนักจึงยกมอบเรื่องราวทุกอย่างให้หลี่เหว่ยเป็นคนจัดการ หลี่เหว่ยจึงเสนอความเห็นว่าจะให้อาซานร่วมรบกับแคว้นฉานซี เขาจะทำได้หรือไม่ที่ต้องสู้รบกับแคว้นบ้านเกิดของตน อาซานกลับรับปากโดยไม่ลังเล เขาบอกเพียงว่าขอเพียงหลี่เหว่ยไม่ทำร้ายราฎรผู้บริสุทธิ์ของแคว้นฉานซีเขาก็ยินดีร่วมรบ ส่วนท่านอ๋องและขุนนางชั่วทั้งหลายก็แล้วแต่เวรแต่กรรมเถิดหลี่เหว่ยนับถือในความเด็ดเดี่ยวของอาซาน นับว่าคนผู้นี้ยังมีสติปัญญารู้คิดว่าสิ่งใดควรทำไม่ควรทำเข้าสู่ช่วงต้นฤดูหนาว หลี่เหว่ยก็ได้ทราบข่าวที่ส่งมาจากมู่กุ้ยเหมยที่อยู่ชายแดนว่า หลี่หรงนำกองทัพของตนเข้าร่วมกับแคว้นฉานซี บุกโจมตีชายแดนแคว้นหนานฉีอย่างบ้าคลั่ง ยามนี้ทหารล้มตายไปไม่น้อย ยามนี้นางพยายามต้านอย่างสุดกำลัง ขอให้เขาส่งกำลังเสริมมาช่วยนางโดยด่วนฮ่องเต้หลี่เจี้ยนมีราชโองการให้หลี่เหว่ยยนำกองทัพไปปราบ

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   บทที่ 29 จุดจบคนชั่ว

    "ว่าอย่างไรนะ คนหายไปแล้วอย่างนั้นหรือ หายไปได้เช่นไรกัน!"หรงหวาที่ได้ยินองค์รักษ์ลับเข้ามารายงานว่าบิดามารดาของอาซานได้หายออกไปจากจวนของแม่ทัพใหญ่มู่แล้วนางก็กำมือแน่น อีกทั้งยังลอบก่นด่าคนตระกูลมู่ในใจเป็นร้อยเป็นพันครั้งก่อนหน้านี้ตอนที่เดินทางมาแคว้นหนานฉีชินอ๋องหลี่หรงลูกพี่ลูกน้องของนางที่เกิดจากน้องสาวของท่านพ่อ ได้ฝากฝังนางให้แม่ทัพใหญ่มู่คอยดูแล นางจึงส่งบิดามารดาของอาซานไปคุมขังเอาไว้ที่ห้องใต้ดินของจวนตระกูลมู่ อีกทั้งยังให้แม่ทัพใหญ่มู่ทรมานคนตามที่นางสั่ง แม่ทัพใหญ่มู่เป็นคนของชินอ๋องหลี่หรง และเขาเองก็ร่วมมือกับแคว้นฉานซีต้องการจะโค่นล่มแคว้นหนานฉีเช่นเดียวกัน ความแค้นหนหลังของแม่ทัพใหญ่มู่และฮ่องเต้หลี่เจี้ยนนั้นนางไม่ได้ทราบรายละเอียดมากเท่าใดนัก แต่ก็นับว่าดีไม่น้อยที่มีคนหนุนหลังคอยช่วยเหลือแคว้นฉานซีของนาง ซ้ำยังเป็นถึงแม่ทัพใหญ่มากฝีมือแห่งแคว้นเสียด้วยแต่ยามนี้คนกลับหายไป ไม่เพียงเท่านั้น เหล่านักโทษที่ถูกขังเอาไว้ในคุกใต้ดินของจวนตระกูลมู่ก็หายไปด้วยเช่นกัน หากเรื่องราวนี้รู้ถึงหูของฮ่องเต้หลี่เจี้ยนเกรงว่าแม้แต่นางก็อาจจะไม่รอดที่สำคัญ ยามนี้ไม่มีบิดามารดาขอ

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   บทที่ 28 เอาใจภรรยาอีกหน

    ด้านหลี่เหว่ยนั้นก็ได้บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เสด็จพ่อของตนฟัง รวมถึงบอกว่าคนที่ถูกจับมาจะสามารถเป็นพยานอย่างดีให้พวกเราได้ และแม่ทัพใหญ่มู่ก็ไม่อาจหนีรอดจากการจับกุมในครั้งนี้ไปได้ฮ่องเต้หลี่เจี้ยนกัดฟันกรอด เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าแม่ทัพใหญ่มู่จะทรยศและหักหลังเขาเช่นนี้ ทั้งที่ก่อนหน้าก็เคยร่วมเป็นร่วมตายในสนามรบด้วยกันมา ต่อสู่ฝ่าฟันทุกอย่างมาด้วยกัน แต่วันนี้กลับคิดทรยศหักหลังเขาได้อย่างเลือดเย็น"รักษาคนที่ถูกจับให้หายดี แล้วทำการไต่สวนพวกเขา หาหลักฐานให้ได้มากที่สุด อีกไม่นานพวกมันคงจะรู้ตัวแล้ว เราต้องรีบจัดการก่อนที่คนร้ายจะไหวตัวทัน""พ่ะย่ะค่ะ""ที่สำคัญ พ่อเชื่อว่าแม่ทัพใหญ่มู่คงไม่อาจจะวางแผนการนี้ได้คนเดียว ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเขาเป็นแน่ เจ้าจงระวังเอาไว้ให้ดี""ลูกทราบแล้ว เช่นนั้นลูกขอตัวก่อน"“อืม”เมื่อไม่มีสิ่งใดแล้วหลี่เหว่ยจึงกลับมาที่จวนของตน เขายังไม่ได้บอกเรื่องของอาซานให้เสด็จพ่อทรงทราบ เพราะเรื่องของแม่ทัพใหญ่มู่ก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว เรื่องอื่นเขายังจัดการด้วยตนเองได้ หากหรงหวายังไม่ยอมรามือจากน้องสาวของเขา เขาจะไม่เก็บนางเอาไว้ คงทำได้เพียงส่งศีรษะของนางกลับ

  • องค์ชายสารเลวท่านจะตีข้าหรือ   บทที่ 27 ช่วยเหลือ

    มู่กุ้ยเหมยขมวดคิ้วมุ่น นางสบตากับหลี่เหว่ยอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย นางไม่ได้ทำสิ่งใดผิดย่อมไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องเกรงกลัว แต่ที่นางแปลกใจก็คือ เหตุใดหลี่เหวยจึงมาอยู่ในจวนของนางได้ อีกทั้งยังมีองค์หญิงหลี่ฮวาที่ตามมาด้วยหลี่เหว่ยที่เห็นว่ามู่กุ้ยเหมยไม่เอ่ยตอบ ก็ตรงเข้ามาประชิดตัวนาง ก่อนจะยกมีดสั้นวางทาบลงบนลำคอขาวเนียนของมู่กุ้ยเหมยอย่างรวดเร็ว"ตอบมา ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เห็นแก่หน้าเจ้า ต่อให้เป็นคนที่ข้าฝึกฝนมาเองกับมือ ก็อย่าหวังว่าจะได้รับการละเว้น"มู่กุ้ยเหมยที่ถูกหลี่เหว่ยข่มขู่กลับไม่โกธร นางรู้ดีว่ายามอยู่ในสถาณการณ์คับขัน หลี่เหว่ยก็จะเย็นชาเช่นนี้อยู่เสมอ นางรู้จักเขามานานหลายปี นิสัยของเขานางเข้าใจดีมู่กุ้ยเหมยรีบคุกเข่าลง ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม"เดิมทีหม่อมฉันก็สงสัยในตัวบิดาตนเองเช่นกัน จึงเข้ามาตรวจดูในห้องตำรานี้ ไม่คาดคิดว่าจะพบห้องลับ และพบว่าเขาจับคนมาขังเอาไว้และทรมานคนเหล่านั้นอย่างทารุณเช่นนี้ องค์ชายใหญ่โปรดวางพระทัย ต่อให้ตัวต้องตาย กุ้ยเหมยก็ไม่มีทางทรยศบ้านเมืองเด็ดขาด หากพระองค์มาเพื่อช่วยคน เช่นนั้นก็รีบมือเถิดเพคะ หม่อมฉั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status