Share

บทที่ 10

“…”

เสิ่นลั่วเยี่ยนใบหน้ากระตุกอย่างคุมไม่ได้ ตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออดว่า “ใครจะไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้า ต่อให้ข้าต้องตาย ก็จะไม่ตายพร้อมกับเจ้า!”

ต้องขนาดนี้เลยหรือ?

ยัยเด็กโง่นี่!

แค่หยอกล้อเล่นนิดหน่อย นางยังคิดถือเป็นจริงจัง?

สติปัญญานาง ดูท่าแล้วคงไม่ได้สูงมากนัก?

นางฝึกสมองแต่ไปขึ้นที่กล้ามเนื้อแล้วหรือไง?

เสียงกบร้องระงม แมลงวันบินดังหวี่ๆ ทั้งวี่ทั้งวันไม่มีใครฟัง

ไก่ขันเพียงยามเช้า แต่กลับปลุกสรรพสิ่งให้ตื่นจากภวังค์ได้

คำพูดหากไม่มีใครฟัง ก็อย่าได้พูดพล่ามเลย

หยุนเจิงลอบหัวเราะในใจ แล้วพูดหยอกล้อขึ้นอีกว่า “เสด็จพ่อได้พระราชทานงานสมรสแล้ว หากพวกเราล้วนตกตายกันไปหมด คาดว่าเสด็จพ่อคงสั่งให้คนฝังเราไว้ด้วยกัน!”

เสิ่นลั่วเยี่ยนฟังคำพูดของหยุนเจิงใบหน้าก็กระตุกขึ้นมาอีก

แม้กระทั่งความตายก็มิอาจพรากนางไปจากไอ้สวะนี่ได้งั้นหรือ?

“เอาล่ะ”

หยุนเจิงค่อยๆ ยืดตัวยืนขึ้น แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เสด็จพ่อได้ตัดสินพระทัยแล้ว ราชวงศ์เราในเวลานี้ก็มีเรื่องมากมาย พวกเจ้าก็อย่าได้ไปหาเรื่องใส่ตัวอีกเลย”

กล่าวจบ หยุนเจิงก็ปลีกตัวจากไป

อย่างไรเขาก็ได้เตือนพวกนางแล้ว

หากพวกนางยังไม่ฟัง จะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทให้ได้ ตอนนั้นซวยขึ้นมา ก็อย่ามาหาว่าตนไม่ได้เตือนพวกนางก็แล้วกัน!

หยุนเจิงพอออกจากจวนตระกูลเสิ่น ก็รีบกลับไปเรือนปี้ปัว

ตอนที่เขามาถึงปากประตู ถึงพบว่าองครักษ์หน้าประตูเปลี่ยนคนแล้ว

นี่มันอะไรกัน?

“คาราวะองค์ชายหก!”

ขณะที่หยุนเจิงยังสับสน องครักษ์ทั้งสองก็มาทำการคาราวะเขา

หยุนเจิงมองไปที่ทั้งคู่อย่างงุนงง “พวกเจ้าคือ…”

โจวมี่ค้อมกายตอบ “เรียนองค์ชายหก พวกเราสองคนเดิมที่เป็นองครักษ์หน่วยอวี่หลิน นับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเราเป็นองครักษ์ประจำกายขององค์ชายหกพ่ะย่ะค่ะ”

คนจากหน่วยองครักษ์อวี่หลิน?

หยุนเจิงใจกระตุกเต้น

นี่เป็นสายที่จักรพรรดิเหวินส่งมา?

หรือว่าจักรพรรดิเหวินจะเป็นห่วงว่าพวกหยุนลี่กับซูเฟยจะทำไม่ดีต่อตน ก็เลยส่งองครักษ์อวี่หลินมาแทนองครักษ์เดิมของตน?

หรือจะเป็นไปได้ทั้งสอง?

“อ้อ”

หยุนเจิงรีบเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติ ถามขึ้นว่า “พวกเจ้าชื่ออะไร”

“โจวมี่!”

“เกาเหอ!”

“เช่นนั้นก็รบกวนพวกเจ้าแล้ว” หยุนเจิงพยักหน้าเบาๆ

“องค์ชายทรงตรัสเกินไปแล้ว”

ทั้งสองรีบส่ายหน้า

พอนางกำนัลในเรือนเห็นหยุนเจิงเดินเข้าประตูไป ก็รีบมองหน้าส่งสายตากัน แล้วรีบวิ่งเหยาะๆ ไปให้บริการเขา

“ไปให้พ้น!”

หยุนเจิงตวาดไล่นางกำนัล สีหน้าเย็นช้า “คุกเข่าลงให้หมดแล้วตบหน้าตัวเอง ข้าสั่งให้พวกเจ้าหยุดเมื่อไหร่ พวกเจ้าค่อยหยุด!”

เขาไม่กลัวว่าคนอื่นจะสังเกตเห็นข้อผิดปกติ

แม้แต่ตุ๊กตาหุ่นดินเผายังมีอารมณ์โกรธอยู่สามส่วน แต่นี่เขาเป็นถึงองค์ชาย

หากเขาไม่สั่งสอนเสียบ้าง ถึงจะเป็นปัญหา

ต่อให้เขามีใจกว้างเมตตาต่อผู้อื่น แต่ก็ไม่ควรจะถึงขั้นนี้

ทว่า สั่งสอนได้ แต่อย่าให้ถึงชีวิต

แต่ก่อนเป็นปอดแหกเพียงนั้น หากตอนนี้ทำตัวสุขุมมากเกินไป ก็จะถูกสงสัยได้อย่างง่ายดาย

นางกำนัลได้ยินคำพูดของหยุนเจิงก็กลัวยิ่งนัก เสียงคุกเข่า “ตุ้บตั้บ” ดังขึ้นติดต่อกัน

“ขอองค์ชายอภัยโทษด้วย บ่าวเองก็ไม่มีทางเลือกเพคะ!”

“องค์ชายโปรดยกโทษด้วย!”

“องค์ชายโปรดเมตตา…”

ในใจพวกนางกลัวตายจะแย่

พวกนางทำอะไรไป ในใจพวกนางรู้เป็นอย่างดี

เพียงแต่ว่า พวกนางนึกไม่ถึงว่า เศษสวะอย่างเขาที่ถีบจนองค์ชายสามมีสภาพเป็นเช่นนั้น ยังสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยได้

หยุนเจิงมองพวกนางด้วยสายตาเย็นชา แล้วตะโกนเสียงดัง “เกาเหอ!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

เกาเหอรีบวิ่งเข้ามา

หยุนเจิงปรายตามองพวกนางกำนัลอย่างไม่แยแส แล้วสั่งว่า “เฝ้าพวกนางไว้ ใครไม่ออกแรงตบปากตัวเอง ก็รบกวนเจ้าด้วย!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

เกาเหอรับคำสั่ง

พวกนางกำนัลเหล่านั้นตกใจแทบตาย ไม่กล้าร้องขอความเมตตาอีก รีบตบหน้าตัวเองอย่างแรง

เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ…

ทันใดนั้น เสียงในเรือนปี้ปัวก็ดังขึ้นอย่างก้องกังวาน

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status