ทว่าเวลาและสถานที่ไม่เหมาะสมนี่นา!ฝ่าบาทกำลังทำพิธีสักการะฟ้าดินที่นี่คือหอบูชาฟ้าเทียนถานคนยุคสมัยโบราณล้วนเชื่ออย่างงมงาย พวกเขาเชื่อว่าหากพูดที่หอบูชาฟ้าเทียนถาน สวรรค์ย่อมสามารถได้ยินพวกเขาบัณฑิตเหล่านี้โวยวายอยู่ที่นี่ หากล่วงเกินทำให้สวรรค์พิโรธ นำภัยพิบัติมาจะทำเยี่ยงไร?ดี!ต่อให้สวรรค์ไม่เหลียวแลพวกเจ้าเปล่งวาจาหยาบคายที่พิธีสักการะฟ้าดิน อีกทั้งยังสั่งให้รัชทายาทคุกเข่าและปาดคอตนเองตายหน้าตาของฝ่าบาทอยู่ที่ใดกันเล่า?หน้าตาของเชื้อพระวงศ์ต้าเซี่ยอยู่ที่ใด?จางเฉวียนเป็นชนชั้นสูง เป็นญาติของเชื้อพระวงศ์แม้ว่าเขาไม่เลือกฝักฝ่าย พยายามรักษาสมดุลทางการเมืองภายในราชสำนักแต่ใครขวัญกล้าหลบหลู่ฝ่าบาท หมิ่นเกียรติของเชื้อพระวงศ์ต้าเซี่ยจางเฉวียนเป็นคนแรกที่ไม่ยอม!“หุบปาก? หรงกั๋วกง พวกเจ้าชนชั้นสูง บัดนี้กลายเป็นสุนัขของรัชทายาทไปแล้วหรือ?”“ฮึๆ ขุนนางตัวดีปกป้องกัน!”“หรงกั๋วกง วันนี้เจ้าสั่งให้พวกเราหุบปาก พรุ่งนี้รัชทายาทก็จะลงมือจัดการพวกเจ้าเหล่าชนชั้นสูง ถึงตอนนั้น ข้ากลับอยากเห็นนัก ใครยังจะช่วยสนับสนุนเจ้าอีก!”“พวกข้าเหล่าบัณฑิต ไม่กลัวว่าจะเป็นหรือ
ทีแรกเหล่าบัณฑิตล้อมคุกหลวงและก่อความวุ่นวายจางอี้ไม่อาจต้านทานไหว จึงทำตามคำสั่งของเว่ยซวิน แม้ไม่ปล่อยบัณฑิตที่ถูกขังไว้ กลับส่งมอบศพของซ่งชิงหลวนออกมาเหล่าบัณฑิตก็รีบแบกโลงศพ เดินทางมายังหอบูชาฟ้าเทียนถาน ก่อความวุ่นวายที่พิธีสักการะฟ้าดินแรงกดดันทางฝั่งคุกหลวงลดลงจางอี้จึงพาเหล่าองครักษ์เสื้อแพรควบม้าอย่างไม่หยุดพัก มุ่งหน้ามายังหอบูชาฟ้าเทียนถาน เผชิญหน้ากับเหล่าบัณฑิตอีกครั้ง“เจ้าอีกแล้ว!”“ไอ้คนชั่วไม่ยอมเลิกรา!”“พวกเจ้าองครักษ์เสื้อแพรล้วนเป็นสุนัขรับใช้ประจบสอพลอเจ้านาย!”“หน่วยองครักษ์เสื้อแพรยอดเยี่ยมนักหรือ ฝ่าบาทนี่ท่านคิดใช้กำลังควบคุมหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ดีดีดี! ราชสำนักต้าเซี่ยทำเยี่ยงนี้กับบัณฑิต!”“ฝ่าบาท ท่านใช้กำลังควบคุมพวกกระหม่อมเพื่อปกป้องรัชทายาท การกระทำนี้ต่างอันใดจากจักรพรรดิฉินเผาตำราฆ่าบัณฑิต?”“ดูท่าแล้วท่านก็มิต่างจากจักรพรรดิฉิน เป็นกษัตริย์ทรราช!”“มามามา ถือดาบปักลายของเจ้า มาบั่นคอของข้า! หากข้าขมวดคิ้ว คัมภีร์ปราชญ์ที่อ่านมาในชาตินี้ก็ไร้ความหมาย!”“มาเลย ตัดเลย ฆ่าเลย!”“พวกเจ้าองครักษ์เสื้อแพร ดาบทื่อเกินไป มือช้าเกินไป! มิสู้ให้กอ
หากเจ้าเก้าเองก็อับจนหนทาง เช่นนั้นฮ่องเต้หวู่ก็จะประกาศยุติพิธีสักการะฟ้าดิน หลบเลี่ยงไปก่อนชั่วคราวส่วนความตายของซ่งชิงหลวน พรุ่งนี้ค่อยตัดสินเพียงคำเดียวเท่านั้น ยื้อ!เพียงแต่คิดไม่ถึง หลี่หลงหลินถึงขั้นมีหนทางจริงๆหลี่หลงหลินยิ้มมีเลศนัย “เสด็จพ่อ วิธีการของลูกนี้ไม่สามารถพูดออกมาได้! ยิ่งไปกว่านั้น ท่านจะต้องรับปากลูก ไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ท่านจะลืมตาหนึ่งข้าง หลับตาหนึ่งข้าง ยังต้องแสดงละครให้ความร่วมมือลูกอีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“แสดงละคร?”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่นในวันปกติ ฮ่องเต้หวู่ทำเรื่องไร้สาระให้ความร่วมมือหลี่หลงหลินไม่น้อย เพื่อชิงไหวชิงพริบกับเหล่าขุนนาง จึงต้องเล่นละครตบตาครั้งแล้วครั้งเล่าทว่าสถานที่แห่งนี้คือหอบูชาฟ้าเทียนถาน!ได้ยินมาว่าที่นี่อยู่ใกล้สวรรค์ที่สุด เราในฐานะโอรสสวรรค์ ไม่ว่าพูดสิ่งใด ทำสิ่งใด สวรรค์ล้วนมองลงมา...หากแสดงละคร นั่นมิเท่ากับหลอกลวงเบื้องบนหรือ?“ไม่ได้...ไม่ได้...”“เราไม่สามารถหลอกสวรรค์ได้! อย่างน้อยก็ไม่ใช่ที่นี่!”ฮ่องเต้หวู่ส่ายหน้า ท่าทีหนักแน่นหลี่หลงหลินเอือมระอา ยักไหล่ “ในเมื่อเสด็จพ่อไม่ยอม เช่นนั้นก็ถือเสียว่
ฉินฮั่นหยางและขุนนางทั้งหมดไม่ยอมเลิกรา บีบบังคับฮ่องเต้หวู่อย่างต่อเนื่อง ต้องการให้เขาลงโทษหลี่หลงหลิน สีหน้าฮ่องเต้หวู่เยียบเย็น เปล่งเสียงเย็นชา “เราพูดครั้งสุดท้าย! พรุ่งนี้ค่อยตัดสินเรื่องนี้! พวกเจ้าอย่าได้บังคับเรา...”เพิ่งสิ้นเสียงเหล่าบัณฑิตก็พากันโห่ร้อง เสียงดังก้องอยู่ในหู “ฝ่าบาทโปรดลงโทษรัชทายาทด้วย! หาไม่แล้ว ท่านก็อย่าได้คิดออกจากที่นี่เป็นอันขาด!”ฮ่องเต้หวู่ตกตะลึงเหม่อไปเสียสติไปแล้ว!บัณฑิตเหล่านี้เสียสติไปแล้ว!เราถอยหนึ่งก้าว พวกเขาขยับเข้ามาหนึ่งก้าว ไล่ต้อนไปทุกก้าว!ยิ่งไปกว่านั้นยังจำกัดอิสระเราต่อหน้าทูตต่างแดนอีกด้วย!เราเป็นโอรสสวรรค์เชียวนะ!พวกเขาทำเกินไปแล้ว โอหังเกินไปแล้ว!แท้จริงแล้วเหล่าราษฎรในเหตุการณ์ก็ตกตะลึงพรึงเพริด แต่ละคนหันหน้ามองกันเดิมทีราษฎรยังสงสารซ่งชิงหลวนอย่างไรเสียก็ต้องเคารพผู้วายชนม์!ยิ่งไปกว่านั้นซ่งชิงหลวนก็เป็นผู้มีความรู้อย่างมากคนหนึ่ง สอนศิษย์ออกมาไม่น้อย ลูกศิษย์กระจายทั่วหล้าผู้มีความรู้เช่นนี้ตายไป ยิ่งไปกว่านั้นยังตายภายในคุก ฆ่าตัวตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์พวกเขาล้วนรู้สึกเสียดายทว่าการแสดง
หรือจะใช้กองทัพสกุลซู?คล้ายกับว่ามีเพียงวิธีนี้แล้วฮ่องเต้หวู่ร้อนใจแล้วแต่เขารับปากหลี่หลงหลินไปแล้ว จะเริ่มแสร้งหูหนวกเป็นใบ้ นี่จึงหน้าแดงก่ำ พยายามขยิบตาให้เว่ยซวินโชคดีเว่ยซวินเป็นพยาธิในท้องของฮ่องเต้หวู่ เพียงสื่อสารกันผ่านทางสายตา ก็เข้าใจความคิดของเขาแล้ว รีบพูดกับหลี่หลงหลิน “องค์ชาย กองทัพสกุลซูเป็นผู้ยึดมั่นในคุณธรรม ได้รับความเคารพเลื่อมใสจากราษฎรสูงมาก”“หากท่านใช้กองทัพสกุลซูกำราบบัณฑิต น่ากลัวว่านับตั้งแต่นี้ไป บนตัวกองทัพสกุลซูก็จะแปดเปื้อน!”“มีโทษมากกว่าประโยชน์พ่ะย่ะค่ะ!”ซูเฟิ่งหลิงติดตามข้างกายหลี่หลงหลินอยู่ตลอด สายตากวาดมองรอบด้าน เงี่ยหูฟังทั้งแปดทิศ พยายามปกป้องเขาอย่างสุดความสามารถได้ยินถ้อยคำนี้ของเว่ยซวิน สายตาซูเฟิ่งหลิงมองตรงมาจับจ้องหลี่หลงหลินเขม็ง ร่างอรชรสั่นเทา สบถด่า “ไอ้คนชั่ว ท่านให้ข้าเคลื่อนกองทัพออกจากภูเขาทิศประจิม ถึงขั้นวางแผนทำเช่นนี้!”“หากมือของกองทัพสกุลซูเปื้อนเลือดราษฎรผู้บริสุทธิ์!”“ข้าไม่มีวันปล่อยท่านไปแน่!”หลี่หลงหลินพูดไม่ออก “ใครบอกว่าข้าต้องการใช้กองทัพสกุลซูกำราบพวกบัณฑิตกันเล่า? เจ้าอย่าคิดเองเออเองได้หรือไม่
“ตาเฒ่า?”ฉินฮั่นหยางได้ยินคำเรียกขานนี้ มุมปากกระตุกริกอย่างสุดระงับคนของสำนักปราชญ์ให้ความสำคัญต่อหน้าตาอย่างที่สุดแม้ว่าฉินฮั่นหยางไม่ใช่ขุนนาง แต่เขามีความรู้เข้าขั้นสูง ศิษย์กระจายอยู่ทั่วหล้า คล้ายไม่ด้อยไปกว่าเสิ่นชิงโจวและซ่งชิงหลวนทั้งสองคนภายในราชสำนักมีศิษย์ของเขาไม่น้อยยามอยู่ต่อหน้าฉินฮั่นหยาง พวกเขาล้วนต้องเรียกตนอย่างเคารพนบนอบหนึ่งประโยคว่าท่านอาจารย์สำหรับราษฎรธรรมดา กลับเรียบขานเขาว่าบัณฑิตทรงคุณวุฒิตาเฒ่า?คำเรียกขานขาดความเคารพนี้ ฉินฮั่นหยางไม่ได้ยินมานานหลายปีแล้วจากนั้น แม้ว่าฉินฮั่นหยางโมโห แต่กลับจนใจใครให้ตนเองเรียกหลี่หลงหลินว่าองค์ชายเก้า มิใช่รัชทายาทกันเล่าอีกฝ่ายก็ตอบโต้ด้วยวิธีการของเขากลับมาก็เท่านั้น!หากตนเองติดอยู่กับเรื่องเล็กน้อยนี้ ก็จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบฉินฮั่นหยางจนใจ ได้แต่บีบจมูกยอมรับเขายิ้มเย็น พูดข้ออ้างที่เตรียมไว้อย่างดีแล้วออกมา “องค์ชาย เจ้าพูดว่าบัณฑิตซ่งมีความผิดสมควรได้รับโทษ ฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิด? จะต้องให้ความเคารพต่อผู้วายชนม์ด้วย! บัณฑิตซ่งตายไปแล้ว เจ้ายังคิดจะปรักปรำต่ออีก!”“มโนสำนึกของเจ้าอยู่ที
แต่เป็นเรื่องจริงที่ตีพิมพ์จดหมายลับต้นฉบับของซ่งชิงหลวนและตู้เหวินยวน!ครั้งที่แล้ว หลี่หลงหลินใช้วิธีนี้โค่นล้มขุนนางผู้ตรวจการราชสำนักครั้งนี้เขากลับใช้กลยุทธ์เดิมอีกครั้งเพื่อจัดการกับซ่งชิงหลวน!“ของปลอม!”“ทั้งหมดเป็นของปลอม!”ฉินฮั่นหยางเดือดดาลอย่างหนัก ฉีกหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยในมือขว้างขึ้นไปบนอากาศ เหมือนหิมะที่โปรยปรายลงมาชายชราคนนั้นงงงวยไปหมด ดวงตาแดงก่ำ “หนังสือพิมพ์...หนังสือพิมพ์ของข้า...”น่าเสียดายที่หนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยถูกฉีกขาดชายชรานั่งยองๆ มองเศษกระดาษหนังสือพิมพ์ ร่างกายของเขาโค้งงอ ดูน่าสงสารมากเขาไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษใดๆ กับหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยแต่เพียงเพราะเขาเคยชินกับชีวิตที่ยากจนและเคยชินกับการประหยัดหนังสือพิมพ์วิชาการต้าเซี่ยนี้ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นของที่ใช้ประโยชน์ได้แต่ถูกฉินฮั่นหยางฉีกขาด เสียของเปล่าๆ ชายชรารู้สึกเสียดายฉินฮั่นหยางไม่รู้สึกเห็นใจแม้แต่น้อย ชี้ไปที่ชายชราและด่าว่า “ทุกคนดูสิ! อะไรที่เรียกว่าคนโง่ นี่ไงล่ะคนโง่! คนอื่นพูดอะไรเขาก็เชื่อไปหมด ตัวเขาเองไม่มีความสามารถในการแยกแยะเลยแม้แต่น้อย!”“ข่าวล
ไส้ศึกของรัชทายาท?สมองของชายชราว่างเปล่าเขาทำกรรมอะไรไว้?แค่ดูเหตุการณ์วุ่นวาย แล้วเข้าไปใกล้เกินไปหน่อยเท่านั้นเองหรือ?ทำไมแค่บัณฑิตฉินขยับปากพูด เขาก็กลายเป็นไส้ศึกไปได้?นี่ไม่ใช่คำพูดที่ดีเลยชายชรารีบโต้แย้ง “ท่านบัณฑิตฉิน ข้าน้อยไม่ใช่ ข้าน้อยไม่ใช่จริงๆ! ข้าน้อยกับรัชทายาทไม่รู้จักกันจริงๆ! และข้าน้อยก็ไม่รู้จักท่านบัณฑิตซ่ง ไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง ไม่เคยมีความแค้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะทำร้ายเขา...”“เหอะๆ”บนใบหน้าของฉินฮั่นหยางปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ย “ในเมื่อไม่รู้จัก แล้วเจ้าจะคุกเข่าทำไม! ถ้านี่ไม่ใช่การสำนึกผิดแล้วจะเรียกว่าอะไรเล่า?”เสียงของเหล่าบัณฑิตดังขึ้น “เจ้าสำนึกผิดชัดๆ!”“เจ้าเป็นสุนัขรับใช้ของรัชทายาท!”“สุนัขรับใช้! ไส้ศึก!”ชายชราเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้เรียนหนังสือ พูดไม่เก่งเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาคุกเข่าต่อหน้าฉินฮั่นหยาง น้ำมูกน้ำตาไหลอาบ “ท่านบัณฑิตฉิน ข้า...ข้าน้อยผิดไปแล้ว! ได้โปรด ท่านเป็นผู้ใหญ่ ใจกว้าง อย่าถือสาข้าน้อยเลย ปล่อยข้าน้อยไปเถอะ!”ฉินฮั่นหยางยิ้มเล็กน้อย ปลาติดเบ็ดแล้วรัชทายาทจัดการยากแต
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค