สิ่งที่หลี่หลงหลินพูดมานั้นเป็นความจริงเพราะตระกูลซูก็ตกอยู่ในวิกฤติใหญ่เช่นกัน แทบไม่สามารถเอาเงินออกมาได้มากมายขนาดนั้นพระพักตร์ของฮ่องเต้หวู่ก็พลันอ่อนลง “เจ้าเป็นคนที่ซื่อสัตย์! แต่ว่าเจ้าไม่คิดหรือว่าหากเจ้าเป็นฝ่ายยอมรับผิด ข้าจะให้อภัยเจ้าง่ายๆ? เจ้าไม่สมควรใช้ความคิดไม่ดีไปซื้อใจคน!”หลี่หลงหลินตะโกนออกมาด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “เสด็จพ่อ นี่ท่านกำลังใส่ร้ายลูกอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ ลูกไปซื้อใจคนที่ไหนกัน! ไม่ว่าจะในหมู่ประชาชน หรือในกองทัพ ชื่อเสียงของลูกก็เน่าเฟะจนไม่น่าฟังแล้ว!”“ลูกยังได้ยินมาว่าผู้ตรวจการเยว่ซานกล่าวโทษลูก บอกว่าลูกคือคนที่ชั่วร้ายที่สุดในใต้หล้า!”“เสด็จพ่อ ท่านบอกได้หรือไม่ ว่าลูกกำลังซื้อใจคนอยู่หรือเปล่า?” เยว่ซานมีใบหน้าตกตะลึงไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึง คำพูดที่ตนใส่ร้ายหลี่หลงหลินนั้น กลับกลายเป็นสิ่งที่เขาใช้เป็นโล่กำบังนี่เรื่องอะไรกัน?ฮ่องเต้หวู่ตะลึงทันที เหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง “ชื่อเสียงของเจ้ามันเน่าเฟะจริงๆ แต่นั่นล้วนเป็นการใส่ร้ายป้ายสีทั้งนั้น ข้าได้ถ่ายทอดราชโองการลงไปเพื่อช่วยบรรเทาความคับข้องใจของเจ้าแล้วมิใช่หรือ...”หลี่หลงหลินก
ก่อนหน้านี้ หลี่หลงหลินเคยพูดเอาไว้ว่าเขาจะขายคฤหาสน์ของเจ้าหก แล้วเอาเงินนี้ไปทำกิจการ และถือว่าเป็นของตนด้วยสองส่วนฮ่องเต้หวู่แค่เห็นว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่น ไม่ได้ถือเป็นจริงเป็นจังกับเรื่องนี้ เขาทิ้งเรื่องนี้เอาไว้เบื้องหลัง จนลืมมันไปหมดแล้วเมื่อหลี่หลงหลินเตือนเช่นนี้ ในที่สุดฮ่องเต้หวู่ก็นึกขึ้นมาได้ด้วยสีหน้าเข้าใจหลี่หลงหลินกล่าวต่อ “ลูกพยายามซื้อใจคนจริงๆ! แต่ไม่ใช่เพื่อตัวลูก และไม่ใช่เพื่อตระกูลซู หรือไม่ใช่แม้แต่ราชสำนัก แต่เพื่อเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ...”เมื่อฮ่องเต้หวู่ได้ยินอย่างนั้น เขาก็รู้สึกดีใจเกินคาด ก่อนจะชื่นชม “เจ้าเก้า ความกตัญญูของเจ้ามันช่างน่ายกย่องจริงๆ! ข้าตำหนิเจ้าผิดไปแล้ว! ชีวิตนี้ ข้ามีชื่อเสียงนับไม่ถ้วน แต่นี่กลับเป็นครั้งแรกที่ข้าถูกชาวบ้านเรียกว่าผู้ใจบุญหลี่! รู้สึกว่าไม่เลวเลยนะ… ”ฮ่องเต้หวู่เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน สิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดก็คือชื่อเสียงของตัวเอง!โดยเฉพาะชื่อเสียงของตัวเองในเหล่าราษฎรชื่อเสียงของหลี่หลงหลินนั้นแย่มากจริงๆแต่ของฮ่องเต้หวู่ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนักเป็นคนใช้ทรัพยากรอย่างไม่ยับยั้งชั่งใจ ไม่ฟังความคิดเห
แล้วก็ยังมีกลุ่มขุนนางที่อยู่เบื้องหลังเขา คอยควบคุมการเมืองในราชสำนัก บีบบังคับเจตนาฮ่องเต้!ช่างร้ายกาจจริงๆ!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้ว “หรือว่า พวกเจ้าอยากบีบบังคับข้า...?”ตู้เหวินหยวนก็เอ่ยว่า “เยว่ซานผิดพลาดในหน้าที่จริงๆ! ในเมื่อฝ่าบาทยืนกรานที่จะลงโทษ มิสู้ออกราชโองการตักเตือนเขา แล้วหักเงินเดือนเขาอีกหนึ่งปี สั่งให้เขาปรับปรุงตัว เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ผู้อื่นล่ะพ่ะย่ะค่ะ!” บรรดาข้าราชบริพารต่างก็เอ่ยเห็นด้วยฮ่องเต้หวู่มองไปที่หลี่หลงหลิน “เจ้าเก้า เจ้าคิดอย่างไร?”หลี่หลงหลินเงียบไป แต่ในใจเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นตักเตือน ก็คือการตำหนิเยว่ซานเป็นผู้ตรวจการ เดิมทีก็ทำหน้าที่พูดตรงไปตรงมา ด่าฮ่องเต้ในทางที่ผิด เพื่อได้รับชื่อเสียงหากฮ่องเต้หวู่มีพระราชโองการตักเตือน สำหรับเยว่ซานแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่ใช่การด่า แต่เป็นการชื่นชมด้วยไม่ว่าจะเป็นในหมู่ประชาชนทั่วไปหรือราชสำนัก เยว่ซานจะมีชื่อเสียงโด่งดัง โชคดีหน่อยก็อาจจะมีชื่อเสียงอยู่ในประวัติศาสตร์ส่วนโทษปรับเงินเดือนหนึ่งปีนั้นก็ยิ่งน่าขำสิ้นดีผู้ตรวจการเป็นขุนนางขั้นห้า หนึ่งปีมีเงินเดือนเท่าไหร่?เยว่ซานพึ่งพาการทำ
เยว่ซานเป็นบัณฑิตอ่อนแอ ร่างกายผ่ายผอมแม้ว่าฮ่องเต้หวู่จะอายุมาก แต่ในกองทัพเวลานั้น เขากลับผู้นำกองทัพที่กล้าหาญไปต่อสู้กับศัตรูนับหมื่นการบริหารบ้านเมืองของฮ่องเต้หวู่อาจจะดูเลอะเลือนไปจริงๆแต่วรยุทธ์ของเขากลับโดดเด่นมากไม่อย่างนั้นจะมีชื่อฮ่องเต้หวู่ได้อย่างไร?การเตะครั้งนี้ เหมือนกับถล่มภูเขา รุนแรงไร้ที่เปรียบ!ฮ่องเต้หวู่กระตุ้นเจตนาสังหาร ลงมืออย่างไร้ความปรานี ออกแรงอย่างเต็มที่!แกรก...เสียงกระดูกแตกนี้ดังมาจากหน้าอกของเยว่ซาน!ชั่วขณะต่อมา ร่างกายของเขาก็เหมือนกับว่าวที่เชือกขาด ปลิวออกไปหลายจั้ง!ปัง!ศีรษะของเยว่ซานก็กระแทกกับกำแพงอาคารอย่างรุนแรง จนเลือดไหลออกมาร่างกายของเขาเหมือนกับโคลน อ่อนตัวทรุดลงบนพื้น ไม่มีเสียงหายใจแม้แต่นิดเดียวการกระทำของฮ่องเต้หวู่ กะทันหันเกินไปทุกคนต่างก็ไม่ทันได้ตอบสนองหลี่หลงหลินสูดหายใจเข้าลึกๆพ่อที่ไร้ประโยชน์ผู้นี้ของเขา มิน่าล่ะถึงได้ชื่อว่าฮ่องเต้หวู่นี่มันปีศาจชัดๆ!หากเข้าร่วมสงครามฆ่าศัตรู ฮ่องเต้หวู่จะเป็นแม่ทัพที่สามารถกวาดล้างกองทัพนับพันได้อย่างแน่นอนน่าเสียดายที่เขาเป็นฮ่องเต้!สิ่งที่สำคัญที่สุดข
องค์ชายเก้าก็ใช้กฎของบรรพบุรุษมาล้างความผิดให้ฮ่องเต้เช่นเดียวกันใช้คำพูดของอีกฝ่าย มาลบล้างคำพูดของอีกฝ่าย!หากพวกเขายังยืนกรานที่จะลงโทษฮ่องเต้ ก็เท่ากับเป็นการฝ่าฝืนกฎของบรรพบุรุษ “นี่...”ตู้เหวินหยวนตะลึงงันแล้ว ในหัวพยายามนึกบทบัญญัติของกฎบรรพบุรุษในสมองของเขาอย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้อะไรเลยขุนนางคนอื่นๆ ต่างก็ตะลึงจนตัวแข็งทื่อ ชั่วขณะนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีฮ่องเต้หวู่ตรัสว่า “สิ่งที่เจ้าเก้าพูดมาก็สมเหตุสมผล! ในเมื่อข้าไม่ได้ฝ่าฝืนกฎของบรรพบุรุษ ข้าก็ไม่มีความผิด! อย่างไร ข้าก็พลั้งมือตีขุนนางตาย ในหลักศีลธรรมถือว่าเป็นเรื่องไม่ดี!” “ข้าจะออกฎีกาสะท้อนตัวเอง ประกาศให้ใต้หล้ารู้!”“เอาศพของเยว่ซานออกไป แล้วฝังตามพิธีกรรมของแคว้น ดูแลครอบครัวของเขาให้ดี!”เมื่อคำพูดของฮ่องเต้หวู่พูดมาถึงจุดนี้ตู้เหวินหยวนและขุนนางทุกคนก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกคนตายไปแล้วอย่างไรก็ฟื้นคืนชีพไม่ได้เยว่ซานตายไปแล้ว หากพวกเขายังจะสร้างปัญหาต่อไป มันจะมีผลลัพธ์อะไรเกิดขึ้น?หรือว่าต้องให้ฮ่องเต้หวู่ฆ่าคนแล้วชดใช้ด้วยชีวิตหรือ?ช่างตลกสิ้นดี!ต้าเซี่ยปฏิบัติต่อขุนนางเป็นอย่างดี โทษที่
รถม้าค่อยๆ แล่นไปข้างหน้าเว่ยซวินเป็นคนบังคับรถม้าอยู่ด้านหน้าด้วยตัวเองในรถม้า หลี่หลงหลินและฮ่องเต้หวู่มองหน้ากัน“เจ้าเก้า!”ฮ่องเต้หวู่เอ่ยชื่นชม “เจ้าทำดีมาก...”หลี่หลงหลินรออยู่นานมาก แต่ฮ่องเต้หวู่ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะพูดต่อดีมาก?นี่จบแล้วหรือ?ต่อไปควรจะให้รางวัลไม่ใช่หรือ?แค่ตำชมเบาๆ หนึ่งประโยค มันจะมีประโยชน์อันใด!ช่วยเอาอะไรที่มันจับต้องได้มาสักหน่อยไม่ได้หรือ?เงินทองเครื่องประดับ แต่งตั้งยศถาบรรดาศักดิ์ หรืออะไรก็ได้ ข้าไม่เรื่องมาก!อย่างที่คาดเอาไว้ ฮ่องเต้หวู่ให้ตายอย่างไรก็ไม่พูดออกมาหลี่หลงหลินจนใจเล็กน้อย จึงได้แต่เป็นฝ่ายเอ่ยว่า “นี่เป็นสิ่งที่ลูกสมควรทำพ่ะย่ะค่ะ! ไม่ทราบว่าเสด็จพ่อเรียกลูกมา มีสิ่งใดจะตรัสหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่ดูเขินอายเล็กน้อย ก่อนจะตรัสด้วยใบหน้าแดงเรื่อ “เจ้าบอกว่ากิจการของเจ้า เป็นของข้าสองส่วนใช่หรือไม่?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ ลูกพูดเช่นนั้น”ฮ่องเต้หวู่ตรัสว่า “แล้วสองส่วนนี้ จะให้เงินข้าได้เท่าไหร่?”เมื่อหลี่หลงหลินได้ยินเช่นนั้น เขาก็สบถในใจทันทีให้ตายเถอะ ไม่ให้รางวัลข้าก็ไม่เป็นไร แต่นี่ยังคิดจะเอ
“เพราะเหตุนี้ ข้าก็เลยคิดที่จะแต่งตั้งเจ้าเป็นราชทูต ประทานดาบซ่างฟางให้เจ้าไปสืบราชการลับ กวาดต้อนพวกขุนนางทุจริตเหล่านี้! กำลังพรรคพวกของตู้หวินหยวนให้หมด เพื่อให้ใต้หล้ามีอนาคตที่สดใส! เมื่อถึงตอนนั้นที่บุกค้นบ้านและยึดทรัพย์ของตู้เหวินหยวน พวกเราสองคนก็หารครึ่งกัน”คำพูดของฮ่องเต้หวู่นั้น พูดได้อย่างชอบธรรมและจริงจังแต่หลี่หลงหลินเหมือนถูกโจมตีอย่างรุนแรงเสด็จพ่อ นี่ท่านประเมินข้าสูงเกินไปหรือไม่?ให้ข้าไปต่อกรกับพวกขุนนางที่มีอำนาจเหลือล้นอย่างนั้นหรือ?นี่อยากจะให้ข้าไปตายหรือไม่?อย่าว่าแต่ข้าเลยแม้แต่ท่าน ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของขุนนางเหล่านี้!ไหนจะดาบซ่างฟางอะไรนั่นอีก!มันจะมีประโยชน์อะไรกัน!ขุนนางพวกนั้นไม่ต้องใช้มีด แค่คำพูดจากปากไม่กี่คำก็ไม่รู้ว่าต้องมีชาวบ้านเท่าไหร่ที่หัวต้องหลุดจากบ่า!“เสด็จพ่อ...”หลี่หลงหลินจึงเอ่ยปฏิเสธ “ลูกแค่ฉลาดเล็กน้อยเท่านั้น! หน้าที่ผู้แทนพระองค์เช่นนี้ ลูกไม่มีความสามารถทำให้สำเร็จจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ แผ่นดินต้าเซี่ยเต็มไปด้วยความสามารถ พระองค์ลองพิจารณาดูคนอื่นก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้หวู่ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “คนอื่นหรือ?
หลี่หลงหลินชูนิ้วของมาหนึ่งนิ้ว “เสด็จพ่อ! ท่านอยากให้ลูกเป็นผู้แทนพระองค์ตรวจสอบคดีฉ้อโกงเงินบำนาญ! ข้อแรกลูกอยากให้เสด็จพ่อทรงเงียบเอาไว้ ห้ามบอกใครเรื่องที่ลูกเป็นผู้แทนพระองค์!”ฮ่องเต้หวู่พยักหน้า “เช่นนั้นย่อมได้แน่นอน! ตราบใดที่เจ้ารับปาก ข้าเองก็จะปิดปากเงียบ! เช่นนี้ก็จะมีเพียงสวรรค์และนรกที่รู้ และมีเพียงเราสองพ่อลูกที่รู้กัน! แม้แต่เว่ยซวิน ข้าก็จะไม่บอกเขา”หลี่หลงหลินพูดต่อ “ข้อที่สอง เวลาที่ลูกตรวจสอบคดีนี้ ห้ามกำหนดเวลา”ฮ่องเต้หวู่ก็ตรัสด้วยความประหลาดใจ “ไม่กำหนดเวลา? ถ้าเช่นนั้นเจ้าอยากจะสืบเท่าไหร่ก็สืบเท่านั้นอย่างนั้นน่ะหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้า “หมายความเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่ก็ส่ายหน้าอย่างจริงจัง “ไม่ได้! เจ้าจำเป็นต้องกำหนดเวลาให้ข้า ไม่อย่างนั้น ถ้าเจ้าจงใจยืดเวลาออกไป สืบจนเวลาเนิ่นนาน หรือว่าข้าจะสอบถามอะไรไม่ได้?”หลี่หลงหลินถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “เสด็จพ่อลูกทำเพื่อราชสำนัก ทำเพื่อท่าน!ถ้าลูกตรวจสอบตู้เหวินหยวน เช่นนั้นมันต้องเกิดความวุ่นวายทั่วราชสำนักแน่!”“ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือพร้อมที่จะโจมตีเข้าเมืองหลวงได้ตลอดเวลา สถานการณ์ที่หัวเลี
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค