ซูเฟิ่งหลิงสับสนแล้ว จับจ้องหลิ่วหรูเยียน “พี่สะใภ้สี่ ท่านกำลังพูดอะไร? หรือว่าท่านและหลี่หลงหลินสมคบคิดกัน? แต่ นี่เป็นไปไม่ได้!”หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้ว เปิดกล่อง หยิบเครื่องแบบทหารใหม่เอี่ยมออกมาจากภายในหนึ่งชุด พูดอย่างแปลกใจ “สมคบคิดอันใด? องค์ชายเก้าให้ข้าช่วย ตัดเครื่องแบบทหารใหม่เอี่ยมให้เจ้าหนึ่งชุด!”“ให้เจ้าลองๆ ดู ที่ใดไม่พอดี ข้าจะได้นำไปแก้”“เจ้าไม่ถอดเสื้อผ้า จะลองได้เยี่ยงไร?”ซูเฟิ่งหลิงโง่งมแล้ววุ่นวายอยู่นาน ที่แท้ก็เพื่อลองเครื่องแบบทหาร!นางถลึงตาใส่หลี่หลงหลินแวบหนึ่งเป็นความตั้งใจของเจ้าสารเลวคนนี้ไม่พูดอันใด เพียงเข้ามาก็พูดว่าให้ข้าถอดเสื้อผ้า!ไม่ว่าตกอยู่ที่ใคร ใครบ้างไม่เข้าใจผิด?สารเลว! สารเลว!ก็รู้จักหาความสำราญให้ตนเอง!ซูเฟิ่งหลิงดื้อดึงขึ้นมาแล้ว กอดอก “ข้าไม่ลอง! เครื่องแบบทหารห่วยๆ มีประโยชน์อันใด?”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “นั่นเจ้าพูดผิดไปแล้ว! คนอาศัยเสื้อผ้าม้าอาศัยอาน! กองทัพเองก็เป็นเช่นนี้! ชุดเกราะใหม่เอี่ยม กองทัพสวมเครื่องแบบหล่อเหลา เพียงมองดูก็รู้ว่าเป็นทหารฝีมือดีแข็งแกร่ง ศัตรูย่อมถอยหนีตามธรรมชาติ พ่ายแพ้โดยไม่ต้องสู้!”“ต
หลี่หลงหลินอ่านความคิดของซูเฟิ่งหลิงออก พูดยิ้มๆ “เครื่องแบบทหารชุดนี้ โอ้อวดจริงนั้นล่ะ! แต่โอ้อวดมีอันใดผิดกันเล่า? กองทัพอันดับหนึ่งในใต้หล้า หรือไม่สมควรให้โอ้อวดกระนั้นรึ?”กองทัพอันดับหนึ่งในใต้หล้าซูเฟิ่งหลิงตกตะลึงองค์ชายเก้าโอ้อวดเกินไปแล้ว!กองทัพสกุลซูเป็นทหารฝีมือดีจริง แต่เรื่องแข็งแกร่งที่สุดนี้ ก็ไม่กล้าเรียกว่าเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า!เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน!แค่ต้าเซี่ยนี้ ก็มีหลายกองทัพ สามารถเทียบกับกองทัพสกุลซูได้ยกตัวอย่างเช่นกองทัพทหารรักษาพระองค์...นอกเหนือจากต้าเซี่ย ก็มีมากโข!ยกตัวอย่างเช่นทหารม้าหุ้มเกราะของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ!เพียงคิดถึงตรงนี้ มือทั้งสองข้างของซูเฟิ่งหลิงก็กำแน่นอย่างอดไม่ได้กองทัพสกุลซูก็พ่ายแพ้ให้กับทหารม้าหุ้มเกราะของชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือ ถูกทำลายทั้งกองทัพไม่มีใครเหลือรอด!ได้ยินมาว่าท่านปู่ ท่านอา ยังมีพวกพี่ชาย บ้างตายท่ามกลางความวุ่นวายของกองทัพ บ้างต่อสู้จนหมดแรงตาย บ้างถูกจับแล้ว ถูกยัดใส่กระสอบ ให้ม้าเหยียบจนเละ!นี่คือความอัปยศมากเพียงใด!หลี่หลงหลินพูดอย่างโอหัง ต้องการเป็นกองทัพอันดับห
ซูเฟิ่งหลิงดีใจมาก กระตือรือร้นหน้าแดงก่ำ “ได้! พวกเราจะไปยามใด?”หลี่หลงหลินพูดสอดปาก “ข้าและพี่สะใภ้ใหญ่ไปเกณฑ์ทหาร เกี่ยวอันใดกับเจ้า?”ซูเฟิ่งหลิงดื้อดึงขึ้นมาแล้ว กระโดดขึ้นอาชาพุทราแดง ตะโกนเสียงดัง “ท่านไม่ให้ข้าไป ข้ากลับจะไปให้ได้! ข้าล่วงหน้าไปก่อนหนึ่งก้าว พบกันที่ค่ายผู้ลี้ภัยนอกเมือง...”ยังพูดไม่ทันจบ เงาร่างของซูเฟิ่งหลิงก็ออกจากจวนสกุลซูไปแล้ว หายลับไปที่หัวถนนลั่วอวี้จู๋ส่ายหน้าเบาๆ ทอดถอนใจ “เฮ้อ เด็กโง่คนนี้! ถูกองค์ชายเก้าเล่นอยู่ในกำมือ...”หลี่หลงหลินพูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้ใหญ่ ไยท่านพูดเช่นนี้?”ลั่วอวี้จู๋เอ่ยตอบ “หากองค์ชายเก้าไม่คิดให้ซูเฟิ่งหลิงไปเกณฑ์ทหารจริง เหตุใดต้องให้นางลองเครื่องแบบทหารด้วยเล่า? ยังมิใช่ความดื้อดึงของนาง ถูกท่านจับไว้...”“องค์ชายเก้า วิธีควบคุมคนของท่าน ช่างชวนให้คนเลื่อมใสโดยแท้!”หลี่หลงหลินหัวเราะฮาๆ “พี่สะใภ้ใหญ่งดงามมีไหวพริบ ฉลาดปราดเปรื่องเป็นอันดับหนึ่ง เป็นแบบอย่างในหมู่สตรี...”ลั่วอวี้จู๋โบกมือ พูดตัดบทหลี่หลงหลินแล้ว “เวลาไม่เช้าแล้ว องค์ชายเก้า พวกเราออกเดินทางเถอะ!”ลั่วอวี้จู๋และหลี่หลงหลินขึ้นรถม้า รถม้าบรรทุกเง
ลั่วอวี้จู๋มีชาติกำเนิดสูงศักดิ์ในตระกูลการค้า เชี่ยวชาญทำการค้า กลับไม่เคยเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ทันใดนั้นรับมือไม่ทัน “น้องหญิง เหตุใดเจ้าก่อเรื่องอีกแล้ว! นี่จะทำเช่นไร...”หลี่หลงหลินพูดปลอบ “พี่สะใภ้ ท่านอย่ากังวลไปเลย! ข้าไปดูก่อนว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร”พูดจบหลี่หลงหลินลงจากรถม้า จากนั้นหาหญิงออกเรือนแล้วมารับชมความครึกครื้นคนหนึ่ง เอ่ยถาม “นี่เกิดเรื่องใดขึ้น? เหตุใดนักการมากเพียงนี้ ลงมือกับหญิงคนหนึ่งเล่า?”หญิงออกเรือนแล้วกัดฟัน “นักการก้นสุนัขอันใดกัน! ก็คือพวกชั่วรังแกราษฎร์กลุ่มหนึ่ง!”“เมื่อครู่มีแม่นางน้อยคนหนึ่ง กินโจ๊กแล้วยังกินไม่อิ่ม ปรากฏว่าถูกพวกเขาเตะล้มลงกับพื้น ทั้งยังด่าว่า...”“โชคดีวีรสตรีท่านนี้มาถึง ต่อสู้กับพวกชั่วเหล่านั้น!”“หาไม่แล้ว แม่นางน้อยคนนั้นต้องถูกตีตายทั้งเป็นแน่!”หลี่หลงหลินอึ้งงัน ดังคาด มองเห็นซูเฟิ่งหลิงปกป้องแม่นางน้อยร่างผอมหน้าเหลืองคนหนึ่งไว้ข้างหลัง เข้าใจขึ้นมาในทันใดนักการทำชั่ว ทุบตีแม่นางน้อยซูเฟิ่งหลิงบังเอิญผ่านมา เห็นความอยุติธรรม ดึงดาบเข้าช่วยดังคาด เรียกความสนใจจากนักการมามากมาย ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันแล้
ยังไม่ทันพูดจบประโยค หลี่หลงหลงก็มาถึงหน้าผู้ดูแลหลิว มือซ้ายขวาง้างออก ตบหน้าเขาหลายฉาด!ผู้ดูแลหลิวถูกตบจนมึนงง!เหล่านักการที่ว่าการรอบกายเองก็ตอบสนองไม่ทัน ตกตะลึงมองหลี่หลงหลินเหล่าราษฎร์เว้นเสียแต่ตกตะลึงแล้ว กลับตบมือร้องว่าดีผู้ดูแลหลิวขุนนางชั่วคนนี้ สมควรตี!ตบหลายฉาดนี้ คลายโทสะได้โดยแท้!ทว่า เหล่าราษฎร์เองก็กังวลอยู่ลึกๆด้วยอารมณ์ของผู้ดูแลหลิว ไม่มีวันเลิกราเป็นแน่!คนหนุ่มคนนี้ ยังมีวีรสตรีชุดดำท่านนั้น น่ากลัวว่าต้องแย่แน่!ผู้ดูแลหลิวปิดหน้าบวมแดง ตะเบ็งเสียงดัง “เจ้าเป็นใคร? ขวัญกล้าทุบตีข้า? เจ้าไม่กลัวกฎหมายหรือ?”หลี่หลงหลินยิ้มเย็นพูดว่า “ข้าก็คือกฎหมาย!”ผู้ดูแลหลิวตกตะลึงเหม่อลอยแล้วเขาเป็นขุนนางมาหลายปีเพียงนี้ ยังไม่เคยเห็นคนโอหังเพียงนี้มาก่อน!หรือว่า หลี่หลงหลินเป็นลูกผู้ดีจากตระกูลใด?ทว่านี่คือฝ่าพระบาทโอรสสวรรค์!ขุนนางยิ่งใหญ่เยี่ยงไร ก็ยังมีฝ่าบาทกดอยู่ข้างบน!ใครขวัญกล้าไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา?ซูเฟิ่งหลิงเห็นหลี่หลงหลินมาแล้ว โล่งใจภายในใจ ปากกลับบ่นตำหนิ “องค์ชายเก้า เหตุใดท่านเพิ่งมา? ข้าเกือบตายไปแล้ว!”องค์ชายเก้า?ผู้ดูแล
“พระ...พระชายาองค์ชายเก้า?”ผู้ดูแลหลิวคล้ายถูกตีแสกหน้า สมองขาวโพลน!อันที่จริง ชื่อเสียงยิ่งใหญ่ของซูเฟิ่งหลิง ผู้ดูแลหลิวก็เคยได้ยินมาก่อนสิงโตเหอตงอันดับหนึ่งของเมืองหลวง!ใครบ้างไม่รู้ ใครบ้างไม่ทราบ!ชนิดที่ว่า ผู้ดูแลหลิวเห็นเองกับตา ซูเฟิ่งหลิงสวมชุดแดงเกราะเงิน ขี่ม้าสีชาด ห้อตะบึงผ่านไปอย่างห้าวหาญแต่ทว่าวันนี้ซูเฟิ่งหลิงสวมเสื้อผ้าแปลกประหลาด มิใช่เครื่องแบบทหารปกติ คล้ายชุดจิ้นของอันธพาลในยุทธภพ เพราะสาเหตุนี้จึงเข้าใจผิดคิดว่านางเป็นวีรสตรีเดินทางท่องยุทธภพ!“แย่แล้ว! แย่แล้ว!”เหงื่อเย็นผุดบนตัวผู้ดูแลหลิว กระวนกระวายหวาดกลัวเมื่อครู่ตนเองเพิ่งปรักปรำพระชายาองค์ชายเก้าเป็นอันธพาล ยังคิดจับกุมอีกด้วย!นี่เป็นเรื่องใหญ่มากนัก!พึ่บ!ผู้ดูแลหลิวเป็นขุนนางมาหลายปี ก็เป็นคนตัดสินใจเฉียบขาด รีบคุกเข่าลง คลานเข่าเข้าไปหยุดหน้าซูเฟิ่งหลิง โขกศีรษะคล้ายไก่จิกข้าว “พระชายาองค์ชายเก้า! กระหม่อมมีตาหามีแววไม่ ล่วงเกินไปแล้ว!”“หวังว่าท่านคนใหญ่คนโตจะไม่ถือสากระหม่อม...”ซูเฟิ่งหลิงเผยสีหน้ารำคาญ โบกมือพลางพูด “รีบไสหัวไป! ข้าไม่อยากเห็นเจ้าอีก...”ผู้ดูแลหลิวดีใจม
หลี่หลงหลินขมวดคิ้วแน่นโจ๊กหนึ่งหม้อ ใสจนสามารถสะท้อนเงาคนได้!เหตุใดปักตะเกียบไม่ล้ม?ในนี้ต้องมีลูกไม้อันใดเป็นแน่!หลี่หลงหลินยื่นมือ หยิบตะเกียบในหม้อขึ้นมา ทันใดนั้นรู้สึกหนักถึงขั้นเป็นตะเกียบเหล็กสั่งทำพิเศษหนึ่งคู่!แต่เพียงตะเกียบเหล็ก ไม่มีทางไม่ล้ม!หรือว่า...หลี่หลงหลินเตะหม้อเหล็กพลิกคว่ำ น้ำโจ๊กที่อยู่ภายในสาดกระเซ็นลงพื้น เผยให้เห็นก้นหม้อ ถึงขั้นเป็นทราย!ตะเกียบเหล็กปักบนทราย ล้มได้ก็แปลกแล้ว!ซูเฟิ่งหลิงโกรธจัด คว้าปกคอเสื้อของผู้ดูแลหลิว “เจ้าขุนนางชั่วคนนี้! ถึงขั้นใช้ทรายมาบรรเทาทุกข์ราษฎร์ เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่?”ผู้ดูแลหลิวคล้ายไม่ว้าวุ่นเลยแม้แต่น้อย พูดยิ้มๆ “พระชายาองค์ชาย! ชี้แนะท่านหนึ่งประโยค! แม้กระหม่อมเป็นเพียงผู้ดูแลขั้นเจ็ด แต่ก็เป็นขุนนางในราชสำนัก! ทำร้ายขุนนางในราชสำนัก มีโทษสถานหนัก!”“เจ้า...”ซูเฟิ่งหลิงโกรธจัด กลับไม่ยอมปล่อยมือผู้ดูแลหลิวไม่มีความกลัว พูดจาฉะฉาน “องค์ชายเก้า! กระหม่อมทำงาน ล้วนเคารพกฎของราชสำนักไปทุกจุด! สำหรับทรายในหม้อนี้ ก็ปะปนมากับข้าวใช้บรรเทาทุกข์ ไม่เกี่ยวอันใดกับกระหม่อม!”“ส่วนตะเกียบเหล็กนี้ ก็เป
ทั่วทั้งค่ายผู้ลี้ภัยเงียบกริบ ทุกคนล้วนลืมตาอ้าปากค้าง!ตกตะลึงที่สุด ก็คือลั่วอวี้จู๋และซูเฟิ่งหลิงพวกนางคิดไม่ถึงอารมณ์ของหลี่หลงหลินรุนแรงเพียงนี้ ถึงขั้นใช้กระบี่ฟันผู้ดูแลหลิวแล้วซูเฟิ่งหลิงเดาะลิ้น สีหน้าดีใจ “ท่านบอกข้าทุกวันมิให้วู่วาม ปรากฏว่าวู่วามเสียยิ่งกว่าข้าร้อยเท่า! ข้าวู่วามเยี่ยงไร ก็ไม่ถึงขั้นฆ่าคนตายคาที่ ยิ่งไปกว่านั้นยังฆ่าขุนนางในราชสำนักอีกด้วย!”วู่วามก็ส่วนวู่วาม แต่สะใจยิ่งนัก!วีรชนผู้กล้าใช้ความรุนแรงละเมิดกฎ!การกระทำของหลี่หลงหลิน ก็เป็นสิ่งที่ซูเฟิ่งหลิงอยากทำ แต่ไม่กล้าทำ!ลั่วอวี้จู๋รีบลงจากรถม้า ก้าวเท้าฉับไวเข้ามาหยุดข้างกายหลี่หลงหลิน มองศพผู้ดูแลหลิวบนพื้น บ่นตำหนิ “องค์ชายเก้า ท่านให้หม่อมฉันพูดเช่นไรถึงจะดี! คราวนี้ ท่านก่อเรื่องใหญ่แล้ว...”หลี่หลงหลินยิ้มแล้ว ชูวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ยขึ้นฟ้า “ข้ามีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ ก็แค่ปลิดชีพขุนนางชั่วขั้นเจ็ดเท่านั้น มีอันใดเลวร้ายกัน? ข้าก็แค่ต้องการกำจัดขุนนางชั่ว ผู้ดูแลหลิวเป็นเพียงการเริ่มต้น!”ท่ามกลางสายตาทุกคน ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลิน เท่ากับส่งสาสน์ท้ารบให้หัวหน้ากลุ่มขุนนางตู้เหว
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค