ฮูหยินผู้เฒ่าซูและสะใภ้ทั้งสามต่างก็มองอย่างโง่เขลาซูเฟิ่งหลิงเจ้าทำอะไรของเจ้านั่นเป็นของขวัญที่องค์ชายสามมอบให้ไทเฮาเลยนะเหตุใดเจ้าถึงได้ซุ่มซ่ามขนาดนี้ หักศีรษะหยกของเจ้าแม่กวนอิมลงมาได้อย่างไร?คราวนี้จะจัดการสถานการณ์อย่างไร?ด้วยความเดือดดาลของฮ่องเต้ ไม่มีทางไม่โกรธตระกูลซูลั่วอวี้จู๋ กงซูหว่าน หลิ่วหรูเหยียนทำอะไรไม่ถูก เดินเข้ามาขอร้องหลี่หลงหลิน “องค์ชายเก้า เจ้าช่วยคิดหาทางช่วยเหลือน้องสาวที”“ถึงแม้ว่านางจะเป็นคนสะเพร่า แต่อย่างไรนางก็เป็นพระชายาของเจ้า”“ใช่ เจ้ารีบพูดช่วยนางเร็วเข้า”หลี่หลงหลินมองไปที่ปิ่นทองไม้หนานมู่บนหัวของสตรีทั้งสาม “แล้วเรื่องปิ่นปักผม?”สตรีทั้งสามตะลึงงันแล้วพูดว่า “นี่มันเวลาไหนแล้ว เจ้ายังมานึกถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อีกหรือ”“ทุบปิ่นไม่ทุบปิ่นอะไร เป็นครอบครัวกันทั้งนั้น”“พวกเราปักปิ่นอันเดียวกัน ก็หมายความว่าพี่น้องรักใคร่กันลึกซึ้ง”หลี่หลงหลินยิ้ม “อื้อ ในเมื่อพวกพี่สะใภ้ขอร้องข้า ข้าก็ต้องพูดช่วยซูเฟิ่งหลิงอย่างแน่นอน”หลังจากพูดจบแล้ว หลี่หลงหลินก็เดินไปตรงหน้าซูเฟิ่งหลิงแล้วบ่นว่า “เจ้านี่นะ ช่างโง่จริงๆ นี่เป็นของขวัญของ
ซูเฟิ่งหลิงยืนอยู่บนเวที มือถือศีรษะของเจ้าแม่กวนอิม ดวงตาทั้งคู่จ้องมองไปที่หลี่หลงหลิน น้ำตาไหลพรากอย่างไม่พอใจ “เจ้าเกลียดข้าขนาดนี้เลยหรือ! อยากให้ข้าตายให้ได้เลยหรืออย่างไร?”“หลี่หลงหลิน ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ!”สามีของตนกลับหักหลังตนได้!มีชีวิตอยู่แล้วจะมีความหมายอะไร?ชั่วขณะนั้น ซูเฟิ่งหลิงอยากจะตายจริงๆแน่นอนว่าก่อนที่นางจะตาย นางจะต้องฆ่าหลี่หลงหลินก่อน ถือเป็นการขจัดความชั่วร้ายแทนประชาชน!ชายผู้นี้ช่างต่ำช้าและหน้าไม่อายจริงๆ...หลี่หลงหลินยิ้มบาง แล้วกล่าวว่า “โบยสี่สิบไม้ ข้ายอมรับ! แต่คนที่จะโดนไม่ใช่ซูเฟิ่งหลิง แต่เป็นพี่สาม!”หลี่เฟิงอวิ๋นขมวดคิ้วแน่น แล้วกล่าวด้วยเสียงหัวเราะเย็นชา “เจ้าเก้า เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับข้า?”หลี่หลงหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เกี่ยวสิ และเกี่ยวข้องกับใต้หล้าด้วย! ทุกคนลองคิดดูนะ หยกไขมันแกะแข็งมาก! แม้ว่าซูเฟิ่งหลิงจะมีแรงเยอะรวมกับวัว แต่ก็ไม่มีทางหักหัวของเจ้าแม่กวนอิมลงออกมาได้!”“ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว นางเป็นเพียงสตรีผู้บอบบางเพียงคนหนึ่งเท่านั้น!”ซูเฟิ่งหลิงกล่าวด้วยความไม่พอใจ “ข้าบอกบางตรงไหนมิทราบ? แค่มือข้างเดียวของข้า ก็สามารถ
หลี่เฟิงอวิ๋นเผชิญหน้าต่อเสียงคำรามของฮ่องเต้หวู่ เขาไม่ได้ส่งเสียงใดๆชีวิตที่แข็งแกร่งและกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล!ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว วิธีการของตนเองก็ถูกหลี่หลงหลินเปิดโปงแล้ว หากยังดันทุรังต่อไป ก็มีแต่จะขายหน้า!“เจ้าเก้า!”แววตาของหลี่เฟิงอวิ๋นนั้นดุร้ายมาก เขาจ้องไปที่หลี่หลงหลินอย่างเอาเป็นเอาตาย!ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดเจ้าสี่ถึงได้เกลียดชังเจ้าเก้าเข้ากระดูกเช่นนี้!คนผู้นี้ไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ที่ตนคิดเอาไว้ มันได้เปลี่ยนไปนานแล้ว ราวกับงูพิษที่ซ่อนอยู่ในเงามืด ดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง!ตนไม่ระวังเพียงเล็กน้อย ก็จะตกหลุมพรางของเขา!“หลี่เฟิงอวิ๋น!”“เจ้าหูหนวกหรือ?”“ยังไม่รีบคุกเข่าขอโทษเสด็จย่าอีก!”“หรือว่าเจ้าอยากให้ข้าลากเจ้าออกไปโบยสี่สิบไม้จริงๆ?”ฮ่องเต้หวู่เห็นว่าหลี่เฟิงอวิ๋นไม่พูด ก็ยิ่งเดือดดาล และเรียกชื่อของเขาออกมาทันทีหลี่เฟิงอวิ๋นยังคงเงียบ“เจ้าๆๆ...”ร่างมังกรของฮ่องเต้หวู่สั่นเทา ริมฝีปากสั่นเทา แม้แต่พูดก็พูดไม่ออกไทเฮาจึงเอ่ยเกลี้ยกล่อม “ฮ่องเต้ ช่างเถอะ ช่างเถอะ! วันนี้อย่างไรก็เป็นวันเกิดของข้า พวกเจ้าสองพ่
แม้ว่าฮ่องเต้จะทรงประทานมงคลสมรสแล้วแต่อย่างไรทั้งคู่ก็ยังไม่ได้จัดพิธีแต่งงาน และซูเฟิ่งหลิงก็ยังไม่ได้แต่งเข้าตระกูลคนอื่นเรียกนางว่าพระชายา นั่นไม่ผิดแต่หลักการเรียกของฮองเฮานั้น เห็นได้ชัดว่าเข้มงวดมาก!แต่สิ่งที่ทำให้หลี่หลงหลินประหลาดใจก็คือ เหตุใดฮองเฮาหลู่ต้องเรียกซูเฟิ่งหลิงไปด้วย นางคิดจะทำอะไรกันแน่?เมื่อซูเฟิ่งหลิงได้ยินว่าฮองเฮาทรงเรียกเข้าเฝ้า ก็ตื่นตระหนกยิ่งกว่าหลี่หลงหลินเสียอีก “องค์ชายเก้า เหตุใดฮองเฮาถึงอยากพบข้า? นี่ไม่ใช่แผนของเจ้าใช่หรือไม่ หรือว่าว่าเจ้าคิดจะหลอกข้าอีกแล้ว?”จนกระทั่งตอนนี้ ซูเฟิ่งหลิงถึงได้เข้าใจ เมื่อครู่นี้หลี่หลงหลินตั้งใจหลอกตน เพื่อจะได้ใส่ร้ายหลี่เฟิงอวิ๋นแม้ว่าสุดท้ายตนจะไม่ได้รับอันตรายใดๆแต่ซูเฟิ่งหลิงยังคนรู้สึกกลัวอยู่ในใจ!แต่โชคดีที่หลี่หลงหลินยังมีมโนธรรมอยู่บ้างที่พูดช่วยตน!หากเขาไม่มีมโนธรรม ตั้งใจทำร้ายตนตนคงตายโดยไม่มีที่ฝังจริงๆ!หลี่หลงหลินส่ายหัว “ความคิดของฮองเฮาลึกล้ำมาก ไม่ใช่คนดีอะไร ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้ชัดเจนนัก! พอเจ้าขึ้นไปกับข้าแล้ว ก็อย่าพูดอะไรไร้สาระ จำไว้!”ซูเฟิ่งหลิงพยักหน้า แล้วเดินตามหลังห
เสด็จพ่อจะพระราชทานอภัยโทษหรือ?หลี่หลงหลินตะลึงงันเล็กน้อย แต่ไม่ได้แปลกใจกับข่าวนี้เท่าไหร่วันพระราชสมภพของไทเฮา การพระราชทานอภัยโทษนั้นถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติแต่หลี่หลงหลินคิดไม่ถึงเลยว่า พี่หกก็จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษด้วยมีความผิดมากมายที่ควรได้รับการอภัยโทษ แต่หนึ่งในนั้นไม่รวมการก่อกบฏ“เฮ้อ”“ต่างก็บอกว่าเสด็จพ่อใจคอโหดเหี้ยม แม้แต่ลูกชายของตัวเองก็ยังแคลงใจ!”“แต่ความจริงแล้ว เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง!”หลี่หลงหลินทอดถอนใจ เขาส่งบัตรคนดีให้ฮ่องเต้หวู่ในใจแล้วฮ่องเต้หวู่เป็นคนดี แต่ไม่ใช่ฮ่องเต้ที่ดี!เขาใช้อารมณ์มากเกินไป ใจอ่อนเหมือนสตรี!สำหรับแคว้นแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องดีอะไรส่วนการที่ฉินกุ้ยเฟยได้รับการพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวออกมาจากตำหนักเย็นมันก็อยู่ในการคาดเดาของหลี่หลงหลินแล้วประการแรก เพราะภูมิหลังตระกูลของฉินกุ้ยเฟย ประการที่สองเพราะความกดดันจากตู้เหวินยวนและเหล่าขุนนาง ประการที่สามก็คือองค์ชายสี่หลี่จือและแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ฉินกุ้ยเฟยไม่ได้ทำความผิดใหญ่หลวงอะไร นอกจากเลี้ยงดูเจ้าหกลูกทรพีผู้นี้มันก็แค่การซ่อมสวนผลาญเงินเท่านั้นไม่ใช
“ไม่เพียงเท่านั้น พวกเรายังกลายเป็นคนไม่ดี และถูกองค์ชายสี่เกลียดชัง!” “และพวกเรายังเป็นหนี้บุญคุณของฮองเฮา ต้องขอบคุณนางอย่างสุดซึ้ง!” หลี่หลงหลินพยักหน้า: “ถูกต้อง! นี่แหละคือความสามารถของฮองเฮา!” ซูเฟิ่งหลิงตกใจมาก: “มิน่าล่ะ ที่ท่านบอกว่าฮองเฮาไม่ใช่คนดี นางร้ายกาจเกินไปแล้วรึเปล่า! พวกเราถูกนางใช้เป็นเครื่องมือโดยไม่รู้ตัว!” “แต่พวกเรากลับไม่มีทางต่อต้านได้เลย!” หลี่หลงหลินถอนหายใจ: “ก็ใช่น่ะสิ! วังหลังเป็นสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก! เหล่าพระสนมทุกคนดูเหมือนจะรักใคร่กลมเกลียว ยิ้มแย้มแจ่มใสให้กัน แต่จริงๆ แล้วลับหลังต่างคนต่างก็แทงมีดใส่กัน...” “ด้วยนิสัยของเสด็จแม่แล้ว ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ข้าเป็นห่วงนางจริงๆ!” “แต่ข้าเองก็ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้!” “ได้แต่หวังว่าความโปรดปรานของเสด็จพ่อจะสามารถปกป้องนางได้!” ซูเฟิ่งหลิงรู้สึกโชคดีมาก ที่นางไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ทุกคนต่างก็เป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ ปากหวานก้นเปรี้ยว ไม่สามารถไว้ใจใครได้เลย! มันน่ากลัวเกินไปแล้ว! “แต่ทว่า...” หลี่หลงหลินมองไปยังองค์ชายสี่หลี่จือที่อยู่ไกลๆ: “ฝ่ายขององค์ชายสี่
“ฮองเฮา...” ในแววตาหลีเฟิงอวิ๋นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น คนที่เขาเกลียดที่สุดจริงๆ แล้วไม่ใช่ฮ่องเต้ แต่เป็นฮองเฮา! ผู้หญิงใจร้ายคนนี้ ทำลายทั้งชีวิตของเขา! “เจ้าจะให้ข้าทำยังไง?” หลีเฟิงอวิ๋นถามอย่างเย็นชา: “ช่วยฉินกุ้ยเฟย และเจ้าหกหรือ?” หลี่จือรีบพยักหน้า: “ใช่!” หลีเฟิงอวิ๋นเพ่งมองหลี่จือ และพูดว่า: “ใช่ว่าข้าจะไม่มีวิธี! แต่ข้าช่วยได้แค่คนเดียว! เจ้าเลือกใคร?” หลี่จือไม่ลังเล: “แน่นอนว่าต้องเลือกเสด็จแม่!” หลีเฟิงอวิ๋นหัวเราะ: “น้องชายแท้ๆ ก็ไม่ช่วยหรือ? ดูเหมือนว่าถึงแม้เจ้ากับเจ้าหกถึงจะเป็นพี่น้องกัน แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่ถือว่าดีเท่าไหร่ คำลือนี่ไม่ใช่เรื่องเล่าไร้สาระ! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าตกลง!” “แต่ เจ้าก็ต้องช่วยข้าทำเรื่องหนึ่งนะ!” หลีเฟิงอวิ๋นโน้มตัวลงข้างหูของหลี่จือ แล้วกระซิบแผนการของเขา เวลาผ่านไป สีหน้าของหลี่จือยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ เขาเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ: “พี่สาม ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยหรือ?” หลีเฟิงอวิ๋นพูดอย่างเย็นชา: “คนที่ใจแคบไม่ใช่ผู้มีคุณธรรมสูงส่ง คนที่ไม่โหดเหี้ยมก็ไม่ใช่บุรุษที่เด็ดเดี่ยว! นี่เป็นโอกาสเดียวที่เราจะพลิกสถานการณ์ได้! หรือว
หลีเฟิงอวิ๋นเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา: “เรื่องที่เจ้าไม่ควรรู้ อย่าถาม!” หลี่เสวียนก้มหน้า วิ่งมาถึงหน้าประตูคุกอย่างสุดชีวิต ชายชุดดำโค้งคำนับหลีเฟิงอวิ๋น: “ท่านอ๋อง เรื่องเรียบร้อยแล้ว! คนของแปดหอการค้าใหญ่ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!” หลีเฟิงอวิ๋นเอ่ยอย่างเย็นชา: “ดีมาก! จุดไฟ!” ตูม! ชายชุดดำที่เตรียมน้ำมันไว้อยู่แล้ว จุดไฟเผาคุกจนวอดทันที! เปลวไฟพุ่งทะยานขึ้นฟ้า! “ไฟไหม้! ไฟไหม้...” “ทุกคนตื่นเร็ว ช่วยกันดับไฟ” ทหารยามที่กำลังลาดตระเวนพบว่าคุกเกิดไฟไหม้ จึงรีบหยิบฆ้องทองแดงมาเคาะจนเสียงดัง พร้อมกับตะโกนลั่น ผู้คนนับไม่ถ้วนพากันตื่นจากความฝัน รีบหยิบถังน้ำไปช่วยดับไฟ เสียงร้องไห้ เสียงตะโกน เสียงสาปแช่งดังระงมไปทั่ว ครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงวุ่นวายไปหมด! หลีเฟิงอวิ๋นและคนอื่น ๆ ฉวยโอกาสหนีออกจากเมือง จนมาถึงภูเขาที่รกร้างได้ก่อนฟ้าสาง! ตึกตัก... เสียงกีบม้าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทหารม้าซีเหลียงสามพันนายได้มาถึงที่นี่แล้ว “รอดแล้ว! ในที่สุดก็รอดแล้ว!” “ในที่สุดข้าก็หนีออกจากคุกนั่นได้!” “ฮ่าฮ่าฮ่า!” “จากนี้ไป นกจะได้บินอยู่บนฟ้า ปลาจะว่ายอยู่ในทะเล!” องค์ชายห
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค