“กระตุ้นราคาธัญพืชให้สูงขึ้นหรือ?” ลั่วอวี้จู๋ทำหน้ามึนงง มองหลี่หลงหลินด้วยความไม่เชื่อ ในหัวขององค์ชายเก้าคิดอะไรอยู่กันแน่? ราคาธัญพืชในตอนนี้พุ่งสูงขึ้นถึงยี่สิบเท่าของราคาปกติแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้น การหยุดชะงักของการขนส่งและการกักตุนธัญพืชของเหล่าพ่อค้าในเมืองหลวง ประชาชนไม่มีปัญญาซื้อธัญพืชกันแล้ว เสียงบ่นไม่พอใจดังระงมไปทั่ว ในฐานะผู้แทนพระองค์ที่ได้รับมอบหมายให้บรรเทาภัยพิบัติ ไม่แจกจ่ายธัญพืชหรือควบคุมราคาธัญพืชไม่ให้สูงขึ้นก็ว่าแย่แล้ว แต่กลับจะดันให้ราคาธัญพืชสูงขึ้นไปอีก หรือว่าท่านก็คิดจะเป็นเหมือนพ่อค้าโลภมากเหล่านั้น ที่หวังหาเงินที่เปื้อนเลือดประชาชน? หลี่หลงหลินมองลั่วอวี้จู๋ด้วยสายตาแน่วแน่ น้ำเสียงหนักแน่น:“พี่สะใภ้ ท่านเชื่อข้าเถอะ! ข้าได้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะช่วยชีวิตประชาชนให้ได้!” ผ่านไปครู่ใหญ่ ลั่วอวี้จู๋จึงยอมจำนน นางกัดริมฝีปากแน่น กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล:“องค์ชายเก้า ครั้งนี้ข้าจะเชื่อท่าน! แต่... ขอให้ท่านอย่าทำให้ข้าผิดหวัง!” หลี่หลงหลินเอ่ยด้วยยิ้ม:“พี่สะใภ้ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่มีวันทำให้ท่านผิดหวัง!” ลั่วอวี้จู๋ไม่พูดอะไรต่อ และเ
“องค์ชายเก้าจะโลภมากขนาดนั้นเลยหรือ ที่จะเห็นทุกสิ่งเป็นเพียงหุ่นฟาง!” “แต่ทว่า ข้าเพิ่งได้รับข่าวมา ซึ่งทำให้ต้องเชื่อ!” เหล่าพ่อค้าธัญพืชต่างตกใจและถามว่า “สวี่เหล่า ข่าวอะไรหรือ?” สวี่เหล่าตอบเสียงเบาและแฝงความลึกลับว่า “ภูเขาทิศประจิม ไม่เพียงแค่ไม่ปล่อยธัญพืช แต่ยังเก็บธัญพืชเพิ่มขึ้น เพื่อดันราคาธัญพืชขึ้นอีก! ดูเหมือนว่า องค์ชายเก้าตั้งใจจะทำตัวเป็นปี่เซียะ รับเข้าไปอย่างเดียว ไม่ยอมให้ออกไปเลย!” พ่อค้าธัญพืชตกใจและในขณะเดียวกันก็ยิ้มออกมา “องค์ชายเก้าจะทำตัวเป็นปี่เซียะงั้นหรือ? นั่นดีมาก!” “สิ่งที่เรากลัวที่สุดคือภูเขาทิศประจิมปล่อยธัญพืชลงมาทำให้ราคาตก!” “ถ้าองค์ชายเก้าอยากจะดันราคา เราก็ต้องเข้าไปช่วยเขา!” “ใช่แล้ว! ดันราคาธัญพืชให้ขึ้นสูงสุดไปเลย! องค์ชายเก้ากินเนื้อ เราก็กินแค่น้ำซุป!” สวี่เหล่าหัวเราะพลางหยิกหนวด “ข้าก็คิดเหมือนกัน!” พ่อค้าธัญพืชเริ่มพูดคุยกันและตัดสินใจทันที ที่จะใช้โอกาสอันหาได้ยากนี้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ก็จะดันราคาธัญพืชให้สูงขึ้นไปถึงจุดสูงสุด!! ไม่นาน ราคาธัญพืชในเมืองหลวงก็พุ่งสูงถึงสามสิบเท่า ยิ่งไปกว่านั้น มีราคาแต่
ฮ่องเต้หวู่ปิดปากแน่นมือกุมหน้าอก รู้สึกหายใจไม่ออก ในดินแดนต้าเซี่ย มีคำพูดด่าทอที่ว่า “เด็กเกิดมาแต่ไม่มีรูทวาร!” ประชาชนที่ด่าองค์ชายเก้า เท่ากับด่าฮ่องเต้หวู่ด้วย! ฮ่องเต้หวู่กัดฟันกรอดและพูดว่า “ถ่ายทอดคำสั่ง! เรียกตัวองค์ชายเก้าเข้าเฝ้า! ข้าจะถามเขาตรงๆ ว่าเขากำลังเล่นอะไรอยู่!” เว่ยซวินรีบเอ่ยเตือน “ฝ่าบาท พระองค์ลืมเรื่องหนึ่งไปแล้วใช่หรือไม่?” ฮ่องเต้หวู่มองยังเว่ยซวินด้วยความสงสัย “เรื่องอะไรล่ะ?” เว่ยซวินกล่าวเสียงเบา “พระองค์เคยสัญญากับองค์ชายเก้าไว้ไม่ใช่หรือ? ว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการกระทำของเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น? การดันราคาธัญพืชให้สูงขึ้น อาจเป็นแผนการที่ลึกซึ้งขององค์ชายเก้า” ฮ่องเต้หวู่โกรธจนไม่สามารถควบคุมได้ “แผนการลึกซึ้งอะไร? มีแค่ปัญหาที่เกิดจากการปล่อยให้เขาทำตามใจ! ถ้าประชาชนอดตายจริงๆ เราจะดูว่าเขาจะจัดการยังไง!” แม้จะพูดไปอย่างนั้น แต่ฮ่องเต้หวู่ก็รู้สึกไร้ทางออกเช่นกัน เพราะเขาเคยตอบตกลงกับเจ้าเก้าในที่ท้องพระโรงต่อหน้าขุนนางข้าราชการทั้งหลายแล้ว ว่าไม่ว่าองค์ชายเก้าจะใช้วิธีไหน เขาจะไม่เข้าไปยุ่ง ฮ่องเต้หวู่เป็นฮ่องเต้ที่ยิ่
เห็นว่าหลี่หลงหลินชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ หลี่จือนั่งไม่ติดตั้งแต่แรกแล้ว อยากแสดงผลงานต่อหน้าฮ่องเต้หวู่ เพื่อแย่งชิงความโปรดปรานถือสิทธิ์อะไร เรื่องที่เจ้าเก้าทำได้ ข้าจะทำไม่ได้หรือ!ยิ่งไปกว่านั้น...ครั้งนี้หลี่หลงหลินพยายามกดราคาธัญพืช บรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย เห็นได้ชัดว่าล้มเหลวไปแล้ว!เจ้าเก้ากลายเป็นอดีตไปแล้ว!ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ถึงตาข้าเจ้าสี่จะต้องลุกออกมา กอบกู้สถานการณ์ และแสดงความโดดเด่นให้ทุกคนได้เห็น!ฮ่องเต้หวู่มองเขาด้วยสีหน้าเคลือบแคลงใจ “เจ้าสี่ เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าทำได้? ลองบอกข้ามา เจ้าคิดจะทำเยี่ยงไร?”หลี่จือเคยเป็นองค์ชายที่ฮ่องเต้หวู่ทรงโปรดปรานที่สุดครั้งหนึ่ง...ฮ่องเต้หวู่เคยคิด แต่งตั้งหลี่จือเป็นองค์รัชทายาท ให้เขาได้สืบทอดบัลลังก์ปรากฏว่า ต่อมาฮ่องเต้หวู่ก็พบว่า...หลี่จือนั้นโง่เง่าสิ้นดี!เหตุผลที่เขาเคยดูฉลาดหลักแหลม สำคัญคือมีตู้เหวินยวนอยู่เบื้องหลัง คอยวางแผนให้เขาตอนนี้ ตู้เหวินยวนถูกกำจัดไปแล้วหลี่จือยังสามารถพึ่งพาใครได้อีก?สำหรับหลี่จือที่ทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฮ่องเต้หวู่แทบไม่มีความเชื่อใจอีกแล้วหลี่จือกลับพูดอย่
ฮ่องเต้หวู่ได้ยินดังนั้น ถึงกับตกใจการควบคุมราคาธัญพืชครั้งนี้ องค์ชายเก้าที่แต่ไรมาเขาไว้วางใจ กลับไม่มีผลงานเลยตรงข้ามกันเป็นองค์ชายสี่ที่เขาเมินข้ามไป กลับทำได้ดีสถานการณ์พลิกผันไปจากเดิมทั้งหมดแล้ว!“เจ้าสี่ อย่างไรเสียก็เป็นลูกชายของเรา!”ฮ่องเต้หวู่รู้สึกปลื้มปีติภายในใจ มองทางเว่ยซวิน “บอกเรา องค์ชายสี่ทำได้เยี่ยงไร?”เว่ยซวินตอบด้วยเสียงเคร่งขรึม “องค์ชายสี่พาคน ไปจับกลุ่มพ่อค้าธัญพืชจำนวนหนึ่ง และได้ตัดหัวผู้นำกลุ่ม เชือดไก่ให้ลิงดู! พร้อมทั้งสั่งให้ทุกร้านค้าธัญพืชจะต้องเปิดขาย มิหนำซ้ำจะต้องจำหน่ายธัณพืชในราคาที่สูงถึงสิบเท่า!”ฮ่องเต้หวู่ชะงัก เอ่ยปากอย่างตกใจ “ตั้งแต่ยามใดที่เจ้าสี่ กลายเป็นคนเด็ดขาดเช่นนี้! การจัดการกับพ่อค้าคดโกง ก็ต้องใช้วิธีการรุนแรงเช่นนี้! ฆ่าได้ดี!"สำหรับพ่อค้า โดยเฉพาะพ่อค้ากักตุนธัญพืช ฮ่องเต้หวู่ไม่มีความรู้สึกดีอันใดวิธีการเด็ดขาดขององค์ชายสี่ เขากลับรู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้น!“เรียกองค์ชายสี่เข้าวังเดี๋ยวนี้!”ฮ่องเต้หวู่รู้สึกอารมณ์ดีอย่างมาก พูดว่า “ครั้งนี้ เราจะตกรางวัลเจ้าสี่ดีๆ!"เว่ยซวินค้อมตัว “กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง”
“ผู้ตรวจการฝ่ายบรรเทาทุกข์นี้ เจ้าก็ไม่ต้องเป็นแล้ว กลับไปคิดทบทวนตนเองดีๆ ตกลงเจ้าทำผิดที่ใด!”หลี่จือได้ยินถ้อยคำนี้ สีหน้าพึงพอใจกระบี่ชื่อวิหคมังกรแห่งต้าเซี่ยเป็นกระบี่อาญาสิทธิ์ เขาอยากได้มานานมากแล้ว สังหารชนชั้นสูง ตัดหัวขุนนางได้!หลี่หลงหลินก็อาศัยกระบี่อาญาสิทธิ์เล่มนี้ มาใช้ตบหน้าเขาอย่างแรง!ฮึๆครั้งนี้ เจ้ามอบกระบี่อาญาสิทธิ์ออกมา คอยดูเถอะข้าจะล้างแค้น ฟันหน้าเจ้าจนเละ!หลี่หลงหลินเงยหน้าขึ้น พูดว่า “เสด็จพ่อ! กระบี่อาญาสิทธิ์ ลูกสามารถยกให้ได้! ผู้ตรวจการฝ่ายบรรเทาทุกข์นี้ ลูกไม่เป็นก็ได้! แต่ ท่านบอกว่าลูกทำผิด ให้ลูกกลับไปคิดทบทวน ลูกไม่ยอมรับ!”“ลูกไม่ได้ทำผิด!”ฮ่องเต้หวู่กริ้วมาก ตะคอกว่า “เจ้าเก้า ถึงตอนนี้แล้ว เจ้ายังกล้าปากแข็งอยู่อีกหรือ? เจ้าไม่ได้ทำผิด? หรือว่าเป็นเราที่ทำผิด! ใช่! เราไม่น่าหลงเชื่อเจ้า ให้เจ้าไปทำหน้าที่ผู้ตรวจการฝ่ายบรรเทาทุกข์!”“เราสั่งให้เจ้าควบคุมราคาธัญพืช แต่เจ้าไปทำอะไร?”“ถึงขั้นร่วมมือกับเหล่าพ่อค้าคดโกง เพิ่มราคาธัญพืช ทำร้ายประชาชน!”“เจ้า...เจ้าคิดจะทำให้เราโมโหตาย เจ้าถึงจะยอมกระนั้นหรือ?”“แต่เจ้าสี่ เวลาแค่สาม
หลี่จือไม่ยอมรับ เถียงกลับอย่างดื้อดึง “เจ้าเก้า เจ้าอย่ามาพูดจาเหน็บแนมอยู่ที่นี่! ต่อให้ข้าจะไม่สามารถควบคุมราคาข้าวได้ ถึงไม่มีผลงาน อย่างน้อยก็มีความพยายาม! เจ้าเล่า? เจ้าทำอะไร?”หลี่หลงหลินยิ้มเย็น “ผลงาน? การกระทำของท่านไม่เพียงไม่มีผลงาน แต่ยังกลับตาลปัตรอีกด้วย!”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วแน่น “กลับตาลปัตร? สถานการณ์คงไม่ แย่ลงไปมากกว่านี้หรอกกระมัง?”หลี่หลงหลินถอนหายใจ พูดว่า “ลูกไม่ปล่อยธัญพืช อย่างน้อยราษฎร์ยังพอมีความหวัง แต่ องค์ชายสี่กลับใช้วิธีรุนแรง บังคับพ่อค้าธัญพืชให้ขายในราคาต่ำ ตรงข้ามกันเปิดเผยไพ่ตายของราชสำนักออกมาแล้ว!”“ทำให้ราษฎร์ได้รู้ว่า ราชสำนักไม่สามารถหาธัญพืชให้เพียงพอได้!”“ราคาธัญพืชของตลาดมืด พุ่งขึ้นไปถึงห้าสิบเท่าของราคาปกติแล้ว!”ห้าสิบเท่า...ฮ่องเต้หวู่ได้ยินจำนวนชวนให้ตกตะลึงนี้ ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้มังกร พูดไม่ออกอยู่นานราคาธัญพืชในเมืองหลวง สูงขึ้นถึงจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ต่อให้เป็นปีที่เกิดภัยแล้งจนข้าวไม่งอก ก็ยังไม่เคยเห็นราคาสูงมาก่อนแต่ปีนี้กลับเป็นปีที่มีฝนตกต้องตามฤดูกาล การเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์!ในปีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ราคาธัญ
ฮ่องเต้หวู่มองหลี่หลงหลินอย่างเหลือจะเชื่อ พูดอย่างตกตะลึงว่า “หนึ่งเดือน...เจ้าใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน ก็สามารถทำได้กระนั้นหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้า ตอบอย่างมั่นใจว่า “ทำได้พ่ะย่ะค่ะ! แต่ลูกมีเงื่อนไขหนึ่งข้อ!”ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเจ้าเก้าดีไปทุกอย่าง ยกเว้นอยู่อย่างเดียวชอบยื่นเงื่อนไขนัก!แม้ภายในใจจะไม่ค่อยพอใจ แต่ฮ่องเต้หวู่ก็จนใจ จึงพยักหน้าตอบว่า “เงื่อนไขอะไร?”หลี่หลงหลินหันมองทางหลี่จือแวบหนึ่งก่อนจะพูดว่า “ผู้ตรวจการพี่สี่คนนี้ มีแต่จะสร้างความวุ่นวาย ไม่แต่งตั้งจะดีเสียกว่า!”ฮ่องเต้หวู่ชะงักไปพูดตามสัตย์จริง เงื่อนไขของหลี่หลงหลินไม่นับว่าเลยเถิดเกินไปไม่ว่าจะในราชสำนัก หรือในกองทัพ ก็ต้องมีเพียงเสียงเดียวเท่านั้นการบรรเทาทุกข์ก็เช่นกันหากมีขุนนางผู้ตรวจการสองคน ยังเป็นศัตรูกัน ต่างฝ่ายต่างขัดแย้งกัน แล้วผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาจะเชื่อใคร?ยิ่งไปกว่านั้นฝีมือเพียงเล็กน้อยของหลี่จือนั้น ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถใช้การได้ปล่อยให้เขาดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการฝ่ายบรรเทาทุกข์ต่อไป ก็ไม่เหมาะสมจริงเสียด้วยฮ่องเต้หวู่ใคร่ครวญ พยักหน้าพูดว่า “ตกลง! เรารั
เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างส่งเสียงฮือฮาผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนหาใช่จำนวนน้อยๆ ไม่!ฮ่องเต้หวู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเย็นชาเจ้ากรมกลาโหมเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ฝ่าบาท ตามที่กระหม่อมเห็น ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนนี้คือภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในเมืองหลวง หากจัดการไม่เหมาะสม ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนก่อการจลาจลขึ้น เกรงว่า...”เจ้ากรมกลาโหมไม่กล้ากล่าวอะไรต่อหากเขากล่าวอะไรต่อไปอีก จะต้องทรงพระพิโรธเป็นแน่ แต่ก็จำเป็นต้องทูลเตือนฝ่าบาท ไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลงหลินจะเคยทูลรับรองสิ่งใดต่อหน้าฝ่าบาทก็ตาม ก็จำเป็นต้องทำให้ฝ่าบาททรงตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ผู้ลี้ภัยหนึ่งแสนคนส่วนใหญ่เป็นพวกที่ควบคุมได้ยาก คนเหล่านี้รวมตัวกันอยู่นอกเมืองหลวงได้สร้างผลกระทบเลวร้ายไม่น้อยแล้ว หากถูกผู้ไม่ประสงค์ดีปลุกปั่น ย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่เป็นแน่!แม้ว่าตอนนี้จางไป่เจิงจะนำทัพกลับราชสำนักแล้ว กำลังทหารในเมืองหลวงจะเข้มแข็ง ก็ยังคงเป็นปัญหาที่จัดการได้ยากอยู่ดีเหล่าขุนนางต่างเห็นพ้องต้องกัน“ฝ่าบาท เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชะตาของแคว้นต้าเซี่ย โปรดอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ขณะนี้
“อะไรนะ!”ฮ่องเต้หวู่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่ง!เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลี่หลงหลินจะกล่าววาจาเหลวไหลถึงเพียงนี้ นี่มันยิ่งกว่าการเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเสียอีก! ยามนี้ราษฎรยากจนถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อหาธัญญาหาร แล้วจะมีเนื้อที่ไหนให้กินกัน?เจ้ากรมคลังลดเสียงลง กล่าวว่า “ฝ่าบาท วาจาเหลวไหลเช่นนี้ออกมาจากโอษฐ์ขององค์รัชทายาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทีแรกกระหม่อมคิดว่าเป็นเพราะตนเองตาฝ้าฟางไป แต่ฎีกาหลายฉบับล้วนรายงานตรงกัน เกรงว่าวาจานี้คงเป็นสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสจริงๆ...”เหล่าขุนนางต่างส่งเสียงฮือฮาคาดไม่ถึงว่าหลี่หลงหลินจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้!ไม่เพียงแต่สร้างความเยือกเย็นในใจของราษฎร ยังสร้างความเยือกเย็นในใจของขุนนางในราชสำนักอีกด้วย นี่คือการกระทำชั่วร้ายที่ยากจะสาธยายให้หมดสิ้น อาลักษณ์จะต้องบันทึกเรื่องนี้ลงในพงศาวดารเป็นแน่ ทำให้ชื่อเสียงของหลี่หลงหลินฉาวโฉ่ไปชั่วกาลนาน!ฮ่องเต้หวู่ส่ายพระพักตร์ ทรงครุ่นคิดในพระทัยไม่ใช่ เจ้าเก้าไม่น่าจะทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ได้ อย่างน้อยในเมืองหลวง ราษฎรส่วนใหญ่ก็เคยได้รับความเมตตาจากเขา หรือว่าก่อนหน้านี้เป็นเพียงการแสดง?ฮ่องเต้หวู่ตรัสเสียงเย็น “
ณ ท้องพระโรงบรรดาขุนนางทั้งหลายต่างสงบเสงี่ยม ก้มหน้าคารวะถวายบังคมฮ่องเต้หวู่ทอดพระเนตรกวาดสายตาไปยังหมู่ขุนนาง พลางตรัสเรียบเรื่อย “เหล่าขุนนางทุกท่าน หากมีเรื่องก็กราบทูล หากไม่มีเรื่องก็เลิกประชุมเถิด”นับตั้งแต่หลี่หลงหลินเดินทางไปยังตงไห่ ราชสำนักก็ดูสงบขึ้นไม่น้อย ฮ่องเต้หวู่ซึ่งแต่เดิมก็เอนเอียงไปทางเก็บตัวเงียบๆ ก็เริ่มชินกับจังหวะสงัดเช่นนี้ ยิ่งตอนนี้จางไป่เจิงนำทัพกลับสู่เมืองหลวง ปัญหากำลังพลไม่พอในเมืองหลวงก็คลี่คลายลง บรรดาขุนนางที่เคยซ่องสุมคิดร้ายในเงามืด ก็พากันลดราวาศอกแต่แล้ว เจ้ากรมคลังก็ก้าวออกมา สีหน้าเคร่งเครียด “ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หวู่เห็นเป็นกรมคลัง จึงขมวดคิ้วเบาๆ กล่าวว่า “ว่ามา”แม้ปัญหาเรื่องทหารจะคลี่คลาย แต่เงินในท้องพระคลังก็ยังร่อยหรอ หากกรมคลังเสนอฎีกาเมื่อใด มักไม่พ้นเรื่องเงินไม่พอใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากลัดกลุ้มมาเนิ่นนาน เจ้ากรมคลังกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ขณะนี้เขตตงไห่ประสบภาวะขาดแคลนเสบียงจนเกิดทุพภิกขภัย ราษฎรอดอยากปากแห้ง ร้องทุกข์ระงม แต่ละเขตในตงไห่ต่างก็ส่งฎีกาขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก...”ฮ
กงซูหว่านมองดูแบบร่าง โครงสร้างเรียบง่ายมาก แต่นางไม่รู้ว่าควรจะเรียกมันว่าอะไรหลี่หลงหลินเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือกระป๋อง”“กระป๋อง? มันสามารถถนอมอาหารได้หรือเพคะ?”หลี่หลงหลินยิ้มเล็กน้อย “แน่นอน หากสภาพแวดล้อมเหมาะสม แม้เวลาจะล่วงเลยไปแปดปี สิบปีก็ยังไม่เสีย”“นานขนาดนั้นเชียวหรือเพคะ?”กงซูหว่านเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินในความเข้าใจของกงซูหว่าน การเก็บรักษาอาหารได้นานสักไม่กี่เดือนก็ถือว่าน่าทึ่งแล้วหลี่หลงหลินยิ้มบางๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดของกระป๋องยังเล็กกระทัดรัด เหมาะแก่การพกพาในยามออกศึกยิ่งนัก”“หากพี่สะใภ้รองสามารถทำมันขึ้นมาได้ ข้าก็ตั้งใจจะเปิดโรงงานกระป๋องที่ตงไห่ แปรรูปปลาหวงฮื้อใหญ่จำนวนมหาศาลที่จับขึ้นมาโดยเฉพาะ”หลี่หลงหลินยิ้มบาง หากผลิตกระป๋องได้สำเร็จ ก็ไม่ต้องหวั่นไหวต่อภัยแล้งและความอดอยากอีกต่อไปกงซูหว่านยังคงตกตะลึง “โรงงานกระป๋องหรือเพคะ? ถึงข้าจะทำตามแบบได้เป๊ะๆ แล้วจะไปหาคนงานจากที่ใด?”ยามนี้ชาวเมืองตงไห่ต่างก็แย่งกันออกทะเลหาปลา กำลังคนขาดแคลนเป็นอย่างยิ่งหลี่หลงหลินตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ให้ชาวตงไห่เขาหาปลากันต่อไ
วันต่อมา ห้องหนังสือจวนอ๋องหลี่หลงหลินยกมือนวดหว่างคิ้ว มือวาดบางอย่างบนกระดาษกงซูหว่านขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง “องค์ชาย หม่อมฉันอิงตามวิธีของท่านแล้ว วันนี้ตั้งใจไปตั้งร้านแผงลอยในบริเวณคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ เผยแพร่วิธีทำน้ำแข็งออกไป เหล่าราษฎร์สามารถใช้งานได้ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดี เพียงแต่บัดนี้เกลือหมางเซียวในร้านขายยาทุกแห่งของตงไห่ไม่เพียงพอ”หลี่หลงหลินพยักหน้า “เผยแพร่ออกไปก็ดีแล้ว เช่นนี้เนื้อปลาของเหล่าราษฎร์ก็สามารถเก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่ต้องสิ้นเปลือง”“พี่สะใภ้รองเหนื่อยแล้ว หากนี่คือเมืองหลวง เพียงตีพิมพ์เรียงความในหนังสือพิมพ์ก็เพียงพอแล้ว แต่อยู่ที่ตงไห่ยังต้องให้พี่สะใภ้ออกแรงเหน็ดเหนื่อยด้วยตนเอง”ภายในคำพูดหลี่หลงหลินเปี่ยมความห่วงใย อย่างไรเสียกงซูหว่านก็เป็นสตรีมีพรสวรรค์ไม่ออกนอกบ้าน อยู่แต่ในห้องหอ จู่ๆ ขอให้นางไปสอนวิธีทำน้ำแข็งแก่ราษฎร์ ช่างทำให้อึดอัดคับข้องใจโดยแท้แต่หลี่หลงหลินคิดไปคิดมา ในบรรดาพี่สะใภ้มีเพียงพี่สะใภ้รองเข้าใจวิธีใช้เกลือหมางเซียวทำน้ำแข็ง ทำได้เพียงมอบหน้าที่สำคัญนี้ให้กงซูหว่านหัวเราะเบาๆ “ไม่ลำบากเพคะ จะ
ทุกคนสูดลมหายใจเย็นเฮือกหนึ่งโจรสลัดแคว้นโวกั๋วและชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือเป็นปัญหาแถบชายแดนต้าเซี่ยมานานนับร้อยปี ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายมองออกว่าครั้งนี้เจตจำนงของหลี่หลงหลินยิ่งใหญ่อย่างมาก!หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “หากต้องการกำจัดปัญหาภายนอกจะต้องกำจัดปัญหาภายในก่อน หากต้องการเดินทางบนมหาสมุทร จะต้องจัดการปัญหาตรงหน้าให้เรียบร้อย หาไม่แล้วแผนการเดินเรือจะต้องได้รับผลกระทบแน่”“เป้าหมายสำคัญในการมาตงไห่ครั้งนี้คือพัฒนาศาสตร์ต่อเรือของต้าเซี่ย บัดนี้เรือเหล่านี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการเดินทางไกลได้ ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเรือต้าเซี่ยก็เป็นเหตุผลที่โจรสลัดแคว้นโวกั๋วตงไห่สร้างความวุ่นวาย ได้รับผลประโยชน์มากมายในสงครามทางทะเล ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สามารถกวาดล้างโจรสลัดแคว้นโวกั๋วที่บุกมาในคราวเดียวได้”“หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป โจรสลัดแคว้นโวกั๋วก็จะยิ่งกำเริบเสิบสาน อาละวาดอย่างไร้ขอบเขตในทะเลตงไห่ ราษฎร์ตงไห่ก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก!”“ดังนั้นตราบใดที่สามารถเพิ่มระดับการต่อเรือของต้าเซี่ยได้ โจรสลัดแคว้นโวกั๋วย่อมหายไป ชนิดที่ว่าปราบตงอิ๋
ปากแดงของเหล่าสะใภ้ขยับเบาๆ ดวงตาสะท้อนความแปลกใจ “เป้าหมายคือมหาสมุทรอันกว้างใหญ่?”แม้เหล่าสะใภ้ไม่รู้ว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่คือที่ใด แต่ได้ยินหลี่หลงหลินอธิบาย จะต้องเป็นสถานที่อันงดงามแน่!ซูเฟิ่งหลิงเอ่ยถาม “องค์ชาย มหาสมุทรกว้างใหญ่มากถึงเพียงนี้ เป้าหมายของพวกเราคือที่ใด?”กงซูหว่านพยักหน้า “ใช่แล้วองค์ชาย ยิ่งไปกว่านั้นระดับการเดินเรือในตอนนี้มากที่สุดก็ไปได้ถึงตงอิ๋ง หากยังไปทางทิศตะวันออก กลับยังไม่มีตัวอย่างมาก่อน”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เป้าหมายของพวกเราก็คือทวีปใหม่! ต้าเซี่ยและทวีปใหม่ห่างกันเพียงมหาสมุทรกั้น ลักษณะทางภูมิศาสตร์ได้เปรียบโดยธรรมชาติ สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือคิดหาทางพัฒนาเรือของต้าเซี่ย ขนวัวม้าสัตว์ใช้แรงงานจำนวนมากเพียงพอไปยังทวีปใหม่”“ขอเพียงมีวัวม้าสัตว์ใช้แรงงาน ต้องการผืนดินมากน้อยเพียงใดก็ย่อมได้ มีผืนดินนับพันลี้ให้ราษฎร์ได้ใช้!”เหล่าสะใภ้ได้ยินภาพที่หลี่หลงหลินอธิบาย ใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมความหวังออกมาสถานที่ที่ไม่มีสงครามและไม่มีความหิวโหยอยู่ห่างเพียงมหาสมุทรกั้น กำลังโบกมือต้อนรับตนเองหลี่หลงหลินเปล่งเสียงเคร่งขรึม “ขอเพียง
“เป็นไปไม่ได้! ดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ ไฉนเลยจะไม่มีคน?”หลี่หลงหลินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “เหตุที่มีคนน้อยมีเพียงข้อเดียว ตอนนี้พวกเขายังกินไม่อิ่ม”ถ้อยคำนี้ของหลี่หลงหลินดุจฟ้าผ่ากลางวันแสกๆเหล่าพี่สะใภ้ได้ฟังแล้ว คิดว่านี่คล้ายเรื่องเพ้อฝันยามราตรี ดินแดนอุดมสมบูรณ์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นยังมีคนกินข้าวไม่อิ่มท้องอีกหรือ?กงซูหว่านมองหลี่หลงหลินด้วยความตกตะลึง เอ่ยถามว่า “องค์ชาย ท่านไม่ได้กำลังล้อพวกเราเล่นหรอกกระมัง? อิงตามคำพูดของท่าน ทวีปใหม่จะต้องอุดมสมบูรณ์อย่างมากแน่ เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์คนกินข้าวไม่อิ่มท้องได้เล่า?”“ใช่แล้วองค์ชาย หม่อมฉันไม่เชื่อ”“หรือว่าดินแดนที่ดีถึงเพียงนี้ พวกเขาไม่สามารถเพาะปลูกได้กันเล่า?”เหล่าพี่สะใภ้ฟังจนอารมณ์ดำดิ่งลงไป ต่างขอให้หลี่หลงหลินพูดออกมาให้ชัดเจน หลี่หลงหลินพูดเรียบๆ “ไม่ใช่พวกเขาไม่เพาะปลูก ทวีปใหม่ดีมากเยี่ยงไร มีเพียงข้อเดียวที่ไม่ดี ก็คือไม่มีวัวไม่มีม้า ไม่มีสัตว์ใช้แรงงาน”ดวงตาของเหล่าสะใภ้ทอประกายระยับ ประคองใบหน้างดงามรับฟังเงียบๆ“ดังนั้นตอนนี้พวกเขายังหยุดอยู่ที่ใช้มีดถางป่าเผาไร่เพาะปลูก ใช้วิธีการพื้นฐานที่สุดในการ
“ตงอิ๋ง? ก็แค่แคว้นเล็กๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง!”สายตาหลี่หลงหลินเผยแววหมิ่นแคลน“ตงอิ๋งเล็กๆ เป็นเพียงเกาะแห่งหนึ่งเท่านั้น เดิมทีก็ไม่คู่ควรต่อคำว่าทวีปใหม่สองคำนี้”ทุกคนตกตะลึงภายในความรู้ของเหล่าสะใภ้ ตงอิ๋งก็คือจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง เหนือตงอิ๋งก็ไม่มีอันใดอีกคำพูดของหลี่หลงหลินทำให้ความรู้ที่พวกนางมีอยู่เปลี่ยนไปทั้งหมด!กงซูหว่านพูดเสียงสั่นๆ “องค์ชาย ความนัยของท่านคือนอกจากตงอิ๋งแล้วยังมีทวีปใหญ่อีกหรือ?”หลี่หลงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เพียงมีทวีปใหญ่ แต่ยังเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์อย่างมากอีกด้วย!”พูดไป สายตาหลี่หลงหลินก็ทอดมองไปยังทิศทางหนึ่งกงซูหว่านพูดด้วยความแปลกใจ “อุดมสมบูรณ์อย่างมาก? อุดมสมบูรณ์มากเพียงใด เทียบกับต้าเซี่ยแล้วเป็นเช่นไร?”สายตาทุกคนล้วนเปี่ยมความแปลกใจ วางตะเกียบและชามข้าวในมือลงรับฟังหลี่หลงหลินเล่าเรื่องทวีปใหม่เงียบๆหลี่หลงหลินส่ายหน้าและพูดว่า “แผ่นดินต้าเซี่ยกว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตและทรัพยากรมากมาย เป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งหนึ่ง แต่ทวีปใหม่มีที่ราบมาก แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ทอดยาวนับพันลี้ ทุกหนแห่งล้วนค