อีอีรอฟัง นางเองก็อยากรู้ว่านอกจากคำพูดทำร้ายจิตใจนาง เขาจะพูดอะไรที่รุนแรงกว่านี้ได้อีก“ข้าไม่อยากให้เจ้าแต่งแบบนี้ คนอื่นชอบมองเจ้า ข้าไม่พอใจ ข้าชอบที่เจ้าแต่งแบบนี้นะ แต่ข้า….”ใจอีอีเต้นรัวดั่งกลองรบ เขากำลังจะพูดอะไรกัน จะใช่อย่างที่นางคิดหรือไม่หนอ……“ท่านกำลังจะบอกว่า…”“ข้าชอบที่เจ้าแต่งตัวแบบนี้ แต่ข้าไม่ชอบให้บุรุษอื่นมองเจ้า ข้าไม่พอใจ”อีอียิ้มออกมาน้อยๆ แต่นั่นไม่ใช่ที่นางต้องการ นางต้องเค้นให้เขาพูดออกมาให้ได้ พี่เฟยเฟยสอนข้ามาแล้ว ต้องบีบให้พูดจนเราแน่ใจ ถึงจะมั่นใจได้“พวกเขามองข้า ก็แค่มอง ไม่ได้เอาตัวข้าไปได้เสียหน่อย เรื่องนี้ ข้าไม่เห็นว่าจะมีสาระอันใด”“แต่ข้าไม่ชอบ!!”เขาเผลอตะคอกใส่นาง อีอีหันมามองเขา“เพียงแค่ท่านไม่ชอบ แล้วจะให้ข้าทำเช่นไร ช่วยไม่ได้นะ ข้าชักชอบการแต่งกายแบบนี้แล้ว พี่เฟยเฟยสอนข้ามาอย่างดี แค่เพียงเหตุผลว่าท่านไม่ชอบ ไม่ทำให้ข้าเปลี่ยนใจได้หรอกนะองค์ชาย ข้าขออภัยที่พูดตามตรง”“ข้าไม่ได้บอกว่าไม่ให้เจ้าใส่ ข้าแค่”“แค่อะไรเพคะ เหตุผลของท่านช่างมากมายเสียเหลือเกิน ท่านอย่าลืมสิ ข้าก็เป็นสตรี และข้าก็ยังมิออกเรือน ตอนนี้เป็นวัยที่เหมาะสม บิดาขอ
อีอีวิ่งเข้าไปในตำหนักขององค์หญิงหก และเข้าห้องพร้อมปิดประตู สร้างความตกใจให้องค์หญิงทั้งสองอย่างยิ่ง พวกนางวิ่งตามไปเคาะประตู“อีอี เจ้าเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น อีอี”องค์หญิงแปดเงี่ยหูฟังจากอีกฝั่งของประตู เงียบสนิท จนประตูเปิดออกมา ทำเอานางเกือบล้ม“ว้าย พี่อีอี เกือบไปแล้ว”“องค์หญิง ท่านเป็นอะไรหรือไม่เพคะ หม่อมฉันขออภัย”“ไม่ๆๆ ข้าไม่เป็นไร ให้พวกข้าเข้าไปได้หรือไม่”อีอีพยักหน้า ก่อนที่จะหลีกทางให้ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องของนาง และปิดประตูลง องค์หญิงหกเดินเข้ามานั่งใกล้ๆ นางและเริ่มสอบถามทันที“อีอี เกิดอะไรขึ้น เจ้าไม่ได้ไปคุยกับพี่สี่หรือ”“นี่พวกท่านก็รู้เรื่องนี้ด้วยหรือ”องค์หญิงทั้งสองมองหน้ากันเลิ่กลั่กพร้อมกับอีอีที่หันไปมองพวกนางสลับไปมา“พี่อีอี คือพวกข้าได้ยินเสียงท่านร้องอยู่หน้าตำหนัก แต่ออกไปไม่ทัน ถามพวกองครักษ์ เลยรู้ว่าท่านไปคุยกับพี่สี่น่ะ”องค์หญิงแปดรีบแก้ตัวโดยพลัน หากอีอีทราบว่าพวกนางสองคนรู้เห็นเป็นใจให้องค์ชายสี่พานางไป อีอีอาจจะไม่ไว้ใจพวกนางอีกเลยก็เป็นได้“อีอี เกิดอะไรขึ้น พี่สี่พูดอะไรกับเจ้า”“เขา…. ไม่มีอะไรเพคะ องค์หญิง ข้าแค่ไม่ชอบที่จู่ๆ เขา…..”
เมื่ออีอียอมรับปาก ซีเฟยจึงพานางมาหาองค์หญิงทั้งสอง“พวกท่านไปไหนกันมาหรือเพคะ พี่สะใภ้ พี่รองรอท่านอยู่ เขาจะชวนท่านกลับจวนเพคะ”“อืม ถ้าอย่างนั้น อีอี เจ้าจะกลับหรือยัง ท่านแม่ทัพล่ะ”“อีอี ไหนเจ้าว่าคืนนี้จะอยู่ค้างกับพวกข้าอย่างไรล่ะ”“ข้าไม่ลืมๆ เพคะองค์หญิง พี่เฟยเฟย ท่านไปก่อนเถอะเพคะ คืนนี้หม่อมฉันว่าจะอยู่ค้างคืนที่ตำหนักองค์หญิงหกเพคะ”“ออ งั้นดีเลยเพคะองค์หญิง งั้นอีอี องค์หญิงทั้งสอง ข้ากลับก่อนนะ เดี๋ยวข้าจะพาท่านอ๋องไปลาเสด็จพ่อเสด็จแม่ก่อน”“พี่สะใภ้ กลับดีๆ เจ้าค่ะ”ชินอ๋องและซีเฟยกลับขึ้นรถม้าเพื่อกลับจวนอ๋อง เหมยซูหนี่ว์จ้องมองจากระเบียงท้องพระโรง นางบีบมือกับราวระเบียงแน่น ราวกับราวกับว่ามันคือคู่แค้นกับนางมานานแสนนาน“เจ้าอยากเป็นพระชายาของเขาถึงเพียงนั้นเชียวหรือองค์หญิง”ซูหนี่ว์สะดุ้งสุดตัว นางไม่จำเป็นต้องหันกลับไปมองก็จำเสียงเย็นๆ ที่เห็นแก่ตัวนี้ได้ชัดเจน“ข้าแค่มายืนรับลม องค์ชายมีอะไรหรือเพคะ”สายตาขององค์รัชทายาทมองไปยังรถม้าที่พึ่งเคลื่อนตัวออกไปจากลานจอดของเชื้อพระวงศ์“องค์หญิง เจ้าอย่าลืมสิ ตอนนี้เจ้าเป็นว่าที่พระชายาของข้า หากเจ้าคิดเป็นอื่น ข้าว่าแคว
ซีเฟยเดินหนี ชินอ๋องรีบรวบตัวนางเข้ามา หน้าของนางเกือบจะชนสันจมูกเขาแล้ว ก่อนที่เขาจะใช้จมูกเย็นๆ นั่น ชนจมูกนางอย่างหยอกล้อ“นี่เจ้าหึงข้าถึงเพียงนี้เลยหรือเฟยเฟย ข้ารู้สึกตื่นเต้นมากเลย”“ปล่อยหม่อมฉันเลยเพคะ ใครหึงพระองค์กัน หากใครมาพบเข้า คนอื่นจะเอาไปนินทาเอาได้ ว่าชินอ๋องล่วงเกินว่าที่พี่สะใภ้ของตนเอง หม่อมฉันจะพลอยเสื่อมเสียไปด้วย ปล่อยเลยนะเพคะ”“ไม่ เจ้าแน่ใจหรือ ว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ แต่สีหน้าและแววตาของเจ้าเมื่อครู่ มันชัดเจนมากว่าเจ้ากำลังหึงข้าอยู่นะ”ชินอ๋องค่อยๆ ก้มลงมา จุมพิตพระชายา ปากของนางเริ่มเย็นแล้ว เขาคิดว่าซีเฟยน่าจะยืนอยู่นานแล้ว เผลอๆ น่าจะตั้งแต่ที่เขาคุยกับซูหนี่ว์ตั้งแต่แรกนางคงได้ยินจนหมด เขาคงต้องจัดการกับคนปากแข็งเสียแล้ว“อื้มม เสด็จพี่ พอก่อนเพคะ นี่ในวังนะเพคะ สำรวมกิริยาท่านหน่อย”“อืมม ในวังทำไม่ได้ งั้นเราก็กลับจวนกันเถอะนะ จะได้สะดวกๆ หน่อย”“สะดวกอะไรล่ะเพคะ อย่านะ เรายังต้องอยู่ต่อ งานเลี้ยงยังไปไม่ถึงครึ่งพระองค์ก็จะกลับ จะทูลเสด็จพ่อเสด็จแม่ว่าอย่างไรล่ะเพคะ น่าเกลียด”“ก็บอกว่าเจ้าไม่สบายไง ข้ออ้างง่ายจะตายไป”“แต่หม่อมฉันสบายดี ไม่ได้ป่วยนี
สมกับเป็นพระชายาของเขา นางมองออกตั้งแต่แรกว่าการอภิเษกนี้มีความผิดปกติ ซีเฟยหันไปมองที่เหมยซูหนี่ว์อยู่พักหนึ่ง ก่อนที่นางจะหันมา และทำบางอย่างที่ชินอ๋องแทบจะตั้งตัวไม่ทัน“เสด็จพี่ ชิมขนมนี่หน่อยเพคะ อร่อยเหมือนที่หม่อมฉันทำหรือไม่”ซีเฟยหยิบขนมไปป้อนเขาถึงปาก เขาอ้าปากและมองหน้านางอย่างลืมตัว เพราะนางส่งสายตาหวานหยดมาให้เขา ทำเขาตกตะลึง“อืม สู้เจ้าทำไม่ได้จริงๆ ขนมนี่ หวานเลี่ยนเกินไป”ซีเฟยจับหน้าเขาหันมา และใช้ผ้าเช็ดหน้า เช็ดที่มุมปากของเขาเบาๆ อย่างยั่วยวน“ขนมติดเพคะ หม่อมฉันเช็ดให้”ชินอ๋องเริ่มทนไม่ไหวกับการยั่วยวนของนาง เขาก้มลงมาหอมแก้มนางหนึ่งที พระสนมหลินแอบมองทั้งคู่และพากันหัวเราะกับองค์หญิงหกและองค์หญิงแปด ในความกล้าบ้าบิ่นของชินอ๋องที่เคยได้ขึ้นชื่อว่าสุขุม เยือกเย็น แม้แต่แมลงวันบินผ่านเขาก็นั่งนิ่งไม่ไหวติง แต่ตอนนี้กลับกล้าที่จะหอมแก้มพระชายาต่อหน้าผู้คนมากมาย แล้วยังเป็นที่ท้องพระโรงในวังหลวงอีกด้วย“เสด็จพี่ ท่านเล่นเกินบทไปแล้วเพคะ”ซีเฟยกระซิบปรามเขาเบาๆด้วยความเอียงอาย ชินอ๋องตกใจ เล่นเกินบทคืออะไร นางกำลังจะทำอะไรกันแน่ เขาไม่ต้องรอถาม เมื่อเขาหันไปเห็นองค์ห
องค์ชายสี่มองนางอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง วันนี้ซู่อีอีช่างงดงามนัก แตกต่างจากที่พวกเขาเห็นมาก่อนหน้านี้ ที่พวกเขาจำได้ นางไม่เคยสวมใส่ชุดของสตรีเลยสักครั้ง อย่างมากก็แค่รวบผมขึ้นและใส่ชุดบุรุษ แต่วันนี้นางสวมชุดสีฟ้าอ่อน ประดับด้วยดอกไม้ที่ทอด้วยดิ้นสีเงินบนผ้าโปร่งสีขาวปักมุกทั้งชุด ทำให้นางดูสะดุดตามากขึ้น เครื่องแต่งศีรษะที่ทำจากเงินแต่งด้วยหยกสีเขียว มีพลอยสีแดงแซมเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าของนางดูสว่างและงดงามกว่าเดิมอีกหลายเท่า เข้ากับใบหน้ารูปหัวใจที่ถูกแต่งแต้มสีสันอย่างพอดี กับปากสีชมพูอมแดงของนาง ทำให้ผู้พบเห็นต่างหลงใหลได้ง่ายๆ“อีอี เจ้ามาแล้ว วันนี้เจ้างดงามมากจริงๆ”“พี่เฟยเฟย ทั้งหมดนี่ต้องขอบคุณท่านเพคะ หม่อมฉันเดินวนอยู่สามรอบกว่าจะขึ้นรถม้ามาที่นี่ได้”“เจ้าเห็นหรือยัง เชื่อข้าหรือยัง ดูสายตาที่มองด้วยความชื่นชมนี่สิ”“พี่เฟยเฟย ข้าอายจนแทบอยากจะมุดดินหนีแล้วเพคะ ถือดาบซ้อมทวน ยังง่ายกว่านี้อีก”“อีอี วันนี้เจ้า…”องค์ชายสี่ตั้งสติ ก่อนจะเดินเข้ามาทักทายนาง อีอีหันไปเห็นเขา นางรีบคำนับตามมารยาท“คารวะจวิ้นอ๋องเพคะ”องค์ชายสี่รู้สึกแปลกๆ เล็กน้อยกับคำทักทายเช่นนี้ของนาง ปก