LOGINแม่ทัพซุนเทาเป็นชายผู้ทรงอำนาจและทะเยอทะยานในทุกด้านของชีวิต นิสัยพื้นฐานของเขาถูกขับเคลื่อนด้วยความเห็นแก่ตัวในระดับที่สูงส่ง ทุกการกระทำของเขามีจุดมุ่งหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและเพื่อความรุ่งเรืองของตระกูล เขาเป็นบุรุษผู้ไร้หัวใจ ใช้ชีวิตอย่างเย็นชาและปราศจากความผูกพันทางอารมณ์ที่แท้จริงกับผู้อื่น
ชายผู้นี้มากภรรยาและบุตรมากมายเสียจนตัวเขาเองแทบไม่จดจำว่ามีใครบ้าง บุตรจากสตรีที่ต้อยต่ำสำหรับเขาเป็นเพียงสิ่งที่ไร้ความหมาย ไร้ค่าพอจะจดจำชื่อเสียงเรียงนาม เขาให้คุณค่ากับสิ่งใดก็เพียงแต่สิ่งที่ส่งผลต่อความมั่งคั่งและความยิ่งใหญ่ของตระกูลเท่านั้น
บุตรชายคนโตของซุนเทา นามว่าซุนฮ่าว เกิดจากผู้หญิงที่เขาเคยรักมากที่สุด แต่ความรักในอดีตกลับไม่ช่วยให้ซุนฮ่าวเป็นบุตรที่คู่ควรแก่ความภาคภูมิใจ ในสายตาของซุนเทา ซุนฮ่าวเป็นเพียงคนไม่ได้เรื่อง ความผิดหวังนี้ผลักดันให้เขามองหาทางเลือกอื่น เพราะสำหรับซุนเทา การที่ตระกูลต้องล่มสลายลงในมือของบุตรผู้ไร้ความสามารถเป็นสิ่งที่เขาไม่มีวันยอมรับ แม้ความรักที่เขามีต่อซุนฮ่าวจะยังคงอยู่ แต่มันไม่เคยมีน้ำหนักพอจะทำให้เขามองข้ามความล้มเหลวนี้ได้
ในขณะที่เขามองหาทางเลือกใหม่ ความสนใจของเขาหันไปยังเด็กสาวผู้หนึ่งลูกของซูหลิน สาวใช้ผู้ต่ำต้อยที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงเครื่องมือให้เขาสนองความใคร่ เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษกลับทำให้ซุนเทาต้องตกตะลึง นางแสดงให้เห็นถึงพลังฝีมือและศักยภาพที่เหนือความคาดหมาย นางไม่ได้เป็นเพียงลูกของสาวใช้ แต่คือประกายแห่งความหวังใหม่สำหรับตระกูลของเขา
สำหรับซุนเทา เพศหรือสถานะไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป ไม่ว่าผู้สืบทอดจะเป็นบุตรสาวหรือลูกชาย ขอเพียงมีความสามารถและพลังฝีมือพอจะรักษาตระกูลอันยิ่งใหญ่ของเขาไว้ได้ นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ และเขาพร้อมจะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น แม้จะต้องเหยียบย่ำความสัมพันธ์ในครอบครัวหรือความผูกพันส่วนตัวที่เหลืออยู่ก็ตาม
แม่ทัพซุนเทาแม้จะทะเยอทะยานและเย็นชา แต่ในใจลึก ๆ เขาย่อมตระหนักถึงผลของการกระทำที่ชั่วช้าของตนเอง ความโหดเหี้ยมและความเห็นแก่ตัวที่เขายึดถือมาตลอดชีวิตทำให้เขารู้ดีว่าบุตรสาวที่เกิดจากซูหลิน สตรีผู้ต่ำต้อย ไม่มีทางยินดีที่จะหวนกลับมาสู่ตระกูลที่เขาสร้างขึ้นได้ง่าย ๆ
แววตาของแม่ทัพเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเฉียบคมดุจใบมีด เขาสั่งรวบรวมกำลังพลมากถึง 500 นาย ทหารทั้งหมดถูกจัดเตรียมพร้อมเหมือนกำลังจะออกไปทำศึกสงครามใหญ่ ความเร่งรีบและจริงจังในครั้งนี้บ่งบอกถึงความสำคัญของเป้าหมายของเขา จุดหมายปลายทางของกองทัพไม่ใช่เมืองใหญ่หรือสนามรบ แต่กลับเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ยากจนและห่างไกลนามว่า ไท่ผิงชุน
ไม่นานนัก กองทัพของแม่ทัพซุนเทาก็มาถึง ธงผืนใหญ่ที่ประดับด้วยเครื่องหมายประจำตระกูลปลิวไสวอยู่กลางอากาศ เป็นเสมือนการประกาศตัวอย่างชัดเจนถึงอำนาจของผู้มาเยือน หมู่บ้านไท่ผิงชุนที่เงียบสงบกลับกลายเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ชาวบ้านต่างตกตะลึงและตื่นตระหนก พวกเขาหลบซ่อนอยู่ในบ้านหรือแอบมองอยู่หลังรั้วด้วยความกังวล
ซุนเทาสั่งการให้ทหารรับใช้ของเขาเดินเข้าไปในหมู่บ้าน ขณะที่ชาวบ้านพากันเฝ้าดูด้วยความระแวง ทหารผู้รับคำสั่งยืนตัวตรงและเสียงของเขาดังก้องไปทั่วหมู่บ้าน
"ข้าคือผู้แทนของแม่ทัพซุนเทา ท่านแม่ทัพแห่งเมืองใหญ่! เรามาที่นี่เพราะมีเหตุสำคัญ ข้าต้องการพบสตรีนางหนึ่ง นางชื่อว่า ซูหลิน ขอให้นางออกมาพบท่านแม่ทัพในทันที!"
เสียงนั้นก้องสะท้อนในความเงียบสงบของหมู่บ้าน ซูหลินชื่อที่ถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงกร้าวกระตุ้นความสนใจและความหวาดกลัวในหัวใจของชาวบ้านทันที ผู้คนในหมู่บ้านซึ่งรู้จักซูหลินในฐานะสตรีผู้อ่อนโยนและทำงานหนักต่างพากันสงสัยว่าเหตุใดแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่จึงต้องการพบกับหญิงสาวธรรมดาเช่นเธอ
ขณะเดียวกัน ซูหลินซึ่งซ่อนตัวอยู่ในบ้านพักหลังเล็กได้ยินเสียงประกาศนั้นเช่นกัน ใบหน้าของนางซีดเซียว ความทรงจำในอดีตที่เธอเคยถูกแม่ทัพซุนเทาปฏิบัติเยี่ยงสิ่งของพุ่งกลับมาในจิตใจ นางรู้ว่าการมาเยือนครั้งนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องดี และนางย่อมปฏิเสธไม่ได้ที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมที่กำลังคืบคลานเข้ามา
เยี่ยจิงหลิน ผู้เป็นบุตรสาวจับมือของมารดาไว้แน่น
"ท่านแม่" เยี่ยจิงหลินกล่าวอย่างร้อนรน แววตาของนางเต็มไปด้วยความสับสน เหตุการณ์ที่นางพยายามเข้าไปในจวนเพื่อสังหารฮูหยินใหญ่ แต่กลับถูกจับได้ก่อนที่จะสำเร็จ ยังคงชัดเจนในความทรงจำของนาง
มารดาของนางมองดูบุตรสาวด้วยสายตาที่อ่อนโยน แม้สถานการณ์จะเต็มไปด้วยความตึงเครียด แต่นางยังคงสงบนิ่งและเอื้อมมือไปลูบหลังมือของบุตรสาว ราวกับพยายามปลอบโยนและเสริมความมั่นใจให้
"ลูกแม่ เจ้าอย่าได้กังวลไป" มารดากล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทว่าเปี่ยมด้วยความมั่นใจ "ท่านแม่ทัพอาจจะเป็นคนที่เย็นชา แต่เขาไม่มีทางที่จะทำร้ายข้าเป็นอันขาด"
นางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ "ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้เขาจะไม่เคยแสดงความรักหรือใส่ใจข้าอย่างแท้จริง แต่เขาก็ไม่เคยคิดทำร้ายข้า"
คำพูดของมารดาทำให้เยี่ยจิงหลินรู้สึกสับสนเล็กน้อย นางไม่แน่ใจว่าความสงบนิ่งของมารดาเป็นเพราะความมั่นใจในตัวแม่ทัพซุนเทา หรือเพราะความอ่อนล้าจากชะตากรรมที่นางเผชิญมาตลอดชีวิตกันแน่
"แต่ท่านแม่... ครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิม ท่านแม่ทัพอาจมองว่าข้าคือคนทรยศ นี่อาจจะส่งผลถึงตัวท่านด้วย!" เยี่ยจิงหลินกล่าวอย่างกังวล
ซูหลินยืนกรานที่จะเผชิญหน้ากับแม่ทัพซุนเทาด้วยตัวเอง นางไม่ยอมให้บุตรสาวต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับบุรุษผู้เย็นชาและอำมหิตเช่นเขา แต่เมื่อเวลามาถึง นางก็เดินทางไปยังขบวนทัพด้วยความมั่นใจ แม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยความระแวงและหวาดหวั่น
เมื่อซูหลินมาถึง แม่ทัพซุนเทายืนรออยู่แล้ว เขามองนางด้วยสายตาที่แฝงไว้ด้วยความอ่อนโยน ราวกับว่าความรู้สึกเดิม ๆ ในอดีตได้ย้อนกลับมา "เจ้ายังคงงดงามเช่นดังเดิม" เขากล่าวเสียงเบา
ทว่า คำพูดชมเชยของเขาไม่ได้ทำให้นางรู้สึกยินดี ซูหลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งที่แฝงความห่างเหิน "ท่านมาที่นี่เพื่ออะไรกัน? ข้ากับลูกได้ออกจากจวนของท่านมาแล้ว หากท่านยังมีสิ่งใดที่ต้องการ จงพูดมาเสียที"
แม่ทัพซุนเทาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามคำถามที่ทำให้หัวใจของซูหลินปวดร้าวอย่างไม่อาจปิดบังได้ "ลูกของเรานางชื่อว่าอะไรนะ?"
คำถามนั้นฟังดูเรียบง่าย ทว่ากลับสะท้อนถึงความละเลยและไม่ใส่ใจของเขาที่ผ่านมา ซูหลินรู้สึกเจ็บลึกในใจ แต่ก็ยังคงตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ "นางชื่อเยี่ยจิงหลิน ตอนนี้นางอายุ 18 ปีแล้ว"
แม่ทัพพยักหน้าอย่างพึงพอใจ "ดีมาก... เจ้าทำได้ดีจริง ๆ ซูหลิน เจ้าสองแม่ลูกกลับไปอยู่กับข้านะ ครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมให้ใครในตระกูลกล้ารังแกเจ้าหรือบุตรสาวของเราอีกเด็ดขาด" น้ำเสียงของเขานุ่มนวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ซูหลินแค่นยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด "ข้าไม่มีทางกลับไปยังที่แห่งนั้นอีกแล้ว ท่านแม่ทัพ ตลอดเวลาที่ข้าอยู่ที่นั่น ข้ากับลูกมีแต่ความทุกข์และความอัปยศ ข้าตัดสินใจแล้ว ข้ากับลูกจะอยู่ที่นี่ต่อไป ไม่มีอะไรเปลี่ยนใจข้าได้"
แม่ทัพซุนเทาเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังประเมินคำพูดและความตั้งใจของนาง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย "อืม... ในเมื่อเจ้าเลือกแล้ว ข้าก็ไม่คิดจะบีบบังคับเจ้า" เขาพูดต่อ "แต่ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดคุยกับลูกของเรา จงพานางมา ข้าต้องการพูดกับนางเพียงลำพัง"
แม้ซูหลินจะลังเล แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจทำตามคำขอ นางเชื่อว่าซุนเทาคงไม่ได้วางแผนร้ายอะไร เมื่อเยี่ยจิงหลินถูกพามา นางยืนอยู่ตรงหน้าแม่ทัพด้วยสายตาที่ไม่หวาดกลัว ทว่ากลับเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
ซุนเทามองลูกสาวอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนจะสั่งให้ทุกคนในบริเวณนั้นถอยออกไป เขาต้องการพูดคุยกับเยี่ยจิงหลินเพียงลำพัง ไม่มีใครได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังจะพูด แม้แต่ซูหลินเองก็ต้องยืนรอห่างออกไปด้วยความไม่สบายใจ
เมื่อเยี่ยจิงหลินปรากฏตัวต่อหน้าแม่ทัพซุนเทา ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปทันที ใบหน้าที่ดูเย็นชาและแฝงด้วยความขึงขังจ้องมองนางอย่างเคร่งขรึม น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นเต็มไปด้วยความกดดันและไม่พอใจ
"เด็กสาวตัวน้อย... เจ้านี่ช่างกล้าหาญเกินไปจริง ๆ" เขากล่าว พลางจ้องตรงไปยังดวงตาของนาง "เจ้ากล้าขโมยทรัพย์สมบัติของตระกูลไปกว่าครึ่ง ไหนจะเรื่องที่เจ้าพยายามลอบสังหารฮูหยินใหญ่ของข้าอีก... เจ้านี่มันช่างแสบสะท้านเสียจริง!"
เยี่ยจิงหลินไม่ได้แสดงความหวาดกลัวแม้แต่น้อย นางมองตอบเขาด้วยสายตาที่แฝงความเย้ยหยันเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำให้ซุนเทาถึงกับนิ่งไปชั่วครู่ "ความจริงข้าต้องการทรัพย์สมบัติของท่านทั้งหมด แต่แหวนมิติของท่านมันดันเต็มเสียก่อน"
คำพูดนั้นทำให้คิ้วของแม่ทัพซุนเทากระตุกทันที เขากำหมัดแน่น ราวกับพยายามสะกดกลั้นความโกรธ "นี่เจ้า... เจ้าคิดจะเอาของข้าไปทั้งหมดจริง ๆ งั้นหรือ!" เขากล่าวเสียงต่ำ ความเยือกเย็นในน้ำเสียงของเขาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความกราดเกรี้ยว
การกระทำของเยี่ยจิงหลินทำให้เขาเดือดดาลอย่างยิ่ง เพราะมันไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายแก่เขา แต่ยังแสดงถึงการท้าทายต่ออำนาจของเขาโดยตรง
ทว่า ในชั่วพริบตาเดียว เขากลับปรับน้ำเสียงให้สงบลง แม้สายตาจะยังคงแฝงความน่าเกรงขาม "หึหึ... เรื่องที่แล้วมา ข้าจะไม่ถือสา จงคืนแหวนมิติของข้ามาเสีย แล้วทรัพย์สินเงินทองที่เหลือข้าจะยกให้แม่ของเจ้า เพียงพอให้กินใช้ทั้งชีวิตไม่มีวันหมด"
เยี่ยจิงหลินยังคงยืนนิ่ง ไม่แสดงอาการว่าจะยอมง่าย ๆ
แม่ทัพซุนเทาจ้องมองนางด้วยสายตาคมกริบ ก่อนจะกล่าวคำพูดที่ทำให้บรรยากาศรอบด้านเปลี่ยนไปทันที "จงกลับมาที่ตระกูลในฐานะบุตรสาวของข้า ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าปฏิเสธอย่างเด็ดขาด... หากเจ้าไม่ทำตาม หมู่บ้านไท่ผิงชุนแห่งนี้จะเหลือแต่เศษซาก ทุกชีวิตในที่นี้ ข้าจะไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว!"
เขาชี้ไปยังกองกำลังทหาร 500 นายที่ยืนเรียงรายอยู่เบื้องหลัง ราวกับต้องการตอกย้ำคำขู่ที่แสนโหดเหี้ยม
เยี่ยจิงหลินยืนนิ่ง ตัวของนางสั่นสะท้านเล็กน้อยด้วยความโกรธ แต่ไม่สามารถตอบโต้ได้ นางกำหมัดแน่น ขณะที่ความคิดของนางวนเวียนถึงความปลอดภัยของผู้คนในหมู่บ้าน และโดยเฉพาะมารดาของนาง
สุดท้าย นางจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้จะแฝงความจำยอมอยู่ในที "ข้าจะยอมกลับไปกับท่าน ขอเพียงให้ท่านแม่ของข้ามีชีวิตที่สุขสบาย ข้าจะทำทุกอย่างที่ท่านต้องการ"
แม่ทัพซุนเทาได้ยินดังนั้น เขายิ้มอย่างพึงพอใจ ราวกับชัยชนะได้อยู่ในมือของเขาแล้ว "ดีมาก... เจ้าคิดถูกแล้ว"
แม้จะรู้สึกเหมือนถูกกักขังอยู่ในพันธนาการของชะตากรรม เยี่ยจิงหลินก็ไม่สามารถหันหลังให้กับคำสัญญาที่มอบไว้แก่ผู้เป็นมารดา นางเงยหน้าขึ้น เตรียมตัวเผชิญกับอนาคตที่มืดมนอีกครั้งในตระกูลของบุรุษผู้นี้...
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"






![เฟิ่งหวง [鳳凰]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)
