เข้าสู่ระบบความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!
หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…
ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิด
จากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…
เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!
ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ...
"นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?"
"นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?"
"ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"
ข่าวคราวของอ๋องฟู่หยางเซินที่นอนป่วยหนัก ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง และกำลังรอความตายไปถึงหูของเยี่ยจิงหลินอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินข่าว นางเพียงแค่ฉีกยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น อยู่ภายใต้การคาดการณ์ของนางมาตลอดลูกน้องของนางที่ยืนอยู่เบื้องหน้า แสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียด พวกเขารู้ดีว่า ฟู่ซิวเหิงกำลังจะก้าวขึ้นมาครอบครองอำนาจแทนท่านอ๋อง และหากปล่อยให้เขาได้อำนาจอย่างเต็มที่ เขาอาจกลายเป็นภัยที่ยากจะควบคุมในอนาคต
"นายหญิง อีกไม่นานองค์ชายฟู่ซิวเหิงจะขึ้นมาเป็นผู้รักษาการแทนพระองค์แทนท่านอ๋องที่ล้มป่วย... พวกเราจะจัดการอย่างไรดี?" น้ำเสียงของลูกน้องเต็มไปด้วยความร้อนใจ พวกเขาเข้าใจดีว่าหากปล่อยให้ ฟู่ซิวเหิง มีเวลาสร้างอำนาจของตนเองมากขึ้น ภารกิจในการโค่นล้มเขาจะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
แต่เยี่ยจิงหลินกลับหัวเราะเบาๆ ดวงตาของนางยังคงฉายแววเยือกเย็น ไร้ซึ่งความหวาดหวั่นแม้แต่น้อย
"ไม่เห็นยาก..." นางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่ากลับเย็นยะเยือกจนทำให้คนที่ได้ยินถึงกับขนลุก
"ก็แค่ดับลมหายใจของมัน ก็สิ้นเรื่อง" น้ำเสียงของนางเรียบง่ายแต่กลับเต็มไปด้วยจิตสังหารที่ชัดเจน!
ในสายตาของเยี่ยจิงหลิน องค์ชายฟู่ซิวเหิงไม่เคยเป็นตัวตนที่คู่ควรกับความหวาดกลัว แม้เขาจะเป็นบุตรชายของท่านอ๋อง แต่เขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งถึงขนาดที่นางต้องกังวล
ลูกน้องของเขาก็ใช่ว่าจะมีความสามารถมากมายผู้สนับสนุนของเขาก็ล้วนแต่เป็นพวกฉวยโอกาส
ที่สำคัญที่สุดราชสำนักในตอนนี้กำลังอ่อนแออย่างที่สุด! ความวุ่นวายจากการแย่งชิงอำนาจภายใน ทำให้เหล่าขุนนางและข้าราชบริพารเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย ทุกคนต่างต้องการความสงบสุข หลังจากต้องอดทนเฝ้าดูอำนาจที่ถูกเปลี่ยนมือไปมาและหาก ฟู่ซิวเหิงเกิดเป็นอะไรขึ้นมาในเวลานี้...
มีแต่จะสร้างความยินดีให้กับผู้คน เยี่ยจิงหลินกล่าวออกมาอย่างเย็นชา ราวกับว่าการกำจัดองค์ชายเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยที่ไม่จำเป็นต้องคิดให้มากดวงตาของนางเปล่งประกายเยือกเย็น ขณะที่แผนการลอบสังหารกำลังจะเริ่มขึ้น!
ค่ำคืนนี้คือคืนที่องค์ชายฟู่ซิวเหิงรู้สึกว่าสิ่งที่เขารอคอยมาตลอดชีวิตกำลังจะมาถึง!
ภายใน หอสุรา สถานที่รวมตัวของเหล่าขุนนางชั้นเลว งานเลี้ยงเฉลิมฉลองถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แสงโคมไฟส่องสว่าง เสียงเครื่องดนตรีดังก้อง บรรยากาศเต็มไปด้วยความรื่นเริง
องค์ชายฟู่ซิวเหิง นั่งอยู่บนที่นั่งสูงสุด เหล่าขุนนางที่อยู่รอบตัวต่างพากันสรรเสริญและประจบเอาใจ พวกเขาไม่ได้สนใจเลยว่า อ๋องฟู่หยางเซินผู้ที่พวกเขาเคยสวามิภักดิ์กำลังนอนป่วยหมดสติอยู่ภายในจวนของตนเอง!
"ฮ่าฮ่า! ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าคนที่มีความสามารถเช่นท่าน จะต้องขึ้นมาเป็นใหญ่เหนือใครได้แน่!"
เสียงหัวเราะของขุนนางคนหนึ่งดังขึ้น ท่าทางของเขาประจบสอพลออย่างถึงที่สุด
"ใช่แล้วองค์ชาย! ท่านคืออนาคตของแคว้นนี้!" อีกคนหนึ่งกล่าวขึ้นพร้อมชูจอกสุราขึ้นสูง
เหล่าขุนนางที่เคยจงรักภักดีต่อบิดาของเขาบัดนี้กลับทำตัวเป็นกิ้งก่าเปลี่ยนสี วิ่งเข้าหาอำนาจใหม่อย่างหน้าด้านๆ!
พวกเขาไม่สนใจเลยว่าท่านอ๋องฟู่หยางเซินยังมีชีวิตอยู่หรือไม่สิ่งที่พวกเขาสนใจมีเพียงว่า ใครคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้!
ฟู่ซิวเหิงหัวเราะเสียงดังด้วยความพึงพอใจ
"เจ้าวางใจเถอะ ขอเพียงพวกเจ้ายืนอยู่เคียงข้างข้า ข้าจะเป็นผู้สนับสนุนพวกเจ้าเอง!"
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมอำนาจ ในใจของเขาเชื่อว่า เขาได้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของอำนาจแล้ว!
คืนนี้คือคืนแห่งการเฉลิมฉลองของเขา!
แต่…
เขาไม่เคยรู้เลยว่า ค่ำคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายของชีวิตเขา!เงามรณะที่คืบคลานเข้ามาท่ามกลางความสนุกสนานและเสียงหัวเราะของขุนนางเหล่านั้น…ภายในเงามืด นอกหอสุรา มีสายตานับสิบคู่จับจ้องมายังสถานที่แห่งนี้อย่างเงียบงัน
พวกเขาไม่ใช่ขุนนาง ไม่ใช่ข้าราชบริพาร แต่พวกเขาคือ… มือสังหารแห่งรัตติกาลสายลมแห่งความตายกำลังพัดเข้ามาอย่างเงียบงัน ค่ำคืนนี้… มิใช่ค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองแต่เป็นค่ำคืนแห่ง การสังหาร!
หลังจากที่สะสางทุกเรื่องราวในเมืองหลวงจนเสร็จสิ้น เยี่ยจิงหลินก็ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังหมู่บ้านไท่ผิงชุน ที่นั่น… คือสถานที่ที่มีความหมายกับนางมากที่สุดเมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ บรรยากาศรอบตัวแตกต่างจากเมืองหลวงโดยสิ้นเชิงไม่มีเสียงของขุนนางที่คอยแย่งชิงอำนาจ ไม่มีแววตาแห่งความโลภ ไม่มีเสียงกระซิบของคนที่พยายามคิดคดหักหลังที่นี่มีเพียงสายลมอ่อนๆ อากาศที่สดชื่น และผู้คนที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายแม้ว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะ แห้งแล้งและทุรกันดารแต่สำหรับเยี่ยจิงหลินที่นี่คือบ้าน เมื่อเดินเข้าสู่เรือนของตนเอง นางกลับต้องแปลกใจเมื่อพบว่า หลิวฉางหยาง กำลังพักอาศัยอยู่ที่นี่! เยี่ยจิงหลินหันไปมองมารดาของตนซูหลินด้วยความสงสัยก่อนที่แม่ของนางจะ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเขินอาย"ลูก… แม่ตัดสินใจแล้วว่าแม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง" หลิวฉางหยางไม่ใช่แค่คนรู้จัก แต่เขาเป็นคนที่ ยืนเคียงข้างและคอยดูแลแม่ของนางเสมอมาในวันที่ชีวิตของซูหลินลำบากเขาอยู่เคียงข้างนางโดยไม่ทอดทิ้งและตอนนี้แม่ของเยี่ยจิงหลินก็ได้ตัดสินใจเปิดใจให้กับความรักอีกครั้งเยี่ยจิงหลินเมื่อเห็นแม่ของตนมีความสุข นางย่อมดีใจอย่างที่สุด"แ
เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม...ด้วย ฝีมือการรักษาของหมอเทวดาหลานซือหมิง ในที่สุด ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนก็ฟื้นคืนสติอีกครั้ง!แม้ว่าพระองค์ยังต้องใช้เวลาอีกมากกว่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ แต่สิ่งที่พระองค์ได้รับรู้หลังจากฟื้นคืนสติมันทำให้หัวใจของพระองค์สั่นสะท้านยิ่งกว่าพิษร้ายที่เคยกัดกินร่างกายเสียอีก!"คนที่วางยาข้า... คือน้องชายของข้าเอง!?" ฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียนตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ถึงความจริง อ๋องฟู่หยางเซิน ผู้ที่เขาเคยมอบความไว้วางใจ... กลับเป็นผู้ที่คิดจะฆ่าเขาเอง!สิ่งที่ทำให้พระองค์สะท้านใจไปมากกว่านั้นคือ..."ผู้ที่ช่วยข้ากลับเป็นบุตรสาวของแม่ทัพซุนเทา... บิดาของนางคือผู้ที่ข้าเคยหวาดระแวงเพราะคำยุยงของราชครูกู่เทียนหลง!" พระองค์หวาดระแวงแม่ทัพซุนเทาเพราะคำพูดของราชครูที่คอยปั่นหัวสุดท้าย... พระองค์ก็ต้องสูญเสียทั้งคู่ไปหลังจากนั้นไม่นานความเดือดดาลก็ปะทุขึ้น!"ข้าจะไม่มีวันให้อภัยมัน!" ดวงตาของฮ่องเต้ฟู่ซื่อเทียน ฉายแววของความโกรธแค้นแม้ว่าอ๋องฟู่หยางเซินจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ แล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพของคนที่ไร้สติ เหม่อลอย ไม่รู้เรื่องราวใดๆแต่ความผิดที่เขาก่อขึ้นมันเกินกว่าที
การตายขององค์ชายฟู่ซิวเหิง… เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เยี่ยจิงหลินไม่ได้คิดจะหยุดเพียงแค่ปลิดชีพองค์ชาย แต่นางกำลังจะทำให้ตระกูลของอ๋องฟู่หยางเซินล่มสลายไปทั้งสายเลือด! ก่อนที่นางจะลงมือ เยี่ยจิงหลินส่งคนของนางออกไปสืบข่าวเกี่ยวกับบุตรชายของอ๋องฟู่หยางเซินทุกคนพวกมันทุกคนล้วนชั่วช้า ไม่ได้ต่างไปจากฟู่ซิวเหิงเลยแม้แต่น้อยพวกมันฉ้อโกง ฉุดคร่าหญิงสาว กดขี่ชาวบ้าน ใช้อำนาจอย่างอำมหิต...ทุกสิ่งที่ได้รับรายงานมามีแต่สิ่งที่ทำให้นางยิ่งแน่ใจว่าพวกมันสมควรจะถูกกำจัดจนหมด!เมื่อแผนการถูกวางไว้อย่างรัดกุม ค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก คืนแห่งนรกที่แท้จริงสำหรับท่านอ๋องแม้ว่าตัวของเขานั้นไม่มีสติเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม"ลอบสังหารพร้อมกันในคืนเดียว อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว"นางออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด! เหล่ามือสังหารในเงามืด เคลื่อนไหวอย่างไร้เสียง แต่ละคนได้รับเป้าหมายของตนเอง ไม่มีความผิดพลาด ไม่มีความลังเล มีเพียงจุดจบของเครือญาติแห่งอ๋องฟู่หยางเซินเท่านั้นที่รออยู่!เสียงกรีดร้องแห่งความตื่นตระหนก ดังขึ้นจากคฤหาสน์หลายแห่งของบุตรชายท่านอ๋อง"ไม่นะ! ปล่อยข้าไป! ข้าให้เงินเจ้าได้!""อย่า! ข้ายอมแ
เยี่ยจิงหลินยืนอยู่กลางโถงสุราที่ถูกย้อมไปด้วยเลือด นางจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ฟู่ซิวเหิง องค์ชายผู้เคยหยิ่งทะนงบัดนี้กำลังสั่นสะท้านไม่ต่างจากลูกนกที่ถูกขังไว้ในกรงแห่งความตาย!นางกวาดสายตามองเหล่าขุนนางและองครักษ์ที่เหลือรอด บางคนยังยืนตัวแข็งทื่อด้วยความหวาดกลัว บางคนคุกเข่าลงร้องขอชีวิต น้ำตานองหน้า แต่มันไร้ประโยชน์!ใบหน้าของเยี่ยจิงหลินยังคงเรียบนิ่ง… ก่อนที่ริมฝีปากของนางจะคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา"จงดับลมหายใจของพวกมันให้หมดซะ... อย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว"คำสั่งของนางเยือกเย็นราวกับเป็นเสียงแห่งมัจจุราช เงามรณะเคลื่อนไหวทันที!เสียงดาบกระทบกับเนื้อ เสียงเลือดสาดกระเซ็น เสียงกรีดร้องดังขึ้นเป็นระลอก ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงไปทีละน้อย ฟู่ซิวเหิงจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่สั่นไหว เขาเห็นขุนนางที่เคยประจบสอพลอตนเองถูกเชือดไปทีละคน…เขาเห็นองครักษ์ของตนเองล้มลงโดยไม่มีโอกาสแม้แต่จะชักดาบขึ้นมาต่อสู้!"ไม่… ไม่…"ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว สิ่งที่เขาเคยภาคภูมิใจ อำนาจ ความเย่อหยิ่ง ความทะเยอทะยานล้วนมลายหายไปจนหมดสิ้นและเมื่อความหวาดกลัวพุ่งถึงขีดสุด…"ท่านพ่อ! ช่วยข
ภายใน หอสุรา ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง พลันเกิดความเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว!ฟู่ซิวเหิง และเหล่าขุนนางยังคงกำลังดื่มด่ำกับความสุขจากอำนาจใหม่ของตนเอง เสียงจอกสุรากระทบกัน เสียงหัวเราะยังคงดังไปทั่วทั้งห้องโถง ทุกคนกำลังหลงระเริงอยู่ใน ภาพมายาของชัยชนะแต่แล้ว…"พรึ่บ!"เปลวไฟทุกดวงภายในห้องโถงพลันดับมอดลงอย่างกะทันหัน!ทั้งห้องตกอยู่ใน ความมืดมิดอันสมบูรณ์แบบ ไม่มีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว มีเพียงเงามืดอันน่าหวาดกลัว ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบเสียงของแขกภายในงานเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบกระซาบ ความตื่นตระหนกเริ่มแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้ร่วมงาน"มันเกิดอะไรขึ้น?!""มีใครไปจุดไฟเร็วเข้า!"เสียงตะโกนดังขึ้นจากมุมห้อง น้ำเสียงของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก!แต่ไม่มีคำตอบไม่มีใครขยับท่ามกลางความเงียบงันและความมืดมิด…"อ๊ากกกกก!!!"เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ดังก้องไปทั่วห้องโถง!หนึ่งในแขกของงานถูกปลิดชีพอย่างไร้ความปรานี!เงามัจจุราชที่คืบคลานฟู่ซิวเหิงเบิกตากว้าง เขาหันมองไปรอบๆ แต่สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงความมืดสนิท!"ใครอยู่ตรงนั้น?! ออกมาเดี๋
ความจริงที่โหดร้ายกำลังกลืนกินหัวใจของท่านอ๋องฟู่หยางเซินอย่างช้าๆบุตรชายที่เขารักและไว้วางใจที่สุดกลับกลายเป็นผู้ที่กำลังผลักไสเขาไปสู่ความตาย!ร่างกายของท่านอ๋องที่อ่อนแรงอยู่แล้ว กลับยิ่งทรุดหนักลงกว่าเดิม ด้วยความรู้สึกที่ไม่อยากยอมรับความจริง ความรู้สึกเจ็บปวดและความสิ้นหวังได้กัดกินจิตใจของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ความเศร้าโศกที่ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเขา ทำให้พิษร้ายที่แฝงอยู่ในร่างแทรกซึมลึกลงไปในทุกอณูของร่างกาย!หัวใจที่แตกสลาย…ร่างกายที่อ่อนแอ…ความเจ็บปวดจากพิษร้ายที่คืบคลานเข้าสู่กระแสโลหิต…ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังบั่นทอน ชีวิตของอ๋องฟู่หยางเซิน ไปทีละนิดจากชายผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยปกครองอำนาจเหนือผู้อื่น บัดนี้กลับต้อง นอนอยู่บนเตียงอย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยพลังและความเย่อหยิ่ง กลับกลายเป็นสายตาที่เหม่อลอย…เขารู้ดีว่า ตนเองกำลังจะตายแต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่ความตาย...แต่เป็นการตายด้วยน้ำมือของบุตรชายที่เขารักที่สุด!ความคิดสุดท้ายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาคือ..."นี่หรือคือผลตอบแทนของข้า...?""นี่หรือคือจุดจบของอ๋องฟู่หยางเซิน?""ข้าเลี้ยงดูอสูรกายขึ้นมาเองแท้ๆ…"







