LOGINอาเหมยลอบกวาดตามองรอบร้าน
“นั่งลงกินด้วยกันเถอะ” ไป๋เล่อเอ่ยขึ้น
“เจ้าค่ะ....คุณหนู...ท่านต้องการอะไรเพิ่มหรือไม่ข้าจะไปซื้อให้เอง”
ไป๋เล่อส่ายหน้า นางเองก็ยังไม่มั่นใจว่าตัวเองต้องการสิ่งใด นางหยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนนึกขึ้นได้ “แต่ข้าต้องไปขายเครื่องประดับเพิ่มอีก...ไม่งั้นเงินคงไม่พอทำครัวให้เสร็จ”
อาเหมยลอบกังวล เกรงว่าเครื่องประดับจะไม่พอขาย เพราะคุณหนูนางซื้ออะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด
เกือบจะยามโหย่วแล้ว สตรีทั้งสองถึงได้เวลากลับเรือน ลมเย็นยามบ่ายพัดผ่านกำแพงตระกูลเผย เมื่อก้าวเข้ามาในลานก็เห็นบ่าวชายสามคนกำลังขะมักเขม้นตอกไม้และเรียงอิฐเป็นผนังครัว
ไป๋เล่อเดินเข้าไปใกล้พลางถามเสียงเรียบ
“นี่ใกล้จะเสร็จแล้วหรือ”
หนึ่งในบ่าวเงยหน้าขึ้นยิ้ม “ขอรับ…คงเหลืออีกไม่กี่วัน”
ไป๋เล่อพยักหน้ายิ้มพอใจ “ดี ๆ” ก่อนหันกลับเข้าเรือนครัวเล็กด้านใน แม้ยังไม่สมบูรณ์นัก แต่ก็พอมีพื้นที่ให้ทำงานได้ นางหยิบถุงงาขาวที่ซื้อมาเมื่อวานวางลงบนโต๊ะ จากนั้นเทงาลงกระทะดินเผา คั่วด้วยไฟอ่อน กลิ่นหอมอุ่นลอยอบอวลไปทั่วห้อง
อาเหมยเข้ามาถาม “คุณหนูให้บ่าวช่วยอะไรหรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้าไปล้างผักพวกนั้น”
นางชี้ไปยังผักที่ซื้อมาจากตลอดพลางใช้ตะเกียบไม้คนช้า ๆ จนเมล็ดงาเริ่มแตกส่งเสียงเบา ๆ แล้วจึงเทลงครกหิน โขลกด้วยสากจนงาละเอียดเป็นครีมมันเงา เติมน้ำผึ้งป่าเกาะหินที่ได้จากตลาด บีบน้ำมะนาวป่าเพียงเล็กน้อยเพื่อตัดรส จากนั้นใส่เกลือเม็ดบดหยาบ ๆ และน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ ค่อย ๆ คนให้เข้ากันจนเนียน
สีทองนวลของน้ำงาสลัดตัดกับแสงตะวันยามเย็นที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
ไป๋เล่อจิ้มปลายช้อนชิมเพียงนิด รสหวานละมุนตัดกับความมันของงาและกลิ่นหอมสดชื่นของมะนาวป่า นางยิ้มอย่างพึงใจ ก่อนจะเทใส่ขวดดินเผาขนาดเล็กได้ห้าขวด
แล้วก็หันไปรับผักที่อาเหมยล้างมา
มือเรียวยาวหยิบมีดเล่มเล็กหั่นแตงกวาเป็นชิ้นพอดีคำ แครอทป่าถูกฝานเป็นแผ่นบางจนเห็นลวดลายเส้นใยอ่อน ๆ แล้วจัดเรียงทั้งหมดลงในจานเคลือบสีขาวนวล จากนั้นเทน้ำปรุงงาน้ำผึ้งราดลงไป
“อาเหมยหยิบตะเกียบมา ลองชิมดู”
อาเหมยชะงักไปเล็กน้อย หยิบตะเกียบคีบผักที่คลุกน้ำสลัดงาอย่างระมัดระวัง ลองใส่เข้าปากเพียงคำเดียว ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นทันที
“รสชาติดีมากเจ้าค่ะ หอมกลิ่นงาเข้มข้น แต่ก็สดชื่นจากผักด้วย”
ไป๋เล่อยิ้มด้วยความดีใจ
“เอาล่ะ...เจ้าไปเอาผ้าแพรที่ซื้อมา ไปเรือนพี่สาวเจียงจิงกัน”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
เรือนเจียงจิงอยู่ลึกเข้าไปด้านท้ายจวน ไม่ต่างจากเรือนของไป๋เล่อนัก ที่นี่แทบจะชิดติดเชิงเขา ลมเย็นจากป่าด้านหลังพัดแผ่วมาเป็นระยะ กลิ่นดินชื้นและใบไม้แห้งลอยปะปนอยู่ในอากาศ
ไป๋เล่อเดินถือกล่องผักในมือ อาเหมยถือห่อผ้าแพรเดินตามเงียบ ๆ เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ สองข้างทางมีเรือนเล็กเดิมเป็นเรือนของอนุอื่น ๆ ที่ออกไป บางเรือนนายท่านก็มอบให้บ่าวไพร่อยู่ บางเรือนก็มีเสียงหัวเราะคุยกัน นี่นับว่าเป็นหมู่ ๆ หมู่บ้านหนึ่งในชนบทได้
ผู้คนกล่าวว่าตระกูลเผยตกอับ
ไป๋เล่อมองแล้วลอบถอนหายใจ
คำว่า “ตกอับ” เขาคนเราไม่เท่ากันจริง ๆ
เมื่อเดินผ่านบ่อน้ำกลางลาน ลำแสงอาทิตย์ยามบ่ายคล้อยก็ส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยับ ไป๋เล่อเหลือบตามองแล้วค่อยก้าวต่อ
ในที่สุดปลายทางก็มาถึง เรือนเจียงจิงตั้งอยู่ติดแนวรั้วไม้ไผ่ ด้านหลังเป็นแนวป่าร่มครึ้ม เงียบสงบจนได้ยินเสียงลมพัดไผ่เสียดสีกันเบา ๆ
อาเหมยก้าวขึ้นบันไดไม้ก่อน เคาะประตูเรือนเบา ๆ
เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านใน ก่อนที่บานประตูไม้จะเปิดออก เผยให้เห็นหวังเจียงจิงในชุดผ้าฝ้ายสีอ่อน ผมถูกรวบขึ้นอย่างเรียบร้อย
“อ้าว…น้องสาวมาเร็วกว่าที่คิดนะ” เจียงจิงยิ้มบาง ๆ พลางถอยให้ทั้งสองก้าวเข้าไปข้างใน
หลังจากนั่งลงเรียบร้อย ไป๋เล่อยกห่อผ้าแพรส่งให้ “นี่คือผ้าที่ข้ากล่าวไว้เมื่อเช้า ท่านลองดูว่าพอเหมาะหรือไม่”
เจียงจิงรับมา คลี่ผ้าออก เนื้อผ้าเรียบลื่น สีสันสุภาพไม่ฉูดฉาดเกินไปนางพยักหน้า “ดีนัก แบบนี้ตัดออกมาจะดูเรียบแต่ยังมีราศีอยู่”
ตอนที่ 109 อิสระที่ห่างไปเรือนพักของอันไป๋เล่ออบอวลด้วยกลิ่นน้ำหอมที่นางกลั่นเมื่อคืน สายแดดยามสายลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาแตะปลายผมของนางที่ยังยุ่งเล็กน้อยเพราะเพิ่งตื่นหลังจากดื่มจนเมามายเมื่อคืนอาเหมยบิดผ้าชุบน้ำอุ่นแล้วช่วยเช็ดใบหน้าให้นาง พลางเอ่ยอย่างระมัดระวัง “เมื่อเช้า…มีราชโองการไปถึงจวนตระกูลเผยแล้วนะเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่าน…คือพระชายาเอกแห่งจวนซินอ๋องอย่างเป็นทางการแล้ว”ไป๋เล่อชะงักเงยหน้า ดวงตาที่ยังพร่าเพราะง่วงวูบเบิกกว้างขึ้นทันที“มีราชโองการแล้วหรือ? เหตุใดถึงรีบเร่งถึงเพียงนี้…อิสระของข้า…กำลังจะหายไปแล้วจริง ๆ”ไป๋เล่อพึมพำแผ่วเบา ดวงหน้านวลสะท้อนความเวทนาปนเสียดายเพราะนางรู้ดี นับจากวันนี้เป็นต้นไป แม้เผยกู้หยางจะไม่เอ่ยห้าม ไม่เคยตำหนิในสิ่งที่นางทำแต่ความเป็น “ซินอ๋อง” ที่ประทับตราบนตัวเขา…ย่อมหมายถึงพันธนาการที่พัวพันมาถึงนางด้วยนางยกมือแตะแก้มที่เย็นชืดเบา ๆแววตาเจือความขื่นขมและยอมรับในชะตา“ต่อจากนี้…ข้าคงจะทำตามใจเช่นเดิมไม่ได้แล้วจริง ๆ”อาเหมยลอบถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง แต่ก็แฝงความเป็นห่วงอย่างจริงใจ“วันนี้…หากท่านพอมีแรง ข้
ตอนที่ 108 การยอมรับช้าวันถัดมาแสงแรกยังไม่ทันส่องเต็มลานหิน ข่าวใหญ่ก็แพร่สะพัดราวไฟลามป่าไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็วข่าวลือที่ว่ากลายเป็นความจริงผู้คนไม่จำเป็นต้องคาดเดาอีกต่อไปเพราะราชสำนักส่งราชทูตถือผืนแพรแดงปักลายมังกรทองมาถึงหน้าจวนแม่ทัพเผย ตั้งแต่รุ่งสางเสียงประกาศราชโองการดังขึ้นชัดถ้อยชัดคำสะท้อนก้องไปทั่วตรอกซอกซอยที่ยังไม่ทันตื่นเต็มที่ราชทูตยกผืนแพรขึ้นเหนือศีรษะ อ่านด้วยน้ำเสียงดังกังวาน“โดยพระราชประสงค์แห่งฮ่องเต้ กู้เสียนหรง ทรงมีพระราชดำริให้โอรสผู้กำเนิดจากสายเลือดแท้ ผู้ถูกเลี้ยงดูนอกวังด้วยเหตุแห่งความจำเป็นในอดีต คือ เผยกู้หยาง ได้รับการแต่งตั้งเป็น ‘ซินอ๋อง’“ด้วยตำแหน่งอ๋องที่ตั้งขึ้นใหม่ทรงแต่งตั้งอันไป๋เล่อ ให้ดำรงตำแหน่งพระชายาเอกแห่งซินอ๋องและแต่งตั้งหวังเจียงจิงให้ดำรงตำแหน่งชายารองแห่งซินอ๋องให้ทั้งสองดูแลกิจการในตำหนักซินอ๋องตามระเบียบราชสำนักและเป็นเกียรติแก่ตระกูลของทั้งสองสืบไป”ขันทีหลวงเอ่ยราชโองการจนสิ้นทุกถ้อยคำ ก่อนจะยื่นม้วนผ้าไหมสีทองให้เผยกู้หยางก็ก้าวออกมารับด้วยท่วงท่าสงบนิ่งเมื่อเขาประคองราชโองการไว้ในมือ ขันทีก็ผ่อนลมหายใจเบา ๆ
ตอนที่ 107 จบลงเช่นนั้นเผยกู้หยางยกมือเรียกเปาอันเสียงต่ำ“ไปนำพิณของข้ามา”ไม่นาน พิณไม้แกะลายงามก็ถูกนำมาวางลงเบื้องหน้า เขาลูบคันพิณเบา ๆ ก่อนจะนั่งลงยืดหลังสง่างามสายพิณถูกรั้ง รัวแผ่วเป็นท่วงทำนองแรกเสียงพิณใสราวหยาดน้ำแข็งละลายแตะลงบนอากาศเงียบงันอย่างนุ่มนวลไป๋เล่อที่กำลังผสมสุราอยู่ถึงกับหยุดชั่วครู่ราวกับทุกหยดเสียงกำลังแตะลงกลางห้วงใจนางนางสูดลมหายใจแผ่ว ๆ “ท่านเล่นได้งดงามยิ่งนัก”เผยกู้หยางปรายตามองนางคล้ายจะยิ้ม แต่ยังไม่เอื้อนเอ่ยท่วงทำนองยังคงไหลพลิ้ว ไม่รีบร้อน ไม่ช้าเกินไปไป๋เล่อลงมือชงสุราต่อเนื่องมือเรียวขาวขยับคล่องแคล่ว บดดอกเหมยในถ้วยรินสุรา หยดน้ำผึ้งเพียงปลายช้อนแล้วใช้ข้อมือหมุนถ้วยเบา ๆ ให้ของเหลวผสมเข้ากันเสียงสายพิณพลันเปลี่ยนจังหวะดึงยาว ลึก และกังวานคล้ายจะตอบรับจังหวะการเคลื่อนไหวของนางโดยไม่ได้นัดหมายไป๋เล่อหัวเราะแผ่ว มุ่นคิ้วในท่าทีหยอกล้อความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมผุดวาบขึ้นมาเหมือนม่านบางที่ถูกเปิดออก เพลงพิณของเขาผสานกับฤทธิ์สุรายิ่งพาให้ร่างกายเบาไร้น้ำหนักนางลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปกลางลานเรือนที่ถูกแสงตะเกียงแตะวาบชายกระโปรงพลิ
ตอนที่ 106 รักษาแผลใจไป๋เล่อเห็นชายหนุ่มเงียบงัน ดวงตานิ่งลึกจนยากจะอ่านความคิดนางจึงลดน้ำเสียงลงให้อ่อนโยน ราวกับจะปลอบประโลมบางสิ่งที่เขาไม่เอ่ยออกมา “เหยาเอ๋อร์เป็นเด็กดี…ทำสิ่งใดก็มักคำนึงถึงผู้อื่นก่อนเสมอ เมื่อเติบโตขึ้น เขาจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด”นางเอ่ยเบา ๆ คล้ายลมพัดผ่านปลายผม “ทั้งความลำบากใจของท่าน และของนางผู้นั้นที่จากไป...ข้าเชื่อ..เขาจะไม่กล่าวโทษใครทั้งนั้น”เผยกู้หยางเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ขยับปลายนิ้วเล็กน้อย เดินตรงไปยังโต๊ะเตี้ยด้านข้าง แล้วนั่งลงอย่างเงียบสงบ เปาอันรีบก้าวเข้ามา วางไหสุราขนาดใหญ่สองสามไหไว้ตรงหน้าเจ้านาย ก่อนค้อมศีรษะถอยไป เผยกู้หยางยกไหหนึ่งขึ้น แค่ยกก็ได้กลิ่นแรงทะลุฝาเขาเอ่ยเสียงต่ำทุ้ม กลิ่นเย็นของความนิ่งสงบแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น“เห็นว่าเจ้าต้องการสุราแรง ๆ… ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าจะเอาไปทำสิ่งใด แต่ข้าก็ให้คนไปหาไว้ไม่น้อย”ไป๋เล่อหลุบตาลงเล็กน้อยเหลือบมองไหสุราหลายใบที่วางเรียงอยู่ตรงมุมโต๊ะ การเปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหันของเขาทำให้นางอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้เสียงหัวเราะนั้นอ่อนนุ่มดุจสายลมเฉียดผ่านกลีบดอกไม้ ทำให้บรรยากาศภายในเรือนอ
ตอนที่ 105 ลำบากใจเผยซ่งเหยาเดินเข้ามาหาไป๋เล่ออย่างช้า ๆ ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าโดยไม่ลังเล ท่วงท่านั้นเต็มไปด้วยความหนักแน่นเกินกว่าวัย ดวงตากลมใสจ้องมองมารดาอย่างลึกซึ้งจนไป๋เล่อใจสั่นวูบเสียงของเขาแผ่วเบา แต่ชัดเจนดุจคมมีด“เมื่อก่อน…ข้าดีใจมากเหลือเกินที่มีท่านแม่อยู่กับข้า ความยินดีนั้นบดบังความผิดแปลกหลายอย่างที่ข้าควรสังเกต”เขาหยุดหายใจสั้น ๆ ราวกับกำลังข่มใจ “ข้าเฝ้ามองท่านแม่มาตั้งแต่ข้ายังเล็กที่สุด…การพูด การเดิน สีหน้าท่าทาง ทุกอย่างของท่าน ข้าล้วนจำได้ขึ้นใจ”แววตาของเด็กชายสั่นวูบหนึ่ง แต่ยังไม่ละไป“และนับวัน…ท่านก็ยิ่งไม่เหมือนเดิม”ไป๋เล่อสะอึก หัวใจเต้นแรงจนเจ็บหน้าอกซ่งเหยาเม้มปากก่อนเอ่ยต่อ“เดิมที ข้าคิดว่าข้าคิดมากเกินไป แต่ทุกครั้งที่ข้ามองท่านแม่ ข้า…กลับยิ่งแน่ใจว่าอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป”สายลมเย็นพัดเข้ามาทางหน้าต่าง พาให้ม่านไหวเบา ๆ แต่ความเงียบภายในเรือนกลับหนักอึ้งจนอึดอัดจนกระทั่งซ่งเหยาเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ความสงสัยทั้งหมด…ถูกยืนยันในวันที่ข้าเห็นพวกนักพรตทำพิธีส่งวิญญาณที่เรือนไผ่แห่งนั้น”ไป๋เล่อหลับตาเพียงเสี้ยวอึดใจ ก่อนเอ่ยออ
ตอนที่ 104 ส่งวิญญาณเจียงจิงก้าวขึ้นรถม้าได้ไม่นาน อาเหลียนก็รีบตามขึ้นมานั่งเคียงข้าง ใบหน้าซีดเล็กน้อยด้วยความกังวล ก่อนเอ่ยถามเสียงเบาแต่สั่นเครือ“ฮูหยินรอง…เรื่องนี้เชื่อถือได้หรือเจ้าคะ?”คำถามนั้นทำให้บรรยากาศภายในรถม้าสะท้อนความตึงเครียดทันทีเจียงจิงหันไปมองสาวใช้อย่างจริงจัง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งตำหนิ“ที่ก่อนหน้านี้นางไม่พูด ก็เพราะยังไม่มั่นใจในข่าว หากข้าไม่ถามด้วยตนเอง นางก็คงไม่กล้าเอ่ยปากส่งเดช เจ้าอย่าได้แคลงใจไป๋เล่อเด็ดขาด”อาเหลียนสะดุ้ง รีบก้มศีรษะลงแทบจะชิดตักของตนเอง“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ! บ่าวมิได้ตั้งใจหมิ่นน้ำใจฮูหยินใหญ่ บ่าวเพียงแต่…กังวล เพราะเรื่องนี้มันช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปจริง ๆ”เจียงจิงถอนหายใจเบา ๆ ราวกับเพิ่งระงับความสั่นไหวในอกได้เล็กน้อย นางรู้ดีว่าอาเหลียนหาได้คิดร้าย เพียงแต่ตกใจกับความจริงที่เหนือความคาดหมายไปไกล“ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ไป๋เล่อ…ถึงแม้เรื่องนี้จะผิดพลาดขึ้นมาสักประการ นางก็ไม่มีวันคิดร้ายต่อข้าเด็ดขาด”นางหยุดไปชั่วครู่ ก่อนเอ่ยประโยคที่แฝงรอยยิ้มบางในน้ำเสียง“อีกอย่าง หากพูดถึงเรื่องเหลือเชื่อ…สำหรับไป๋เล่อแล







