เข้าสู่ระบบแสงอ่อนยามเช้าเพิ่งคลี่ตัวลอดผ่านแนวไม้ไผ่ สายลมบางเบาพัดพากลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกเหมยที่ปลูกริมรั้วเข้ามาในสวน เสียงนกร้องประสานกับเสียงน้ำจากอ่างหินหยดลงเป็นจังหวะ ทำให้บรรยากาศเงียบสงบจนเหมือนเวลาหมุนช้าลง
ไป๋เล่อนั่งจิบชาช้า ๆ ดวงตาเหม่อมองไอหมอกบางที่ลอยเหนือสระบัว ครู่หนึ่งเสียงฝีเท้าก็แว่วดังมาจากทางเดินไม้ด้านหน้า ตามด้วยเสียงใสของเด็กชาย
“อี้เหนียง…ลูกมาคารวะ ก่อนออกไปเรียนขอรับ”
เผยซ่งเหยาในชุดผ้าฝ้ายสะอาดสะอ้าน เดินเข้ามาหยุดตรงหน้า ก้มศีรษะให้ตามมารยาท แววตาใสซื่อยังคงมีรอยเกรงใจอยู่เล็กน้อย หลังจากเมื่อวานได้พูดคุยกับมารดาวันนี้เขาถึงได้ใจกล้ามาคารวะอีกฝ่าย
ไป๋เล่อวางถ้วยชาแล้วพยักหน้ายิ้ม
“ไปเถอะ ตั้งใจเรียนให้มาก”
“ขอรับ” เด็กชายตอบเสียงใสด้วยความดีใจ
เสียงฝีเท้าของเด็กชายเพิ่งลับหาย อาเหมยที่ยืนรออยู่ไม่ไกลก็เดินเข้ามาโค้งตัวเล็กน้อย
“คุณหนู ข้าจะไปยกอาหารมื้อเช้ามาให้เจ้าค่ะ”
ไป๋เล่อพยักหน้ารับ “อืม…เอามาที่ศาลาหน้าสวนก็แล้วกัน”
หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ ไป๋เล่อกลับเข้าไปในห้องแต่งตัว นางเปิดตู้ไม้ขนาดใหญ่ เมื่อวานไปเดินตลาดชุดของนางเด่นเกินไป นางสำรวจทีละชุด พลางพึมพำกับตัวเอง
“เรียบง่าย…เรียบง่ายที่สุด…”
สุดท้ายนางก็หยิบชุดผ้าไหมสีงาช้างปักลายดอกเหมยเล็ก ๆ ที่ชายกระโปรงด้วยด้ายเงิน แม้ไม่มีลวดลายฟุ้งเฟ้อเช่นชุดงานเลี้ยง แต่เนื้อผ้ากลับมันวาวละมุนราวผิวหิมะ เสื้อคลุมด้านนอกตัดจากผ้าลินินเนื้อดี สีฟ้าหม่นตัดขอบด้วยดิ้นทองเส้นบาง สะพายสายคาดเอวผ้าแพรสีครามอ่อนผูกปมเรียบง่ายแต่ประณีต
ไป๋เล่อถอนหายใจยาว “นี่คือชุดที่เรียบง่ายที่สุดแล้ว”
วันนี้นางคงต้องจัดการเรื่องอาภรณ์ด้วย
ขณะเดินออกจากประตูเรือน ไป๋เล่อก็เอ่ยขึ้น
“พวกเราไปร้านขายอาภรณ์ก่อน”
ก่อนที่นางจะเดินเข้าประตูร้าน ก็พลันเหลือบเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งยืนสนทนาอยู่กับผู้ดูแลร้านอาภรณ์
“แม่นางหวัง…ผ้าปักผ้าเช็ดหน้าของท่าน ให้ราคาได้เท่านี้จริง ๆ หากอยากได้มากกว่านี้ ท่านลองปักฉากกั้นแทนดีหรือไม่”
เพียงได้ยินเท่านั้น ไป๋เล่อก็เดาออกทันที หวังเจียวจิงอี้เหนียงสามคงนำผ้าปักฝีมือตนมาขายที่นี่
นางชะงักฝีเท้า อยากให้หญิงสาวผู้นั้นจัดการธุระเสร็จก่อน จึงก้าวออกไปยืนรออยู่ริมทางด้านนอก พลางมองผู้คนในตลาดที่เดินสวนกันขวักไขว่ อาเหมยเอ่ยถาม
“คุณหนูไม่เข้าไปในร้านหรือเจ้าคะ”
“รอคุยกับอี้เหนียงสามเสียก่อน”
ไม่นาน หวังเจียวจิงก็เดินออกมาจากร้าน สีหน้าแฝงความไม่พอใจอยู่เล็กน้อย พอเห็นไป๋เล่อนางก็หยุดปรับสีหน้ายิ้มแย้มโค้งศีรษะเล็กน้อย
“อี้เหนียงสี่”
ไป๋เล่อยิ้มน้อย ๆ “เราต่างก็ไม่ใช่อี้เหนียงแล้ว…ต่อไปพี่สาวก็เรียกข้าว่าไป๋เล่อก็พอ...ข้าตั้งใจมาซื้ออาภรณ์ใหม่ โชคดีนักที่ได้พบพี่สาวที่นี่”
“น้องสาวมีเรื่องให้ข้าช่วยหรือ” หวังเจียวจิงเอ่ยตรง ๆ
“พี่สาวช่างพูดตรงนัก…ข้าอยากให้ท่านตัดเสื้อให้สักสองสามชุด เอาแบบเรียบง่าย ไม่ต้องปักลวดลายมาก”
หวังเจียวจิงมองอีกฝ่ายนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนถาม “ท่านจะไม่ไปจากตระกูลเผยแล้วหรือ”
ไป๋เล่อพยักหน้า “ใช่ ข้าตั้งใจจะอยู่ที่นี่เพื่อเลี้ยงบุตรชาย ขอพี่สาวได้โปรดช่วยเอื้อเฟื้อ”
“เอื้อเฟื้ออันใดกัน เรื่องนี้ข้าก็ได้ประโยชน์ หากน้องสาวไม่รังเกียจฝีมือ ข้าก็ยินดีทำให้”
“เช่นนั้นพี่สาวคิดค่าแรงเท่าไร”
“ชุดละสามร้อยอีแปะ แต่ผ้าคงต้องให้น้องสาวนำมาส่งที่เรือน”
ไป๋เล่อเลิกคิ้วเล็กน้อย “ถูกไปหรือไม่...พี่สาวอย่าได้เกรงใจ”
หวังเจียงจิงหัวเราะเบา ๆ “หากเป็นชุดปักลวดลายก็คงต้องคิดแพงกว่านี้ แต่ถ้าเป็นชุดธรรมดาไม่ปักเช่นที่น้องสาวต้องการ ราคานี้ก็คุ้มแรงแล้ว” ไป๋เล่อพยักหน้าเข้าใจ
“ได้ วันนี้ข้าก็จะไปซื้อผ้าแพรอยู่แล้ว ไว้ตอนกลับจะให้อาเหมยนำไปส่งให้”
จากนั้นทั้งสองก็กล่าวคำอำลา ไป๋เล่อจึงเดินกลับไปในร้านขายผ้าแพร นางเลือกผ้าแพรสีเรียบหลายมัด ก่อนจะพาอาเหมยไปดูเครื่องครัวต่อ
เดินอยู่เกือบครึ่งวัน ไป๋เล่อซื้อของไม่น้อยใกล้เที่ยงพวกนางจึงพาไปนั่งพักทานมื้อเที่ยงร้านบะหมี่ข้างทาง
ตอนที่ 109 อิสระที่ห่างไปเรือนพักของอันไป๋เล่ออบอวลด้วยกลิ่นน้ำหอมที่นางกลั่นเมื่อคืน สายแดดยามสายลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาแตะปลายผมของนางที่ยังยุ่งเล็กน้อยเพราะเพิ่งตื่นหลังจากดื่มจนเมามายเมื่อคืนอาเหมยบิดผ้าชุบน้ำอุ่นแล้วช่วยเช็ดใบหน้าให้นาง พลางเอ่ยอย่างระมัดระวัง “เมื่อเช้า…มีราชโองการไปถึงจวนตระกูลเผยแล้วนะเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่าน…คือพระชายาเอกแห่งจวนซินอ๋องอย่างเป็นทางการแล้ว”ไป๋เล่อชะงักเงยหน้า ดวงตาที่ยังพร่าเพราะง่วงวูบเบิกกว้างขึ้นทันที“มีราชโองการแล้วหรือ? เหตุใดถึงรีบเร่งถึงเพียงนี้…อิสระของข้า…กำลังจะหายไปแล้วจริง ๆ”ไป๋เล่อพึมพำแผ่วเบา ดวงหน้านวลสะท้อนความเวทนาปนเสียดายเพราะนางรู้ดี นับจากวันนี้เป็นต้นไป แม้เผยกู้หยางจะไม่เอ่ยห้าม ไม่เคยตำหนิในสิ่งที่นางทำแต่ความเป็น “ซินอ๋อง” ที่ประทับตราบนตัวเขา…ย่อมหมายถึงพันธนาการที่พัวพันมาถึงนางด้วยนางยกมือแตะแก้มที่เย็นชืดเบา ๆแววตาเจือความขื่นขมและยอมรับในชะตา“ต่อจากนี้…ข้าคงจะทำตามใจเช่นเดิมไม่ได้แล้วจริง ๆ”อาเหมยลอบถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง แต่ก็แฝงความเป็นห่วงอย่างจริงใจ“วันนี้…หากท่านพอมีแรง ข้
ตอนที่ 108 การยอมรับช้าวันถัดมาแสงแรกยังไม่ทันส่องเต็มลานหิน ข่าวใหญ่ก็แพร่สะพัดราวไฟลามป่าไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็วข่าวลือที่ว่ากลายเป็นความจริงผู้คนไม่จำเป็นต้องคาดเดาอีกต่อไปเพราะราชสำนักส่งราชทูตถือผืนแพรแดงปักลายมังกรทองมาถึงหน้าจวนแม่ทัพเผย ตั้งแต่รุ่งสางเสียงประกาศราชโองการดังขึ้นชัดถ้อยชัดคำสะท้อนก้องไปทั่วตรอกซอกซอยที่ยังไม่ทันตื่นเต็มที่ราชทูตยกผืนแพรขึ้นเหนือศีรษะ อ่านด้วยน้ำเสียงดังกังวาน“โดยพระราชประสงค์แห่งฮ่องเต้ กู้เสียนหรง ทรงมีพระราชดำริให้โอรสผู้กำเนิดจากสายเลือดแท้ ผู้ถูกเลี้ยงดูนอกวังด้วยเหตุแห่งความจำเป็นในอดีต คือ เผยกู้หยาง ได้รับการแต่งตั้งเป็น ‘ซินอ๋อง’“ด้วยตำแหน่งอ๋องที่ตั้งขึ้นใหม่ทรงแต่งตั้งอันไป๋เล่อ ให้ดำรงตำแหน่งพระชายาเอกแห่งซินอ๋องและแต่งตั้งหวังเจียงจิงให้ดำรงตำแหน่งชายารองแห่งซินอ๋องให้ทั้งสองดูแลกิจการในตำหนักซินอ๋องตามระเบียบราชสำนักและเป็นเกียรติแก่ตระกูลของทั้งสองสืบไป”ขันทีหลวงเอ่ยราชโองการจนสิ้นทุกถ้อยคำ ก่อนจะยื่นม้วนผ้าไหมสีทองให้เผยกู้หยางก็ก้าวออกมารับด้วยท่วงท่าสงบนิ่งเมื่อเขาประคองราชโองการไว้ในมือ ขันทีก็ผ่อนลมหายใจเบา ๆ
ตอนที่ 107 จบลงเช่นนั้นเผยกู้หยางยกมือเรียกเปาอันเสียงต่ำ“ไปนำพิณของข้ามา”ไม่นาน พิณไม้แกะลายงามก็ถูกนำมาวางลงเบื้องหน้า เขาลูบคันพิณเบา ๆ ก่อนจะนั่งลงยืดหลังสง่างามสายพิณถูกรั้ง รัวแผ่วเป็นท่วงทำนองแรกเสียงพิณใสราวหยาดน้ำแข็งละลายแตะลงบนอากาศเงียบงันอย่างนุ่มนวลไป๋เล่อที่กำลังผสมสุราอยู่ถึงกับหยุดชั่วครู่ราวกับทุกหยดเสียงกำลังแตะลงกลางห้วงใจนางนางสูดลมหายใจแผ่ว ๆ “ท่านเล่นได้งดงามยิ่งนัก”เผยกู้หยางปรายตามองนางคล้ายจะยิ้ม แต่ยังไม่เอื้อนเอ่ยท่วงทำนองยังคงไหลพลิ้ว ไม่รีบร้อน ไม่ช้าเกินไปไป๋เล่อลงมือชงสุราต่อเนื่องมือเรียวขาวขยับคล่องแคล่ว บดดอกเหมยในถ้วยรินสุรา หยดน้ำผึ้งเพียงปลายช้อนแล้วใช้ข้อมือหมุนถ้วยเบา ๆ ให้ของเหลวผสมเข้ากันเสียงสายพิณพลันเปลี่ยนจังหวะดึงยาว ลึก และกังวานคล้ายจะตอบรับจังหวะการเคลื่อนไหวของนางโดยไม่ได้นัดหมายไป๋เล่อหัวเราะแผ่ว มุ่นคิ้วในท่าทีหยอกล้อความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมผุดวาบขึ้นมาเหมือนม่านบางที่ถูกเปิดออก เพลงพิณของเขาผสานกับฤทธิ์สุรายิ่งพาให้ร่างกายเบาไร้น้ำหนักนางลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปกลางลานเรือนที่ถูกแสงตะเกียงแตะวาบชายกระโปรงพลิ
ตอนที่ 106 รักษาแผลใจไป๋เล่อเห็นชายหนุ่มเงียบงัน ดวงตานิ่งลึกจนยากจะอ่านความคิดนางจึงลดน้ำเสียงลงให้อ่อนโยน ราวกับจะปลอบประโลมบางสิ่งที่เขาไม่เอ่ยออกมา “เหยาเอ๋อร์เป็นเด็กดี…ทำสิ่งใดก็มักคำนึงถึงผู้อื่นก่อนเสมอ เมื่อเติบโตขึ้น เขาจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด”นางเอ่ยเบา ๆ คล้ายลมพัดผ่านปลายผม “ทั้งความลำบากใจของท่าน และของนางผู้นั้นที่จากไป...ข้าเชื่อ..เขาจะไม่กล่าวโทษใครทั้งนั้น”เผยกู้หยางเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ขยับปลายนิ้วเล็กน้อย เดินตรงไปยังโต๊ะเตี้ยด้านข้าง แล้วนั่งลงอย่างเงียบสงบ เปาอันรีบก้าวเข้ามา วางไหสุราขนาดใหญ่สองสามไหไว้ตรงหน้าเจ้านาย ก่อนค้อมศีรษะถอยไป เผยกู้หยางยกไหหนึ่งขึ้น แค่ยกก็ได้กลิ่นแรงทะลุฝาเขาเอ่ยเสียงต่ำทุ้ม กลิ่นเย็นของความนิ่งสงบแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น“เห็นว่าเจ้าต้องการสุราแรง ๆ… ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าจะเอาไปทำสิ่งใด แต่ข้าก็ให้คนไปหาไว้ไม่น้อย”ไป๋เล่อหลุบตาลงเล็กน้อยเหลือบมองไหสุราหลายใบที่วางเรียงอยู่ตรงมุมโต๊ะ การเปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหันของเขาทำให้นางอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้เสียงหัวเราะนั้นอ่อนนุ่มดุจสายลมเฉียดผ่านกลีบดอกไม้ ทำให้บรรยากาศภายในเรือนอ
ตอนที่ 105 ลำบากใจเผยซ่งเหยาเดินเข้ามาหาไป๋เล่ออย่างช้า ๆ ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าโดยไม่ลังเล ท่วงท่านั้นเต็มไปด้วยความหนักแน่นเกินกว่าวัย ดวงตากลมใสจ้องมองมารดาอย่างลึกซึ้งจนไป๋เล่อใจสั่นวูบเสียงของเขาแผ่วเบา แต่ชัดเจนดุจคมมีด“เมื่อก่อน…ข้าดีใจมากเหลือเกินที่มีท่านแม่อยู่กับข้า ความยินดีนั้นบดบังความผิดแปลกหลายอย่างที่ข้าควรสังเกต”เขาหยุดหายใจสั้น ๆ ราวกับกำลังข่มใจ “ข้าเฝ้ามองท่านแม่มาตั้งแต่ข้ายังเล็กที่สุด…การพูด การเดิน สีหน้าท่าทาง ทุกอย่างของท่าน ข้าล้วนจำได้ขึ้นใจ”แววตาของเด็กชายสั่นวูบหนึ่ง แต่ยังไม่ละไป“และนับวัน…ท่านก็ยิ่งไม่เหมือนเดิม”ไป๋เล่อสะอึก หัวใจเต้นแรงจนเจ็บหน้าอกซ่งเหยาเม้มปากก่อนเอ่ยต่อ“เดิมที ข้าคิดว่าข้าคิดมากเกินไป แต่ทุกครั้งที่ข้ามองท่านแม่ ข้า…กลับยิ่งแน่ใจว่าอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป”สายลมเย็นพัดเข้ามาทางหน้าต่าง พาให้ม่านไหวเบา ๆ แต่ความเงียบภายในเรือนกลับหนักอึ้งจนอึดอัดจนกระทั่งซ่งเหยาเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ความสงสัยทั้งหมด…ถูกยืนยันในวันที่ข้าเห็นพวกนักพรตทำพิธีส่งวิญญาณที่เรือนไผ่แห่งนั้น”ไป๋เล่อหลับตาเพียงเสี้ยวอึดใจ ก่อนเอ่ยออ
ตอนที่ 104 ส่งวิญญาณเจียงจิงก้าวขึ้นรถม้าได้ไม่นาน อาเหลียนก็รีบตามขึ้นมานั่งเคียงข้าง ใบหน้าซีดเล็กน้อยด้วยความกังวล ก่อนเอ่ยถามเสียงเบาแต่สั่นเครือ“ฮูหยินรอง…เรื่องนี้เชื่อถือได้หรือเจ้าคะ?”คำถามนั้นทำให้บรรยากาศภายในรถม้าสะท้อนความตึงเครียดทันทีเจียงจิงหันไปมองสาวใช้อย่างจริงจัง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งตำหนิ“ที่ก่อนหน้านี้นางไม่พูด ก็เพราะยังไม่มั่นใจในข่าว หากข้าไม่ถามด้วยตนเอง นางก็คงไม่กล้าเอ่ยปากส่งเดช เจ้าอย่าได้แคลงใจไป๋เล่อเด็ดขาด”อาเหลียนสะดุ้ง รีบก้มศีรษะลงแทบจะชิดตักของตนเอง“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ! บ่าวมิได้ตั้งใจหมิ่นน้ำใจฮูหยินใหญ่ บ่าวเพียงแต่…กังวล เพราะเรื่องนี้มันช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปจริง ๆ”เจียงจิงถอนหายใจเบา ๆ ราวกับเพิ่งระงับความสั่นไหวในอกได้เล็กน้อย นางรู้ดีว่าอาเหลียนหาได้คิดร้าย เพียงแต่ตกใจกับความจริงที่เหนือความคาดหมายไปไกล“ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ไป๋เล่อ…ถึงแม้เรื่องนี้จะผิดพลาดขึ้นมาสักประการ นางก็ไม่มีวันคิดร้ายต่อข้าเด็ดขาด”นางหยุดไปชั่วครู่ ก่อนเอ่ยประโยคที่แฝงรอยยิ้มบางในน้ำเสียง“อีกอย่าง หากพูดถึงเรื่องเหลือเชื่อ…สำหรับไป๋เล่อแล







