LOGIN...นี่แหละค่ะ ความเป็นมาของหนู หนูชื่ออัญมณี วัฒนา หรือเรียกสั้นๆว่า อัญหรือหนูอัญก็ได้ค่ะ ชื่อนี้คุณปู่เป็นคนตั้งให้หนู เพราะสำหรับท่านหนูมีค่าดั่งอัญมณี แม้หนูจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากความเกลียดชังและไม่ตั้งใจของคนที่เป็นพ่อและแม่แท้ๆก็ตาม ถ้าเรื่องของหนูเป็นนิยาย ป่านนี้ในบ้านหลังนี้ก็จะต้องมีครอบครัววัฒนาอาศัยอยู่กันอย่างมีความสุขทั้งห้าชีวิต นั่นก็คือ คุณปู่ คุณยาย คุณพ่อ คุณแม่ และหนู แบบนั้นเรียกว่าจบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ่ง พ่อกับแม่ที่ทะเลาะเบาะแว้งก็จะต้องกลับมารักกันพรอตเรื่องนิยายที่หนูเคยอ่านมันเป็นแบบนี้ แต่เผอิญเรื่องมันไม่ได้เป็นแบบนั้นนะสิค่ะ สิบเก้าปีของหนูในบ้านวัฒนา กลับมีเพียงคุณปู่ คุณยายและหนูแค่นั้นค่ะ...เรื่องราวต่อจากนี้ต่างหากค่ะที่เป็นสาระ มันเป็นเรื่องของหนูค่ะ
หนูขอแนะนำตัวอีกครั้งนะคะ หนูชื่ออัญมณี อายุครบสิบเก้าปีแล้ว หนูเกิดในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา การจัดงานฉลองวันเกิดในวันนั้นของหนูยิ่งใหญ่มากๆ คุณปู่จัดงานให้อย่างสมฐานะของหนู หนูมีคุณปู่ที่ร่ำรวยมาก และท่านก็รักและตามใจหนูทุกๆอย่าง หนูเติบโตมาบนกองเงินกองทอง เสพสุขได้อย่างเต็มที่ตลอดสิบเก้าปี และในคืนนี้หนูกำลังแต่งตัวอย่างสวยงาม ไปร่วมงานวันเกิดเพื่อนในกลุ่มที่ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา
“เสร็จแล้วค่ะคุณหนู” พี่เลี้ยงคนที่สองในชีวิตของหนูเอ่ยบอก เมื่อเธอค่อยๆลอกสติ๊กเกอร์แทททูลวดลายผีเสื้อที่ไม่ซ้ำใครที่ไหล่ด้านหลัง “ลายแปลกดีนะคะ”
“แน่นอนค่ะ เป็นแทททูที่สั่งทำพิเศษค่ะ เป็นไงค่ะหนูดูเป็นไงคะ”
“น่ารักมากค่ะ” พี่เลี้ยงเอ่ยออกมาด้วยความจริงใจ ชุดเกาะอกสีม่วง
คาดทองกระโปรงฟูยาวแค่เข่า สีของชุดเข้ากับสีของแทททูมากๆ เธอเหมือนผีเสื้อจริงๆ “ว่าแต่คุณท่านจะไม่ว่าเหรอคะ มันดูจะโป้นิดๆในสายตาของคุณท่าน”
“หนูจะใช้ผ้าคลุมไหล่ค่ะ” อัญมณีพูดพร้อมกับหยิบผ้าคลุมไหล่สีทองมาคลุมไว้ “เป็นไงคะ”
“โอเคค่ะ”
รถคันหรูค่อยๆชะลอเพื่อเข้าที่จอด เบาะหลังมีหญิงสาววัยสิบเก้าปีนั่งเคียงข้างมากับตุ๊กตาหมีไซด์ขนาดเกือบเท่าตัวเธอเลยก็ว่าได้มันคือของขวัญวันเกิดสำหรับเพื่อนสาวที่อัญมณีเตรียมมาให้
“เชิญครับคุณหนู” คนขับรถเดินลงมาเปิดประตูรถฝั่งที่เธอนั่ง ให้อย่างนอบน้อม ก็อย่างที่บอกหนูนะเสพสุขบนความมั่งคั่ง ความร่ำรวยนี้ หนูคงต้องขอขอบคุณคุณย่าที่หนูรู้จักแต่เพียงในรูป ทำไมนะเหรอ ก็ลองคิดดูว่าถ้าคุณย่าไม่เสีย หนูจะมีโอกาสได้เกิดมามั้ย แม้หนูจะไม่รู้จักท่านแต่หนูก็กราบไหว้ท่านทุกวันด้วยความสำนึกในบุญคุณอย่างมหาศาล
เมื่อก่อนครอบครัววัฒนาไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลย ก็แค่พอมีพอกิน เท่าที่หนูทราบคุณปู่คุณย่าเริ่มต้นจากการเป็นนายหน้าขายที่ดินที่ต้องขยันมาก เงินต่อเงิน จากเป็นนายหน้าพวกท่านก็ข้ามขั้นมาเป็นเจ้าของที่ดิน เจ้าของห้องเช่า เจ้าของคอนโด เจ้าของตลาด และพวกท่านก็เปิดให้เช่าทุกอย่างจนเปลี่ยนฐานะจากที่แค่มีกินเป็นร่ำรวยเหลือกินเหลือใช้ และมันก็ส่งต่อมายังเธอที่เป็นหลานแท้ๆของคุณปู่ มรดกครึ่งหนึ่งของคุณปู่ท่านบอกว่าเป็นของหนู เพราะอีกครึ่งหนึ่งพ่อของหนูได้มันไปแล้วนั่นเอง เป็นไงละคะสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น ตอนนี้สิ่งมีชีวิตนี้กลายเป็นเศรษฐีนีอย่างช่วยไม่ได้
“เชิญครับ” พนักงานของร้านกล่าวเชิญหนูอัญ หลังจากที่เธอโชว์แทททูสำหรับเข้างาน อ่อ! หนูลืมบอกค่ะ แทททูนี้เป็นแบบที่สั่งทำพิเศษ ของหนูเป็นลายผีเสื้อ ลายแบบหนูมีสมาชิกอีกสองสามคนที่เหมือนกัน มันก็เหมือนบัตรเชิญ แล้วแต่ว่าใครจะเอามันไปแปะไว้ตรงไหนของร่างกาย แต่จะเข้างานได้ต้องเป็นคนที่มีมันเท่านั้น
“ยายอัญ! ช้าจังเลยนะย๊ะ” เฟิร์น เจ้าของงานในคืนนี้เดินเข้ามาหาหนูอัญทันที เราสองคนสนิทกันมาก ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะเรารวยพอๆกันก็ได้
“สุขสันต์วันเกิดจ๊ะ” ฉันโอบกอดเธอไว้ และขยับให้เฟิร์นเห็นของขวัญที่คนขับรถแบกมันอยู่ตอนนี้
“ว้าวววว!!!!” เฟิร์นตื่นเต้นกับของขวัญที่หนูอัญเตรียมมา เธอนำทางให้หนูอัญและคนขับรถไปยังโต๊ะที่วางของขวัญ พนักงานของร้านต้องกางโต๊ะเพิ่มอีกหนึ่งตัวเพื่อวางของขวัญชิ้นนี้ของหนูอัญ มันใหญ่โดดเด่นกว่าของใครทุกคน และเป็นไปอย่างที่คาด หนูอัญเป็นที่สนใจของเพื่อนๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
อ๊ะ! มาถึงตรงนี้คงคิดว่าหนูเป็นพวกชอบโอ่ ชอบอวด หรืออยากเป็นคนที่น่าสนใจใช่มั้ยคะ ซึ่งอย่างหลังอาจจะเกิดขึ้นในชีวิตหนูจริงๆ ที่เป็นจุดที่น่าสนใจแต่นั่นมันช่วยไม่ได้ สิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดมาอย่างหนูดันเกิดมาด้วยน้ำเชื้อที่ดีของพ่อและแม่ หนูจึงจัดเป็นความสวยงามและความน่ารักดึงดูดผู้คนที่พบเห็นอย่างช่วยไม่ได้ มาถึงตอนนี้คงไม่มีใครคิดว่าหนูคือเด็กที่โชคร้ายแล้วใช่มั้ยคะ ใช่ค่ะ! หนูก็ไม่เคยคิดว่าการที่หนูไม่มีพ่อกับแม่หนูจะโชคร้าย เพราะฉะนั้นในทุกๆวันที่ผ่านไปของชีวิต บอกได้เลยว่า หนูมีความสุขสุดๆ หนูไม่มีความอิจฉาริษยาใคร หนูมีเพื่อนๆมากมายเพราะหนูไม่ได้ถือว่าตนรวยและสวยแล้วต้องหยิ่งหรือต้องเลือกคบเพื่อน หนูคบเพื่อนทุกชนชั้น รวย รวยมาก ปานกลาง จน จนมาก คนเหล่านั้นแหละที่เป็นเพื่อนของหนูค่ะ
“น้อยไปสิ! เด็กอะไรไม่รู้เลยเหรอไงว่าเล่นอยู่กับอะไร ตอนนั้นถ้าฉันโมโหจนฆ่าหนูอัญทิ้งเสียจะเป็นยังไง” “ไม่รู้สิ! ชอว์คิดออกเหรอ” ชอว์ทำท่าครุ่นคิดสักแป็บและก็ส่ายหน้าไปมา ใช่เขาและเธอด้วยไม่มีทางคิดเรื่องแบบนั้นออกหรอกเพราะมันไม่มีทางเกิดขึ้น “ชอว์...หายโกรธเค้าแล้วใช่มั้ย” “โกรธ!...โกรธ ผมไม่เคยโกรธ” หนูอัญหน้ามู้ทันที ไม่โกรธได้ไง ก็ฉันอย่างงั้นฉันอย่างงี้อยู่แท้ๆ นานแล้วที่เธอไม่ได้ยินชอว์แทนตัวเองกับเธอแบบนี้ แปดเก้าเดือนมานี่เขาสุภาพและหวานหยดย้อยกับเธอจนน้ำตาลยังต้องเรียกพี่เลย นี่น่าจะเป็นการโกรธหรือน้อยใจขั้นรุนแรงเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้หลังจากที่เขาและเธอแต่งงานเป็นสามีภรรยากันถูกต้องแล้ว หมับ! วงแขนเล็กโอบรัดแน่นมากขึ้นและเธอก็ออกแรงดึงให้ใบหน้าชอว์เข้ามาใกล้ใบหน้าเธอ และปากอิ่มหวานก็ทำท่าจะจูบเขา แต่ชอว์ก็ฝ
ตามรายละเอียดข้างต้นที่เค้ากล่าวมาอ่านแล้วดูดีมากๆเลย ก็มันเป็นเรื่องราวดีๆ แต่ทำไมวันนี้เธอต้องมายืนตะเบงเสียงเรียกเขา เรียกอีกเรียกแล้วเขาก็เหมือนจะหูหนวก ตาบอด อย่างตั้งใจไม่ได้ยินเสียงเธอและไม่เห็นเธอ มันมากเกินไปแล้ว เธอไม่เห็นหน้าเขามาเกือบสัปดาห์แล้วสองสามวันแรกเธอก็ไม่ทันได้รู้สึกอะไร แต่พอผ่านไปสามวันก็รู้สึกแปลกๆ ว่าจู่ๆชอว์ก็ไม่กลับมานอน ไม่ได้ทานอาหารด้วยกัน จนผ่านไปอีกหลายวันเธอก็รู้สึกว่ามันผิดปกติไป วันนี้เธอจึงมาหาเขากว่าจะหาเจอว่าเขาอยู่ที่ไหน ห้องทรงอักษรของท่านคารามาส ชอว์ทำงานในนี้ นอนที่นี่ ทำไมเขาไม่กลับไปหาเธอละ “เธอเป็นใคร?” !???? นั่นไงประโยคแรกจากคนรักที่รักกันปานจะกลืนกินหลังจากไม่เจอกันนานเกือบสัปดาห์ แน่ๆเลย เธอถูกเขางอนใส่ และหนักมากด้วย แล้วเธอต้องตอบคำถามนั้นมั้ยนะ... 
เฮ่อ เฮ่อ เฮ่อ เสียงครางปนหอบของร่างบาง ดังกระเซ่าไม่หยุด โอ้วววว ชอว์คำรามออกมาอย่างสุขใจ เขาไม่รู้ว่าชาตินี้เขาจะอิ่มกับเรื่องแบบนี้กับเธอคนนี้เหรอไม่ ถ้าชาตินี้เขาไม่พอไม่อิ่มก็หวังว่าชาติหน้าเขาจะติดตามหาเธอจนเจอและเอาเธอมาเป็นของเขาต่อ กรี๊ดดดด หนูอัญกรีดร้องออกมาอย่างมีความสุข แม้ร่างกายจะบอบช้ำอ่อนล้าจากเซ็กส์หลายชั่วโมงของผู้ชายที่หื่นเป็นเทพ เธอก็เต็มใจ ไม่ใช่เพียงแค่ครั้งนี้ แต่ตลอดชีวิตที่เหลือของเธอ อื้ม อื้ม กึก กึก กึ กึก กึ เสียงลมหายใจร้อนที่เป่าลดต้นคอของเขา ขณะที่ช่วงขายาวกำลังก้าวย่างอย่างช้าๆแต่มั่นคงไปเรื่อยๆตามริมชายหาด “สวยจังเลยนะคะ” หนูอัญวางศีรษะนาบบนไหล่ด้านหลังของชอว์ สายตามองทอดยาวออกไปไกลยังผืนท้องน้ำทะเลที่ค่อยๆเปลี่ยนสี ตอนนี้เธอกับชอว
“ชอว์! คุณทำเค้าไปไม่ถูกเลย...แต่เค้าชอบนะคะ ชอว์แบบไหนก็ได้เค้ารักหมดใจ แค่เป็นชอว์ที่ไม่มีสายตามองผู้หญิงคนไหนอีกต่อไปแล้วเท่านั้น...” ชอว์ยิ้มตอบกลับให้เธอ หนูอัญเดินตามการจูงของเขา เขาพาเธอเดินผ่านเตียงนอนขนาดใหญ่ไปอีกด้านของประตูทางออก ฟิ้ววววว ลมทะเล เสียงคลื่นซัดสาดกระทบโขดหิน ผืนท้องน้ำ ชอว์หันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ เขาล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋า หนูอัญยิ้มออกมา กำไลประจำตำแหน่งของเธอเขาจับแขนเธอและสวมมันกลับคืนเข้าไป เขายังไม่ปล่อยมือเธอ เขาล้วงกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง คราวนี้ในมือเขามันคือแหวน ชอว์คุกเข่า เขาไม่เอ่ยอะไรแต่เขาค่อยๆสวมแหวนวงนั้นเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้าย จุ๊บ เขาจุมพิตที่แหวน จุ๊บ เขาจุมพิตที่นิ้วนางข้างนั้น จุ๊บ เขาจุมพิตที่หลังมือเธอ “พระชายาของผม” หนูอัญยิ้มออกมาอย่างสุขใจ พรึ่บ! เธอคุกเข่าลงต่อหน้าเขา สองมือเล็กกอบกุมใ
ชีวิตความยิ่งใหญ่ในวงการมืดของผมเริ่มต้นนับจากวันนั้น ความรักที่พวกเขามีต่อผม ผมเอามาสร้างประโยชน์ต่อเส้นทางมืดดำของผม เพราะผมไม่อยากได้เส้นทางสว่างอีกต่อไปแล้ว ผมเติบโตขึ้นเรื่อยๆในวงการมืด ผมรับงานฆ่าคนรวมถึงเปิดเผยจุดดำมืดของเหยื่อออกสู่สาธารณะชน แล้วแต่ทางผู้ว่าจ้างต้องการให้เหยื่อตายแบบไหน ตายเงียบๆ หรือตายแบบเป็นอุบัติเหตุ หรือตายแบบฆ่าตัวตาย แบบไหนผมจัดให้ได้หมด ผลงานอายุการทำงานสร้างชื่อเสียงให้กับผมไม่น้อย แม้ผมจะเริ่มจากทำงานคนเดียวแต่ชื่อเสียงขอผมมากขึ้นกว้างขวางขึ้น ผมต้องมีลูกน้อง คนแรกเขาชื่อแอล และคนต่อๆมาก็เกิดขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ผมต้องมีผู้คุ้มกัน ใครๆก็บอกว่าผมเป็นมาเฟีย แต่เหล่าพวกลูกน้องบอกว่าผมไม่ใช่มนุษย์ แล้วเป็นอะไรละตอนนั้นผมถามพวกเขา พวกเขาบอกว่าผมเป็นอสูร ยิ่งวิถีการใช้ชีวิตของผมที่มักจะนอนตอนกลางวันและออกล่าตอนกลางคืน แบบนี้มันวิถีอสูรชัดๆร่างกำยำในชุดสีเข้มเนี๊ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า บดบังดวงตาสีเทาเข้มด้วยแว่นตากันแดดแบรนด์ดัง คนระดับอย่างชอว์หากไม่สวมชุดประจำชาติเสื้อผ้าเข้าของเครื่องใช้ของเขาก็เป็นแบรนด์ดังทั้งนั้น ยิ่งขับให้เข
“ลูกแม่! ลูกต้องหนีไป” แม่พูดอย่างรวดเร็วแม่เก็บเสื้อผ้าของผมได้เท่าที่หยิบได้ในเวลาอันสั้น แม่ยัดมันใส่ไปในเป้ “เอาเงินนี่ติดตัวไว้ และรีบไปเร็ว อย่ากลับมาหาแม่ อย่ากลับมาที่นี่อีกเป็นอันขาด” ประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยินจากแม่คือ “แม่รักลูก...ลาก่อน สเปนส์ลูกรักของแม่” และแม่ก็พลักผมออกจากห้องเช่า สติของผมกลับเมื่อลมเย็นปะทะใบหน้า ตอนนั้นผมจำต้องวิ่ง ผมวิ่งเอาตัวรอดอีกครั้ง ผมวิ่ง วิ่ง วิ่งไม่หยุด ผมไม่รู้ว่าผมวิ่งไปทิศทางใด แต่กว่าผมจะหยุดวิ่งผมก็เกือบจะขาดใจเพราะความเหนื่อยเกินขีดจำกัดของร่างกาย หลังจากนั้นผมก็ซ่อนตัวตามแหล่งชุมชนคนพเนจร ผมเดินทางด้วยเท้าบ้างด้วยรถประจำทางบ้างไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หิวก็กิน ค่ำไหนก็นอนนั้น ชีวิตผมเป็นแบบนี้อยู่ครึ่งเดือน จนข่าวเรื่องแม่หายไปจากหน้าจอทีวี ตอนนั้นแม่บอกว่าเธอฆ่าสามีเธอเอง หลักฐานทุกอย่างก็ชี้ชัดไปในทิศทางแบบนั้น เพราะหน้าตาบอบช้ำจากการถูกทำร้าย ซึ่งก็สมเหตุสมผล เรื่องเกี่ยวกับผมไม่ได้เป็นประเด็นมาก แม่คงบอกกับตำรวจไปว่าไม่รู้ว่าผมไปไหน แม่คงมีวิธีพูดให้ทางเจ้าหน้







