“ลุง ลุง” หนูอัญเอ่ยเรียกคนขับรถที่เอนหลังพิงหลับอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ รถที่จอดอยู่
“คุณหนู กลับกันเหรอยังครับ”
“กลับค่ะ กลับเดี๋ยวนี้เลย” หนูอัญเปิดประตูด้วยตัวเองและก้าวขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว
ตึก ตัก ตึก ตัก หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอรู้แต่ว่ามันแรงมากจนแทบจะทะลุอกมาได้ทุกเมื่อ หนูอัญโน้มตัวลงต่ำจนแทบจะนอนราบไปบนเบาะหลัง สำหรับคนขับรถคงคิดได้ว่าเธอคงเหนื่อยจากการไปวาดลวดลายเต้นรำกับเพื่อนๆมาเท่านั้น
เมื่อกี้ถ้าเธอไม่บอกกำแพงมีชีวิตไปว่า แฟนเก่าตามราวี มีเหรอว่าเขาจะยอมให้เธอเอาตัวมาบดบังขวางกั้นสายตาพวกฆาตกรที่ตามมาเก็บงาน...เมื่อรถเข้าสู่ถนนหลัก เธอค่อยๆขยับตัวขึ้นมานั่ง สายตามองทอดออกไปนอกหน้าต่าง เธอหาได้ชมวิวหลังเที่ยงคืนไม่และเธอก็หาได้มองหาคนพวกนั้นไม่ เธอก็แค่อยากมองให้ชัดๆว่า เธอยังมีชีวิตอยู่และยังเป็นอิสระ ภาพตรงหน้าคือของจริง
“ลืมๆ ลืมๆ” จู่ๆ เธอก็ตะโกนออกมาเสียงคับก้องในรถ เมื่อจู่ๆ กระจกก็สะท้อนดวงตาสองคู่ คู่หนึ่งของคนที่เหลือแต่ร่าง อีกคู่หนึ่งของอสูรในร่างคน หน้าเธอเปลี่ยนไปทันทีเหมือนคนกำลังใกล้ตาย “เอ่อ! ไม่มีไรค่ะ” เมื่อนึกได้ว่าไม่ได้อยู่ตามลำพัง
เธอออกมาโดยที่ไม่ได้บอกเพื่อน แต่ก็ช่างเถอะ! พวกเธอก็ไม่ได้ถือสาหาความอะไรกับเรื่องแค่นี้ พรืดดดดด ลมเย็นในรถทำให้หนูอัญยกมือกอดตัวเองทันที เธอทิ้งผ้าคลุมไหล่ไว้ ของแบบนั้นคงไม่ทำให้เขาตามหาเธอเจอหรอกนะ แม้มันจะเป็นของแบรด์เนมแต่ก็มีขายทั่วไป ไม่ใช่ลายเฉพาะอะไรนักหนา กลิ่นน้ำหอมก็ด้วยแม้จะของแพงแต่ก็มีขายทั่วไปเหมือนกัน เขาหาเธอไม่เจอจากหลักฐานแค่นั้นหรอกน่า หนูอัญคิดเข้าข้างตัวเองอย่างมีหลักการความเป็นไปได้ เพราะเธอจะหายเข้ากลีบเมฆไปได้แน่นอนจากเขาคนนั้น อีกไม่นานเขาจะลืม เพราะเธอก็แค่เด็กสาววัยสิบเก้าเท่านั้น ความกล้าหาญที่จะไปแจ้งความเธอไม่มีเลยแม้แต่สักเปอร์เซ็นต์เดียว ‘อย่าตามมาหลอกมาหลอนหนูเลยนะคะ หนูก็แค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวหนูทำบุญตักบาตรไปให้แล้วกันนะคะ ไหนๆก็ตายไปแล้ว ส่วนคนที่รอดอยู่ก็โตแล้วหาวิธีเอาตัวรอดด้วยตัวเองแล้วกัน' สิ่งที่เธอคิดอยู่ในใจ
นัยน์ตาเหยี่ยวสีเข้มขึ้นตามอารมณ์ เมื่อลูกน้องสองคนกลับมาพร้อมกับความล้มเหลว
“ออกรถ” ไม่มีคำพูดต่อว่าต่อขาน แต่ลูกน้องสองคนก็ไม่กล้าสบตา ได้แต่ยืนก้มหน้าเหงื่อตกอย่างหวาดกลัว โดนด่า โดนถีบสักทีสองทียังดีกว่า เจ้านายเงียบแบบนี้ ปืนที่มีที่เก็บเสียงยังอยู่ในมือเจ้านาย และผ้าคลุมไหล่นั้นด้วย
เฮ้ยยยยย เสียงถอนหายใจดังออกมาพร้อมกัน เมื่อรถของเจ้านายค่อยๆขยับออกไป
ปึก ปึก อื้ม!!!! อื้ม!!!!! พึ่บ!!!! สองคนที่พึ่งถอนหายใจทรุดลงกับพื้นหญ้าทันที มือเกาะกุมต้นแขนที่มีเลือดซึมออกมา คนที่เหลือได้แต่ยืนมอง ทุกคนรู้ดีว่าเจ้านายไม่เคยปล่อยคนที่ทำงานพลาดลอยนวลไปได้ง่ายๆ สองคนนี้ดีแค่ไหนที่แค่กระสุนถากแขน
กระจกรถถูกเลื่อนปิด และห่างไปทันที คนที่นั่งเบาะหลังกำผ้าคลุมไหล่นั้นไว้แน่น ‘ไม่มีทางหนีฉันพ้น’ นอกจากผ้าคลุมไหล่แล้ว เบาะแสอีกอย่างคือรอยสักผีเสื้อที่ไหล่ด้านหลัง เขาหยิบกระดาษออกมาและร่างผีเสื้อตัวนั้นออกมาจากความทรงจำ รอยสักที่มีประกายสีทอง อีกสีน่าจะเป็นสีม่วงมันมืดเขาไม่แน่ใจแต่น่าจะสันนิษฐานจากชุดที่เธอสวมในคืนนี้เพราะมันเป็นสีม่วงคาดทอง สีทองจากประกายของรอยสักที่เข้าตาเขาและผ้าคลุมไหล่ ในที่สุดเขาก็ได้รูปผีเสื้อบนไหล่ด้านหลังของเธอ
รูปร่างปราดเปรียว ผิวขาว ผมยาวสีดำ ดวงตากลมโต รายละเอียดที่ชอว์เขียนไว้ด้านล่าง มันคือคุณลักษณะของเธอคนนั้น และบรรทัดสุดท้ายยี่ห้อน้ำหอม และแบรด์ผ้าพันคอ เธอมีฐานะดีทีเดียว ? เครื่องหมายคำถามที่อยู่ข้างหน้าประโยคคำว่า อายุ
กริ่งงงงงงง นาฬิกาปลุกร้องเตือน หกโมงครึ่ง หนูอัญลืมตาทันที เธอหลับไม่สนิทนักตั้งแต่กลับมาถึงบ้านตอนตีหนึ่งกว่าๆ แต่เช้านี้เธอตั้งใจแล้วว่าจะลงไปตักบาตรกับคุณยาย ท่านคงแปลกใจแน่ๆ
“ไม่สบายเหรอลูก” คุณยายตกใจจริงๆที่เห็นเธอลงมาตอนเจ็ดโมงนิดๆ
“หนูอยากใส่บาตรค่ะ” คุณยายตาโตมากขึ้นไปอีก แน่ละ!! ร้อยวันพันปีเธอทำเรื่องพวกนี้แบบนับครั้งได้เลย นิ้วมือของเธอเหลือเฟือที่จะนับจำนวนครั้งการตักบาตรตอนเช้าของเธอ
‘ส่วนบุญในวันนี้ฉันขออุทิศให้กับ.....’ หน้าหวานบูดบี้ เมื่อสมองมโนภาพดวงตาเบิกโพลงนั้น แต่ถ้าเธอไม่ดึงภาพนั้นมาก็กลัวว่าผลบุญจะไปไม่ถึง ก็เธอไม่ได้รู้จักชื่อเขานี่น่า เจอกันครั้งแรกก็ตอนที่เขาไม่มีลมหายใจแล้ว
อื้มมมมม อื้ม อาร์รรรร ณ เวลาเดียวกันแต่ต่างกันที่สถานที่และคน เมื่อคนที่เป็นสาเหตุให้หนูอัญต้องทำให้คนทั้งบ้านแตกตื่นที่เธอมาตักบาตรทำบุญอุทิศส่วนกุศลแต่เช้า เขากลับกำลังอุทิศแรงกายให้กับหญิงสาวงดงามนางหนึ่ง
ติ๊ง ต่อง ติ๊ง ต่อง กรี๊ดดดดด เสียงอ๊อดหน้าประตูจู่ๆ ก็ดังขึ้นมา หนูอัญกรีดร้องดังลั่นบ้านและเธอก็วิ่งขึ้นกลับเข้าห้องไปทันที ฮือออออ ฮือออออ ไม่เอา! หนูกลัวแล้ว หนูไม่อยากตาย หนูยังมีความสุขไม่พอเลย ฮือออออ ก็อก ก็อก ก็อก เสียงเคาะประตูห้องดังอีกครั้ง ฮืออออ ฮืออออ หนูอัญไม่รู้จะทำยังไงดีนอกจากร้องไห้ เสียงเคาะประตูด้านนอกไม่ได้ทำให้เธอสนใจมันเลยสักนิด เธออยากหายตัวได้จริงๆ เธอจะได้เสกตัวเองหายไปจากที่นี่ “หนูอัญ ลูก!” เสียงคุณยาย! “คุณยายขา...” หนูอัญออกมาจากใต้ผ้าห่ม และเข้ากอดเอวหนาของคุณยายที่รักไว้มั่น “เป็นอะไรไป บัวบอกว่าหนูร้องเสียงดังลั่นบ้า
“ท่านไม่เคยเห็นบุตรสาวของท่านเลยเหรอคะ” “ไม่!” มาตารีเงียบเสียงลงทันทีเมื่อแก้วตาไม่อธิบายเหตุผลใดๆ เธอก็ไม่กล้าเอ่ยถาม เธอจึงเปลี่ยนประเด็น “แล้วบุตรสาวท่านหญิงยินดีช่วยท่านเหรอคะ” แก้วตายิ้มอีกครั้ง “แน่นอนว่าไม่มีทาง” ห๊า! “ท่านหญิง ท่านทำดิฉันงงไปหมดแล้ว” “เวลาจะทำให้เจ้าได้รู้ เอาละถึงเวลาแล้ว เจ้าส่งที่อยู่เข้าเมลล์ได้แล้ว” มาตารีหยิบ MacBook ขึ้นมาทำตามคำสั่งทันที พึ่บ พั่บ พึ่บ พั่บ อัญมณีนอนพลิกตัวไปมา เธอนอนไม่หลับ สายตาเอาแต่จ้องนาฬิกาเข็มวินาทีเดินไม่หยุด แต่เข็มนาทีกำลังจะเลื่อนไปที่เที่ยงคืนตรงแล้ว โอ้ยยย! “ไม่สนหรอก!” หนูอ
ตึบ ตึบ ตึบ ตึบ นอกจากชอว์จะไม่ถนอมร่องสาวที่รัดเขาแน่นแล้ว เขายังจับสะโพกขาวไว้มั่นและอัดเรี่ยวแรงดั่งกับว่าเขากำลังซ้อมวัดกำลังหมัดกับกระสอบทรายอยู่ไม่ปาน อู้ยยยยย “นายท่าน...ขา หนูเจ็บ...” เสียงเว้าวอนขาดๆ ของออยดังขึ้น เธอกำลังออดอ้อนขอความเห็นใจจากชอว์ เขาเกลียดผู้หญิงมากนักหรือไงนะ สิ่งที่ออยคิดอยู่ ไม่ทันไรร่างกายสาวก็ร้อนดั่งไฟ เสียงหลากหลายในห้องแห่งนี้ไม่ได้เข้าหูชอว์เลย สายตาเขานิ่งเยือกเย็นเมื่อนึกถึงสิ่งที่แก้วตาบอก “ชอว์ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่คนเสียสัตย์ แต่ข้าต้องการความมั่นใจมากกว่าแค่คำสัตย์ของเจ้า อย่าว่าข้าเลย เจ้าก็ไม่ได้เสียหายอะไร ข้ามีหลักประกันให้เจ้าด้วย อย่างไรแล้วข้าก็เป็นแม่คนนะ บุตรสาวของข้าจะเป็นนาฬิกายืดเวลาให้ข้าเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมเธอจะนำของที่เจ้าต้องการมอบให้กับเจ้าด้วยมือ”&nb
เพราะเรื่องนี้เขาไม่รู้จริงๆ แล้วใครละที่กล้าหักหลังเขา คิดจะเป็นนกสองหัวอย่างงั้นเหรอ มันจะไม่ตายดีแน่!!!! หรือเพราะเขาทะนงตัวมากเกินไปว่าจะต้องไม่มีใครกล้า แต่เธอผูู้นี้เชื่อได้แค่ไหนกันเธออาจจะแกล้งแหย่กระตุกหนวดเสืออยู่ก็ได้ “ตกลง ผมจะตอบแทนพระคุณท่านปีดา แต่คุณรู้ใช่มั้ยว่าผมไม่อาจติดตามคุ้มครองคุณได้” “ไม่จำเป็น เรื่องนั้นข้ามีวิธีของข้า ข้าเพียงแค่ต้องการให้เจ้าถ่วงเวลาให้ข้าคลอดเด็กคนนี้ออกมาได้อย่างปลอดภัย” “ถ่วงเวลา?” “ใช่! ความจริงแล้วเด็กในท้องข้าไม่ใช่บุตรคนแรกของข้า ข้ามีบุตรมาก่อน ตอนนี้เธออายุน่าสักประมาณสิบเก้าแล้ว ข้ารู้ถ้าเจ้าสืบเสาะเรื่องของข้าต่อเจ้าก็จะเจอเธออีกไม่นาน ของที่เจ้าหาอยู่ อยู่กับเธอคนนี้ หรือจะให้ถูกต้องมีแต่เธอคนนี้
“รับปากยายแล้วนะ” “เจ้าค่ะ” หนูอัญรับปากแข็งขัน และเธอทั้งหอมทั้งกอดคุณยายที่เธอรักที่สุดและบอกรักไม่หยุด คุณยายจึงยอมกลับไปพักผ่อนอย่างสบายใจ อัญมณีมองกล่องสีชมพูที่คุณยายวางไว้บนเตียง ไหนๆเธอก็กำลังเซ็งๆและหวาดผวากับเรื่องอนาคตของตัวเอง เธอคิดว่าลองแกะดูเสียหน่อยก็ไม่เสียหายเผื่อสิ่งที่อยู่ในกล่องจะช่วยฆ่าเวลาให้เธอลืมเรื่องบ้าๆพวกนั้นไปบ้าง แคว่กกกกก ดวงตากลมโตเบิกขึ้น ด้านในมีเพียงซองจดหมายสีขาวพับไว้ ‘Secrets.0099@XXX.com’ และตามด้วยรหัสผ่าน “อะไรของเขาละเนี่ย” อัญมณีบ่นออกมา แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเธอจึงเปิดคอมพิวเตอร์ และเข้าเมลล์ตามนั้น กล่องขาเข้าและกล่องขาออกม
เอี๊ยดดดดด เสียงประตูที่ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่มานานดังขึ้นยามที่มันถูกผลักเบาๆ ภายในห้องมีโต๊ะยาวเหมือนโต๊ะประชุม หัวโต๊ะมีเก้าอี้ใหญ่พนักสูงซึ่งตอนนี้มันหันหลังให้กับประตู เขารู้ว่ามีคนนั่งอยู่ตรงนั้น เอี๊ยดดดดด เสียงประตูปิดลง พร้อมกับเจ้าของร้านที่ออกจากห้องไป ภายในห้องมีผู้หญิงอีกคนเธออายุไม่มากนัก แต่งกายด้วยชุดส่าหรีพร้อมผ้าคลุมหน้าสีเข้ม ดวงตาสีเทาหลี่มอง สมองอันปราดเปรื่องทำงานอย่างรวดเร็ว เพราะเขาเห็นเข็มกลัดบนแผ่นอกของผู้หญิงคนนั้น ควับ! เก้าอี้ค่อยๆ เลื่อนกลับมา มุมปากหยักกดลึกอย่างเย้ยหยัน เมื่อสิ่งที่คิดไว้ปรากฎอยู่ตรงหน้าจริงๆ ฮาฮาฮา ชอว์หัวเราะออกมาทันทีด้วยเสียงเย้ยหยัน “การมาเมืองไทยของผมครั้งนี้ คุณรู้หรือไม่” “แน่นอนว่าข้าต้องรู้”&nbs