LOGIN"จ่ายมา" คนขอทานกล่าว พร้อมกับแบมือไปข้างหน้า
"มันขอเงินอะ มึงจ่ายดิไอ้ดิ๊ก"
"ไม่ให้หรอก ไปกันเถอะ กูแค่ลองเล่นๆ โว้ย" ไอ้คนชื่อดิ๊กทำท่าจะโกงเสียดื้อๆ เด็กหนุ่มพากันหัวเราะ แล้วเดินหนี
เมฆาส่ายหน้าให้กับเด็กทุกวันนี้ เขาเดินตรงไปหยุดตรงหน้าขอทานคนดังกล่าว ล้วงเงินใบสีเทาออกมาแล้วหย่อนใส่ที่แก้วพลาสติก
"ระวังหน่อยนะ กลางคืนแบบนี้กลับบ้านไม่ดีกว่าหรือหนู"
ชายหนุ่มเดาว่าน่าจะเป็นเด็กสาวอายุไม่เท่าไหร่จากรูปร่างที่ผอมบางเหลือเกินนั่น เจ้าหล่อนเงยหน้ามามองเขา ดวงตาโตดำสนิทดูไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ เธอเอียงคอเล็กน้อยขณะที่ยังคงจับจ้องเขาอยู่
"เก็บเงินนั่นดีๆ ล่ะ ไปนะ" เมฆาไม่เสียเวลายืนอยู่ต่อไป ร่างสูงก้าวเดินไปตามทางเท้า ส่งข้อความไปหาฟ้าใสว่าเขามาถึงแล้ว จากนั้นก็พากันไปนั่งทานข้าวที่ร้านอาหารแถวนั้น
เมื่ออิ่มกันแล้วและพร้อมกลับบ้าน ก็พากันเดินข้ามถนนมายังที่จอดรถ แต่ขณะที่ข้าม ถุงของเล่นในมือน้องเอิร์ธดันขาด ทำให้ของหล่น เด็กชายจึงรีบปล่อยมือลุงแล้วหันหลังวิ่งกลับไปเพื่อจะเก็บ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่รถยนต์คันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็ว
"เฮ้ย เอิร์ธ!" เมฆาร้องตะโกนลั่น เขาเพิ่งรู้ว่าลูกปล่อยมือเพื่อจะวิ่งกลับไปทางเดิม ร่างสูงรีบกระโจนไปหาร่างหลานชาย แต่ก่อนจะถึงก็มีร่างหนึ่งกระโดดเข้ามาขวางหน้ารถเอาไว้ เสียงเบรกดังเอี๊ยดครูดกับผิวถนนพร้อมกับคนขับหักพวงมาลัยหลบ แต่หน้ารถก็ยังไปสะกิดร่างมอมแมมนั้นจนล้มหัวฟาดพื้น
"เอิร์ธเป็นไงมั่งลูก!" ฟ้าใสดึงลูกเข้ามากอดไว้แน่น ขณะที่เมฆาก็รีบวิ่งไปดูคนที่กระโดดเข้ามาขวางรถอย่างบ้าคลั่งก่อนจะชนเอิร์ธ ชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อเห็นว่าเป็นหญิงขอทานคนนั้นนั่นเอง
"หนู เป็นยังไงบ้าง" เมฆารีบประคองร่างผอมบางขึ้นมาอย่างไม่รังเกียจกลิ่นเหม็นสาบแต่อย่างใด ไม่มีเสียงตอบรับเพราะเจ้าหล่อนสลบ
"พวกคุณเป็นอะไรกันมากหรือเปล่าครับ ผมขอโทษครับ ไม่นึกว่าน้องจะวิ่งตัดหน้ารถ" คนขับรถรีบลงมาไถ่ถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เพราะก็คงตกใจไม่น้อยเหมือนกัน
"พี่เมฆ พาคนเจ็บส่งโรงพยาบาลก่อนเถอะ" ฟ้าใสเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรนเป็นห่วงคนเจ็บ ส่วนน้องเอิร์ธตอนนี้หน้าซีดและเกาะมือแม่แน่น
"โอเค ฟ้ารีบไปเอารถมานี่เร็ว" เมฆารีบอุ้มคนเจ็บขึ้น
"ไปรถผมดีกว่าครับ" ชายคนขับรถชนรีบอาสา เมฆาก็พยักหน้าไม่เรื่องมาก เพราะชีวิตคนสำคัญที่สุด และรถของเขาก็จอดอยู่ไกลพอสมควร
เมื่อคนเจ็บมาถึงโรงพยาบาล แพทย์ก็รีบตรวจอาการ ปรากฏว่าศีรษะแตกและแขนขาถลอกนิดหน่อยเท่านั้น คนขับรถคันนั้นบอกว่าจะซ่อมรถเองเพราะมีประกัน และขอโทษที่ขับรถประมาท ส่วนเมฆาก็ขอโทษที่ลูกวิ่งตัดหน้ารถแบบนั้น เมื่อต่างก็เข้าใจและตกลงกันได้ ชายคนนั้นก็ขอตัวกลับพร้อมให้นามบัตรเอาไว้
พอคนเจ็บฟื้นขึ้นมาก็กวาดตามองไปโดยรอบ เมฆารีบก้าวไปยืนข้างเตียงพร้อมกับฟ้าใสและลูก
"เจ็บมากหรือเปล่า" เขาถาม คนเจ็บก็ไม่ตอบแต่ยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากซึ่งเย็บห้าเข็มและมีผ้าสีขาวปิดแผลเอาไว้
พยาบาลเดินเข้ามาแจ้งว่าคนเจ็บสามารถกลับบ้านได้ถ้าต้องการ หรือจะนอนดูอาการสักคืนก็ได้
"กลับ..."
คนบนเตียงพูดเสียงแผ่วเบาออกมา ดวงตาเหม่อลอยเล็กน้อย เมฆาพยักหน้า
"โอเคได้สิ เดี๋ยวจะไปส่งเอง"
เมื่อออกมาที่หน้าโรงพยาบาลก็พากันขึ้นแท็กซี่ไปที่ตลาดนัดเพื่อเอารถก่อน
"คุณพักอยู่ที่ไหนคะ เดี๋ยวพวกเราจะไปส่งเอง"
ฟ้าใสเอ่ยถามคนที่นั่งนิ่งเงียบอยู่เบาะหน้าของรถพี่ชาย คิดว่าจะขับรถตามกันไปจนกว่าจะถึงบ้านหญิงท่าทางไม่ค่อยปกติคนนี้
"ไปทางนี้..." คนเจ็บชี้มือบอก
เมฆาพารถขับเข้าไปในซอยเรื่อยๆ มันเป็นซอยที่ค่อนข้างมืด หลังจากปากซอยเข้ามาประมาณหนึ่งกิโลเมตรก็เป็นตึกแถวและบ้านเก่าหลังคาสังกะสีผุๆ
"ตรงนี้..." เจ้าหล่อนบอกให้จอดข้างทาง เมฆาหยุดรถแล้วมองไปรอบๆ ไม่เห็นบ้าน แต่ลึกเข้าไปสักยี่สิบเมตรเป็นเหมือนบ้านร้างที่เอียงกะเท่เร่หลังเตี้ย
"หือ... ตรงนี้เหรอ"
"ค่ะ"
ยังไม่ทันที่เขาจะถามต่อ คนเจ็บก็เปิดประตูลงไป
"อ้อ มาแล้วเหรอยะ ไหนล่ะค่าเช่าที่ค้างอยู่น่ะ ถ้าแกไม่จ่าย คืนนี้ก็ไสหัวไปเลยนะนังขอทาน"
เสียงแจ๋นๆ ของหญิงวัยกลางคนร่างท้วมดังขึ้น เมฆาและฟ้าใสรีบลงจากรถ เห็นนางกำลังเท้าสะเอวชี้หน้าหญิงมอมแมมอยู่
"เขาติดค่าเช่าเท่าไหร่" เมฆาเป็นคนถามขึ้น เขามองแค่นี้ก็เดาเรื่องได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว
"สี่พัน ติดมาสองเดือนแล้ว สติมันไม่ดีคุณ นี่ก็อุตส่าห์สงสารให้อยู่ไปก่อนนะ แต่ฉันก็คนร้อนเงิน ต้องทำมาหาใช้หนี้เหมือนกัน บ้านนั่นมีคนรอเช่าอยู่ด้วย ถ้าไม่มีเงินก็ต้องออกไป"
"เอาเงินนี่ไป และเขาจะย้ายออกเลยนะป้า" เมฆาส่งเงินให้นางอย่างตัดบท แล้วหันไปมองคนที่ยืนซึมๆ อยู่
"ไปค่ะ เดี๋ยวฉันช่วยเก็บของเอง" ฟ้าใสเอ่ยกับคนเนื้อตัวสกปรกมอมแมมด้วยความสงสารจับใจ และก็ดีใจที่เมฆาคิดตรงกับเธอคืออยากช่วยผู้หญิงคนนี้
ประมาณสิบนาที ฟ้าใสก็เดินหิ้วกระเป๋าสีดำใบขนาดกลางออกมาพร้อมกับคนที่พวกเธอก็ยังไม่รู้จักชื่อ
"ไปที่บ้านเราก่อนไหมพี่เมฆ ดึกแล้วแบบนี้"
"ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น" เมฆาเห็นด้วยกับน้องสาว จากนั้นพวกเขาก็พาคนแปลกหน้าที่เหมือนมีสติไม่สมบูรณ์กลับไปยังบ้านริมน้ำ
ฟ้าใสพาไปในห้องรับรองแขก หาเสื้อผ้าสะอาดให้
"ชื่ออะไรคะ"
เมื่อสบโอกาสจึงเอ่ยถาม
"บ้า"
"ฮะ?"
"คนเรียก... เรียกเราว่า...บ้า..."
ฟ้าใสมองคนที่ตอบแบบกระท่อนกระแท่นเหมือนคนไม่สันทัดภาษาไทยนัก หรือไม่ก็สมองกระทบกระเทือนเลยพูดไม่ชัด แต่ท่าทางที่ยืนหลังตรงแลดูมีความไว้ตัว และดวงตาที่มีแววฉลาดนั่นทำให้ฟ้าใสยังไม่ตัดสิน เอาไว้วันพรุ่งนี้ค่อยสัมภาษณ์ดีกว่า ตอนนี้ควรให้เธอได้อาบน้ำให้สะอาดและกินข้าวให้อิ่มเสียก่อน
"ฟ้าจำผู้ชายคนหนึ่งที่ภูเก็ตได้ไหม ที่ร้านอาหารน่ะ ผู้ชายตัวสูงและใส่แว่น คนที่ฟ้าหันไปทีไรก็เห็นว่าเขามองฟ้าอยู่"เรนลองสะกิดความทรงจำให้เธอ ฟ้าใสก็นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเมื่อนึกออก"จำได้ค่ะ เพราะคุยกับเขานิดหนึ่งที่หน้าห้องน้ำ เอ๊ะ... อย่าบอกนะคะว่านั่นคือ...พี่"เรนพยักหน้า..."ใช่...พี่เอง ตอนนั้นพี่กำลังทำงานอยู่""โห...มีอีกมั้ยคะ" เธอถามออกไปอย่างทึ่งจัดและคาดไม่ถึง"ที่ฟ้าได้เจอก็มีแค่นี้แหละ" ส่วนที่ไม่เจอก็ไม่ต้องพูดถึง... มันเยอะมากจนนับไม่ถ้วน ฉายาสายลับพันหน้านั้นไม่เกินจริงหรอกเพลงจบลงพอดี เรนโอบเอวฟ้าใสเดินออกจากฟลอร์ เหลือบสายตาไปเห็นว่าร็อคกับราชาวดียังคงเต้นรำเพลงต่อไปไม่หยุด พี่ชายของเขาทำเหมือนไม่ได้เต้นรำกับเมียมาเป็นชาติอย่างนั้นแหละ เพราะตอนนี้มันทิ้งลูกๆ เอาไว้ที่โต๊ะให้ปู่กับย่าดูแลเฉย แต่จะว่ามันก็ไม่ได้เพราะเขาเองก็ปล่อยลูกๆ ไว้กับคุณตาคุณยายเหมือนกันเรนนึกถึงครั้งที่ร็อคบอกว่ามันกำลังบินมาเมืองไทยเพื่อช่วยเขาปิดจ๊อบแต่ไอ้พี่ชายกลับหายหัวไปเฉย เพิ่งมาเฉลยทีหลังว่ามันโกหก ที่จริงมันไปที่เกาะกลางทะเล จัดการเก็บกวาดลูกน้องของไอ้ฮอล์กจนเกลี้ยง แล้
"ไม่เอาค่ะ อย่าซนสิคะ... นี่มันดึกแล้วนะ เรานอนกันดีกว่า เพราะพรุ่งนี้มีนัดจะต้องไปที่บ้านริมน้ำนะ"หญิงสาวเตือนเบาๆ มารดาของเมฆานัดให้ไปลองชุดที่ท่านเป็นคนออกแบบให้ด้วยตัวเอง หญิงสาวจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่อยากสาย เธอผลักอกกว้างเบาๆ แต่มีหรือเขาจะปล่อยง่ายๆ"แป๊บเดียวเอง น้ำเดียวแล้วจะให้นอน...นะครับ"เขากระซิบขอด้วยภาษาทะลึ่ง พร้อมกับมือไม้ก็ซุกซนไปทั่วตัวเธอไม่ยอมหยุด"คุณนี่นะ..."เธอบ่นงึมงำน้ำเสียงเบาหวิวเพราะเริ่มอ่อนไหวไปกับสัมผัสหวามที่เขากำลังทำอยู่ มืออุ่นล้วงเข้าไปใต้เสื้อแล้วกลิ้งกลึงยอดถันที่ไวต่อความรู้สึก"อา ดีจัง...ผมชอบที่คุณจุดติดเร็วแบบนี้"แววตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาปนเว้าวอนของเขาทำให้ซิมใจอ่อนยวบพร้อมกับร่างกายที่อ่อนระทวยตาม เธอไม่เคยใจแข็งกับเมฆาได้เลยสักครั้ง"ไม่เกินยี่สิบนาทีนะคะ" หญิงสาวกล่าวเสียงอ้อมแอ้มเขาไม่ตอบ แต่ก้มมาปิดปากและจุมพิตเธออย่างเร่าร้อนไม่ยอมเสียเวลาอีกต่อไป เมฆารู้ว่ายังไงเมียก็ต้องตามใจเขาอยู่แล้ว ซิมรักเขามาก เขารู้ดี และเขาเองก็รักเธอมากพอกัน ตอนนี้ก็แทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้สร้างครอบครัวกับเธอเสียทีและแล้ววันแต่งงานก็มาถึง...พิธีว
"จริงเหรอคะ? ซิมไม่ได้สังเกตเลยเนี่ย" หญิงสาวยกมือขึ้นแตะบริเวณขอบตาด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อยเมฆาคลี่ยิ้มขำที่เธอเชื่อคำกระเซ้าแซวของเขา บุคลิกภายนอกทั่วไปซิมเหมือนผู้หญิงบอบบางและซื่อใส แต่เวลาทำงานตัวตนของซิมจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอสามารถสั่งจัดการคนได้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เธอใจแกร่ง เด็ดขาด และกล้าหาญอย่างที่ผู้ชายหลายคนสู้ไม่ได้ เป็นคนสองบุคลิกอย่างแท้จริง เมฆารักเธอทั้งสองเวอร์ชัน และรู้สึกมันเขี้ยวมากเวลาเห็นซิมตามมุกของเขาไม่ทันแบบนี้"ไม่เชื่อก็ไปส่องกระจกบนห้องดูสิ ปะ ผมจะพาไปเอง"ชายหนุ่มกล่าวพลางฉุดมือเธอให้ลุกขึ้น ซ่อนรอยยิ้มพราวเอาไว้"ซิมยังทำงานไม่เสร็จเลยค่ะ" เธอทักท้วงเสียงอ่อน"เอาไว้ทำต่อพรุ่งนี้เถอะ ตอนนี้มันเป็นเวลาพักผ่อนกับผัวนะที่รัก"สีหน้ากรุ้มกริ่มของเขาทำให้ซิมไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเขาต้องการจะพักผ่อนจริงๆ แต่ก็ยอมเดินตามแรงดึง จนกระทั่งเข้าไปในห้องนอน พอเขาผลักเธอเบาๆ ให้ล้มลงไปบนเตียง หญิงสาวก็รู้ความนัยว่าไอ้ที่เดาไว้น่ะ...ไม่ผิดเลยสักนิด"คนเจ้าเล่ห์" เธอต่อว่าต่อขานทันที แต่เขาก็ยิ้มรับหน้าตาระรื่น"กับคุณ... ถ้าไม่เจ้าเล่ห์...ผมก็อดจู๋จี๋ด้วยน่ะสิ ทุกวันนี้
กลางดึกของคืนที่มีสายฝนตกโปรยปราย เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายกำลังอยู่เวรที่ด่านตรวจ พวกเขารู้สึกเซ็งและเบื่อหน่ายกับสภาพอากาศแสนอึมครึมและเปียกแฉะนี้เหลือเกิน เวลาค่อนคืนอย่างนี้ก็คงมีแค่คนมีเวรอย่างพวกเขาเท่านั้นแหละที่จะต้องมานั่งถ่างตาทำงานเพื่อให้คนอีกหลายสิบล้านคนได้นอนหลับอย่างเป็นสุขในนิทรารมณ์จนกระทั่งเวลาเลยเที่ยงคืนไปเล็กน้อยก็มีเสียงครืดคราดของวิทยุสื่อสารดังขึ้น เรียกสติที่กำลังเคลิ้มของจ่าหมีให้เงี่ยหูฟังก่อนจะหยิบขึ้นมาดู มันเหมือนคลื่นวิทยุที่ยังจูนไม่ตรงสถานีจึงเกิดเสียงซ่าไม่หยุด"อะไรวะเนี่ย ฟังไม่รู้เรื่องเลยโว้ย ห่าเอ๊ย"จ่าสบถขรม แต่ก็ตั้งใจฟังต่อไป พอมองหาว่ามันมาจากคลื่นความถี่ไหน เขากลับเห็นแต่ตัวเลขยาวเหยียด คล้ายกับว่ามันไม่ได้มาจากแหล่งสื่อสารปกติของพวกตำรวจ ชั่วแวบหนึ่งจ่านึกถึงคำเล่าขานที่ว่าในช่วงสองสามปีมานี้มันมี คลื่นรบกวนพิเศษ ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาคอยแจ้งเบาะแสเรื่องพวกกระทำผิดกฎหมายทำให้ตำรวจสามารถจับกุมพวกเดนนรกพร้อมของกลางได้หลายเคสจนเป็นข่าวอยู่เนืองๆ"เตรียมสกัดจับรถเก๋งสีดำ ยี่ห้อโตโยต้า ป้ายทะเบียน กค 781... มียาบ้า... ค้นใต้เบาะและท้ายรถที่มีการต่
สามปีต่อมาฟ้าใสกำลังกล่อมหยาดธาราหลับตอนบ่ายอยู่ในคอกที่ห้องนั่งเล่น เธอเปิดทีวีทิ้งเอาไว้เป็นเพื่อน“จากกรณีเรือสำราญซาฮาราถูกเจ้าหน้าที่ยึดจับและตรวจพบเฮโรอีนจำนวนมากพร้อมกับใต้ท้องเรือมีเด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่าสิบแปดปีกว่าสิบคนซ่อนอยู่นั้น เวลานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการขยายผลและจับกุมนักการเมืองระดับรองหัวหน้าพรรคพร้อมตำรวจระดับนายพลอีกจำนวนสี่คน... ส่วนเบาะแสการจับกุมนั้นเจ้าหน้าที่ไม่อาจเปิดเผยผู้ให้ข้อมูลได้ แต่เท่าที่คนขุดข่าวทราบ เห็นว่าเป็นแหล่งเดียวกันกับเบาะแสคดีทลายบ่อนเถื่อนใจกลางกรุงเมื่อเดือนที่แล้ว...และคดีค้าประเวณีและทารุณกรรมเด็กที่พัทยาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา”ฟ้าใสหันไปให้ความสนใจมากขึ้น และเมื่อฟังจบริมฝีปากงามก็คลี่เป็นรอยยิ้มจางๆ แหล่งข่าวปริศนามันจะเป็นฝีมือของใครได้ล่ะ ถ้าไม่ใช่...เรนตอนนี้องค์กรใต้ดินมีบอสใหม่ที่เป็นคนดีและมีอุดมการณ์หนักแน่น ทำให้เรนยอมช่วยเหลือเป็นครั้งคราว แต่ห้ามไม่ให้องค์กรมายุ่งกับชีวิตส่วนตัวของเขาเด็ดขาด เรนขู่ไปว่าถ้ามีใครมายุ่งเขาจะถล่มเกาะเหี้ยนั่นให้มันจบๆ ไป ทุกวันนี้ชีวิตของพวกเขาจึงอยู่อย่างสงบสุขอย่างที่เรนปรารถนา“หลับแล้วเหรอ”
ฟ้าใสฉี่ใส่แก้วเสร็จก็เอามาวางที่เคาน์เตอร์ เรนเอื้อมมือมา แต่เธอรีบตีเพียะ“ไม่ต้องเลยค่ะ ฟ้าจะทำเอง พี่ยืนอยู่เฉยๆ พอ” เธออายจะตายอยู่แล้วตอนนี้ แต่ก่อนที่จะได้ตรวจ ฟ้าใสก็ทำท่าจะขย้อนของเก่าอีกรอบ รีบหมุนตัวไปยังชักโครกแล้วโก่งคออาเจียนยกใหญ่เรนรีบขยับมาลูบหลังให้หญิงสาวอย่างเป็นห่วง“พี่บอกแล้วว่าให้อยู่เฉยๆ ก็ไม่เชื่อ” เขาทำบ่นให้เธอ แต่มือก็คอยลูบหลังและจับผมให้ คว้าทิชชูมาส่งให้เช็ดปากอย่างเอาใจใส่ แล้วก็กดชักโครกให้เสร็จสรรพ“นั่งตรงนี้ พี่จะทำให้เอง”เขาประคองเธอให้นั่งที่ขอบอ่างอาบน้ำ จากนั้นก็รีบหยอดปัสสาวะใส่อุปกรณ์ ทำตามคำแนะนำข้างกล่องอย่างเคร่งครัดฟ้าใสนั่งมองร่างสูงที่กำลังวุ่นวายกับอุปกรณ์ตรวจฯ เธออดที่จะยิ้มบางออกมาไม่ได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นผู้ชายของเธอจริงๆ มันเหมือนฝันที่เป็นจริงไม่เคยบอกใครเลยว่าเมื่อนานมาแล้วเด็กสาวคนหนึ่งเคยมีผู้ชายในฝันกับเขาเหมือนกัน เธอแอบซุกซ่อนความลับนี้เอาไว้อย่างลึกสุดใจ แม้แต่ตัวเธอเองก็แกล้งทำเป็นลืมๆ มันไปซะ เพราะคิดว่ามันไม่มีทางที่จะเป็นจริงได้ พี่เรนคนที่มีชีวิตลึกลับและจับต้องไม่ได้คนนั้นไม่มีทางที่จะมองฟ้าใสเด็กกะโปโล







