Se connecterณ เกาะกลางทะเลแห่งหนึ่ง ขนาดของมันนั้นกว้างคูณยาววัดได้เพียงห้าตารางกิโลเมตรเท่านั้น มันตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก เกาะแห่งนี้ไม่มีชายหาด รอบเกาะคือน้ำทะเล เรือทั่วไปไม่สามารถเข้าจอดใกล้เกาะได้เพราะใต้ล่างเต็มไปด้วยหินโสโครกที่จะทำให้เรือพังเสียหาย แต่คนที่เกี่ยวข้องกับเกาะนี้เท่านั้นจึงจะรู้ว่ามันมีทางเข้าออกกี่แห่งและตรงจุดไหนบ้าง
ภูมิประเทศของเกาะมีหน้าผาล้อมรอบ แต่ใจกลางของมันเป็นพื้นที่ราบ วันดีคืนดีชาวประมงหรือเรือขนส่งสินค้าที่นานๆ จะหลงผ่านมาทางนี้มักจะเห็นวัตถุบินที่พุ่งขึ้นลงจากเกาะแห่งนี้ พวกเขาแค่เดาว่ามันอาจจะเป็นเกาะส่วนตัวของมหาเศรษฐีคนใดคนหนึ่งของโลก
พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่าแท้จริงแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น เพราะมันเป็นที่ตั้งขององค์กรลับ สถานที่ฝึกทีม Ghost ที่หินที่สุดในโลก ว่ากันว่าทีมซีลที่ว่าฝึกโหดแล้วนั้น ยังไม่อาจเทียบได้กับทีมโกสต์นักรบนอกรีตของเกาะนี้ได้เลย
พื้นที่ราบขนาดกว้างว่างเปล่านี้จริงๆ แล้วมันมีกลไกที่สามารถเลื่อนเปิดปิดได้เพื่อให้เครื่องบินบินขึ้นลง ส่วนด้านใต้ลงไปมันมีหลายชั้นมาก หน่วยงานที่ถือว่าไม่มีอยู่จริงในระบบทั่วไปของสังคมโลก และนอกจากนี้ที่นี่ยังมีห้องแล็บทดลองลับในหลายๆ เรื่องที่แอดวานซ์ไปไกลถึงโลกอนาคต เทคโนโลยีที่ไม่ทราบที่มาที่ไป และความล้ำสมัยของมันนั้นราวกับว่ามันไม่ใช่เทคโนโลยีของมนุษย์!
"ว่าไง ได้เรื่องยังไงบ้าง"
เสียงเข้มเต็มไปด้วยอำนาจของชายวัยกลางคนดังขึ้นในห้องประชุมลับซึ่งมีชายสามคนยืนกุมเป้าท่าทางนอบน้อม บรรยากาศกดดันน่าอึดอัดภายในห้องทำให้คนสามคนเหงื่อไหลซึม วันนี้เป็นการอัปเดตล่าสุดของการตามหา Deep Source ที่หนีออกไปได้
"เอ่อ ยังไม่เจอครับ แต่การบาดเจ็บสาหัสตอนปะทะ SIM อาจตายไปแล้วก็ได้นะครับบอส" คนที่รับผิดชอบภารกิจตามล่าซิมกล่าว เพราะหามานานแล้วแต่ไร้ร่องรอย เป็นไปได้มากว่าจะตายกลางทะเลอันกว้างใหญ่นี้ตอนหลบหนี
SIM คือรหัสของ Deep Source คนนั้น ในนี้ไม่มีใครใช้ชื่อจริง มีแต่รหัสให้เรียก และสำหรับซิม (SIM) นั้นคือเจ้าหน้าที่ที่กุมความลับสำคัญเกี่ยวกับห้องปฏิบัติการห้องหนึ่งที่ใช้กับเหล่าสายลับหลังปฏิบัติภารกิจเสร็จ โดยพวกเขาจะถูกนำเข้าไปในห้องนั้นเพื่อผ่านกระบวนการบางอย่างที่แม้คนในองค์กรนี้ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร นอกจากคนที่เกี่ยวข้องและมีหน้าที่โดยตรงเท่านั้น และซิมคือหัวหน้าทีมนี้
"ตราบใดที่ยังไม่เจอศพ ก็ประมาทไม่ได้ ถ้ามันไม่อึดจริง มันจะหนีรอดไปได้เหรอ มันรู้มากเกินไป ปล่อยเอาไว้ไม่ได้"
ชายวัยกลางคนหวนนึกถึงเด็กกำพร้าคนหนึ่งที่ถูกนำมาจากประเทศไทย เด็กคนนี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญโดยสายลับคนหนึ่ง ซิมมีความสามารถพิเศษบางอย่างคือสภาวะสมองที่เป็นอัจฉริยะและคลื่นจิตพิเศษที่พวกเขาพยายามจับมาทำการทดลองเพื่อถอดรหัสว่าทำไมซิมถึงมีความพิเศษนั้น การลองผิดลองถูกทำให้เด็กเกือบเสียชีวิต และแทบไม่ได้ข้อมูลอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย จึงหันมาฝึกเด็กคนนี้เพื่อใช้เป็นอาวุธและเครื่องมือขององค์กรแทน
จนกระทั่งปีก่อนสายลับที่ซิมนับถือเป็นดั่งพ่อคนนั้นถูกระเบิดสมองจากคำสั่งขององค์กรเอง นั่นจึงทำให้ซิมโกรธแค้นมาก และบ้าคลั่งถึงขั้นจะทำลายห้องปฏิบัติการ เกิดการปะทะกันขึ้นและซิมหนีรอดไปได้ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังหาตัวไม่พบ
"มีคนต้องการตัวมันหลายกลุ่ม พวกมึงเร่งมือหน่อย เราต้องหามันให้พบและจัดการเก็บมันซะ พวกมึงคงจะรู้นะว่าถ้าทำงานนี้ไม่สำเร็จ ผลลัพธ์มันคืออะไร" เสียงเย็นเยียบกับสายตาดุดันทำให้ลูกน้องก้มหน้าหลบกันทั้งสามคน
"ครับบอส" พวกเขาขานรับสีหน้าเคร่ง
"ไปได้แล้ว และไม่ต้องกลับมาให้กูเห็นหน้าจนกว่าจะหาตัวมันพบ"
พวกเขาโค้งคำนับ จากนั้นก็ถอยหลังก้าวออกไปจากห้องอย่างไม่รอช้า
*****
เย็นวันเสาร์ หลังจากที่ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว แสงไฟก็ถูกเปิดขึ้นเพื่อขับไล่ความมืดมิด ตลาดนัดโต้รุ่งแห่งนี้จึงสว่างไสวราวกับกลางวันก็ไม่ปาน ผู้คนต่างหลั่งไหลมาเดินหาซื้อของกินของใช้ราคาถูกกันอย่างขวักไขว่ไปทั่วบริเวณ
ฟ้าใสพาลูกชายมาเดินเล่นหาของกินที่นี่บ่อยๆ เนื่องจากมันอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก วันนี้ก็เช่นกัน สองแม่ลูกหิ้วถุงของกินอยู่หลายถุง
เรนออกไปจากบ้านเข้าวันที่สามแล้วตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา ฟ้าใสไม่ได้ส่งข้อความไปกวนเขาเพราะรู้ว่าเขากำลังทำงานเสี่ยงอันตรายอยู่ รอให้เขาเป็นฝ่ายติดต่อมาเองจะดีกว่า เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหญิงสาวจึงรีบล้วงออกมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นเมฆา ก็รีบกดรับสาย
"ว่าไงพี่เมฆ"
"เราอยู่ไหนตอนนี้"
"ฟ้าพาลูกมาตลาดนัดค่ะ ทำไมเหรอ"
"พี่กำลังจะกลับบ้าน งั้นเดี๋ยวพี่แวะหาที่นั่นก็แล้วกัน ไปถึงแล้วจะส่งข้อความหานะ"
"โอเคค่ะพี่ชาย"
ฟ้าใสเก็บโทรศัพท์เมื่อคุยเสร็จ เห็นเจ้าหนูของเธอมีสีหน้าเหนื่อย มีเหงื่อออกตรงจมูกและแก้มก็แดงแจ๋เลยทีเดียว
"เราไปที่ร้านโน้นกันดีกว่าลูก" เธอชี้ไปที่ร้านขายขนมหวานและน้ำดื่มซึ่งอยู่ติดกับร้านสะดวกซื้อ
"โอเคฮะแม่ ไปกันเถอะ เอิร์ธชักเมื่อยแขนแล้วเนี่ย" เจ้าหนูชูถุงที่ช่วยแม่ถือให้ดู ฟ้าใสยิ้มเอ็นดูลูก รีบพาเดินไปยังร้านดังกล่าวและสั่งชาไทยเย็นสองแก้ว ถือโอกาสนั่งพักเหนื่อยรอเมฆาไปในตัว
เมฆาจอดรถที่ลานจอด วนอยู่หลายรอบกว่าจะหาได้ ร่างสูงผึ่งผายก้าวลงจากรถแล้วกดล็อก ขณะกำลังจะเดินไปตามทางเท้านั้น พลันก็เห็นวัยรุ่นสองคนกำลังดูอะไรกันสักอย่าง เท่าที่เห็นน่าจะเป็นคนขอทานหรือคนบ้า
"ไหนดูซิ โม้หรือเปล่าวะ"
เด็กหนุ่มคนหนึ่งดึงกระดาษจากมือคนผมเผ้ากระเซิงขึ้นมาดูแล้วทำตาโตตื่นเต้น
"เฮ้ย ทายถูกจริงว่ะ รู้ได้ไงวะเนี่ย แม่งแอบดูกูตอนถอดเสื้อแน่เลย"
"แล้วมึงไปถอดเสื้อให้นังบ้านี่ดูตอนไหนวะไอ้ดิ๊ก หรือว่ามึงแอบพามันไปทำเรื่องอย่างว่า..." เพื่อนตัวเตี้ยทำสีหน้าล้อ
"ไอ้สัสเตี้ย กูเปล่าโว้ย สกปรกตัวโคตรเหม็นขนาดนี้ใครจะเอามันลงวะ" ไอ้คนชื่อดิ๊กตอบ พลางตบกะโหลกคนชื่อเตี้ยทีหนึ่ง
"โอ๊ย ไอ้เวร ตบหัวกูทำไมวะ แล้วมันรู้ได้ไงว่ามึงสักเหี้ยไว้ที่หลังน่ะ" ไอ้เตี้ยด่า พลางลูบหัวที่โดนตบไปมา
"ไอ้ห่า ตาต่ำฉิบหาย มึงดูยังไงว่าเป็นเหี้ย นี่คือท่านพ่อชาละวันต่างหากละโว้ย!"
เมฆายืนกอดอกมองดูด้วยความสนใจ และเมื่อกลุ่มเด็กขยับก็ทำให้เขาได้เห็นมากยิ่งขึ้น คนขอทานร่างผอมบางในเสื้อผ้ามอมแมมนั่งอยู่บนกระดาษกล่องสีน้ำตาล ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ใบหน้าก็กระดำกระด่างไม่ต่างจากเสื้อผ้ามากนัก และตรงหน้าก็มีแก้วพลาสติกกับแผ่นกระดาษที่เขียนว่า
ตาวิเศษ ทายแม่น ค่าทายข้อละ 100 บาท
"ฟ้าจำผู้ชายคนหนึ่งที่ภูเก็ตได้ไหม ที่ร้านอาหารน่ะ ผู้ชายตัวสูงและใส่แว่น คนที่ฟ้าหันไปทีไรก็เห็นว่าเขามองฟ้าอยู่"เรนลองสะกิดความทรงจำให้เธอ ฟ้าใสก็นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเมื่อนึกออก"จำได้ค่ะ เพราะคุยกับเขานิดหนึ่งที่หน้าห้องน้ำ เอ๊ะ... อย่าบอกนะคะว่านั่นคือ...พี่"เรนพยักหน้า..."ใช่...พี่เอง ตอนนั้นพี่กำลังทำงานอยู่""โห...มีอีกมั้ยคะ" เธอถามออกไปอย่างทึ่งจัดและคาดไม่ถึง"ที่ฟ้าได้เจอก็มีแค่นี้แหละ" ส่วนที่ไม่เจอก็ไม่ต้องพูดถึง... มันเยอะมากจนนับไม่ถ้วน ฉายาสายลับพันหน้านั้นไม่เกินจริงหรอกเพลงจบลงพอดี เรนโอบเอวฟ้าใสเดินออกจากฟลอร์ เหลือบสายตาไปเห็นว่าร็อคกับราชาวดียังคงเต้นรำเพลงต่อไปไม่หยุด พี่ชายของเขาทำเหมือนไม่ได้เต้นรำกับเมียมาเป็นชาติอย่างนั้นแหละ เพราะตอนนี้มันทิ้งลูกๆ เอาไว้ที่โต๊ะให้ปู่กับย่าดูแลเฉย แต่จะว่ามันก็ไม่ได้เพราะเขาเองก็ปล่อยลูกๆ ไว้กับคุณตาคุณยายเหมือนกันเรนนึกถึงครั้งที่ร็อคบอกว่ามันกำลังบินมาเมืองไทยเพื่อช่วยเขาปิดจ๊อบแต่ไอ้พี่ชายกลับหายหัวไปเฉย เพิ่งมาเฉลยทีหลังว่ามันโกหก ที่จริงมันไปที่เกาะกลางทะเล จัดการเก็บกวาดลูกน้องของไอ้ฮอล์กจนเกลี้ยง แล้
"ไม่เอาค่ะ อย่าซนสิคะ... นี่มันดึกแล้วนะ เรานอนกันดีกว่า เพราะพรุ่งนี้มีนัดจะต้องไปที่บ้านริมน้ำนะ"หญิงสาวเตือนเบาๆ มารดาของเมฆานัดให้ไปลองชุดที่ท่านเป็นคนออกแบบให้ด้วยตัวเอง หญิงสาวจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่อยากสาย เธอผลักอกกว้างเบาๆ แต่มีหรือเขาจะปล่อยง่ายๆ"แป๊บเดียวเอง น้ำเดียวแล้วจะให้นอน...นะครับ"เขากระซิบขอด้วยภาษาทะลึ่ง พร้อมกับมือไม้ก็ซุกซนไปทั่วตัวเธอไม่ยอมหยุด"คุณนี่นะ..."เธอบ่นงึมงำน้ำเสียงเบาหวิวเพราะเริ่มอ่อนไหวไปกับสัมผัสหวามที่เขากำลังทำอยู่ มืออุ่นล้วงเข้าไปใต้เสื้อแล้วกลิ้งกลึงยอดถันที่ไวต่อความรู้สึก"อา ดีจัง...ผมชอบที่คุณจุดติดเร็วแบบนี้"แววตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาปนเว้าวอนของเขาทำให้ซิมใจอ่อนยวบพร้อมกับร่างกายที่อ่อนระทวยตาม เธอไม่เคยใจแข็งกับเมฆาได้เลยสักครั้ง"ไม่เกินยี่สิบนาทีนะคะ" หญิงสาวกล่าวเสียงอ้อมแอ้มเขาไม่ตอบ แต่ก้มมาปิดปากและจุมพิตเธออย่างเร่าร้อนไม่ยอมเสียเวลาอีกต่อไป เมฆารู้ว่ายังไงเมียก็ต้องตามใจเขาอยู่แล้ว ซิมรักเขามาก เขารู้ดี และเขาเองก็รักเธอมากพอกัน ตอนนี้ก็แทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้สร้างครอบครัวกับเธอเสียทีและแล้ววันแต่งงานก็มาถึง...พิธีว
"จริงเหรอคะ? ซิมไม่ได้สังเกตเลยเนี่ย" หญิงสาวยกมือขึ้นแตะบริเวณขอบตาด้วยสีหน้ากังวลเล็กน้อยเมฆาคลี่ยิ้มขำที่เธอเชื่อคำกระเซ้าแซวของเขา บุคลิกภายนอกทั่วไปซิมเหมือนผู้หญิงบอบบางและซื่อใส แต่เวลาทำงานตัวตนของซิมจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอสามารถสั่งจัดการคนได้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เธอใจแกร่ง เด็ดขาด และกล้าหาญอย่างที่ผู้ชายหลายคนสู้ไม่ได้ เป็นคนสองบุคลิกอย่างแท้จริง เมฆารักเธอทั้งสองเวอร์ชัน และรู้สึกมันเขี้ยวมากเวลาเห็นซิมตามมุกของเขาไม่ทันแบบนี้"ไม่เชื่อก็ไปส่องกระจกบนห้องดูสิ ปะ ผมจะพาไปเอง"ชายหนุ่มกล่าวพลางฉุดมือเธอให้ลุกขึ้น ซ่อนรอยยิ้มพราวเอาไว้"ซิมยังทำงานไม่เสร็จเลยค่ะ" เธอทักท้วงเสียงอ่อน"เอาไว้ทำต่อพรุ่งนี้เถอะ ตอนนี้มันเป็นเวลาพักผ่อนกับผัวนะที่รัก"สีหน้ากรุ้มกริ่มของเขาทำให้ซิมไม่ค่อยแน่ใจนักว่าเขาต้องการจะพักผ่อนจริงๆ แต่ก็ยอมเดินตามแรงดึง จนกระทั่งเข้าไปในห้องนอน พอเขาผลักเธอเบาๆ ให้ล้มลงไปบนเตียง หญิงสาวก็รู้ความนัยว่าไอ้ที่เดาไว้น่ะ...ไม่ผิดเลยสักนิด"คนเจ้าเล่ห์" เธอต่อว่าต่อขานทันที แต่เขาก็ยิ้มรับหน้าตาระรื่น"กับคุณ... ถ้าไม่เจ้าเล่ห์...ผมก็อดจู๋จี๋ด้วยน่ะสิ ทุกวันนี้
กลางดึกของคืนที่มีสายฝนตกโปรยปราย เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายกำลังอยู่เวรที่ด่านตรวจ พวกเขารู้สึกเซ็งและเบื่อหน่ายกับสภาพอากาศแสนอึมครึมและเปียกแฉะนี้เหลือเกิน เวลาค่อนคืนอย่างนี้ก็คงมีแค่คนมีเวรอย่างพวกเขาเท่านั้นแหละที่จะต้องมานั่งถ่างตาทำงานเพื่อให้คนอีกหลายสิบล้านคนได้นอนหลับอย่างเป็นสุขในนิทรารมณ์จนกระทั่งเวลาเลยเที่ยงคืนไปเล็กน้อยก็มีเสียงครืดคราดของวิทยุสื่อสารดังขึ้น เรียกสติที่กำลังเคลิ้มของจ่าหมีให้เงี่ยหูฟังก่อนจะหยิบขึ้นมาดู มันเหมือนคลื่นวิทยุที่ยังจูนไม่ตรงสถานีจึงเกิดเสียงซ่าไม่หยุด"อะไรวะเนี่ย ฟังไม่รู้เรื่องเลยโว้ย ห่าเอ๊ย"จ่าสบถขรม แต่ก็ตั้งใจฟังต่อไป พอมองหาว่ามันมาจากคลื่นความถี่ไหน เขากลับเห็นแต่ตัวเลขยาวเหยียด คล้ายกับว่ามันไม่ได้มาจากแหล่งสื่อสารปกติของพวกตำรวจ ชั่วแวบหนึ่งจ่านึกถึงคำเล่าขานที่ว่าในช่วงสองสามปีมานี้มันมี คลื่นรบกวนพิเศษ ที่ไม่ทราบแหล่งที่มาคอยแจ้งเบาะแสเรื่องพวกกระทำผิดกฎหมายทำให้ตำรวจสามารถจับกุมพวกเดนนรกพร้อมของกลางได้หลายเคสจนเป็นข่าวอยู่เนืองๆ"เตรียมสกัดจับรถเก๋งสีดำ ยี่ห้อโตโยต้า ป้ายทะเบียน กค 781... มียาบ้า... ค้นใต้เบาะและท้ายรถที่มีการต่
สามปีต่อมาฟ้าใสกำลังกล่อมหยาดธาราหลับตอนบ่ายอยู่ในคอกที่ห้องนั่งเล่น เธอเปิดทีวีทิ้งเอาไว้เป็นเพื่อน“จากกรณีเรือสำราญซาฮาราถูกเจ้าหน้าที่ยึดจับและตรวจพบเฮโรอีนจำนวนมากพร้อมกับใต้ท้องเรือมีเด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่าสิบแปดปีกว่าสิบคนซ่อนอยู่นั้น เวลานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการขยายผลและจับกุมนักการเมืองระดับรองหัวหน้าพรรคพร้อมตำรวจระดับนายพลอีกจำนวนสี่คน... ส่วนเบาะแสการจับกุมนั้นเจ้าหน้าที่ไม่อาจเปิดเผยผู้ให้ข้อมูลได้ แต่เท่าที่คนขุดข่าวทราบ เห็นว่าเป็นแหล่งเดียวกันกับเบาะแสคดีทลายบ่อนเถื่อนใจกลางกรุงเมื่อเดือนที่แล้ว...และคดีค้าประเวณีและทารุณกรรมเด็กที่พัทยาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา”ฟ้าใสหันไปให้ความสนใจมากขึ้น และเมื่อฟังจบริมฝีปากงามก็คลี่เป็นรอยยิ้มจางๆ แหล่งข่าวปริศนามันจะเป็นฝีมือของใครได้ล่ะ ถ้าไม่ใช่...เรนตอนนี้องค์กรใต้ดินมีบอสใหม่ที่เป็นคนดีและมีอุดมการณ์หนักแน่น ทำให้เรนยอมช่วยเหลือเป็นครั้งคราว แต่ห้ามไม่ให้องค์กรมายุ่งกับชีวิตส่วนตัวของเขาเด็ดขาด เรนขู่ไปว่าถ้ามีใครมายุ่งเขาจะถล่มเกาะเหี้ยนั่นให้มันจบๆ ไป ทุกวันนี้ชีวิตของพวกเขาจึงอยู่อย่างสงบสุขอย่างที่เรนปรารถนา“หลับแล้วเหรอ”
ฟ้าใสฉี่ใส่แก้วเสร็จก็เอามาวางที่เคาน์เตอร์ เรนเอื้อมมือมา แต่เธอรีบตีเพียะ“ไม่ต้องเลยค่ะ ฟ้าจะทำเอง พี่ยืนอยู่เฉยๆ พอ” เธออายจะตายอยู่แล้วตอนนี้ แต่ก่อนที่จะได้ตรวจ ฟ้าใสก็ทำท่าจะขย้อนของเก่าอีกรอบ รีบหมุนตัวไปยังชักโครกแล้วโก่งคออาเจียนยกใหญ่เรนรีบขยับมาลูบหลังให้หญิงสาวอย่างเป็นห่วง“พี่บอกแล้วว่าให้อยู่เฉยๆ ก็ไม่เชื่อ” เขาทำบ่นให้เธอ แต่มือก็คอยลูบหลังและจับผมให้ คว้าทิชชูมาส่งให้เช็ดปากอย่างเอาใจใส่ แล้วก็กดชักโครกให้เสร็จสรรพ“นั่งตรงนี้ พี่จะทำให้เอง”เขาประคองเธอให้นั่งที่ขอบอ่างอาบน้ำ จากนั้นก็รีบหยอดปัสสาวะใส่อุปกรณ์ ทำตามคำแนะนำข้างกล่องอย่างเคร่งครัดฟ้าใสนั่งมองร่างสูงที่กำลังวุ่นวายกับอุปกรณ์ตรวจฯ เธออดที่จะยิ้มบางออกมาไม่ได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นผู้ชายของเธอจริงๆ มันเหมือนฝันที่เป็นจริงไม่เคยบอกใครเลยว่าเมื่อนานมาแล้วเด็กสาวคนหนึ่งเคยมีผู้ชายในฝันกับเขาเหมือนกัน เธอแอบซุกซ่อนความลับนี้เอาไว้อย่างลึกสุดใจ แม้แต่ตัวเธอเองก็แกล้งทำเป็นลืมๆ มันไปซะ เพราะคิดว่ามันไม่มีทางที่จะเป็นจริงได้ พี่เรนคนที่มีชีวิตลึกลับและจับต้องไม่ได้คนนั้นไม่มีทางที่จะมองฟ้าใสเด็กกะโปโล







