/ แฟนตาซี / อาศิรวิษ / 2-แค่เพียงบังเอิญ 3/4

공유

2-แค่เพียงบังเอิญ 3/4

last update 최신 업데이트: 2025-04-27 08:13:49

(“ไม่นึกฝันว่าเราจะได้เจอกันในเวลานี้ เจ้านางน้อยผณินทร”)

“เฮือก! 0.0”

ร่างสูงใหญ่ปีกหนาค่อย ๆ โฉบบินลงมาสู่พื้นดินพร้อมกับประกายรัศมีสีขาว ก่อนจะผันกลายเป็นร่างมนุษย์กำยำยืนตรงหน้าของฉัน คนที่มาใหม่ทำให้ฉันรับรู้ทันทีว่าเป็นใคร กาลัดกับกลีบบัวรีบเข้ามายืนบังด้านหน้าของฉัน พร้อมกับกางแขนออกทั้งสองข้างอย่างปกป้อง

“เวนไตย?” ฉันพูดชื่อของคนตรงหน้าออกมาเบา ๆ พร้อมกับจดจ้องมองหน้าอย่างใจสู้ ทั้งที่ภายในอกนั้นสั่นเทิ้มหวาดกลัว ทำเป็นใจดีสู้เสือเพื่อไม่ให้ศัตรูได้ใจ

“ปลื้มใจเหลือเกินที่เจ้านางน้อยผู้สูงศักดิ์ยังจดจำนามของข้าได้” เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจ พร้อมกับก้าวขาเดินเข้ามาใกล้อย่างเชื่องช้า กลีบบัวและกาลัดก็ดันให้ฉันเดินถอยหลังออกห่างก้าวต่อก้าวเช่นกัน

“ท่านอย่าคิดแตะต้องเจ้านางน้อยเด็ดขาด” กาลัดพูดขึ้นอย่างไม่คิดกลัว

ฉันจ้องมองคนที่กลายร่างเป็นคนยืนตรงหน้าด้วยสายตาแข็งกร้าว เขาดูร้ายกาจจนทำให้ฉันขนลุกไปทั้งตัว ขาค่อย ๆ ขยับถอยออกห่างทีละก้าวอย่างเชื่องข้า จับสังเกตพฤติกรรมว่าจะกระทำอะไรที่มันไม่น่าไว้ใจมากกว่านี้ไหม จะได้หาทางหนีทีไล่ ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าพวกฉันต้องเจออันตรายแค่ไหนบ้าง ยิ่งเขาขวางทางดักหน้าแบบนี้ ฉันยิ่งหวั่นกลัววิชาความรู้ป้องกันตัวก็ยิ่งไม่มี หรืออาจจะมีเพียงแต่ฉันไม่รู้ว่าต้องใช้ยังไง

“หึ คนที่เราชมชอบจะทำให้บอบช้ำได้เยี่ยงไร” เขายกยิ้มเจ้าเล่ห์ สายตาเพ่งมองมาทางฉัน ขาก็ยังคงก้าวเข้ามาเรื่อย ๆ

“ก็ลองดูสิแม่จะฟาดให้” ฉันทำใจดีสู้เสือเอ่ยออกไป ไม่อยากให้เขากำแหงได้ใจ

“สมแล้วที่เป็นเจ้านางน้อยแห่งมคธนคร วาจาช่างเก่งกล้านัก” ที่ฉันข่มไปเวนไตยไม่มีท่าทีว่าจะกลัวสักนิด

แสงสีขาวเปล่งประกาย ก่อนที่งูใหญ่จะกลายร่างเป็นคนมาหยุดตรงหน้ากำบังให้พวกฉันทั้งสาม ทำให้ฉันรู้สึกโล่งอกหายใจได้คล่องขึ้น รู้สึกว่าฉันปลอดภัยแล้วเมื่อเห็นเขา

“นี่เป็นเขตของมคธนคร และยังเป็นเขตหวงห้ามของเจ้านางน้อย เหตุใดท่านเวนไตยถึงได้อาจหาญ กล้ามารุกรานเช่นนี้...กลับไปเสียเถิดอย่าให้เกิดความโกลาหล สร้างเรื่องราวเข้าถึงพระกรรณเจ้าหลวงเลย” อาศิรวิษพูดขึ้นด้วยท่าทียำเกรงนิ่งขรึม

“ก็แค่อยากเห็นใบหน้าคนที่ข้ารักก่อนเข้านอน”

“เห็นแล้วก็กลับไปซะสิ”

เวนไตยพูดขึ้นด้วยท่าทางน่าสะอิดสะเอียด ฉันจึงพูดต่ออย่างไม่รีรอ เพราะเขาดูไม่น่าไว้ใจ และฉันก็รู้สึกไม่ถูกชะตากับคนผู้นี้

“เจ้านางน้อยมิใช่สตรีที่ท่านจะแทะโลมเช่นนี้ได้ กลับไปเสียเถิดอย่าให้ข้าต้องลงมือเป็นหนที่สอง เพราะครั้งนี้ข้าจะไม่ออมมือเป็นแน่”

“สุดยอดไปเลยค่ะท่านองครักษ์” ฉันยกนิ้วหัวแม่มือชูขึ้น อดไม่ได้ที่จะชื่นชมคำพูดขององครักษ์ที่น่าเกรงขามอย่างเผลอลืมตัว ทั้งกาลัดและกลีบบัวหันมองหน้าฉันด้วยสีหน้างุนงงเป็นสายตาเดียว

“ขี้ช้าเช่นเจ้าไยจึงวาจาสามหาวเช่นนี้” เวนไตยต่อว่าอาศิรวิษด้วยแววตาแข็งกร้าว ราวโกรธแค้นกับคำพูดที่หักหน้า

“แล้วเหตุใดผู้เป็นนายเหนือหัวเช่นท่านถึงได้ละลานสตรีไม่หยุดหย่อน เพลานี้มันเหมาะแล้วหรือไรที่จะพบเจอ...ไยท่านถึงได้เสมือนค้อนด้ามหักไร้ซึ่งประโยชน์นัก” อาศิรวิษว่าขึ้น ทำเอาฉันต้องตะลึงหันไปมองเขาทันที นี่เขากำลังด่าเวนไตยว่าโง่ไร้สมองใช่ไหม หรือฉันเข้าใจอะไรผิดไป

“เจ้า!!!” เวนไตยถึงกับชี้หน้า พร้อมดวงตาที่เปล่งรัศมีแห่งความแค้น

“เชิญกลับที่ที่ท่านจากมาเสียเถิดท่านเวนไตย อย่าได้สร้างความขัดแย้งไปมากกว่านี้เลย” อาศิรวิษพูดพร้อมกับเดินทีละก้าวเข้าไปใกล้ ท่าทางน่ายำเกรงทำให้เวนไตยหน้าเจื่อนลง แต่ยังคงวางท่าคงไว้

“เป็นเพียงองครักษ์แต่กับไม่รู้ที่ต่ำที่สูง” เวนไตยกล่าวตำหนิ

“ข้าก็เป็นเช่นนี้ หยาบคายไร้มารยาทเป็นองครักษ์ที่รู้จักแต่สู้รบ แล้วไยท่านเวนไตยถึงยังลดตัวต่อวาจากับข้าต่ออีก”

“อย่าให้ถึงทีของข้าก็แล้วกัน!”

“ข้าจะรอวันนั้น”

ประจันคำพูดท้าทายกันจบสิ้น เวนไตยก็เปลี่ยนร่างเป็นครุฑเหาะเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า บินไปตามเส้นทางของเขา ส่วนฉันก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก นึกว่าจะถึงครุฑคาบไปกินซะแล้ว

“สุดยอดไปเลยค่ะท่านองครักษ์ ปากโคตรแจ๋ว” ฉันขยับไปยืนตรงหน้าอาศิรวิษ แล้วเอ่ยชมด้วยความอารมณ์ดี

(((ปากโคตรแจ๋ว?)))

“เอ่อ...ช่างเถอะน่า เอาเป็นว่าเก่งมากก็แล้วกัน”

คำพูดของฉันคงจะแปลกสำหรับพวกเขามากเหลือเกิน พูดจบทั้งสามคนก็ขมวดคิ้วเป็นปม มองมาทางฉันเป็นสายตาเดียวด้วยสีหน้างวยงง ฉันจึงรีบพูดปัดไม่ให้พวกเขาสนใจ

“เจ้านางน้อยวาจาประหลาดนักเพคะ” กลีบบัวเกาหัวหงิกแล้วพูดขึ้น

“เดี๋ยวก็ชินเองแหละน่า” ฉันบอก

“พระองค์มาทำกระไรมืดค่ำพ่ะย่ะค่ะ เป็นสตรีหาสมควรไม่”

“ก็ได้ยินเสียงดังเลยวิ่งมาดู ใครจะรู้ว่าต่อสู้ฆ่าฟันกันล่ะ”

“พระองค์มิควรอยากรู้ให้มากมาย เพราะมันอาจจะเป็นภัยกับพระองค์เอง”

“นี่นายว่าฉันขี้เสือกเหรอ?”

“...พาเจ้านางน้อยกลับเข้าตำหนักเถิด”

“เสด็จกลับเถิดเพคะเจ้านางน้อย”

ฉันหัวร้อนทันทีเมื่อนายองครักษ์หลอกด่า เขม่นสายตามองเขาด้วยความโมโห ตั้งท่าจะเดินเข้าไปประชิด แต่กาลัดกับกลีบบัวจับแขนฉันไว้ก่อน เป็นองครักษ์ที่ปากเสียมาก

“กลับอะไรล่ะ นายองครักษ์ด่าฉันอยู่นะ แค่บังเอิญมาเจอเท่านั้นไหมล่ะ”

“ยกขายกแข้งไม่งามเพคะเจ้านางน้อย เชื่อฟังท่านอาศิรวิษเถิดเพคะ”

“ไม่เชื่อ ไม่ฟัง แบร่!”

ฉันโวยวายในขณะที่กลีบบัวและกาลัดลากแขนออกมา แอบเห็นอาศิรวิษส่งสายตาเป็นสัญญาณและทั้งสองคนดันดูเชื่อฟังเขาซะอย่างนั้น สรุปใครเป็นนาย ใครเป็นบ่าวกันแน่!

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • อาศิรวิษ   จบ-เสียงกระซิบจากห้วงนาคา 2

    -ปัจจุบัน- ไม่รู้ว่าหมดสติไปนานแค่ไหน ฉันเริ่มรู้สึกตัวและได้กลิ่นคละคลุ้งของยา พยายามเปิดเปลือกตาขึ้น และมองโดยรอบเห็นแม่กับพี่น้ำที่นอนตรงโซฟา นี่คงเป็นห้องพักพิเศษถึงได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย“ณินฟื้นแล้วค่ะ” เสียงของแม่ดังขึ้นด้วยความดีใจฉันกวาดสายตามองรอบ ๆ เห็นพ่อ แม่และพี่ชาย ยืนยิ้มมองมาทางฉันด้วยสีหน้าดีใจ“เป็นยังไงบ้างลูก น้ำไปตามหมอบอกณินฟื้นแล้ว”“ครับพ่อ”พ่อถามแต่ฉันยังไม่ตอบ เหมือนกับปากของฉันมันไม่มีแรงอ้าจะพูดกับใคร ได้แต่พยายามฉีกยิ้มให้ สื่อว่าฉันไม่เป็นอะไร จากนั้นพ่อกันหันไปบอกพี่น้ำให้ตามหมอ แล้วพี่ชายของฉันก็รีบวิ่งออกจากห้องไป ไม่นานพี่น้ำก็มาพร้อมหมอและพยาบาลหนึ่งคน มาถึงก็จับนั่นตรวจนี่ ฉันรู้สึกตัวทุกครั้งและมีสติดี เพียงแต่ยังรู้สึกอ่อนแรงเท่านั้น มองเห็นทุกการกระทำของหมอและคนอื่น ๆ“ร่างกายปกติดีนะครับ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ช่วงนี้ก็นอนพักผ่อนให้เยอะ ๆ พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้วล่ะครับ” หมอพูดขึ้น“แต่ลูกสาวดิฉันนอนสลบไปสิบแปดวันเลยนะคะ แน่ใจใช่ไหมคะว่าไม่เป็นอะไรจริง ๆ”แม่ถามย้ำท่านคงเป็นห่วง นี่ฉันนอนหลับไปสองอาทิตย์กว่าเลยงั้นเหรอ?“คนไข้ไม่เป็นอะ

  • อาศิรวิษ   เสียงกระซิบจากเงาห้วงนาคา

    ณ มคธนคร กลางค่ำคืนแห่งจันทราแดง ท้องฟ้าสีเลือดคลุ้งด้วยกลิ่นลางร้าย ดวงจันทร์เต็มดวงถูกหมอกพิษบดบังเพียงครึ่ง… และที่ระเบียงสูงของของตำหนัก ผณินทรยืนนิ่ง ลมเย็นปะทะใบหน้าที่เปื้อนแววหม่นเศร้า เธอยังฝันถึงเสียงของรีภพ…เพื่อนร่วมรบ แม้เขาจะสลายกลายเป็นเศษพลังแห่งนาคธาตุไปแล้วเสียงฝีเท้าก้าวมาช้า ๆ...อาศิรวิษในชุดนักรบสีดำทอง สะพายหอกนาคา ก้าวเข้ามาเงียบ ๆ แต่สายตาเขาจับจ้องมาไม่ลดละ“ข้าฝันถึงตรีภพอีกแล้ว…” เอ่ยเบา ๆ ราวสายลม“เขาอาจยังไม่ได้จากเราไปเสียหมด...” อาศิรวิษพูดเสียงต่ำแผ่ว "...วิญญาณที่ยึดมั่นในคำสัตย์ จะไม่มีวันดับสูญง่ายดาย"และแล้วทันใดนั้น...แผ่นดินก็สั่นไหวเบา ๆ เงานาคที่หลับใหลใต้มหานทีเริ่มขยับณ เทวสถานบ่วงนาคบาศ ในห้องลับใต้เมืองซึ่งซ่อน บ่วงนาคบาศไว้ตราบชั่วกาล…รอยร้าวปรากฏบนผนึกหิน เสียงกระซิบดั่งจากห้วงเหว..."ผู้ที่ควบคุมบ่วง คือผู้ปกครองพรหมแดน...แต่หากบ่วงนี้ตกอยู่ในมือของเงามืดจะไม่มีวันคืนใดปลอดภัย"ฉันและอาศิรวิษรีบรุดไปยังเทวสถานพร้อมคณะองครักษ์ที่นั่น...พวกเขาเจอร่องรอยการบุกรุกและสิ่งที่ไม่คาดคิดที่สุดคือหน้ากากของศัตรูปรากฏ“นั่นใครหรือเจ้าคะเสด็จพ่อ

  • อาศิรวิษ   13-เสียงกระซิบจากเงามืด2

    “ความลับที่อยู่ในใจของอาศิรวิษ... คือกุญแจสุดท้าย”และก่อนที่ฉันจะถามต่อ เสียงระเบิดพลังพุ่งเข้ามาจากทิศตะวันตก เสียงร้องเตือนจากทหารของมคธนครดังสนั่น“มีเงามืดบุกเข้ามา! พวกมันมีตราเหมือนกับศศินา!”ฉันเบิกตากว้าง“หมายความว่าไง?!”เสียงของอาศิรวิษตะโกนมาอย่างรีบเร่ง“เจ้านางน้อย! อยู่ข้างหลังข้า!”เขาคว้าฉันไว้ในอ้อมแขน ดึงออกจากระเบียงก่อนเปลวพลังจะระเบิดฟาดผ่านจากเงามืด...ศศินาค่อยๆ เดินออกมาอีกครั้ง“ข้า...ไม่ใช่ศศินาคนเดิมอีกต่อไปแล้ว อาศิรวิษ”และเบื้องหลังนางคือเงาในคราบอดีตของอาศิรวิษ ที่เขาไม่เคยเปิดเผยกับใคร...ภาพที่ฉันเห็นตรงหน้าไม่ใช่เพียงศศินา หากแต่คือใครบางคนที่มีเงาทาบซ้อนอยู่เบื้องหลัง นัยน์ตานางไม่ใช่ศศินาอีกต่อไปแต่คือผู้ที่ครอบครองนางอาศิรวิษหน้าถอดสี ฉันสัมผัสได้ว่าเขากำลังสั่นเล็กน้อย“นางคือ...อาคิรนัย”เสียงของอาศิรวิษหลุดเบาออกมาราวกับวิญญาณเขาจะหลุดจากร่าง ฉันหันไปมองเขาด้วยความสงสัยปนสั่นไหว

  • อาศิรวิษ   13-เสียงกระซิบจากเงามืด

    ฉันก้าวเดินผ่านเส้นทางที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง หัวใจหนักอึ้งด้วยความสูญเสีย ในมือยังคงกำผ้าผูกข้อมือสีทองของอาศิรวิษและจี้หยดครามของตรีภพไว้แน่น ความทรงจำของพวกเขายังคงชัดเจนในจิตใจ​ ฉันตัดสินใจเดินทางสู่แดนต้องห้าม สถานที่ซึ่งเล่าขานว่าเป็นที่สถิตของ ผู้เฝ้าประตูแห่งวิญญาณ เชื่อกันว่าผู้เฝ้าประตูสามารถนำวิญญาณกลับคืนสู่โลกได้ แต่ต้องแลกด้วยสิ่งที่มีค่าที่สุดการเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย ฉันต้องฝ่าฟันผ่านป่าทึบที่มีสัตว์ร้ายและกับดักมากมาย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความรักที่มีต่ออาศิรวิษและตรีภพ จึงไม่ยอมแพ้​ เมื่อมาถึงประตูแห่งวิญญาณ ฉันพบกับผู้เฝ้าประตู เธอเป็นหญิงสาวลึกลับที่มีดวงตาสีเงินเปล่งประกาย เธอมองฉันด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก"เจ้าปรารถนาจะนำวิญญาณกลับคืนหรือ?" เธอถามด้วยเสียงเย็นชาฉันพยักหน้าและตอบด้วยเสียงสั่นเครือ​"ข้ายอมแลกทุกอย่างเพื่อให้พวกเขากลับมา"ผู้เฝ้าประตูยิ้มบางๆ และกล่าวว่า​"การแลกเปลี่ยนนี้ เจ้าต้องสละสิ่งที่เจ้ารักที่สุด เจ้าพร้อมหรือไม่?"ฉันนิ่งคิด ความรักที่มีต่ออาศิรวิษและตรีภพคือสิ่งที่มีค่

  • อาศิรวิษ   12-เงารักในภพชาติ

    คืนหลังศึกใหญ่...สายลมพัดเบา ใบไม้ไหวคล้ายลมหายใจแห่งพงไพร ฉันยืนอยู่ริมระเบียงเรือนรับรองของมคธนครจ้องมองดวงจันทร์ที่ลอยเด่นเหนือผืนน้ำเบื้องล่าง มือยังอบอุ่นจากสัมผัสสุดท้ายของใครบางคน เสียงฝีเท้าแผ่วเบา... แต่ฉันรู้ทันทีว่าเป็นเขา“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะตื่นอยู่” เสียงของเขาเบาราวกระซิบ“ข้ารอท่านอยู่ต่างหาก...”ฉันหันไปยิ้มอ่อนให้ชายตรงหน้า อาศิรวิษเดินเข้ามาใกล้ ยังสวมชุดนาคาธิคุณที่ซีดจางไปเล็กน้อย แผลบนร่างเขาเกือบหายดีแล้ว แต่ในดวงตายังมี ความอ่อนล้า...และบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่าเดิม“ท่านรู้ไหม… ตอนที่ท่านกางแขนป้องข้าไว้ข้างหลัง ข้าคิดว่า…ข้ากำลังจะเสียท่านไป” เสียงของฉันเบาราวเสียงสายฝนแรกของปี “แต่ท่านก็ยังอยู่ตรงนี้…ยังอยู่กับข้า”เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือฉันไว้“ข้าเคยคิดว่า ความรักของข้า…ต้องจางหายไปเหมือนละอองควัน แต่ท่านทำให้ข้ารู้ว่า ความรักไม่ต้องดัง ไม่ต้องร้อนแรง แค่อยู่ตรงนั้นเสมอ…ก็พอแล้ว”ฉันรู้สึกได

  • อาศิรวิษ   11-ใต้ร่มบุษบัน ในใจนั้นคือเจ้า2

    หลังจากที่เข้าพบเจ้าหลวง ในคืนเดียวกันฉันรู้สึกถึงแรงบางอย่างที่กำลังเริ่มคืบคลานเข้ามา...อาศิรวิษพาฉันมายืนใต้แสงจันทร์ เขาเงียบอยู่นาน ก่อนจะพูดขึ้น“พี่มีเรื่องจะถาม…ถ้าวันหนึ่งเจ้าพบว่ามีบางคนจากอดีตชาติ กลับมาทวงคำสัญญา…เจ้าจักเลือกอะไร?”ฉันชะงักทันที คำถามนั้นแฝงความกลัว...ไม่ใช่ต่ออดีตแต่ต่อการสูญเสีย ฉันไม่ตอบ แต่กุมมือเขาไว้แน่น แล้วกระซิบเบา ๆ ว่า“อดีตอาจมีคำสัญญา แต่ปัจจุบันคือความรู้สึก และในวันนี้...ข้าเลือกท่าน”อาศิรวิษหลับตาแน่น ดวงตาเขาเปียกชื้นเล็กน้อยแล้วกอดฉันไว้ เหมือนกลัวว่าฉันจะหายไปแต่ในเงาจันทร์เหนือสระบูชา เงาดำรูปหนึ่งก้าวออกจากเงาสะท้อนของน้ำ เขายืนเงียบ ใบหน้ายังปิดด้วยผ้าดำ...แต่เสียงแผ่วนั้นดังก้องในเงามืด เหมือนในฝันคืนก่อน“อ อาศิรวิษดูนั่น” ฉันเรียกให้เขาเงยมองเบื้องบน อาศิรวิษเจ้ามือฉันแน่น เหมือนสื่อว่าไม่ต้องกลัวตราบใดที่เขายังอยู่ตรงนี้“ในที่สุดเจ้าก็เลือกทางของเจ้า เยี่ยงนั้นข้าก็จะเลือกทางของข้าเช่นกัน...ผณินทร”

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status