Home / แฟนตาซี / อาศิรวิษ / 8-เพลิงคำสาปและเสียงครูบา 2

Share

8-เพลิงคำสาปและเสียงครูบา 2

last update Last Updated: 2025-05-03 09:30:27

เสียงคำรามของเงานาคาก้องไปทั่วซากวิหารโบราณ

พื้นดินแตกระแหง ต้นไม้ล้มระเนระนาด และ “ตรีภพ” ถูกตรึงร่างไว้กลางลานพิธีด้วยเงาดำ พันธะคำสาปที่กำลังจะกลืนกินหัวใจของเขา

“พี่ภพ!!” ฉันแผดเสียงเรียกอย่างแหบพร่า หัวใจเหมือนจะแตกออกจากอก เห็นตรีภพเหมือนกำลังจะขาดใจ ฉันหยัดแรงและตั้งท่าจะพุ่งเข้าไปช่วย แต่เสียงกึกก้องดุจสายฟ้าผ่าก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“อย่าเข้าไป!! นั่นคือคำสาปของเทวนาคา ท่านจะแตะต้องมันไม่ได้!!”

เสียงนั้น... ฉันรู้ดีว่าเป็นใคร

“อาศิรวิษ”

ชายร่างสูงสง่าในชุดนักรบโบราณสีดำปักลายเกล็ดนาคา อาศิรวิษพญานาคองครักษ์ประจำตัว และคนที่ฉันเฝ้ามองอยู่เงียบ ๆ

เมื่อลงจอดกลางวิหารเงานาคา...อาศิรวิษเข่าทรุดลงกับพื้น ดวงตาของเขาจ้องมาทางฉัน มันเป็นแววตาที่หนักแน่นปะปนด้วยความห่วงใย

เงานาคารูปทรงเหมือนสัตว์เลื้อยคลานยักษ์ ผสมผสานระหว่างควันดำกับโลหะขุ่น มันฉีกฟ้าเปล่งเสียงคำรามจนแสบแก้วหู

“คำสาปแห่งพันธะนาคา ใกล้สำเร็จ...หากไม่หยุดทันเวลา ตรีภพจะกลายเป็นร่างสิงสู่ของ อาคมต้องห้าม และตายทั้งเป็น” อาศิรวิษบอกเล่า

ฉันได้ยินแบบนั้นตั้งท่าจะวิ่งฝ่าเข้าไป แต่มือแข็งแรงของอาศิรวิษคว้าข้อมือฉันไว้แน่น

“อย่าเสียสละตัวเองโดยไม่จำเป็นท่านคือความหวังเดียวของคำทำนาย”

“ฉันจะไม่ยืนมองพี่ภพตายตรงหน้า! ปล่อย!!”

จู่ ๆ อาศิรวิษก็เอามือแตะหน้าผากของฉันเบา ๆ และปล่อยเศษพลังบางอย่างแล่นพร่านในร่างกาย มันคือพลังอะไรกันแน่

“ท่านจะเข้าใจเมื่อเห็นมัน... จงตื่นขึ้นมาเถิด โลหิตแห่งทิฆัมพร”

ทันใดนั้น…โลกทั้งใบของฉันก็เปลี่ยนเป็นทะเลสีทอง ดวงตา ฉันมองเห็นภาพซ้อนมากมาย เหมือนเป็น ชาติภพนับพัน

และฉันก็เห็นตนเองในคราบนาคินีผู้แหกกฎสวรรค์ วิ่งข้ามสายน้ำแห่งคำสาปเพื่อพบคนที่เธอรัก เห็นเลือดหยดสุดท้ายของตนเองหลอมรวมกับดวงดาวและเปลี่ยนชะตาทั้งสามโลก เธอคือ “สิรินธราภา” เทพธิดานาคาผู้ต่อสู้กับชะตาฟ้าดิน…ในสัมผัสมันบอกฉันแบบนั้น

ฉันรับรู้ถึงพลังในกาย พร้อมคำถามในใจที่สะท้านยิ่งกว่าอะไร

“เพราะเหตุใด...ท่านถึงยอมเจ็บปวดเพื่อข้าขนาดนี้...?”

อาศิรวิษไม่ตอบ...แต่กุมมือฉันไว้แน่น สีหน้าเขาเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง

“แต่เจ้ารู้ใช่ไหม... หากนางตื่นพลังเต็มที่...เจ้าอาจต้องเป็น ‘ผู้สละตน’ เพื่อปิดประตูพลังนั้น”

อาศิรวิษก็ตอบเพียงคำเดียว

“ข้ายอม” และนี่คือสิ่งที่แว่วเข้าหูของฉัน หลังจากที่เขานิ่งอยู่นาน

เมื่อตาสองข้างเปิดขึ้นอีกครั้ง ฉันสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง อาศิรวิษก็ดูไม่แปลกใจกับร่างกายของฉันที่ไม่เหมือนเดิม ภายในใจฉันคือมณีณิน แต่ไม่รู้ทำไมฉันถึงไม่สามารถควบคุมร่างกายและการกระทำตอนนี้ได้ ทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของท่านอาจารย์ทันที ทุกอย่างจะนำพาโดยไม่รู้ตัว คงแบบนี้สินะ แม้มีสติครองตนแต่ไม่อาจทำตามต้องการได้

“ดวงตาท่านเปลี่ยนแล้วเจ้านางน้อย หนึ่งข้างกลายเป็นสีทองอำพัน อีกข้างเป็นสีเงินเหมือนน้ำปรอท” ฉันได้ยินอาศิรวิษพูดถึง

อักขระโบราณสีครามหมุนวนรอบตัวฉัน แผ่นดินสะท้าน! ลมพัดแรง! ฉันแผดเสียงดังก้องสะท้าน จนสิ่งรอบกายสั่นสะเทือน

“จงคืนเขามา... ข้าสั่งในนามของผู้ต่อต้านโชคชะตา!”

เสียงของฉันพูดจบ เงานาคาหวีดร้องราวถูกลนไฟ พลังของผณินทรแผ่เป็นคลื่นจนแม้แต่ร่างของตรีภพที่ถูกพันธะพันธนาการไว้ ก็สลายเงามืดออก

แต่พลังที่ทรงอำนาจขนาดนี้ ไม่รู้ว่ามันมีราคาของมัน...แค่ไหน ฉันคิดว่าคงไม่ได้มาโดยไม่มีสิ่งต้องแลกอย่างแน่นอน

ร่างกายของฉันทรุดฮวบลงกับพื้น เลือดไหลจากจมูกและดวงตา

“อาศิรวิษ ข้า...ข้าทนไม่ไหว...มันเหมือนหัวใจจะระเบิด”

อาศิรวิษตรงเข้ามารับฉันไว้ในอ้อมแขน กอดแน่นเหมือนกลัวว่าฉันจะหายไป เสียงเขาสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

“ข้า...ไม่อยากให้ท่านต้องแบกอะไรอีก หากข้าต้องแลกชีวิตเพื่อหยุดคำสาปนี้แทนท่าน ข้ายินดี” ฉันยิ้มทั้งน้ำตาไหล แม้ว่าตอนนี้จะเจ็บปวดแค่ไหน

“ข้าจะไม่ยอมเสียท่านไปเจ้านางน้อย...ไม่ว่าจะชาติไหนก็ตาม”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • อาศิรวิษ   9-บ่วงกรรมแห่งตรีภพ

    ฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใต้เท้าคือพื้นศิลาของ วิหารเงานาคากำลังแตกแยกจากแรงอาคมสะท้อนของคำสาป ในมือยังอบอุ่นจากการกุมของอาศิรวิษ พลังในร่างกายเปลี่ยนไปคล้ายมีบางสิ่งแฝงตัวในเลือดและลมหายใจ เห็นบางอย่างในเงาสะท้อนของผืนน้ำ...นัยน์ตาแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มเรืองแสง มีอักขระคล้ายเกล็ดนาคาซ้อนกันอยู่“นี่คืออะไร ทำไมมันเปลี่ยนไปมากขนาดนี้”อาศิรวิษยกมือประคองบ่าของฉันเบา ๆ ดวงตาคมเหมือนพญานาคที่หลับใหลมานานมองฉัน“มันคือตัวตนแท้จริงของท่านเจ้านางน้อย ข้ารู้ว่าท่านสงสัย เพียงแต่ตอนนี้เราต้องไปช่วยตรีภพเสียบัดเดี๋ยวนี้ ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป”ฉันกับอาศิรวิษรีบเดินทางผ่านประตูเงานาคาชั้นใน อาศิรวิษเล่าว่านี่เป็นช่องว่างที่เชื่อมระหว่างภพมนุษย์กับแดนพันธนา สถานที่ที่ตรีภพถูกคุมขังด้วยตราอาคมของครุฑ และฉันมองเห็นเขาตรีภพ นั่งคุกเข่าอยู่กลางวงแหวนอาคม มีเสาเทพครุฑ ปักไว้สี่ทิศ อาคมค่อย ๆ ดูดพลังชีวิตเขาทีละหยด ผิวของตรีภพเริ่มซีดเผือด ริมฝีปากแตก แต่แววตายังแน่วแน่“เกี่ยวกับเวนไตยด้วยอย่างนั้นเหรอเนี่ย ซับซ้อนเกิน” ฉันพึมพำในใจฉันเลิกคิดเรื่องกวนใจ แล้วพุ่งเข้าไปแต่กลับถูกม่านครุฑศิลป์ต้า

    Last Updated : 2025-05-03
  • อาศิรวิษ   9-บ่วงกรรมแห่งตรีภพ 2

    หลายพันปีก่อน เอกวรา นาคินีแห่งรัก ผู้เป็นที่รักยิ่งของเหล่านาค แต่หัวใจของเธอกลับมิได้อยู่ในวิมานบาดาล เธอตกหลุมรัก อริยะ พญาครุฑหนุ่มผู้กล้าหาญ ผู้ขึ้นสู้กับทวยเทพเพื่อขอความยุติธรรมให้เหล่าสัตว์ครึ่งอสูร ความรักของทั้งคู่ต้องห้ามเด็ดขาด แต่เอกวรายอมเสียทุกสิ่ง แม้กระทั่งบัลลังก์สูงสุดเพื่อใช้ชีวิตกับอริยะในดินแดนลับแล ไม่นานเอกวราก็ให้กำเนิด เวนไตย ทารกผู้มีปีกทองแดงเหมือนครุฑ แต่ดวงตาสีแดงเรืองแสงเหมือนพญานาคทว่า...พลังที่เวนไตยถือกำเนิดมานั้น คือพลังของครุฑพันคำสาป การรวมคำสาปจากสองภพ คำสาปแห่งการหวงแหนและคำสาปแห่งการพลัดพราก“ข้าไม่อาจควบคุมเขาได้...เวนไตยเติบโตมาพร้อมความแค้น และอำนาจที่แม้แต่ข้าก็เกรงกลัว”เอกวราจึงตัดสินใจ ผนึกวิญญาณตนเองไว้ใน ดาบบุษบง เพื่อเป็นดาบที่สามารถหยุดเวนไตยได้ แต่แลกกับการที่ลูกอีกคนหนึ่ง...ต้องแบกภาระอันโหดร้ายนี้ไว้“ตรีภพ...เจ้าคือผู้สืบสายเลือดของข้า ลูกแห่งความรัก และเจ้าจะต้องเลือกระหว่างคำสาบานหรือความรัก”//ปัจจุบัน//ตรีภพลืมตาขึ้น ท่าม

    Last Updated : 2025-05-04
  • อาศิรวิษ   เสียงเงียบของคนที่ไม่มีวันถูกเลือก

    ลมเย็นพัดแผ่วผ่านลานศิลาใต้แสงจันทร์ ฉันเดินเคียงข้างอาศิรวิษ บรรยากาศเงียบสงบอย่างประหลาด แสงไฟวาวจากโคมนาคายามค่ำ ค่อย ๆ ส่องสะท้อนระยิบบนพื้นน้ำ เขายังคงเดินอย่างเงียบขรึมตามแบบของเขา แต่ฉันจับได้ว่าทุกครั้งที่ฉันชะงักฝีเท้า...เขาจะหยุดก่อนฉันเสี้ยววินาทีเสมอ“อาศิรวิษ” ฉันเอ่ยเบา ๆ “ท่านเคยกลัวบ้างไหม ว่าวันหนึ่งทุกอย่างจะหายไปหมด”เขาหยุดเดิน แล้วหันมามอง ดวงตาสีทองนวลวาวใต้แสงจันทร์“เคย...กระหม่อมเคยกลัวจะสูญเสียท่านทั้งที่ตอนนั้นท่านยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าคือใคร” คำพูดนั้นทำให้ฉันเผลอยิ้ม“แล้วตอนนี้ล่ะยังกลัวอยู่ไหม?”“ไม่แล้ว” เขาตอบก่อนจะเอื้อมมือมาแตะที่มือฉัน“เพราะกระหม่อมจะไม่ยอมปล่อยเจ้านางน้อยไปไหนอีก”“อยู่กันแค่สองคน เราเคยคุยกันแล้วว่าจะไม่พูดคำเป็นทางการไง”“...”“แต่ช่างเถอะอยากพูดยังไงก็พูด ข้าเคยคิดว่าท่านเย็นชาแต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า...ท่านแค่ไม่เคยมีใครให้เปิดหัวใจ”เขายิ้มเบา ๆ แล้วพูดช้า ๆ“และพี่ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครอยากเปิดหัวใจให้เช่นกัน” มืออุ่นของเขาจับมือฉันไว้แน่น ไม่ใช่เพราะกลัวจะหลุดจากกัน...แต่เพราะอยากจะอยู่ด้วยกันให้นานที่สุดแต่ในขณะเดียวกัน พญาน

    Last Updated : 2025-05-05
  • อาศิรวิษ   10-เสียงเงียบของคนที่ไม่มีวันถูกเลือก

    พิธีเริ่มต้น กลางทะเลสาบวิญญาณ ณ ผืนป่าหิมพานต์เราเริ่มพิธีในคืนที่ดาวทั้งหมดดับลง ฉันเปล่งเสียงเรียกชื่อตรีภพ เสียงนั้นทะลวงผ่านขอบฟ้ามิติ อาศิรวิษหลั่งเลือดลงกลางพิธีเกล็ดทองสว่างระยิบ ร่วงหล่นเข้าวงเวท และฉันร่ายบทสวดเรียกเสี้ยวจิต ในวินาทีที่เงาเงียบทั้งหมดรวมกัน...เศษวิญญาณของตรีภพ ปรากฏขึ้นในรูปของลูกแก้วเรืองแสงสีฟ้าอ่อน พลังของเขาไม่สามารถกลับมาเป็นคนได้อีกแล้ว แต่เขายังอยู่…ในรูปของ ดวงจิตเฝ้ามอง ฉันนำลูกแก้วนั้นไปวางไว้ใต้ต้นอโศกสีทอง ที่ขึ้นจากน้ำตาหยดแรกของฉันในวันเขาจากไป มีเขาอยู่กับฉัน แม้จะไม่ใช่แบบเดิม แต่ฉันรู้ว่า...ดวงจิตเขายังมองพวกเราจากใต้แสงฟ้านั้นอาศิรวิษยืนเคียงข้างฉัน เขาไม่เคยทวงคืนสิ่งใด“แม้เจ้านางน้อยไม่ได้รักข้าอย่างที่ข้าเคยหวัง แต่ข้าจะยืนอยู่ตรงนี้ข้างเจ้านางน้อยเสมอ”ฉันจับมืออาศิรวิษแน่น แล้วหันหน้าพูด“รู้ได้ไงว่าไม่เคยรัก”“?”“หรือว่าท่านไม่เคยใส่ใจกันแน่”“เจ้านางน้อย” อาศิรวิษเอ่ยเสียงแผ่ว แววตาของเ

    Last Updated : 2025-05-06
  • อาศิรวิษ   10-เสียงเงียบของคนที่ไม่มีวันถูกเลือก 3

    ฉันไม่เคยคิดว่า…เสียงของบ่วงนาคบาศจะเหมือนเสียงหัวใจ มันไม่ได้ดังกังวานอย่างศาสตรา แต่มันเต้นในจังหวะเดียวกับจิตของผู้ถือมัน ราวกับกำลังฟังเสียงความจริงจากเงาลึกในตัวเอง หลังจากปลดผนึกครุฑานนท์ โลกเริ่มเปลี่ยนเส้นพลังแห่งสมดุลเริ่มเคลื่อน แต่...บางอย่างกลับต้านไว้จากเบื้องหลัง“ผณินทร...โลกนี้ยังไม่ปลอดภัย ยังมีเงาหนึ่งที่เฝ้าจ้องอยู่หลังม่านกรรม...ในวิหารไร้เงาที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยชื่อ”เสียงจิตตรีภพกระซิบในยามค่ำ แม้ตอนนี้เขาจะไม่ใช่คนที่ฉันสัมผัสได้ตรงหน้า เขาคือพลังเงียบที่คอยคุ้มครองฉัน…ไม่ว่าวันคืนจะเลื่อนลับไปไกลเพียงใดอาศิรวิษและฉันร่วมทางกันอีกครั้ง“หากเจ้านางน้อยเข้าไปในวิหารนั้นแล้ว จะไม่สามารถเป็นคนเดิมได้อีก” เขาเตือนเบา ๆ“ข้าไม่เป็นคนเดิมตั้งแต่วันที่ได้รู้จักท่านแล้ว…” ฉันตอบดวงตาเขาสะท้อนแสงดาวในราตรีนั้น ก่อนจะเบือนสายตาลงต่ำแต่ก่อนที่เราจะก้าวข้ามเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ มีกำแพงหนึ่งที่พวกเราต้องเผชิญ ประตูแห่งกรรม ประตูนั้นไม่มีมือจับ ไม่มีกล

    Last Updated : 2025-05-07
  • อาศิรวิษ   บทนำ

    เรื่องเล่าที่ชาวบ้านกล่าวขานกันมาปากต่อปาก เกล็ดแห่งนาคา ที่ผู้คนต้องการครอบครองเพื่อความเป็นอมตะนิรันดร์กาล เชื่อกันว่าเกล็ดพญานาคหากได้ผสมน้ำดื่มกินคนผู้นั้นจะมีชีวิตอมตะ ฉันได้ฟังมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนปัจจุบันเรื่องเล่านี้ก็ยังถูกพูดถึง มันคือสิ่งที่มนุษย์กิเลสหนาอยากได้ไว้เคียงกาย ด้วยอำนาจและอิทธิฤทธิ์ประหนึ่งเทวาสถิต เสริมให้ผู้ที่ได้ครอบครองอยู่เหนือสุดของมนุษย์ทั้งปวง ทั้งที่ไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือเปล่า แต่อีกอย่างที่ฉันเคยได้ยินมาเช่นกันร่างตัวแทนแห่งนาคาที่แอบซ่อนในกายหยาบของมนุษย์ แต่คนผู้นั้นคือใครกัน? มีจริงเหมือนที่คนเฒ่าโบราณลือกันจริงหรือ?...ฉันก็ได้แต่ฟังเพราะไม่ค่อยเชื่อเรื่องเหล่านี้แต่ก็ไม่ได้หลบหลู่แต่อย่างใด"นั่นสินะ ในโลกนี้ย่อมมีคนดีและไม่ดีปะปนกันไป เฮ้อ~~ แต่ฉันก็อยากให้โลกใบนี้มีแต่คนดีละนะ""บ่นอะไรของแกยัยณิน อะนี่น้ำที่แกฝากซื้อ""ขอบใจจ้าเพื่อนคนสวย...ไม่ได้บ่นอะไรหรอก อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วคิดเฉย ๆ น่ะ""อ่านเรื่องอะไรอะ""อาศิรวิษ""เออชื่อเรื่องแปลกแต่น่าสนใจดี ขอยืมอ่านบ้างดิ""ได้...แต่แกต้องทะนุถนอมหนังสือฉันให้ดี ๆ ห้ามยับเยินเด็ดขาดไม่งั้นฉันจะตีมือ

    Last Updated : 2025-04-25
  • อาศิรวิษ   1-เรื่องจริงหรือความฝัน(1/4)

    “ที่นี่ที่ไหนกันไม่คุ้นเลย”“แล้วนั่นอะไร?”“จะไปไหนกันเหรอคะคุณยาย”“.....”ฉันมาอยู่สถานที่นี้ได้ยังไงก็ไม่รู้ เป็นเหมือนปราสาทขอมสมัยโบราณ ทางเดินก็ค่อนข้างจะชัน ฉันเดินไปตามทางเรื่อย ๆ พร้อมกับผู้คนมากมาย ถามยายคนหนึ่งที่กำลังเดินสวนไปท่านก็ไม่ตอบ ฉันเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ จนเริ่มรู้สึกว่าเดินไม่ไหว ทางมันชันเกินไปเหมือนจะกลิ้ง แต่“จับเชือกไว้สิโยม”มีพระสงฆ์สองรูปยื่นเชือกมาให้ แล้วบอกให้ฉันจับไว้ ก็เลยทำตามเพราะกลัวว่าจะกลิ้งตกลงไป แล้วพระสงฆ์สองรูปก็ดึงพาฉันขึ้นไปจนสำเร็จ มองรอบ ๆ เป็นภูเขาสูงตระหง่าน และมียอดปราสาทอยู่บนนั้น“ที่นี่ที่ไหนเหรอคะ?”“.....”ฉันพนมมือแนบอกแล้วถามพระสงฆ์ทั้งสองรูปที่พาฉันขึ้นมา แต่ว่าท่านไม่ตอบและเดินหนีฉันไปเฉยเลย ส่วนฉันก็ได้แต่ยืนงงอยู่คนเดียว ผู้คนก็เดินผ่านไปผ่านมา แต่เหมือนกับว่าไม่มีใครสนใจหรือตอบอะไรฉันเลย ฉันเดินไปถามก็เหมือนกับว่าไม่มีใครได้ยิน นี่มันคืออะไรกัน?“คุณป้าคะ ที่นี่ที่ไหนเหรอคะ?”“...” ไม่ตอบฉันอีกแล้ว ฉันจึงวิ่งไปหาอีกคนที่กำลังเดิน“นั่นมัน...คุณยายคนนั้นนี่นา” ฉันตกใจเมื่อเห็นคนยายที่มาคุยกับฉันและเนยหวาน ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่

    Last Updated : 2025-04-25
  • อาศิรวิษ   1-เรื่องจริงหรือความฝัน 2/4

    “นะ นะ นั่นมันอะไร?”และฉันต้องผงะจนขายืนทรงตัวไม่อยู่ ล้มก้นกระแทกกับพื้นหิน ดวงตาเบิกโต กับภาพตรงหน้าคุณตาคนนั้นกลายเป็นงูที่มีรูปร่างใหญ่มาก ส่วนหัวและลำคอดูแปลกประหลาด จะว่างูก็ไม่ใช่ แต่เลื้อยเหมือนงู นั่นเรียกว่าอะไร? ฉันตกใจกลัวแทบหยุดหายใจ และรู้สึกว่าตอนนี้ฉันกำลังครองสติไม่อยู่ ท้ายที่สุดจนก็ล้มฟุบกับพื้นพร้อมความมืดในดวงตาเสียงเจื้อยแจ้วดังแว่วเข้ามาในหู การรับรู้ถ้อยคำของผู้คนที่พูดคุยกัน ทำให้ฉันรู้สึกตัว และลืมตาตื่นในถัดมา ฉันมองเพดานและรอบด้าน ทุกอย่างที่เห็นมันแปลกตาไปหมด ทั้งการตบแต่ง ข้าวของเครื่องใช้มันดูไม่เหมือนกับสิ่งที่ฉันเคยเจอมา และที่นี่ก็ไม่ใช่สถานที่ก่อนหน้าที่ฉันพบเจอ“??” ฉันงงและสงสัย พลันคิดในใจว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉันอีก ทุกอย่างมันแปลกประหลาดไปเสียหมด รวมทั้งผู้คนที่ฉันเห็นอยู่ตอนนี้“เจ้านางน้อย” ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น ฉันพยายามลุกนั่งและมองหาคนที่เธอคนนั้นเรียก“รู้สึกกระไรบ้างเพคะ” เธอยังคงถามและมองหน้าฉัน“ใครเหรอเจ้านางน้อย” ฉันงงเลยเลือกที่จะถามออกไป“พระนางอย่างไรเล่าเพคะ” เธอคนนั้นย้ำว่าเป็นฉัน นี่มันอะไรอีกล่ะเนี่ย“ฉันเหรอ?” ชี้นิ้วเข

    Last Updated : 2025-04-25

Latest chapter

  • อาศิรวิษ   10-เสียงเงียบของคนที่ไม่มีวันถูกเลือก 3

    ฉันไม่เคยคิดว่า…เสียงของบ่วงนาคบาศจะเหมือนเสียงหัวใจ มันไม่ได้ดังกังวานอย่างศาสตรา แต่มันเต้นในจังหวะเดียวกับจิตของผู้ถือมัน ราวกับกำลังฟังเสียงความจริงจากเงาลึกในตัวเอง หลังจากปลดผนึกครุฑานนท์ โลกเริ่มเปลี่ยนเส้นพลังแห่งสมดุลเริ่มเคลื่อน แต่...บางอย่างกลับต้านไว้จากเบื้องหลัง“ผณินทร...โลกนี้ยังไม่ปลอดภัย ยังมีเงาหนึ่งที่เฝ้าจ้องอยู่หลังม่านกรรม...ในวิหารไร้เงาที่ไม่มีใครกล้าเอ่ยชื่อ”เสียงจิตตรีภพกระซิบในยามค่ำ แม้ตอนนี้เขาจะไม่ใช่คนที่ฉันสัมผัสได้ตรงหน้า เขาคือพลังเงียบที่คอยคุ้มครองฉัน…ไม่ว่าวันคืนจะเลื่อนลับไปไกลเพียงใดอาศิรวิษและฉันร่วมทางกันอีกครั้ง“หากเจ้านางน้อยเข้าไปในวิหารนั้นแล้ว จะไม่สามารถเป็นคนเดิมได้อีก” เขาเตือนเบา ๆ“ข้าไม่เป็นคนเดิมตั้งแต่วันที่ได้รู้จักท่านแล้ว…” ฉันตอบดวงตาเขาสะท้อนแสงดาวในราตรีนั้น ก่อนจะเบือนสายตาลงต่ำแต่ก่อนที่เราจะก้าวข้ามเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ มีกำแพงหนึ่งที่พวกเราต้องเผชิญ ประตูแห่งกรรม ประตูนั้นไม่มีมือจับ ไม่มีกล

  • อาศิรวิษ   10-เสียงเงียบของคนที่ไม่มีวันถูกเลือก

    พิธีเริ่มต้น กลางทะเลสาบวิญญาณ ณ ผืนป่าหิมพานต์เราเริ่มพิธีในคืนที่ดาวทั้งหมดดับลง ฉันเปล่งเสียงเรียกชื่อตรีภพ เสียงนั้นทะลวงผ่านขอบฟ้ามิติ อาศิรวิษหลั่งเลือดลงกลางพิธีเกล็ดทองสว่างระยิบ ร่วงหล่นเข้าวงเวท และฉันร่ายบทสวดเรียกเสี้ยวจิต ในวินาทีที่เงาเงียบทั้งหมดรวมกัน...เศษวิญญาณของตรีภพ ปรากฏขึ้นในรูปของลูกแก้วเรืองแสงสีฟ้าอ่อน พลังของเขาไม่สามารถกลับมาเป็นคนได้อีกแล้ว แต่เขายังอยู่…ในรูปของ ดวงจิตเฝ้ามอง ฉันนำลูกแก้วนั้นไปวางไว้ใต้ต้นอโศกสีทอง ที่ขึ้นจากน้ำตาหยดแรกของฉันในวันเขาจากไป มีเขาอยู่กับฉัน แม้จะไม่ใช่แบบเดิม แต่ฉันรู้ว่า...ดวงจิตเขายังมองพวกเราจากใต้แสงฟ้านั้นอาศิรวิษยืนเคียงข้างฉัน เขาไม่เคยทวงคืนสิ่งใด“แม้เจ้านางน้อยไม่ได้รักข้าอย่างที่ข้าเคยหวัง แต่ข้าจะยืนอยู่ตรงนี้ข้างเจ้านางน้อยเสมอ”ฉันจับมืออาศิรวิษแน่น แล้วหันหน้าพูด“รู้ได้ไงว่าไม่เคยรัก”“?”“หรือว่าท่านไม่เคยใส่ใจกันแน่”“เจ้านางน้อย” อาศิรวิษเอ่ยเสียงแผ่ว แววตาของเ

  • อาศิรวิษ   เสียงเงียบของคนที่ไม่มีวันถูกเลือก

    ลมเย็นพัดแผ่วผ่านลานศิลาใต้แสงจันทร์ ฉันเดินเคียงข้างอาศิรวิษ บรรยากาศเงียบสงบอย่างประหลาด แสงไฟวาวจากโคมนาคายามค่ำ ค่อย ๆ ส่องสะท้อนระยิบบนพื้นน้ำ เขายังคงเดินอย่างเงียบขรึมตามแบบของเขา แต่ฉันจับได้ว่าทุกครั้งที่ฉันชะงักฝีเท้า...เขาจะหยุดก่อนฉันเสี้ยววินาทีเสมอ“อาศิรวิษ” ฉันเอ่ยเบา ๆ “ท่านเคยกลัวบ้างไหม ว่าวันหนึ่งทุกอย่างจะหายไปหมด”เขาหยุดเดิน แล้วหันมามอง ดวงตาสีทองนวลวาวใต้แสงจันทร์“เคย...กระหม่อมเคยกลัวจะสูญเสียท่านทั้งที่ตอนนั้นท่านยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าคือใคร” คำพูดนั้นทำให้ฉันเผลอยิ้ม“แล้วตอนนี้ล่ะยังกลัวอยู่ไหม?”“ไม่แล้ว” เขาตอบก่อนจะเอื้อมมือมาแตะที่มือฉัน“เพราะกระหม่อมจะไม่ยอมปล่อยเจ้านางน้อยไปไหนอีก”“อยู่กันแค่สองคน เราเคยคุยกันแล้วว่าจะไม่พูดคำเป็นทางการไง”“...”“แต่ช่างเถอะอยากพูดยังไงก็พูด ข้าเคยคิดว่าท่านเย็นชาแต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า...ท่านแค่ไม่เคยมีใครให้เปิดหัวใจ”เขายิ้มเบา ๆ แล้วพูดช้า ๆ“และพี่ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครอยากเปิดหัวใจให้เช่นกัน” มืออุ่นของเขาจับมือฉันไว้แน่น ไม่ใช่เพราะกลัวจะหลุดจากกัน...แต่เพราะอยากจะอยู่ด้วยกันให้นานที่สุดแต่ในขณะเดียวกัน พญาน

  • อาศิรวิษ   9-บ่วงกรรมแห่งตรีภพ 2

    หลายพันปีก่อน เอกวรา นาคินีแห่งรัก ผู้เป็นที่รักยิ่งของเหล่านาค แต่หัวใจของเธอกลับมิได้อยู่ในวิมานบาดาล เธอตกหลุมรัก อริยะ พญาครุฑหนุ่มผู้กล้าหาญ ผู้ขึ้นสู้กับทวยเทพเพื่อขอความยุติธรรมให้เหล่าสัตว์ครึ่งอสูร ความรักของทั้งคู่ต้องห้ามเด็ดขาด แต่เอกวรายอมเสียทุกสิ่ง แม้กระทั่งบัลลังก์สูงสุดเพื่อใช้ชีวิตกับอริยะในดินแดนลับแล ไม่นานเอกวราก็ให้กำเนิด เวนไตย ทารกผู้มีปีกทองแดงเหมือนครุฑ แต่ดวงตาสีแดงเรืองแสงเหมือนพญานาคทว่า...พลังที่เวนไตยถือกำเนิดมานั้น คือพลังของครุฑพันคำสาป การรวมคำสาปจากสองภพ คำสาปแห่งการหวงแหนและคำสาปแห่งการพลัดพราก“ข้าไม่อาจควบคุมเขาได้...เวนไตยเติบโตมาพร้อมความแค้น และอำนาจที่แม้แต่ข้าก็เกรงกลัว”เอกวราจึงตัดสินใจ ผนึกวิญญาณตนเองไว้ใน ดาบบุษบง เพื่อเป็นดาบที่สามารถหยุดเวนไตยได้ แต่แลกกับการที่ลูกอีกคนหนึ่ง...ต้องแบกภาระอันโหดร้ายนี้ไว้“ตรีภพ...เจ้าคือผู้สืบสายเลือดของข้า ลูกแห่งความรัก และเจ้าจะต้องเลือกระหว่างคำสาบานหรือความรัก”//ปัจจุบัน//ตรีภพลืมตาขึ้น ท่าม

  • อาศิรวิษ   9-บ่วงกรรมแห่งตรีภพ

    ฉันลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใต้เท้าคือพื้นศิลาของ วิหารเงานาคากำลังแตกแยกจากแรงอาคมสะท้อนของคำสาป ในมือยังอบอุ่นจากการกุมของอาศิรวิษ พลังในร่างกายเปลี่ยนไปคล้ายมีบางสิ่งแฝงตัวในเลือดและลมหายใจ เห็นบางอย่างในเงาสะท้อนของผืนน้ำ...นัยน์ตาแปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มเรืองแสง มีอักขระคล้ายเกล็ดนาคาซ้อนกันอยู่“นี่คืออะไร ทำไมมันเปลี่ยนไปมากขนาดนี้”อาศิรวิษยกมือประคองบ่าของฉันเบา ๆ ดวงตาคมเหมือนพญานาคที่หลับใหลมานานมองฉัน“มันคือตัวตนแท้จริงของท่านเจ้านางน้อย ข้ารู้ว่าท่านสงสัย เพียงแต่ตอนนี้เราต้องไปช่วยตรีภพเสียบัดเดี๋ยวนี้ ก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป”ฉันกับอาศิรวิษรีบเดินทางผ่านประตูเงานาคาชั้นใน อาศิรวิษเล่าว่านี่เป็นช่องว่างที่เชื่อมระหว่างภพมนุษย์กับแดนพันธนา สถานที่ที่ตรีภพถูกคุมขังด้วยตราอาคมของครุฑ และฉันมองเห็นเขาตรีภพ นั่งคุกเข่าอยู่กลางวงแหวนอาคม มีเสาเทพครุฑ ปักไว้สี่ทิศ อาคมค่อย ๆ ดูดพลังชีวิตเขาทีละหยด ผิวของตรีภพเริ่มซีดเผือด ริมฝีปากแตก แต่แววตายังแน่วแน่“เกี่ยวกับเวนไตยด้วยอย่างนั้นเหรอเนี่ย ซับซ้อนเกิน” ฉันพึมพำในใจฉันเลิกคิดเรื่องกวนใจ แล้วพุ่งเข้าไปแต่กลับถูกม่านครุฑศิลป์ต้า

  • อาศิรวิษ   8-เพลิงคำสาปและเสียงครูบา 2

    เสียงคำรามของเงานาคาก้องไปทั่วซากวิหารโบราณพื้นดินแตกระแหง ต้นไม้ล้มระเนระนาด และ “ตรีภพ” ถูกตรึงร่างไว้กลางลานพิธีด้วยเงาดำ พันธะคำสาปที่กำลังจะกลืนกินหัวใจของเขา“พี่ภพ!!” ฉันแผดเสียงเรียกอย่างแหบพร่า หัวใจเหมือนจะแตกออกจากอก เห็นตรีภพเหมือนกำลังจะขาดใจ ฉันหยัดแรงและตั้งท่าจะพุ่งเข้าไปช่วย แต่เสียงกึกก้องดุจสายฟ้าผ่าก็ดังขึ้นจากด้านหลัง“อย่าเข้าไป!! นั่นคือคำสาปของเทวนาคา ท่านจะแตะต้องมันไม่ได้!!”เสียงนั้น... ฉันรู้ดีว่าเป็นใคร“อาศิรวิษ”ชายร่างสูงสง่าในชุดนักรบโบราณสีดำปักลายเกล็ดนาคา อาศิรวิษพญานาคองครักษ์ประจำตัว และคนที่ฉันเฝ้ามองอยู่เงียบ ๆเมื่อลงจอดกลางวิหารเงานาคา...อาศิรวิษเข่าทรุดลงกับพื้น ดวงตาของเขาจ้องมาทางฉัน มันเป็นแววตาที่หนักแน่นปะปนด้วยค

  • อาศิรวิษ   8-เพลิงคำสาปและเสียงครูบา

    รุ่งเช้าของวันใหม่ ฟ้าสางเหนือเทือกเขานาคบาศงามจับใจ แต่ภายใต้ความสงบกลับซ่อนบางสิ่งที่อึดอัดไว้ลึก ๆ ฉันนั่งอยู่บนหลังม้าสีหมอก ข้างกายเป็นสหายแต่วัยเยาว์ สายตาเขามองตรงไปเบื้องหน้า แต่ใจเราสองคนกลับจดจ่อกับอดีตที่ยังไม่ได้รับคำตอบ มันเหมือนมีความรู้สึกบางอย่างมักฉายภาพเข้ามาในหัวของฉัน ซึ่งฉันไม่เข้าใจ“ศาลาพันธะนาคาอยู่ห่างจากวังหลวงหนึ่งวันทางม้า ทว่าหากเรากลายร่างเป็นพญานาคไปจักเร็วขึ้น แต่อาจจะทำให้ศัตรูเห็น จึงจำเป็นต้องเดินทางด้วยม้า เจ้านางน้อยพร้อมหรือไม่” เขาถามเสียงเรียบ“ตั้งแต่ที่ข้าถูกใส่ความ ข้าก็ไม่เคยหยุด...พร้อมมากเลยล่ะ” ฉันตอบพลางกระตุกบังเหียนเบา ๆ พลันหวนคิดคำแทนตัวก็นึกตลก ฉันอยู่จนพูดคำโบราณเหล่านี้ออกมาอย่างไม่ขัดเขินแล้วเหรอเนี่ย ก็อย่างว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามฉันและตรีภพเดินทางผ่านป่าทึบและธารน้ำใส ก่อนจะไปถึงเนินเขาเตี้ย ๆ ที่ตั้งของ ศาลาโบราณ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่ผูกสา

  • อาศิรวิษ   7-ปัญหาที่ต้องรับมือ 4/4

    ประตูท้องพระโรงเปิดออกอย่างฉับพลัน“หัวหน้ายามวิหารอาคมมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ชายชราร่างผอม ผมเผ้าขาวโพลน เดินเข้ามาพร้อมกับก้มกราบเจ้าหลวงอย่างเคารพ“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะ”“เราต้องการให้เจ้าตอบความหนึ่ง” เจ้าหลวงเอ่ย “คืนก่อนบ่วงนาคบาศจะหาย เจ้าได้อนุญาตให้ผู้ใดเข้าวิหารหรือไม่?”“ไม่ได้มีผู้ใดเข้ามาพ่ะย่ะค่ะ ทุกอย่างสงบเรียบร้อยดี” เขาขมวดคิ้ว “เว้นแต่...”“เว้นแต่?” เจ้าหลวงถามเสียงเข้ม“เว้นแต่มีข้ารับใช้คนหนึ่งมาขอเข้าไปตรวจตราตอนก่อนรุ่งสาง พ่ะย่ะค่ะ”ทุกคนในท้องพระโรงตกใจ ฉันหันขวับไปมองตรีภพ ดวงตาของเขาฉายแววคาดเดาออกมาแล้ว“เป็นใคร?” ฉันถามเสียงดังหัวหน้ายามนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบผ้าแพรผืนเล็กออกจากอกเสื้อ ยื่นให้เจ้าหลวง“ข้ารับใช้ผู้นั้นลืมผ้าไว้พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยเก็บไว้ยังไม่ได้ส่งคืน ในผ้ามีลายปักรูปดอกบุนนาค...ข้าน้อยจำได้ดี”ฉันกับตรีภพสบตากันทันที“ดอกบุนนาค

  • อาศิรวิษ   7-ปัญหาที่ต้องรับมือ 3/4

    “ตอนนี้ไม่มีผู้ใดแล้ว นับว่ามีแต่คนในครอบครัว พ่อจักไม่ยื้อถามให้มากความ...อัปสรา”“เพคะ”“ครั้นก่อนหน้าไยเจ้าจึงได้บอกว่าผณินทรเป็นผู้ขโมยบ่วงนาคบาศไป” เจ้าหลวงเอ่ยอย่างตรงประเด็น ฉันเห็นสีหน้าของอัปสราสลดลงทันตา ทุกคนจ้องมองไปยังเธออย่างเฝ้ารอการโต้ตอบ เธอดูประหม่ากำมือแน่น แขนสั่นเทา ฉันเห็นความกลัวในแววตาของเธอชัดเจน“เช้ามืดของวันนั้นลูกตื่นแต่เช้า เพราะนอนไม่หลับ ลูกเห็นเจ้าพี่ผณินทรออกมาจากวิหารอาคมเพคะ ต่อมาก็ได้ยินข่าวว่าบ่วงนาคบาศหายไป จึงไปกราบทูลให้เสด็จพ่อทรงทราบ หากไม่ใช่ท่านพี่จักเป็นผู้ใดได้เล่าเพคะ ในเมื่อไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปในวิหารอาคมนี้ได้”อัปสราเล่าเรื่องราว ทำเอาฉันถึงกับกำมือแน่นด้วยความโมโห แต่ต้องข่มอารมณ์ไว้ รอดูต่อไปว่าเธอจะใส่ร้ายฉันยังไงอีก จากที่เธอเล่ามามันย้อนแย้งกันมาก เพราะเป็นวันที่ฉันไม่ได้อยู่ในเขตพระราชวัง เรื่องนี้มันชักจะไม่

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status