“มาพอดีเลย ไมร่ากำลังจะโทรหาพี่เมสันอยู่พอดีว่าเมื่อไหร่จะพาลินกลับ” เมื่อเห็นพี่ชายเดินนำหน้าเพื่อนสาวเข้ามาในบ้านจากที่กำลังจะกดโทรศัพท์หา ไมร่าก็เปลี่ยนเป็นเดินเข้าไปหาคนทั้งสองแทน
“เย็นนี้ลูคัสจะมาทานข้าวเย็นด้วยนะ” เมสันบอกน้องสาว
ชื่อของลูคัสทำให้ไมร่ามีท่าทีแปลกไปทันทีจนเมสันสังเกตได้แต่ก็ไม่คิดจะพูดอะไรไปมากกว่าการบอกน้องสาวให้ทราบถึงการมาของเพื่อนตนเอง
“บ้านเขาไม่มีข้าวกินหรือยังไงคะถึงต้องมากินบ้านเรา” ไมร่าบ่นอุบอิบไม่กล้าสบตาพี่ชาย
“เราเป็นเจ้าของบ้าน อย่าแสดงอาการแบบนี้ต่อหน้าแขกนะไมร่า” เมสันปรามน้องสาว
“ไมร่ารู้ค่ะไม่ได้พูดให้เขาได้ยินสักหน่อย”
“แล้วเรื่องเรียนของเราจัดการเรียบร้อยหรือยัง” เมสันเปลี่ยนเรื่องคุย
“เรียบร้อยค่ะไม่ต้องห่วง ว่าแต่ทำไมพี่เมสันถึงพาเพื่อนไมร่าไปอยู่ที่บริษัทตั้งครึ่งค่อนวัน ปกติไม่ชอบให้ผู้หญิงไปวุ่นวายที่ทำงานไม่ใช่เหรอคะ” คำถามและท่าทางเหมือนแปลกใจของน้องสาวทำให้เมสันต้องเหลือบมองไปทางไพลินที่กำลังมองมาทางเขาเช่นกันก่อนจะตอบน้องสาวสั้น ๆ
“มีงานด่วนที่ต้องให้เจเดนทำ”
“แบบนี้นี่เอง นึกว่าเพื่อนไมร่าได้รับสิทธิ์พิเศษเสียอีกที่ได้ย่างกรายไปเขตหวงห้าม” เมสันที่ไม่เคยรู้สึกอะไรง่าย ๆ กลับหวั่นไหวแปลก ๆ กับคำพูดของน้องสาว
“แล้วลินลองปรึกษาพี่เมสันดูหรือยังเรื่องที่อยากจะหางานทำ” ไมร่าหันมาถามเพื่อนสาวในเรื่องที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้
“เอ่อ...” คราวนี้เป็นไพลินที่พยายามมองเมสันเพื่อหวังว่าเขาจะตอบคำถามของไมร่าให้กับเธอ เพราะเธอเองก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนจากเขาเหมือนกัน ถึงแม้เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาจะได้ลองเกริ่นไปแล้วแต่ก็เหมือนจะไม่ได้คำตอบเรื่องนี้ มีเพียงเรื่องเรียนที่เธออยากจะสอบเข้ามหาลัยของรัฐในปีหน้าแต่เมสันไม่อนุญาตและให้เธอเรียนมหาลัยที่เขาเลือกให้
“เดี๋ยวจะหางานให้แต่ไม่ใช่ตอนนี้ จัดการเรื่องเรียนอะไรให้เข้าที่เข้าทางแล้วค่อยมาว่ากันใหม่” ชายหนุ่มบอกพร้อมมองไปยังคนต้นเรื่องที่ยืนสงบอยู่
“ตกลงพี่เมสันจะเป็นคนหางานให้ลินเองใช่ไหมคะ ไมร่าจะได้ไม่ต้องไปถามงานที่เพื่อน ๆ ให้ลิน” ไมร่าถามพี่ชายให้แน่ใจ
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปไพลินอยู่ในความปกครองของพี่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามถ้าพี่ยังไม่อนุญาต ห้ามทำ!” น้ำเสียงจริงจังที่บอกออกมานั้นเป็นคำตอบให้กับไมร่าและไพลินได้เป็นอย่างดี
“คุณลูคัสมาถึงแล้วครับ” ดีแลนเดินเข้ามารายงานให้เจ้านายทราบ เมสันพยักหน้าก่อนจะเดินไปยังห้องอาหารที่ถูกจัดโต๊ะเตรียมไว้เรียบร้อยตามคำสั่งของตนเองที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้ ไมร่าจึงลากแขนไพลินให้เดินตามพี่ชายไปติด ๆ
“ไม่เจอตั้งนานไม่คิดจะทักทายพี่หน่อยเหรอไมร่า” ลูคัสทักทายหลังจากที่นั่งมองน้องสาวเพื่อนอยู่นานตั้งแต่มาถึง แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีจะพูดกับเขาเพียงแต่ก้มหัวเป็นเชิงทักทายตามมารยาทตอนเขานั่งลงบนโต๊ะอาหารก็เท่านั้น
“ไมร่าก็ทักพี่ลูคัสไปแล้วนี่คะ” เสียงอ่อนตอบกลับ
“นั่นเรียกว่าทักเหรอ นึกว่ากิ้งก่ากระโดกหัวเสียอีก” ลูคัสว่าเสียงนิ่งเรียกให้คนที่ถูกพาดพิงมองมาตาขุ่น
ลูคัสรู้สึกชอบพอไมร่าตั้งแต่อีกฝ่ายอายุ 16 ปี ตอนนั้น ลูคัสมางานวันเกิดของเมสันซึ่งจัดขึ้นที่บ้านของเดวาลอฟและก็ได้พบว่าน้องสาวของเพื่อนที่ไม่ได้เห็นมานานนั้นกำลังเข้าสู่วัยแรกสาวและมีรูปร่างหน้าตาสวยถูกใจจนลูคัสไม่อยากจะละสายตา
คืนนั้นทั้งคืนลูคัสยอมที่จะไม่ใกล้ผู้หญิงคนไหนไม่ว่าจะเป็นบรรดานางแบบคู่ควงเดิมของตนเองหรือแม้แต่สาว ๆ ที่ถูกส่งตัวมาเพื่อดูแลงานในวันนั้นจนเมสันที่เป็นเจ้าของงานยังแปลกใจ แต่คนอย่างเมสันไม่ปล่อยให้ตัวเองคาใจได้นาน ไม่ทันพ้นคืนนั้นเมสันก็ได้คำตอบถึงท่าทีแปลก ๆ ของลูคัสและนำมาซึ่งการถกเถียงของสองหนุ่มในเวลาถัดมา
เมสันแสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ไมร่ายุ่งเกี่ยวกับ ลูคัสในเชิงชู้สาวเพราะเสือย่อมรู้นิสัยเสือ เมสันไม่เชื่อว่าลูคัสจะจริงจังกับน้องสาวตนเอง ถึงแม้ว่าลูคัสจะเป็นเพื่อนที่ดีและมิตรทางธุรกิจที่แฟร์ที่สุด แต่เรื่องส่วนตัวเป็นสิ่งที่ไม่สามารถบังคับกันได้ นิสัยล่าเหยื่อเนื้ออ่อนของลูคัสที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่เมสันค้านหัวชนฝาเมื่อลูคัสเดินมาบอกอย่างลูกผู้ชายว่าชอบน้องสาวของเขา
ทว่าตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ลูคัสกลับเป็นเสือจำศีลด้านผู้หญิงได้อย่างเหลือเชื่อ ไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนไหนให้เป็นข่าว ไม่ควงกับผู้หญิงคนไหนให้ต้องเป็นปัญหาภายหลัง และยังหมั่นมาที่บ้านเดวาลอฟเป็นว่าเล่น พยายามเอาตัวเองเข้ามามีบทบาทในชีวิตของไมร่าจนเมสันดูออกว่าน้องสาวของเขานั้นถลำเข้าไปในหลุมพรางของลูคัสไปเรียบร้อย
ตอนไมร่าต้องไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศไทย นั้นลูคัสโวยวายหัวเสียไปเป็นเดือน แต่เพราะเมสันงัดไม้ตายมาพูดว่าหากรักจริงก็ต้องรอ ลูคัสที่ถึงแม้จะอยากขัดแต่เมื่อคิดว่าสิ่งที่เมสันพูดจะเป็นข้อพิสูจน์ความจริงใจของตนได้จึงต้องยอม แต่ก็ยังแอบส่งบอดี้การ์ดไปคอยดูแลไมร่าอยู่ห่าง ๆที่ประเทศไทย และนี่เป็นเหตุผลที่เมสันดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจที่น้องสาวคนเดียวไปอยู่ต่างถิ่นและทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็นที่ลูคัสส่งคนไปคอยตามติดน้องสาวเขา
เมสันแอบนับถือในความจริงใจที่ลูคัสแสดงออกมา เพียงแต่รอให้ไมร่าโตอีกนิดหรือเข้ามหาลัยเสียก่อนก็จะเปิดทางให้เพื่อนมากขึ้น หากลูคัสทำได้จริงอย่างที่พูดการได้ลูคัสมาดูแลน้องสาวคนเดียวของเขาเมสันมองว่ามันก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวนัก
“มึงจะดื่มอะไร” เมสันถาม
“เหมือนเดิม” ลูคัสตอบห้วน ๆ
วอดก้าสีเหลืองทองถูกรินใส่แก้วยื่นมาตรงหน้า ลูคัส กระดกรวดเดียวหมดแก้วแล้วมองไมร่าด้วยสายตาบางอย่างที่คนถูกมองต้องรีบหลบตา
การกระทำของลูคัสและท่าทีของไมร่าไม่ได้รอดพ้นสายตาของเมสัน แต่ชายหนุ่มเลือกที่จะสังเกตแบบเงียบ ๆ มากกว่าจะแสดงท่าทีหรือความคิดเห็นอะไรออกไป
“แล้วน้องลินล่ะครับเป็นยังไงบ้าง อเมริกาน่าอยู่สู้เมืองไทยได้หรือเปล่า” ลูคัสคิดอะไรได้บางอย่างจึงเปลี่ยนเป้าหมายในการชวนคุยมาที่ไพลินทั้งยังแสดงท่าทางกรุ้มกริ่มทางสายตาแบบไม่ปิดบัง
“เอ่อ..ค่ะน่าอยู่คนละแบบค่ะ” ไพลินตอบแบบเกร็ง ๆ เพราะยังไม่ชินกับการต้องร่วมโต๊ะกับผู้ใหญ่ อีกอย่างลูคัสก็ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธออยู่
“วันหลังเชิญไปทานอาหารที่บ้านเบนิซิโอนะครับพี่ยินดีต้อนรับ เผื่อว่าจะอยากเปลี่ยนจากการอยู่ภายใต้การดูแลของ เมสันมาเป็นพี่” พูดจบก็เหลือบไปมองเจ้าของบ้านที่นั่งตรงหัวโต๊ะและกำลังยกแก้วน้ำสีอำพันขึ้นจรดปาก สายตาดุดันของ เมสันที่กำลังมองมาที่ตนนั้นลูคัสรู้ดีว่ามันกำลังบอกอะไรเขา สิ่งที่ลูคัสกำลังสงสัยอยู่ ตอนนี้ได้คำตอบที่ชัดเจนแล้วจากดวงตาคู่นั้น
“ลินเป็นเพื่อนไมร่าก็ต้องอยู่บ้านไมร่า อีกอย่างพี่เมสันก็สนับสนุนลินในการอยู่ที่นี่ทุกด้านอยู่แล้วคงไม่รบกวนพี่ลูคัสหรอกค่ะ” น้ำเสียงหยิ่ง ๆ พร้อมใบหน้าที่เชิดขึ้นเล็กน้อยยามเมื่อพูดออกมานั้น หากลูคัสไม่เข้าข้างตัวเองเกินไปเขาแน่ใจว่านัยน์ตาคู่สวยของไมร่าเจือไว้ด้วยความผิดหวังบางอย่าง
“เรื่องนั้นพี่ว่าคงต้องให้น้องลินตัดสินใจเองจะดีกว่า” ลูคัสยังเล่นไม่เลิกทำให้ไมร่าที่พยายามเก็บอาการน้อยใจจากคนที่ตนเองแอบชอบเผยความรู้สึกผิดหวังออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน
“ไพลินคือคนของกู…คือคนของเดวาลอฟ…และจะอยู่ในความดูแลของกูเท่านั้น มึงพอใจหรือยังกับสิ่งที่อยากรู้” สายตากร้าวมองลูคัสนิ่ง เสียงทุ้มต่ำพูดตัดบทด้วยรู้เท่าทันความคิดและจุดประสงค์ของอีกฝ่ายดี
ลูคัสยิ้มอ่อนดันลิ้นกระทุ้งแก้มเบา ๆ มองชายผู้เป็นเจ้าของบ้านด้วยประกายตาบางอย่าง คิดในใจว่าสมแล้วที่เป็น เมสัน มิคาอิล เดวาลอฟ
เมื่อวันแรกของการเปิดภาคเรียนมาถึงไพลินรู้สึกตื่นเต้นจนแทบไม่อยากทานอาหารมื้อเช้าเลยสักนิด เพราะกังวลเกี่ยวกับสังคมใหม่ที่เธอกำลังจะเจอถึงแม้จะศึกษาวัฒนธรรมและเรียนรู้การอยู่ร่วมกับสังคมที่นี่มาจากไมร่าบ้างแล้วแต่พอจะต้องฉายเดี่ยวเธอกลับรู้สึกตื่นเต้นออกจะค่อนไปทางกลัวเสียด้วยซ้ำ“ลิน…เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมดูสีหน้ากังวลจัง” ไมร่าที่สังเกตเห็นความผิดปกติจากสีหน้าของเพื่อนสาวถามขึ้นมา“ลินแค่ตื่นเต้นที่วันนี้จะได้ไปเรียนวันแรกไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกเดี๋ยวพอเริ่มคุ้นเคยกับสถานที่และเพื่อนร่วมคลาสก็จะชินเอง มีอะไรโทรหาไมร่าได้เลยนะ”“ขอบใจนะไมร่า” เสียงเบาเอ่ยขอบคุณยิ้ม ๆ แม้จะอุ่นใจขึ้นมาบ้างที่อย่างน้อยหากมีอะไรก็ยังมีไมร่าให้นึกถึงแต่ความกังวลก็ยังไม่หมดไปอยู่ดี ไพลินคิดแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เมสันเดินเข้ามาในห้องอาหารและเห็นท่าทางคล้ายหนักใจของเธอ“มีอะไรหรือเปล่า” สายตาที่มุ่งตรงมายังเธอทำให้ไพลินรู้ว่าคนที่ต้องตอบคำถามเขาไม่ใช่ไมร่าแต่เป็นเธอต่างหาก“เอ่อ…เปล่าค่ะ” เมสันหรี่ตามองรู้ดีว่าเธอปดเขา“ฉันไม่ชอบคนโกหก”“คือลินเขาตื่นเต้นน่ะค่ะที่ต
เมสันยอมปล่อยไพลินให้ลงจากรถหลังเธอเริ่มคลายความตื่นกลัวจากการกระทำของเขาเพราะคิดว่าไม่ควรรุกเธอไปมากกว่านี้ เขาอยากให้เธอได้เรียนรู้เขาในหลาย ๆ มุมเหมือนกับที่เขาอยากจะลองค้นหาเธอเช่นกัน ชายหนุ่มยอมรับว่าเพื่อนของน้องสาวคนนี้ถูกใจเขาไม่น้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเป็นสาววัยแรกแย้มหรือเป็นเพราะใบหน้าหวานที่มีเครื่องหน้าลงตัวและท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตัวของเธอที่เขาไม่เคยเจอจากผู้หญิงอื่นกันแน่ ที่ทำให้คนอย่างเขาอยากค้นหาหากจะเทียบกับคู่ควงของเขาที่ผ่านมาแล้วไพลินคือผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุดที่เขาคิดอยากสานสัมพันธ์ เมสันมีกฎว่าเขาจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงวัยแตกเนื้อสาวหมาด ๆ หรือสาววัยมหาลัยเพราะรู้สึกว่าเป็นวัยที่ยังไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะเข้าใจในความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดแต่เมื่อเจอกับเพื่อนของน้องสาวที่มาจากประเทศไทยคนนี้กลับทำให้เขาอยากลองแหกกฎที่รักษามานานโดยยังไม่ได้คิดว่าความสัมพันธ์จะสั้นหรือยาวแค่ไหน เพียงแต่ตอนนี้เขารู้สึกถูกชะตาและถูกใจอยากจะเอามาไว้ใกล้ตัวแบบไม่ให้ห่างตาก็เท่านั้น สิ่งเดียวที่มั่นใจตอนนี้ก็คือผู้หญิงคนนี้คือข้อยกเว้นทุกกฎที่เขาเคยมีหลังจากรถที่บ้านเดวาลอฟเคลื่อนตัวห่าง
เจเดนไปรับไพลินมาหาเมสันที่บริษัท ความรู้สึกประหม่ากลับมาอีกครั้งเมื่อใกล้จะถึงบริษัทของเมสัน เรื่องราวเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าเริ่มกลับมาทำให้หัวใจเธอสั่นไหวอีกรอบระหว่างที่เดินตามเจเดนเข้ามาในตึกใหญ่ ขาทั้งสองข้างของไพลินสั่นจนแทบก้าวไม่ออกแต่สุดท้ายก็มาถึงหน้าห้องทำงานของคนที่เป็นเจ้าของบริษัทและเจ้าของตึกสไตล์โมเดริ์นที่สูงตระหง่านอยู่ใจกลางกรุงวอชิงตัน“เชิญคุณไพลินด้านในเลยครับ” ดีแลนพูดพร้อมส่งรอยยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร ไพลินมองเจเดนคิดว่าอีกฝ่ายจะเดินนำเธอเข้าไปด้านในเหมือนครั้งก่อนแต่เจเดนที่ยืนหันข้างให้เธอกลับถอยหลังเหมือนเปิดทางให้เธอเดินเข้าไปคนเดียว“ให้หนูเข้าไปคนเดียวเหรอคะ?” ท่าทีไม่มั่นใจมองหน้าเลขาของเมสันและผู้ช่วยของเขา“ครับ คุณเมสันบอกให้คุณไพลินเข้าไปหาถ้ามาถึงครับ” ดีแลนและเจเดนแอบมองหน้ากันด้วยสงสารหญิงสาวที่สีหน้าดูกังวลเมื่อต้องเข้าไปหาเจ้านายพวกตนคนเดียวระหว่างที่ไพลินกำลังยืนทำใจอยู่นั้นประตูห้องทำงานบานใหญ่ก็เปิดออกมาจากด้านใน ร่างสูงในชุดสูทสีดำที่ดูเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเดินออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยกำลังมองเอกสารบางอย่างในมือที่ถือออกมาให้ดีแลน แต่จั
“พอดีเป็นเพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักวันนี้ ในคลาสก็มีการแลกเบอร์กันเผื่อว่าต้องติดต่อกันเรื่องเรียน ลินก็เลยแลกกับเพื่อน ๆ ไปหลายคน ขอโทษนะคะถ้าหากว่าทำให้คุณไม่พอใจ” “พึ่งไปเรียนวันแรกฉันนึกไม่ออกว่ามีเรื่องเรียนที่สำคัญอะไรที่ต้องโทรมาทั้งที่พึ่งเลิกคลาส” หญิงสาวไม่ตอบ เพราะก็ไม่รู้ถึงเหตุผลที่ไรอันโทรมาทั้งที่พึ่งเลิกคลาสอย่างที่เมสันว่าไพลินรู้สึกว่าเค้กตรงหน้าที่ดูจะอร่อยในตอนแรกกร่อยไปทันทีทั้งที่ยังไม่ได้ชิมเพราะอารมณ์ของผู้อุปถัมภ์ที่ตึงจนเธอรู้สึกได้เมสันไม่ได้โกรธหญิงสาวเพียงแต่เขาหงุดหงิดตัวเองที่กำลังกลายเป็นคนไม่มีเหตุผลควบคุมอารมณ์ไม่ได้ยามเมื่อมีชายอื่นเข้ามาพัวพันในชีวิตไพลิน ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะตีกรอบไม่ให้เธอคุยกับผู้ชายอื่นไพลินเรียนมหาลัยและมหาลัยก็ไม่ได้มีแต่ผู้หญิงเรียน เธอยังต้องมีสังคม..เมสันเตือนตัวเองใจใน“ถ้าคุณไม่พอใจเดี๋ยวลินจะนั่งลบเบอร์ของเพื่อน ๆ ในวันนี้ออกให้หมดเหลือแต่เบอร์ของคุณกับไมร่าเหมือนเดิมค่ะ”“ไม่เป็นไร…เธอยังต้องมีสังคม ฉันเป็นแค่ผู้ให้ทุนเรียน ไม่ใช่เจ้าชีวิตเธอ” เธอรู้ว่าเขาไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ห้ามและบังคับให
เกือบปีที่ไพลินมาอยู่ที่อเมริกาเธอเรียนรู้วิถีชีวิตต่างแดนและวัฒนธรรมการใช้ชีวิตทุกด้านของอเมริกาจนทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น มีเพียงปัญหาเล็กน้อยที่เกิดจากผู้ให้ทุนเธอเท่านั้นที่ไพลินยังแก้ไม่ตก เพราะจนถึงวันนี้เมสันก็ยังไม่เคยให้เธอได้ลองใช้ขนส่งสาธารณะของอเมริกาเลยสักครั้งสมาชิกทุกคนของบ้านเดวาลอฟให้ความเป็นมิตรแก่เธอเป็นอย่างดีไม่เคยมีสักครั้งที่ใครจะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ถึงแม้บางครั้งไมร่าเองจะมีกิจกรรมที่มหาลัยและไพลินเองก็มีกิจกรรมที่มหาลัย จนบางทีหลายวันกว่าจะเจอกันครั้งหนึ่งแม้จะอยู่บ้านเดียวกันก็ตาม แต่เมื่อเจอกันไมร่าก็ยังคงใส่ใจและเป็นห่วงเธอไม่เปลี่ยน“วันมะรืนนี้วันเกิดของลินใช่หรือเปล่า เราไปฉลองกันข้างนอกหรือฉลองที่บ้านกันดี” ไมร่าพูดขึ้นบนโต๊ะอาหารเช้า“อย่าเลยไมร่าเปลืองเปล่า ๆ แค่นี้ลินก็เกรงใจจะแย่”“เกรงใจอะไรกันวันเกิดมีแค่ปีละครั้งไม่ใช่มีทุกวันเสียหน่อย ที่นี่ไมร่าจะเลี้ยงฉลองกันทุกปีนะไม่ว่าจะวันเกิดไมร่าหรือวันเกิดพี่เมสัน แต่รายนั้นไม่ค่อยจัดที่บ้านหรอก ไมร่าห้ามไม่ให้พี่เมสันพาคู่ควงคนไหนมาบ้านเพราะงานวันเกิดพี่เมสันต้องมี ดารานางแบบที่หมายมั่น
“ฉันบอกให้เธอพูด!!!” เมื่อเธอยังคงเงียบเขาจึงตะคอกอีกครั้งอย่างหมดความอดทน“ไม่มีค่ะ” เสียงสั่นเครือตอบโดยไมมองหน้าเมสันกำหมัดแน่นยับยั้งอารมณ์ไม่ให้ตัวเองต้องเผลอเสียงดังหรือตะคอกใส่หญิงสาวอีก ตอนนี้เธอกำลังกลัวเขา เมสันพยายามบอกตัวเองว่าการใช้อารมณ์ไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก แต่กลับจะทำให้ทุกอย่างดูแย่ลง ชายหนุ่มพยายามควบคุมอารมณ์ให้เย็นลงแล้วดึงร่างบางเข้ามากอด ทันทีที่ได้รับไออุ่นจากเขาไพลินก็ถึงกับปล่อยโฮออกมา มือหนายกขึ้นลูบศีรษะทุยอย่างเบามือ เขาปล่อยให้เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นจนพอใจโดยไม่สนคราบน้ำตาที่เปรอะเปื้อนสูทราคาแพงของตัวเองแม้แต่น้อย“ไม่พอใจฉันเรื่องที่ไมร่าพูดหรือไง” อารมณ์ที่เริ่มควบคุมได้ทำให้น้ำเสียงดูอ่อนลง หญิงสาวยังคงเงียบแม้จะคลายจากอาการสะอื้นบ้างแล้ว เมสันค่อย ๆ ดันเธอออกห่างเพื่อจะได้มองหญิงสาวให้ถนัดตา ดวงตาที่แดงก่ำผสมไปด้วยความเศร้าหมองนั้นทำให้ชายหนุ่มแทบอยากจะชกหน้าตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้เธอต้องร้องไห้“ลินไม่เป็นไรแล้ว คุณปล่อยลินก่อนเถอะค่ะ” เธอดันตัวเขาให้ออกห่างและพยายามให้ตัวเองหลุดออกจากการโอบรัดนั้น“คนโกหกต้องโดนอะไรรู้ใช่มั้ย” เมสันไม่ปล่อยและตีหน้าขร
ไฟในห้องถูกปรับให้สลัวพอให้ได้เห็นหน้ากัน ปากหยักได้รูปฉกลงมาควานหาความหอมหวานอีกครั้ง เรียวลิ้นสากแทรกผ่านริมฝีปากบางไปสำรวจความหอมหวานภายในอย่างถือสิทธิ์ ไพลินแหงนหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อรองรับรสจูบนั้น ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เธอดูกล้ามากขึ้นที่จะเผยความรู้สึกที่มีต่อชายหนุ่มออกไป ท่าทางไม่ประสีประสาของหญิงสาวทำให้ความต้องการของเมสันเริ่มปะทุขึ้นเรื่อย ๆ ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นภายในสร้างความรู้สึกผ่อนคลายให้ไพลินอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นตามธรรมชาติบวกกับความกล้าจากฤทธิ์ของพั้นซ์สีสวยทำให้ หญิงสาวอยากที่จะลองตอบสนองเขาตามที่ใจเรียกร้อง ชายหนุ่มครางอย่างพอใจเมื่อรู้สึกถึงปฏิกิริยาของอีกฝ่ายที่ตอบสนองเขา อารมณ์ชายเริ่มโหมกระหน่ำจนแทบควบคุมไม่อยู่เมสันผละริมฝีปากออกแล้วย่อตัวช้อนเอาร่างบางขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนพาเดินไปยังเตียงกว้าง ไพลินซบหน้าเข้าหาอกแกร่งในขณะที่เรี่ยวแรงตอนนี้เหลือเพียงน้อยนิดเพราะถูกคนตัวโตสูบไปเกือบหมด เขาวางเธอลงบนเตียงกว้างที่หนานุ่มแล้วซุกหน้าซอกไซ้ไปตามแก้มนวลเรื่อยลงมาตามซอกคอที่หอมกรุ่นจากกายสาวและฝังหน้าอยู่ตร
ไพลินลืมตาขึ้นมาช้า ๆ หลังจากเพลิงรักจบลงเธอก็หลับใหลด้วยความอ่อนเพลียไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ หญิงสาวตั้งท่าจะขยับให้ตัวเองหลุดพ้นจากการโอบรัดของคนที่กอดเธอไว้ แต่พอจะพลิกกายอ้อมแขนที่รัดเธอไว้ก็รัดแน่นขึ้นไปอีก“จะไปไหน” เสียงเบาแต่หนักแน่นเอ่ยทั้งที่เจ้าของเสียงยังไม่ลืมตา“คุณกลับห้องเถอะค่ะ อีกไม่นานก็จะเช้าแล้วเดี๋ยวมีใครเห็น”“ชั้นนี้ทั้งชั้นนอกจากฉันกับไมร่าและเธอ คนอื่นไม่มีสิทธิ์เข้ามาย่างกรายถ้าไม่ได้รับอนุญาต”“แต่ไมร่าจะรู้ถ้าคุณยังไม่ออกไปตอนนี้”“เธอกำลังไล่ผัวตัวเองอยู่นะ” ไพลินหน้าแดงกับสรรพนามที่เขาใช้แทนตัวเองกับเธอ“ถ้าไมร่ารู้ว่าลินทำตัวแบบนี้ไมร่าจะต้องผิดหวังในตัวลิน” ความกังวลเริ่มฉายชัดบนใบหน้ากลัวว่าเพื่อนจะรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น“เป็นเมียฉันมันน่าผิดหวังตรงไหน” เปลือกตาที่ปิดสนิทลืมขึ้นมาทันทีแล้วถามด้วยเสียงเรียบนิ่ง“ผิดที่หนูไม่มีอะไรคู่ควรพอที่จะอยู่ข้างคุณยังไงคะ” เสียงที่แผ่วเบาบอกอย่างเศร้า ๆเมสันขยับกายลุกนั่งเมื่อได้ยินสิ่งที่ไพลินพูดออกมา แววตาเครียดขรึมมองหญิงสาวอย่างนิ่งงันพร้อมกับกรามหนาที่บดเข้าหากันแน่นเพื่อสกัดกลั้นอารมณ์ขุ่นมัวในสิ่งที่ได้ยิน
หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้วเมสันก็ตั้งใจจะบินไปประเทศไทยกับภรรยาสาวเพื่อเยี่ยมครอบครัวของเธอ แต่ตารางงานที่ชายหนุ่มมีต้องรออีกเป็นเดือนถึงจะสามารถบินได้ เพราะ เมสันมีกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่สามัญประจำปีและมีนัดเจรจาธุรกิจกับกองทัพสหรัฐเกี่ยวกับการผลิตยานพาหนะทางการทหารรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่สามารถส่งใครเข้าไปพูดคุยแทนได้เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจ“ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องกลับไปเยี่ยมพี่สาวช้าไปอีกนิด” ชายหนุ่มบอกเมียเด็กของตนเองในค่ำคืนหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะ งานคุณสำคัญที่สุด..ลินรอได้” เธอบอกพลางแนบแก้มไปกับอกหนา หลังจากวันที่เข้าใจกันไพลินก็ย้ายห้องนอนมาอยู่ห้องของชายหนุ่มอย่างถาวรตามความต้องการของเจ้าของห้อง“อื้อ..อย่าพูดแบบนี้สิ สำหรับฉันไม่มีอะไรสำคัญกว่าเธอกับลูก เพียงแต่งานที่กำลังเคลียร์มันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้ก่อนที่จะรู้ว่าจะต้องเดินทางไปประเทศไทยก็เท่านั้น” ชายหนุ่มอธิบายเพราะกลัวหญิงสาวจะคิดมาก“ลินเข้าใจค่ะ คุณให้ลินไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมด้วยได้มั้ยคะ ลินอยากเก็บเงินส่งไปเป็นค่าตั๋วให้พี่สาวและพี่เขยมาหาลินที่นี่” เธ
หลังจากที่ไพลินแกล้งให้เมสันเข้าใจผิดว่าตนเองจะหอบลูกมาอยู่ประเทศไทยถาวรจนชายหนุ่มโกรธและไม่ยอมคุยด้วยไปหลายวัน มาวันนี้กลับเป็นตัวเธอเองที่ทนไม่ไหวกับท่าทีของสามีที่ดูจะเงียบขรึมและเย็นชาขึ้นทุกวัน“วันนี้ลินขอไปที่บริษัทกับคุณด้วยได้มั้ยคะ” หลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะง้อชายหนุ่มยังไงดีในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้าเมสันช้อนตามองภรรยาแวบเดียวแล้วก้มหน้าทานอาหารเช้าต่อโดยไม่พูดอะไร“จริงด้วย..พี่เมสันพาลินไปที่บริษัทด้วยสิคะลินจะได้ไม่เหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว เดี๋ยวจะเครียด” ไมร่าสนับสนุนคำขอของไพลินเพราะรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังหาทางง้อพี่ชายของเธอ หลังจากที่ไพลินเดินมาปรึกษาและเล่าสาเหตุที่เมสันโกรธให้ฟัง“ที่บริษัทไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอก ขนาดที่นี่มีทุกอย่างพร้อมที่จะประเคนให้ยังรั้งใครไว้ไม่ได้” เสียงเรียบเอ่ยออกมาพร้อมทำท่าว่าจะอิ่มแล้วกับอาหารเช้าที่พึ่งทานเข้าไปไมร่าส่งสัญญาณให้ไพลินพูดอะไรสักอย่างก่อนที่พี่ชายของเธอจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร“แต่ที่นั่นมีคุณอยู่ด้วย ไม่เหมือนที่นี่ที่หลังจากอาหารเช้าลินก็ต้องอยู่คนเดียวไม่ร่าก็ต้องไปเรียน” เธอรีบบอก..หวังให้คำพูด
ไพลินปล่อยให้เมสันนอนหนุนตักเธอนานเท่าไหร่ไม่รู้จนเธอเองก็เผลอพิงโซฟาหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในท่านอนสบายบนโซฟาแล้วมีผ้าห่มคลุมตัวเรียบร้อย แต่กลับไร้เงาสามี หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มเพื่อตามหา “คุณตื่นแล้วเหรอคะ” มีอาที่กำลังเดินถือถาดอาหารกำลังจะไปยังชั้นบนของบ้านทักหญิงสาว “ค่ะ พอดีลินเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วคุณเมสันอยู่ไหนคะ” เธอถามาสามี “นายท่านอยู่บนห้องค่ะ หมอมาตรวจอาการพึ่งกลับไปเมื่อครู่” “แล้ว….” เธอกำลังจะถามถึงถาดอาหารที่มีอากำลังถืออยู่ “อาหารบำรุงของนายท่านที่หมอสั่งค่ะ ฉันกำลังจะเอาขึ้นไปให้” มีอาบอก “เดี๋ยวลินยกไปให้ดีกว่าค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเดี๋ยวลินจะมาบอกมีอานะ” “ไม่เป็นไร คุณกำลังท้องอยู่เดี๋ยวนายท่านรู้จะดุเอาที่ปล่อยให้คุณทำอะไรแบบนี้” มีอาทำท่าว่าไม่ยอม “มีอา..ลินท้องนะคะไม่ได้ป่วย อีกอย่างถ้าหากนายท่านของมีอาดุเดี๋ยวลินจะเป็นคนจัดการเอง” เธอพูดยิ้ม ๆ ให้อีกฝ่ายคลายกังวลแล้วยื่นมือไปรอรั
เมสันและไพลินได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านหลังจากรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสิบวัน โดยระหว่างที่กลับมาพักฟื้นที่บ้านก็จะมีหมอมาคอยตรวจอาการทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้งตามความประสงค์ของทนายประจำตระกูล เดวาลอฟที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เมสันมี“ไม่ต้องแสดงความอึดด้วยการหากิจกรรมทำยามค่ำคืนนะมึง เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ” เมื่ออยู่กันตามลำพังสองหนุ่ม ลูคัสจึงพูดหยอกเมสัน“มึงจะให้กูทำอะไร ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาที่บ้านได้สองวันแล้วกูแทบไม่เห็นหน้าเมีย คอยแต่จะหลบหน้าอยู่นั่นแหละไม่รู้ไม่พอใจอะไรอีก รอให้กูเข้าที่อีกหน่อยเถอะ” เมสันบ่นอย่างหงุดหงิด“แล้วมึงไปทำอะไรให้เมียเด็กของมึงงอนอีกละ”“ออกจากโรงพยาบาลมาก็อยู่แต่บ้านกูยังไม่ได้ออกไปไหน แล้วกูจะรู้หรือเปล่าล่ะว่ากูทำอะไรผิด กูก็อยู่เฉย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตอนนี้กูชักอยากจะกลับไปนอนโรงพยาบาลด้วยกันใหม่อีกรอบ” ลูคัสแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหวกับอาการงอนเมียของอีกฝ่าย“เอาน่าใจเย็น ตอนนี้มึงก็ดีขึ้นมากแล้วเดี๋ยวเดินเหินได้สะดวกกว่านี้ค่อยว่ากัน คนท้องอาจจะมีอารมณ์แปรปรวนบ้างมึงต้องเข้าใ
เจเดนที่วิ่งตามคนเป็นนายมาติด ๆ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเมสันวิ่งไปคว้าตัวไพลินให้พ้นจากรถที่วิ่งมา แต่ตัวเจ้านายของเขาถูกรถกระแทกทางด้านข้างแล้วพากันล้มกลิ้งไปบนฟุตบาทอยู่หลายตลบเจเดนเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วและจัดการเรียกหน่วยฉุกเฉินทันทีแล้วโทรหาดีแลนกับลูคัสเพื่อแจ้งเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นเมสันและไพลินถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลหลังเกิดเหตุไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากการช่วยเหลือและการประสานงานอย่างรวดเร็วทั้งจากลูคัสและและเครือข่ายของเมสันเองที่มีอยู่ทั่วทุกวงการไพลินมีอาการจุกที่ท้องน้อยและมีเลือดซึมออกทางช่องคลอด ส่วนเมสันนั้นก็มีอาการที่ค่อนข้างหนักเช่นกันเพราะนอกจากหัวแตกแล้วยังมีกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดจากการถูกรถเฉี่ยวแล้วล้มลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปตามทางอย่างแรงหลายตลบเพราะเอาตัวเองเป็นกำบังโดยการกอดไพลินไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวกระทบกระเทือนน้อยที่สุด “คุณผู้หญิงมีอาการแท้งคุกคามแต่ดีที่ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เบื้องต้นเด็กในท้องยังอยู่แต่คงต้องให้คุณแม่นอนนิ่ง ๆ ห้ามเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่จำเป็นที่โรงพยาบาลสักพักเพื่อให้ยากันแท้งและเพื่อให้แน่ใจว่าปลอด
จีน่าเก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ และพยายามหาข้อมูลของนักศึกษานามว่าไพลินซึ่งเป็นผู้หญิงที่ได้หัวใจของผู้ชายคนที่เธอหมายปองไปครอง และเหมือนโชคจะเข้าข้างหล่อนในวันนี้ที่อาจารย์ประจำภาควิชาที่ไพลินเรียนขอลา จีน่าซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการจึงต้องเข้ามาดูแลด้านการสอนแทนเป็นกรณีพิเศษ “วันนี้อาจารย์ว่าเรามาคุยกันเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการเงินบ้างดีกว่า ในอเมริกาของเรามีใครบ้างนักศึกษาลองเอ่ยชื่อมาให้อาจารย์หน่อยสิคะ” จีน่ามองไปรอบ ๆ คลาสก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวชาวไทยที่เป็นเป้าหมายของเธอด้วยสายตาบางอย่าง นักศึกษาในคลาสต่างหันหน้าไปหารือและถามกันเรื่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและการเงิน และเหมือนกับว่าคำตอบของนักศึกษาส่วนใหญ่จะเข้าทางจีน่าเพราะชื่อที่ถูกเอ่ยออกมามากที่สุดก็คือชื่อของเมสันนั่นเอง “หนูเคยได้ยินว่าอาจารย์เคยเป็นผู้หญิงคนสนิทของคุณเมสันใช่หรือเปล่าคะ” เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา จีน่าแอบยิ้มในใจ รู้สึกว่าวันนี้โชคจะเข้าเธอมากเป็นพิเศษ “ใช่..ที่จริงแล้วอาจารย์ก็พึ่งจะ
“คุณเหนื่อยหรือเปล่าคะวันนี้” ร่างบางเดินออกมาต้อนรับสามีทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน“นิดหน่อย..แต่พอได้เห็นหน้าเธอก็หายเหนื่อยแล้ว”เสียงทุ้มตอบภรรยาเด็กยิ้ม ๆ พร้อมคว้าเอวคอดมาแนบตัวแล้วพาเดินไปนั่งพร้อมกัน“คุณอยากทานอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวหนูไปเอามาให้” ไพลินถามอย่างเอาใจ“มีอะไรก็ว่ามา ท่าทางแบบนี้คงมีอะไรสักเรื่องแน่นอน”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้ทันเมื่อเห็นท่าทางเอาใจแปลก ๆ ของหญิงสาว ปกติแล้วไพลินจะเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงความรู้สึกและแสดงความรักนอกห้องนอนหญิงสาวทำจมูกย่นใส่เมื่อถูกรู้ทัน ตอนนี้เธอเริ่มจะคุ้นเคยกับสามีมากขึ้นจนกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองและกล้าที่จะเผยความรู้สึกที่มีต่อเขา“หนูมีเรื่องอยากจะขอร้องค่ะ”“ตั้งแต่ออกบ้านไปคราวก่อนกลับมาแทนตัวเองแบบห่างเหินอีกแล้วนะ แทนตัวเองกับฉันว่าลินเหมือนเดิมด้วยเข้าใจไหม” ไพลินพยักหน้าให้ในความต้องการนั้น แล้ววกเข้าเรื่องที่ตั้งใจจะพูดกับเขาต่อ“คือหนูอยากจะขอไปเรียนอีกเทอมที่เหลือให้จบได้หรือเปล่าคะ ตอนนี้ท้องยังไม่โตเรียนอีกเทอมก็แค่อีกไม่กี่เดือนเอง” เมื่อพูดจบก็มีเสียงถอนหายใจดังตามมาติด ๆ หญิงสาวพูดเร็วและรัวเพราะกลัวจะถูกคำปฏิ
หลังจากที่เห็นท่าทางเศร้า ๆ ของไพลินวันนั้นเมสันก็รู้สึกไม่สบายใจมาจนถึงวันนี้ แม้ว่าหญิงสาวจะยอมในเหตุผลของเขาแต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าลึก ๆ แล้วเมียของเขายังทำใจไม่ได้ที่ต้องหยุดเรียน เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจอันดับแรกในการมาอยู่ที่อเมริกา“มึงมีเรื่องอะไรถึงเรียกกูมาด่วน เมียก็กลับบ้านแล้ว คุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่หรือไงจะนั่งทำหน้าเครียดอะไรอีก หุ้นมึงก็ไม่ได้ตกสักตัวนี่หว่า” ลูคัสทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้นวมราคาแพงหน้าโต๊ะทำงานของเมสันด้วยท่าทางเซ็ง ๆ ที่ถูกเรียกให้มาหาด่วนทั้งที่พึ่งจะได้นั่งทำงานที่บริษัทตัวเองอย่างจริงจังไม่กี่วันหลังจากที่วุ่นอยู่กับเรื่องของเมสันและไพลิน“หุ้นกูไม่ได้ตกและบริษัทมึงก็คงไม่เจ๊งหรอกหากเจ้าของจะไม่นั่งหัวโด่อยู่นั่น”“ว่าไม่ได้นะ เกิดเจ๊งมาคนที่ลำบากคือน้องมึงนะถ้ากูไม่มีเงินเลี้ยง” จากที่อารมณ์เซ็งเมื่อครู่ลูคัสก็กลายเป็นพูดเล่นเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเมสัน“ถ้าบริษัทมึงเจ๊งธุรกิจอสังหาในอเมริกาก็คงล่มสลายแล้วล่ะ” น้ำเสียงหงุดหงิดบอกห้วน ๆลูคัสยักไหล่ยกยิ้มกับคำเปรียบเปรยของคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ถูกเรียกให้มาหา“สรุปมึงมีเรื่องอะไร”“กูไม่สบ
ไพลินมองหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอด้วยหัวใจที่สั่นไหว ไม่ว่าจะยังไงเมสันก็คือคนเดียวที่มีอิทธิพลต่อใจของเธอ“ขอบคุณค่ะ แต่หนู...”“มีอา..ต่อไปนี้ให้ตั้งโต๊ะอาหารเย็นเร็วขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง ไพลินจะต้องทานอาหารตรงเวลาทุกมื้อแล้วสั่งเชฟให้จัดของบำรุงครรภ์ด้วย เริ่มวันนี้” เสียงเข้มหันไปสั่งหัวหน้าแม่บ้านโดยไม่สนใจคำทัดทานที่กำลังออกจากปากของหญิงสาวแม้แต่น้อยมีอารับเสื้อสูทที่เจ้านายถอดยื่นให้พร้อมน้อมรับในคำสั่งใหม่แล้วรีบเดินไปแจ้งให้ในครัวทราบทันทีไพลินทำตัวไม่ถูกถึงแม้จะคุ้นเคยกับที่นี่ดีรวมถึงทุกคนในบ้าน แต่นั่นมันก่อนที่เธอและเมสันจะมีความสัมพันธ์กัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของเจ้าของบ้านและเธอที่เป็นผู้อาศัยกันหมดแล้วเธอจึงไมรู้จะทำตัวยังไงดี เมสันเดินตรงมาหาไพลินอย่างช้า ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกหวั่นกับท่าทีตึง ๆ ของเขาแต่เท้าของเธอกลับเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน ไมร่าเดินถอยห่างออกไปอย่างรู้หน้าที่ และไม่ลืมที่จะส่งสายตาให้กำลังใจไพลินที่ตอนนี้ส่งสายตามาหาเช่นกันเหมือนจะบอกว่าให้อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน“ยังมีอาการเวียนหัวอยู่หรือเปล่า” หน้าตา