เมื่อวันแรกของการเปิดภาคเรียนมาถึงไพลินรู้สึกตื่นเต้นจนแทบไม่อยากทานอาหารมื้อเช้าเลยสักนิด เพราะกังวลเกี่ยวกับสังคมใหม่ที่เธอกำลังจะเจอถึงแม้จะศึกษาวัฒนธรรมและเรียนรู้การอยู่ร่วมกับสังคมที่นี่มาจากไมร่าบ้างแล้วแต่พอจะต้องฉายเดี่ยวเธอกลับรู้สึกตื่นเต้นออกจะค่อนไปทางกลัวเสียด้วยซ้ำ
“ลิน…เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมดูสีหน้ากังวลจัง” ไมร่าที่สังเกตเห็นความผิดปกติจากสีหน้าของเพื่อนสาวถามขึ้นมา
“ลินแค่ตื่นเต้นที่วันนี้จะได้ไปเรียนวันแรกไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกเดี๋ยวพอเริ่มคุ้นเคยกับสถานที่และเพื่อนร่วมคลาสก็จะชินเอง มีอะไรโทรหาไมร่าได้เลยนะ”
“ขอบใจนะไมร่า” เสียงเบาเอ่ยขอบคุณยิ้ม ๆ แม้จะอุ่นใจขึ้นมาบ้างที่อย่างน้อยหากมีอะไรก็ยังมีไมร่าให้นึกถึงแต่ความกังวลก็ยังไม่หมดไปอยู่ดี ไพลินคิดแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เมสันเดินเข้ามาในห้องอาหารและเห็นท่าทางคล้ายหนักใจของเธอ
“มีอะไรหรือเปล่า” สายตาที่มุ่งตรงมายังเธอทำให้ไพลินรู้ว่าคนที่ต้องตอบคำถามเขาไม่ใช่ไมร่าแต่เป็นเธอต่างหาก
“เอ่อ…เปล่าค่ะ” เมสันหรี่ตามองรู้ดีว่าเธอปดเขา
“ฉันไม่ชอบคนโกหก”
“คือลินเขาตื่นเต้นน่ะค่ะที่ต้องไปเจอสังคมใหม่ในมหาลัยก็เลยออกจะกังวลไปหน่อยเท่านั้นเอง ไมร่าก็บอกแล้วว่าไม่ต้องกังวลมีอะไรโทรหาไมร่าได้เลย" ไมร่ารีบบอกพี่ชายแทนเพื่อน นั่นทำให้เมสันยิ่งรู้สึกอารมณ์ขุ่นมัวที่ไพลินไม่พูดกับเขาตรง ๆ ดูจากสีหน้าแล้วยังไงเขาก็ไม่เชื่อว่าเธอไม่มีอะไร
“ให้สมิทไปส่งเรานะไมร่า ส่วนเธอไปกับฉันเพราะทางเดียวกันอยู่แล้ว” เสียงเข้มบอกน้องสาวก่อนจะหันไปหาอีกคนที่เอาแต่นั่งนิ่ง
“โอเคค่ะ…ลินให้พี่เมสันแวะไปส่งนะแล้วเดี๋ยวเจอกันตอนเย็น สู้ ๆ นะลิน ไมร่าไปก่อนนะนัดเพื่อนที่มหาลัยไว้” ไพลินพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้แม้จะอยากลุกตามไมร่าไปก็ตาม ตอนนี้ความรู้สึกกังวลกับสังคมใหม่ที่กำลังจะเจอนั้นเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกประหม่าที่ถูกพี่ชายเพื่อนจ้อง
“รีบทานฉันมีประชุม”
“ถ้าอย่างนั้นให้หนูไปเอง…เอ่อ…ค่ะ” ไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบก็เจอกับสายตาดุดันมองมาแทบจะทันที สุดท้ายก็ต้องทำตามที่ชายหนุ่มบอก
ไพลินรีบทานอาหารเช้าอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าจะเป็นตัวถ่วงของเมสัน หลังจากทานเสร็จเธอก็รีบเดินตามชายหนุ่มเพื่อไปขึ้นรถที่จอดรออยู่
“มานั่งข้างหลัง” ร่างบางที่กำลังจะก้าวขึ้นไปนั่งคู่คนขับทางด้านหน้าชะงัก จังหวะนั้นไพลินไม่ได้คิดอะไรอื่นนอกจากคิดว่าเธอทำผิดธรรมเนียมอะไรหรือเปล่าจึงรีบเปลี่ยนมานั่งทางด้านหลังตามคำสั่งของเขา
“หนูขอโทษค่ะหนูไม่รู้ว่าเขาห้ามนั่งด้านหน้า” ดวงตากลมโตมองมายังเมสันเหมือนสำนึกผิด
“ไม่ได้ห้าม…ปกติเป็นที่นั่งของดีแลนแต่วันนี้ดีแลนไปทำธุระแทนฉัน ต่อไปนี้ทุกครั้งที่เดินทางไม่ว่าจะมีดีแลนหรือไม่เธอต้องมานั่งกับฉันเท่านั้น เข้าใจหรือเปล่า” เสียงทุ้มแฝงไปด้วยความนุ่มนวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไพลินรู้สึกใจสั่นระริกกับน้ำเสียงนั้นจงรีบหลุบตาทันทีก่อนจะพยักหน้ารับทราบ
ระหว่างทางที่กำลังไปส่งไพลินที่มหาลัยเมสันไม่ได้ชวนหญิงสาวคุยอะไรมากนักมีเพียงถามถึงวิชาที่ลงเรียนบ้างก็เท่านั้นหลังจากนั้นก็หันไปใส่ใจกับการเช็คข้อมูลอะไรบางอย่างจากโทรศัพท์จนกระทั่งถึงมหาลัยที่ไพลินเรียน
“เลิกเรียนจะให้เจเดนมารับไปที่บริษัท” เสียงเรียบดังขึ้นก่อนที่หญิงสาวจะทันได้ลงจากรถ
ไพลินหันมามองชายหนุ่มก่อนจะหันกลับไปมองนอกรถแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ รวบรวมความกล้าพูดออกไป
“คุณกำลังทำให้หนูเคยตัวนะคะ…ถ้าหากวันหนึ่งคุณไม่ทำแบบนี้แล้วหนูจะใช้ชีวิตที่นี่ลำพังได้ยังไง” ตั้งแต่มาถึงอเมริกาเมสันให้การต้อนรับและดูแลเธออย่างดีสมกับเป็นผู้อุปถัมภ์เธอจนไพลินกลัวว่าวันหนึ่งเธอจะเคยชินกับการดูแลแบบนี้ และจะอยู่ไม่ได้ถ้าหากจะต้องออกไปใช้ชีวิตคนเดียว ยังไงความคิดที่จะพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุดและพึ่งพาเมสันให้น้อยที่สุดก็ยังเป็นสิ่งที่เธอคิดอยู่ตลอดเวลาเพราะถือคติที่ว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน
“แล้วอยากให้ฉันดูแลแบบนี้ไปตลอดหรือเปล่าล่ะ” เสียงพูดที่ชิดอยู่ริมหูเรียกขนในกายสาวให้ลุกซู่ ไพลินไม่รู้ว่า เมสันเขยิบเข้ามาใกล้ตั้งแต่ตอนไหนเพราะเธอไม่ได้หันไปมองเขาเวลาพูด ความตกใจทำให้เธอหันกลับไปหมายจะมองหน้าเขา แต่กลับกลายเป็นว่าหันแก้มไปให้เขาแทน
ฟอด!! ปากหยักได้รูปกดลงบนแก้มที่ขาวนวลหนัก ๆ อย่างตั้งใจ
“อื้อ…คุณเมสัน!!” หญิงสาวใจสั่นรัวราวกับจะทะลุมานอกอก กายสาวสั่นเทาราวกับลูกนกที่พึ่งเกิดใหม่ เมสันเห็นท่าทางนั้นแล้วอยากจะคว้าร่างบางมากอดปลอบใจนักแต่หากทำอย่างนั้นก็อาจจะสร้างความหวาดกลัวให้กับเธอเกินไป
“ถ้าเธอเป็นเด็กดีก็ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะไม่ดูแล…แล้วเธอรู้มั้ยคำว่าเด็กดีของฉันคืออะไร”
หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้วเมสันก็ตั้งใจจะบินไปประเทศไทยกับภรรยาสาวเพื่อเยี่ยมครอบครัวของเธอ แต่ตารางงานที่ชายหนุ่มมีต้องรออีกเป็นเดือนถึงจะสามารถบินได้ เพราะ เมสันมีกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่สามัญประจำปีและมีนัดเจรจาธุรกิจกับกองทัพสหรัฐเกี่ยวกับการผลิตยานพาหนะทางการทหารรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่สามารถส่งใครเข้าไปพูดคุยแทนได้เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจ“ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องกลับไปเยี่ยมพี่สาวช้าไปอีกนิด” ชายหนุ่มบอกเมียเด็กของตนเองในค่ำคืนหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะ งานคุณสำคัญที่สุด..ลินรอได้” เธอบอกพลางแนบแก้มไปกับอกหนา หลังจากวันที่เข้าใจกันไพลินก็ย้ายห้องนอนมาอยู่ห้องของชายหนุ่มอย่างถาวรตามความต้องการของเจ้าของห้อง“อื้อ..อย่าพูดแบบนี้สิ สำหรับฉันไม่มีอะไรสำคัญกว่าเธอกับลูก เพียงแต่งานที่กำลังเคลียร์มันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้ก่อนที่จะรู้ว่าจะต้องเดินทางไปประเทศไทยก็เท่านั้น” ชายหนุ่มอธิบายเพราะกลัวหญิงสาวจะคิดมาก“ลินเข้าใจค่ะ คุณให้ลินไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมด้วยได้มั้ยคะ ลินอยากเก็บเงินส่งไปเป็นค่าตั๋วให้พี่สาวและพี่เขยมาหาลินที่นี่” เธอ
หลังจากที่ไพลินแกล้งให้เมสันเข้าใจผิดว่าตนเองจะหอบลูกมาอยู่ประเทศไทยถาวรจนชายหนุ่มโกรธและไม่ยอมคุยด้วยไปหลายวัน มาวันนี้กลับเป็นตัวเธอเองที่ทนไม่ไหวกับท่าทีของสามีที่ดูจะเงียบขรึมและเย็นชาขึ้นทุกวัน“วันนี้ลินขอไปที่บริษัทกับคุณด้วยได้มั้ยคะ” หลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะง้อชายหนุ่มยังไงดีในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้าเมสันช้อนตามองภรรยาแวบเดียวแล้วก้มหน้าทานอาหารเช้าต่อโดยไม่พูดอะไร“จริงด้วย..พี่เมสันพาลินไปที่บริษัทด้วยสิคะลินจะได้ไม่เหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว เดี๋ยวจะเครียด” ไมร่าสนับสนุนคำขอของไพลินเพราะรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังหาทางง้อพี่ชายของเธอ หลังจากที่ไพลินเดินมาปรึกษาและเล่าสาเหตุที่เมสันโกรธให้ฟัง“ที่บริษัทไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอก ขนาดที่นี่มีทุกอย่างพร้อมที่จะประเคนให้ยังรั้งใครไว้ไม่ได้” เสียงเรียบเอ่ยออกมาพร้อมทำท่าว่าจะอิ่มแล้วกับอาหารเช้าที่พึ่งทานเข้าไปไมร่าส่งสัญญาณให้ไพลินพูดอะไรสักอย่างก่อนที่พี่ชายของเธอจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร“แต่ที่นั่นมีคุณอยู่ด้วย ไม่เหมือนที่นี่ที่หลังจากอาหารเช้าลินก็ต้องอยู่คนเดียวไม่ร่าก็ต้องไปเรียน” เธอรีบบอก..หวังให้คำพูด
ไพลินปล่อยให้เมสันนอนหนุนตักเธอนานเท่าไหร่ไม่รู้จนเธอเองก็เผลอพิงโซฟาหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในท่านอนสบายบนโซฟาแล้วมีผ้าห่มคลุมตัวเรียบร้อย แต่กลับไร้เงาสามี หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มเพื่อตามหา “คุณตื่นแล้วเหรอคะ” มีอาที่กำลังเดินถือถาดอาหารกำลังจะไปยังชั้นบนของบ้านทักหญิงสาว “ค่ะ พอดีลินเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วคุณเมสันอยู่ไหนคะ” เธอถามาสามี “นายท่านอยู่บนห้องค่ะ หมอมาตรวจอาการพึ่งกลับไปเมื่อครู่” “แล้ว….” เธอกำลังจะถามถึงถาดอาหารที่มีอากำลังถืออยู่ “อาหารบำรุงของนายท่านที่หมอสั่งค่ะ ฉันกำลังจะเอาขึ้นไปให้” มีอาบอก “เดี๋ยวลินยกไปให้ดีกว่าค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเดี๋ยวลินจะมาบอกมีอานะ” “ไม่เป็นไร คุณกำลังท้องอยู่เดี๋ยวนายท่านรู้จะดุเอาที่ปล่อยให้คุณทำอะไรแบบนี้” มีอาทำท่าว่าไม่ยอม “มีอา..ลินท้องนะคะไม่ได้ป่วย อีกอย่างถ้าหากนายท่านของมีอาดุเดี๋ยวลินจะเป็นคนจัดการเอง” เธอพูดยิ้ม ๆ ให้อีกฝ่ายคลายกังวลแล้วยื่นมือไปรอรั
เมสันและไพลินได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านหลังจากรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสิบวัน โดยระหว่างที่กลับมาพักฟื้นที่บ้านก็จะมีหมอมาคอยตรวจอาการทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้งตามความประสงค์ของทนายประจำตระกูล เดวาลอฟที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เมสันมี“ไม่ต้องแสดงความอึดด้วยการหากิจกรรมทำยามค่ำคืนนะมึง เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ” เมื่ออยู่กันตามลำพังสองหนุ่ม ลูคัสจึงพูดหยอกเมสัน“มึงจะให้กูทำอะไร ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาที่บ้านได้สองวันแล้วกูแทบไม่เห็นหน้าเมีย คอยแต่จะหลบหน้าอยู่นั่นแหละไม่รู้ไม่พอใจอะไรอีก รอให้กูเข้าที่อีกหน่อยเถอะ” เมสันบ่นอย่างหงุดหงิด“แล้วมึงไปทำอะไรให้เมียเด็กของมึงงอนอีกละ”“ออกจากโรงพยาบาลมาก็อยู่แต่บ้านกูยังไม่ได้ออกไปไหน แล้วกูจะรู้หรือเปล่าล่ะว่ากูทำอะไรผิด กูก็อยู่เฉย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตอนนี้กูชักอยากจะกลับไปนอนโรงพยาบาลด้วยกันใหม่อีกรอบ” ลูคัสแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหวกับอาการงอนเมียของอีกฝ่าย“เอาน่าใจเย็น ตอนนี้มึงก็ดีขึ้นมากแล้วเดี๋ยวเดินเหินได้สะดวกกว่านี้ค่อยว่ากัน คนท้องอาจจะมีอารมณ์แปรปรวนบ้างมึงต้องเข้าใ
เจเดนที่วิ่งตามคนเป็นนายมาติด ๆ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเมสันวิ่งไปคว้าตัวไพลินให้พ้นจากรถที่วิ่งมา แต่ตัวเจ้านายของเขาถูกรถกระแทกทางด้านข้างแล้วพากันล้มกลิ้งไปบนฟุตบาทอยู่หลายตลบเจเดนเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วและจัดการเรียกหน่วยฉุกเฉินทันทีแล้วโทรหาดีแลนกับลูคัสเพื่อแจ้งเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นเมสันและไพลินถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลหลังเกิดเหตุไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากการช่วยเหลือและการประสานงานอย่างรวดเร็วทั้งจากลูคัสและและเครือข่ายของเมสันเองที่มีอยู่ทั่วทุกวงการไพลินมีอาการจุกที่ท้องน้อยและมีเลือดซึมออกทางช่องคลอด ส่วนเมสันนั้นก็มีอาการที่ค่อนข้างหนักเช่นกันเพราะนอกจากหัวแตกแล้วยังมีกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดจากการถูกรถเฉี่ยวแล้วล้มลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปตามทางอย่างแรงหลายตลบเพราะเอาตัวเองเป็นกำบังโดยการกอดไพลินไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวกระทบกระเทือนน้อยที่สุด “คุณผู้หญิงมีอาการแท้งคุกคามแต่ดีที่ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เบื้องต้นเด็กในท้องยังอยู่แต่คงต้องให้คุณแม่นอนนิ่ง ๆ ห้ามเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่จำเป็นที่โรงพยาบาลสักพักเพื่อให้ยากันแท้งและเพื่อให้แน่ใจว่าปลอด
จีน่าเก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ และพยายามหาข้อมูลของนักศึกษานามว่าไพลินซึ่งเป็นผู้หญิงที่ได้หัวใจของผู้ชายคนที่เธอหมายปองไปครอง และเหมือนโชคจะเข้าข้างหล่อนในวันนี้ที่อาจารย์ประจำภาควิชาที่ไพลินเรียนขอลา จีน่าซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการจึงต้องเข้ามาดูแลด้านการสอนแทนเป็นกรณีพิเศษ “วันนี้อาจารย์ว่าเรามาคุยกันเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการเงินบ้างดีกว่า ในอเมริกาของเรามีใครบ้างนักศึกษาลองเอ่ยชื่อมาให้อาจารย์หน่อยสิคะ” จีน่ามองไปรอบ ๆ คลาสก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวชาวไทยที่เป็นเป้าหมายของเธอด้วยสายตาบางอย่าง นักศึกษาในคลาสต่างหันหน้าไปหารือและถามกันเรื่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและการเงิน และเหมือนกับว่าคำตอบของนักศึกษาส่วนใหญ่จะเข้าทางจีน่าเพราะชื่อที่ถูกเอ่ยออกมามากที่สุดก็คือชื่อของเมสันนั่นเอง “หนูเคยได้ยินว่าอาจารย์เคยเป็นผู้หญิงคนสนิทของคุณเมสันใช่หรือเปล่าคะ” เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา จีน่าแอบยิ้มในใจ รู้สึกว่าวันนี้โชคจะเข้าเธอมากเป็นพิเศษ “ใช่..ที่จริงแล้วอาจารย์ก็พึ่งจะ