เจเดนพาไมร่าและไพลินเดินทางไปอเมริกาด้วยสายการบินชั้นเฟิร์สคลาสตามคำสั่งของเมสัน ไพลินรู้สึกตื่นเต้นกับการขึ้นนกเหล็กเป็นครั้งแรกในชีวิต การเดินทางไกลที่เธอเคยคิดว่าคงเป็นได้แค่ความฝันตอนนี้ความฝันนั้นกำลังเป็นจริงและยังเป็นฝันที่เกินฝันอีกด้วย
“เป็นไงบ้างลิน กลัวหรือเปล่า” ไมร่าหันมาถามเพราะรู้ว่าเป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของไพลิน
“ก็รู้สึกเสียวที่ท้องตอนที่เครื่องกำลังขึ้นแต่ตอนนี้โอเคแล้ว”
“มีอะไรก็บอกได้นะไมร่าขอพักสายตานิดหนึ่ง อีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึง” น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าคนพูดเริ่มจะง่วงนอนทำให้เพื่อนสาวอย่างไพลินรีบพยักหน้าหงึกหงัก ดวงตาคู่หวานมองเลยไปยังเจเดนที่นั่งอยู่แถวถัดไปใกล้กับไมร่า ตอนนี้ฝ่ายนั้นก็หลับตาแล้วเหมือนกันแต่จะหลับจริงหรือเปล่าเธอก็ไม่รู้ ตั้งแต่ถูกส่งมาจัดการเรื่องบินกลับอเมริกาของไมร่าและคอยช่วยเหลือเธอด้านเอกสารเดินทางไพลินรู้สึกว่าเจเดนพูดน้อยมาก จะพูดก็ต่อเมื่อจำเป็นต้องพูดเท่านั้น ถ้าไมร่าไม่บอกว่าเจเดนเป็นเลขามือสองของพี่ชาย ไพลินก็คิดว่าเจเดนคงเป็นบอดี้การ์ดเหมือนในหนังแน่ ๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย บุคลิก รวมถึงท่าทีเกรงใจที่แสดงกับไมร่านั้น ไม่ต่างอะไรเลยจากการอารักขาบุคคลสำคัญที่เธอเคยเห็นในละคร
ตั้งแต่ไมร่ามาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่โรงเรียน ไพลินรู้เพียงว่าบ้านไมร่านั้นร่ำรวยมาก ไมร่าเป็นน้องสาวของนักธุรกิจชื่อดังของอเมริกาแต่เธอก็ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวของเพื่อนสาวต่างชาติไปมากกว่านั้น ไม่เคยถามว่าที่บ้านเพื่อนมีธุรกิจอะไร แม้แต่ชื่อพี่ชายของเพื่อนเธอก็พึ่งรู้จักตอนที่ไมร่าบอกจะขอทุนจากพี่ชายให้ ไพลินจะรับรู้เรื่องราวของที่บ้านไมร่าเท่าที่เพื่อนเล่าให้ฟังเท่านั้น เพราะไม่อยากละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย
บรรยากาศบนเครื่องบินเริ่มมืดสลัวเมื่อไฟในห้องผู้โดยสารถูกดับลงหลังจากพนักงานบนเครื่องได้บริการอาหารและเครื่องดื่มรอบแรกแก่ผู้โดยสารเสร็จสิ้น และเป็นเวลาที่ผู้โดยสารจะได้พักผ่อนกับการเดินทางที่แสนยาวไกลครั้งนี้ ไพลินมองผู้ร่วมทางที่ต่างพากันทยอยหลับตาลง เธอจึงหันกลับมาขยับตัวเล็กน้อยให้เข้าที่ก่อนจะหลับไปในที่สุด
---------------------------------------------
อากาศที่เย็นในช่วงฤดูใบไม้ผลิสำหรับคนอเมริกาอาจจะสบาย ๆ แต่สำหรับคนที่ไม่ชินกับอากาศเย็นอย่างไพลิน เมื่อถูกความเย็นแรกกระทบผิวหลังจากเหยียบลงบนแผ่นดินอเมริกาก็ทำให้เธอถึงกับสั่นไปเลยทีเดียว มือบางกระชับเสื้อโค้ทตัวหนาเข้าหากันแน่นเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย
ทันทีที่ลงจากเครื่องและรอรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เจเดนก็เดินนำทั้งไมร่าและไพลินไปยังประตูทางออก พอพ้นจากพื้นที่ด้านในก็มีชายร่างหนาสองคนเดินมาสมทบกับเจเดนเพื่อคอยช่วยเหลือในการขนสัมภาระของไพลินและไมร่า และก็เป็นอีกครั้งที่ไพลินสังเกตว่าผู้ชายสองคนที่รอรับพวกเธอที่สนามบินนั้นดูท่าทางเกรงใจและนอบน้อมต่อไมร่าเป็นพิเศษ
“นายสั่งให้คุณแม่บ้านจัดห้องให้เพื่อนคุณไมร่าเรียบร้อยนะครับ ส่วนวันนี้นายมีงานเลี้ยงคงกลับดึก”
“งานเลี้ยงหรือนัดสาวที่ไหนกันแน่ ขนาดว่าไม่เจอกันเป็นปีพอน้องสาวกลับมาบ้านแทนที่จะอยู่รอเจอหน้ากลับเห็นคนอื่นดีกว่า” ไมร่าหน้ามุ่ยสะบัดเสียงเล็กน้อยอย่างหงุดหงิด
“นายมีงานเลี้ยงกับลูกค้าจริง ๆ ครับ” เจเดนยืนยันแต่ ไมร่าก็ยังไม่อยากจะเชื่อเพราะถึงแม้ภายนอกพี่ชายของเธอจะดูเคร่งขรึมเป็นที่น่าเกรงขามเมื่อยามอยู่ในคราบนักธุรกิจ แต่เมื่อถึงเวลาส่วนตัวเมสันก็คือเสือผู้หญิงตัวพ่อดี ๆ นี่เอง คู่ควงแต่ละคนระดับนางแบบวิคตอเรียซีเคร็ทหรือดาราฮอลลีวูดทั้งนั้น
“ช่างเถอะเจเดน เดี๋ยวไมร่ากับลินจะออกไปทานข้าวข้างนอกไม่ต้องให้แม่บ้านตั้งโต๊ะนะ วันนี้ไมร่าจะพาลินออกไปชมแสงสียามค่ำคืนของวอชิงตันดีกว่า” ท่าทางไม่พอใจก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นกระตือรือร้นขึ้นมาทันทีเมื่อนึกบางอย่างได้
“แต่ว่านาย….” เจเดนทำทาจะแย้ง
“ไม่ต้องห้ามไมร่าเลยนะเจเดน” ไมร่าขัดขึ้น เจเดนจึงเลือกที่จะเงียบเพราะหากมาแนวนี้ต่อให้ห้ามยังไงก็ไม่ฟัง เจเดนรู้ดีว่าน้องสาวเจ้านายคนนี้รั้นเป็นที่หนึ่ง มีเพียงเจ้านายของเขาเท่านั้นที่เอาอยู่
“ลินว่าเราเดินทางมาเหนื่อย ๆ พักผ่อนก่อนดีกว่าไหม ไม่ต้องรีบพาลินไปไหนหรอก ลินยังต้องอยู่ที่นี่อีกนานไว้ค่อยไปกันก็ได้” หลังจากที่นั่งเงียบมานานไพลินก็มีโอกาสพูดกับเพื่อนเพราะกลัวว่าเธอจะเป็นต้นเหตุให้ไมร่ากับพี่ชายต้องขัดใจกัน ดูจากท่าทีของเจเดนแล้วเหมือนลำบากใจยังไงไม่รู้ที่ไมร่าบอกจะออกไปทานอาหารนอกบ้าน
“แค่ออกไปทานอาหารนอกบ้านไม่ได้เหนื่อยอะไรหรอกลิน ทานเสร็จค่อยกลับมาพักผ่อน ไมร่าคิดถึงบรรยากาศยามค่ำคืนของวอชิงตันไม่ได้เห็นมานานแล้ว” ในเมื่อเจ้าถิ่นยืนกรานมาแบบนี่ไพลินจึงไม่รู้จะปฏิเสธยังไง สรุปแล้วก็คงต้องแล้วแต่ไมร่าเพราะตอนนี้ไมร่าคือที่พักพิงเดียวที่เธอมี
“คุณไมร่าจะให้จองร้านให้หรือเปล่าครับ” เจเดนถาม
“ก็ดีเหมือนกัน ช่วยจองโต๊ะสำหรับสองที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรม…ให้ไมร่ากับเพื่อนด้วย เอาโต๊ะที่มองเห็นวิววอชิงตันแบบ180 องศานะ” ชื่อของโรงแรมที่เมสันถือหุ้นอยู่ถูกระบุเป็นสถานที่สำหรับทานอาหารเย็นของไมร่าและไพลิน เจเดนแอบถอนใจหนัก ๆ เพราะโรงแรมที่ว่านี้ วันนี้เมสันควงนางแบบสาวชื่อดังไปร่วมงานเลี้ยงที่จัดขึ้นที่นั่นด้วย
ถึงแม้ว่าโรงแรมจะกว้างและห้องจัดงานที่เมสันอยู่กับห้องอาหารที่ไมร่าไปจะอยู่คนละฝั่ง แต่เจเดนก็รู้สึกว่ามันจะต้องเกิดเหตุการณ์โลกกลมขึ้นมายังไงชอบกล
ถ้าหากว่าไมร่าเห็นพี่ชายอยู่กับผู้หญิงอื่นในวันที่น้องสาวพึ่งกลับมาจากต่างประเทศ แน่นอนว่าไมร่าต้องแสดงอาการไม่พอใจใส่พี่ชายและสาวคู่ควงอย่างแน่นอน เพราะเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และคนที่โดนหางเลขมากที่สุดก็เห็นจะเป็นคู่ควงของพี่ชายนั่นเอง ด้วยหน้าที่เจเดนจึงต้องโทรบอกให้ดีแลนทราบเพื่อรายงานเมสันให้รับรู้
ไมร่าถูกเลี้ยงมาจากครอบครัวชนชั้นสูง ถึงแม้จะดูมีความเป็นผู้ใหญ่แต่เมื่ออยู่กับพี่ชายก็จะเป็นอีกคนที่รั้นเหมือนเด็กทันที ยิ่งเวลาถูกขัดใจด้วยล่ะก็ไม่ต้องพูดถึง บางครั้งเมสันก็ต้องใช้ไม้แข็งเพื่อปรามอยู่บ่อย ๆ
-----------------------------------------------------
“ลินใส่ชุดนี้ได้หรือเปล่า” เดรสผ้ายืดยี่ห้อดังระดับโลกสีดำแขนยาวถูกยื่นมาตรงหน้าไพลินเพื่อให้เธอได้ลองสวมใส่
“ลินว่ามันจะเน้นรูปร่างมากไปหรือเปล่า” สายตาของไพลินที่มองดูชุดเหมือนเป็นสิ่งแปลกประหลาดทำให้ไมร่าอดที่จะขำไม่ได้
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น อย่าบอกนะว่าลินไม่เคยใส่เดรสเลย”
“อยู่ที่ไทยลินก็ใส่แต่ชุดนักเรียนกับชุดอยู่บ้านเท่านั้น วันไหนมีงานพิเศษให้ไปรับจ๊อบก็จะใส่กางเกงยีนส์กับเสื้อยืด ไม่ค่อยได้ใส่แบบนี้” เสียงอ่อยตอบไปตามจริง
“โอเคไม่เป็นไร งั้นวันนี้ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกของลินก็แล้วกันที่จะได้ลองใส่เพราะอนาคตลินจะต้องได้ใส่มันบ่อยขึ้นเชื่อ ไมร่าสิ” ไมร่าดึงตัวไพลินมาใกล้พร้อมยกชุดขึ้นทาบตัวเพื่อน คาดคะเนด้วยสายตาแล้วคิดว่าคงพอใส่ได้
“ลินว่ามันดูเห็นรูปร่างมากเกินไปนะไมร่า” ไพลินยังคงย้ำคำเดิมอย่างไม่มั่นใจ
“ที่อเมริกาผู้หญิงเขาก็ใส่แบบนี้เวลาออกไปดินเนอร์นอกบ้านทั้งนั้นแหละ นี่ไมร่ากลัวว่าลินจะหนาวหรอกนะถึงเลือกแขนยาวให้ จริง ๆ แล้วชุดเดรสไมร่าส่วนใหญ่จะเป็นสายเดี่ยวมากกว่า ลินใส่ไปเถอะเชื่อไมร่าสิว่าใส่แล้วลินจะต้องสวย” ไมร่าจัดแจงทุกอย่างทั้งเสื้อผ้าหน้าผมให้ไพลินเพื่อให้เหมาะกับสถานที่ที่พวกเธอจะไป
ไมร่าค่อนข้างที่จะแต่งตัวเก่งเพราะด้วยฐานะทางสังคมของที่บ้านที่บางครั้งเมสันก็ต้องพาน้องสาวออกงานด้วยหากว่างานนั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับครอบครัว แม้จะเอาแต่ใจและรั้นกับคนเป็นพี่แค่ไหนแต่เมื่อถึงเวลาจริงจังไมร่าก็ไม่เคยทำให้พี่ชายผิดหวัง
รถของที่บ้านเดวาลอฟพาหญิงสาวทั้งสองมายังจุดหมายที่ต้องการ ไมร่าในชุดเดรสสายเดี่ยวพอดีตัวหนีบกระเป๋าถือใบย่อมไว้ที่แขนและไพลินในชุดเดรสรัดรูปสีดำคอกว้างแขนยาวที่ยาวเลยเข่ามาเล็กน้อยนั้นดูสง่าและสวยงามจนเรียกสายตาแทบจะทุกคู่ที่อยู่บริเวณลอบบี้ของโรงแรมให้หันมามอง
ไมร่าออกจะชินกับสายตาที่มองมาเหล่านั้นแต่ไพลินนั้นประหม่าจนแทบก้าวขาไม่ออก ไมร่าเดินนำไพลินเข้าไปยังภายในโรงแรมหรูใจกลางกรุงวอชิงตันแล้วขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่มีร้านอาหารชื่อดังตั้งอยู่ เมื่อมาถึงก็มีบริกรเดินพาไปยังโต๊ะที่ เจเดนจองไว้ให้
“เป็นยังไงบ้างลิน วิวยามค่ำคืนของวอชิงตันสวยหรือเปล่า” ไมร่าถามเมื่อเดินมานั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“สวยมาก สวยแบบที่ลินไม่เคยเห็นมาก่อน ลินไม่คิดเลยนะว่าวันหนึ่งลินจะได้มีโอกาสมายืนอยู่ตรงนี้”
“ไม่ต้องซึ้งมากนะ ไม่อยากกินน้ำตาแทนข้าว” ไมร่าพูดดักคอเพราะรู้ว่าไพลินจะต้องร้องไห้แน่
“ไมร่าก็รู้ทันลินไปทุกเรื่อง ว่าแต่ลินไม่มั่นใจที่จะใส่ชุดแบบนี้เลยเมื่อกี้ตอนเดินเข้ามาในโรงแรมมีแต่คนมองเรา ลินแทบก้าวขาเดินไม่ออก”
“ไม่ต้องไปสนใจหรอก เราสวยไงเขาก็เลยมอง ว่าแต่ลินใส่ชุดแบบนี้แล้วดูไม่ได้บอบบางเหมือนที่คิดเลยนะ”
“ไมร่าว่าลินอ้วนเหรอ” ไพลินแกล้งทำเสียงงอน
“เปล่า ๆ จะชมต่างหากว่าลินมีรูปร่างที่สวยสมส่วนมาก ไม่อ้วนไม่ผอม เอวคอดมาก หุ่นแบบนี้นางแบบวิคตอเรียซีเคร็ทยังอาย” ไมร่ารีบอธิบายและชมเพื่อน
“ไมร่าก็พูดเกินไป ลินอายแล้วเนี่ย” สองสาวหัวเราะก่อนอาหารที่สั่งไว้จะทยอยมาเสริ์ฟ ทั้งสองนั่งคุยกันไปทานอาหารกันไปโดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองมายังพวกเธอ
สายตาคมกริบกำลังมองดูสาวชาวไทยอยู่ในมุมหนึ่งของร้าน เขาเห็นเธอตั้งแต่เดินลงมาจากรถของที่บ้าน เมสันยอมรับว่าหญิงสาวชาวไทยเพื่อนของน้องสาวเขาคนนี้มีแรงดึงดูดบางอย่างที่มหาศาลจนเขาอยากจะค้นหา
เช้าแรกของการตื่นมาบนแผ่นดินที่ไมใช่บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองไพลินรู้สึกตื่นเต้นยังไม่หายกับการเข้ามาอาศัยที่บ้านของไมร่า เพราะสำหรับเธอแล้วมันคือคฤหาสน์ไมใช่บ้าน ความกว้างขวางของที่นี่ทำให้ทุกย่างก้าวที่เธอเดินไปนั้นให้ความรู้สึกแบบโหวง ๆ เพราะเคยอยู่แต่บ้านที่เปิดประตูห้องนอนมาก็เจอโต๊ะกับข้าว ทีวี ตู้เย็นเบียดเสียดกันอยู่ในพื้นที่อันจำกัดไพลินรีบลุกอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะลงไปดูว่ามีอะไรที่เธอพอจะช่วยงานแม่บ้านที่นี่ได้บ้างแม้ไมร่าจะบอกว่าเธอไม่ต้องทำอะไรเพราะที่นี่มีคนดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างแต่ไพลินคิดว่าเธอไม่ควรทำแบบนั้น ไมร่าคือเจ้านายคือเจ้าของบ้านของที่นี่แต่เธอคือผู้อาศัยจะทำตัวเหมือนเจ้าของบ้านก็คงจะไม่เหมาะนักเมื่อจัดการธุระส่วนตัวเสร็จไพลินก็เดินลงมายังชั้นล่างของบ้านเดวาลอฟ เวลานี้ไมร่ายังไม่ตื่นส่วนเมสันเธอเองก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่หรือไม่อยู่บ้านในตอนนี้ ตั้งแต่มาถึงอเมริกาเธอก็ยังไม่มีโอกาสเจอหน้าพี่ชายของเพื่อน“มีอะไรให้หนูช่วยมั้ยคะ” เสียงใสเอ่ยถามแม่บ้านที่กำลังตรวจดูความสะอาดของโต๊ะก่อนจะถึงเวลาตั้งโต๊ะอาหารเช้าให้กับเจ้านาย“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่เช็คความสะอาดของโต๊ะอา
“เธอคงรู้แล้วใช่ไหมว่าต้องเรียนคนละที่กับไมร่า” เมสันยกกาแฟที่มีควันลอยกรุ่นส่งกลิ่นหอมขึ้นจิบก่อนจะหันมาคุยกับไพลินต่อหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างแอบพิจารณากันและเงียบไปพักใหญ่ และคนที่ทำลายความเงียบนั้นก็ไม่ใช่ทั้งเมสันและไพลินแต่เป็นมีอาที่ยกกาแฟเข้ามาให้เจ้านาย “ค่ะ” ไพลินตอบเสียงเบา เธอพอจะรู้ตั้งแต่ก่อนเดินทางมาที่อเมริกาแล้วว่าเธอและไมร่าไม่ได้เรียนที่เดียวกัน และเพราะไมร่ายืนยันว่าจะกลับอเมริกาพร้อมกับเธอถ้าหากจะรอให้เธอเดินเรื่องเรียนตามขั้นตอนก็คงจะทำให้ไมร่าพลาดการเรียนเทอมแรกในมหาวิทยาลัย เพราะเทอมการศึกษาของที่ไทยและอเมริกานั้นต่างกันไพลินคิดว่าคนเป็นพี่ชายอย่างเมสันคงไม่อยากให้น้องสาวของเขาต้องเสียเวลาโดยใช่เหตุจึงยอมที่จะจัดการเรื่องที่เรียนให้เธอแบบรวบรัดโดยใช้อำนาจและเส้นสายที่มีเพื่อให้เธอได้เอกสารรับรองจากมหาวิทยาลัยสำหรับขอวีซ่า ทั้งที่ปกติการมาเรียนต่อที่อเมริกาจะต้องมีการประสานกับมหาวิทยาลัยที่ต้องการเรียนล่วงหน้าเป็นปี ๆ โดยเฉพาะเอกสารรับรองสถานะทางการเงินของผู้ปกครองซึ่งหากจะเรียกดูจากพี่สาวของเธอแล้วยังไงก็ไมมีทางผ่าน แต่เมสันก็ส่งเจเดนมาจัดกา
“กำลังจะไปหาที่ห้องพอดี เป็นไงบ้างตื่นเต้นหรือเปล่าวันนี้ลินจะได้ไปเห็นบรรยากาศที่มหาลัยครั้งแรก” ไมร่าที่เห็นไพลินกำลังเดินออกจากห้องมาเหมือนกันทักขึ้น เมื่อต่างก็กำลังจะลงไปทานอาหารเช้า “ตื่นเต้นมากนอนแทบไม่หลับ” “มีอะไรก็โทรบอกไมร่านะลิน เอ่อ..จริงสิลินยังไม่มีโทรศัพท์ใช้นี่นาไมร่าลืมไปเลย” ไมร่าทำท่าตกใจเมื่อนึกขึ้นมาได้ “ไม่เป็นไรหรอกไมร่า คุณเจเดนไปด้วยทั้งคนไว้เดี๋ยวลินได้งานพาร์ทไทม์ทำลินค่อยเก็บเงินซื้อ” ไพลินบอกเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร “ไม่ได้นะลิน เจเดนไม่ได้คอยตามติดลินตลอดเวลาเสียเมื่อไหร่ เกิดพลัดหลงกันหรือเวลาไมร่าจะโทรหาล่ะจะทำยังไง เดี๋ยวไมร่าหาซื้อให้” “อย่าเลยไมร่า ลินเกรงใจ” ไพลินรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “มีอะไรกัน” เสียงเรียบถามเมื่อเห็นน้องสาวและเพื่อนของเธอที่กำลังเดินมายังห้องอาหารคุยกันเหมือนถกเถียงอะไรบางอย่าง “ก็ลินน่ะสิคะยังไม่มีโทรศัพท์ใช้เลย ไมร่าจะซื้อให้ก็ไม่ยอม บอกแต่จะหางานพาร์ทไทม์ทำแล้วซื้อเอง แล้วระหว่างนี้จะติดต่อกันยังไง" ไมร่าบ่นกับพี่ชายก่อนจะนั่งลงฝั่งซ้
เจเดนพาไพลินมาหาเมสันที่บริษัทตามที่ดีแลนโทรบอกว่าเจ้านายสั่ง หญิงสาวยืนมองดูตึกที่สูงตระหง่านตาใจกลางกรุงวอชิงตันด้วยความรู้สึกประหม่าเพราะไม่เคยสักครั้งที่จะได้สัมผัสสถานที่แบบนี้แม้แต่ที่ประเทศไทยก็ตามไพลินเดินตามเจเดนเข้ามาในตึกใหญ่ที่ด้านในพลุกพล่านไปด้วยพนักงานและต่างก็ทักทายเจเดนในฐานะคนใกล้ชิดเจ้านายพร้อมทั้งมองเลยมายังเธอด้วยสายตาเป็นคำถามแต่ก็ไม่มีใครกล้าถามอะไรเจเดนเกี่ยวกับเธอ“นายรออยู่ในห้อง” ดีแลนบอกทันทีที่เห็นเจเดนเดินนำไพลินมาถึงหน้าห้องทำงานของเมสัน เจเดนจึงพาไพลินเข้าไปหาเจ้านายที่กำลังรออยู่ด้านใน“คุณไพลินมาแล้วครับ” เมสันเงยหน้าจากเอกสารที่กำลังดูอยู่ขึ้นมามองเมื่อได้ยินเสียงลูกน้อง“ไปหาของว่างมาให้ไพลินด้วย”“เอ่อ ไม่เป็นไร...”“ฉันจะทานด้วย” เมสันดักคอเมื่อเห็นหญิงสาวทำท่าจะปฏิเสธ“นายรับอาหารว่างเหมือนเดิมนะครับ” เมื่อเจ้านายพยักหน้าตอบเจเดนก็รีบหมุนตัวกลับออกไปจัดการตามคำสั่ง“นั่งลงสิ จัดการเรื่องเรียนเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย” เสียงทุ้มบอกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าและถามไถ่ถึงธุระเรื่องเรียนที่หญิงสาวพึ่งไปจัดการมา“เรียบร้อยแล้วค่ะ”“ชอบมหาลัยที่ฉันเลือกให้หรือเปล่
“มาพอดีเลย ไมร่ากำลังจะโทรหาพี่เมสันอยู่พอดีว่าเมื่อไหร่จะพาลินกลับ” เมื่อเห็นพี่ชายเดินนำหน้าเพื่อนสาวเข้ามาในบ้านจากที่กำลังจะกดโทรศัพท์หา ไมร่าก็เปลี่ยนเป็นเดินเข้าไปหาคนทั้งสองแทน“เย็นนี้ลูคัสจะมาทานข้าวเย็นด้วยนะ” เมสันบอกน้องสาวชื่อของลูคัสทำให้ไมร่ามีท่าทีแปลกไปทันทีจนเมสันสังเกตได้แต่ก็ไม่คิดจะพูดอะไรไปมากกว่าการบอกน้องสาวให้ทราบถึงการมาของเพื่อนตนเอง“บ้านเขาไม่มีข้าวกินหรือยังไงคะถึงต้องมากินบ้านเรา” ไมร่าบ่นอุบอิบไม่กล้าสบตาพี่ชาย “เราเป็นเจ้าของบ้าน อย่าแสดงอาการแบบนี้ต่อหน้าแขกนะไมร่า” เมสันปรามน้องสาว“ไมร่ารู้ค่ะไม่ได้พูดให้เขาได้ยินสักหน่อย”“แล้วเรื่องเรียนของเราจัดการเรียบร้อยหรือยัง” เมสันเปลี่ยนเรื่องคุย“เรียบร้อยค่ะไม่ต้องห่วง ว่าแต่ทำไมพี่เมสันถึงพาเพื่อนไมร่าไปอยู่ที่บริษัทตั้งครึ่งค่อนวัน ปกติไม่ชอบให้ผู้หญิงไปวุ่นวายที่ทำงานไม่ใช่เหรอคะ” คำถามและท่าทางเหมือนแปลกใจของน้องสาวทำให้เมสันต้องเหลือบมองไปทางไพลินที่กำลังมองมาทางเขาเช่นกันก่อนจะตอบน้องสาวสั้น ๆ“มีงานด่วนที่ต้องให้เจเดนทำ”“แบบนี้นี่เอง นึกว่าเพื่อนไมร่าได้รับสิทธิ์พิเศษเสียอีกที่ได้ย่างกรายไ
เมื่อวันแรกของการเปิดภาคเรียนมาถึงไพลินรู้สึกตื่นเต้นจนแทบไม่อยากทานอาหารมื้อเช้าเลยสักนิด เพราะกังวลเกี่ยวกับสังคมใหม่ที่เธอกำลังจะเจอถึงแม้จะศึกษาวัฒนธรรมและเรียนรู้การอยู่ร่วมกับสังคมที่นี่มาจากไมร่าบ้างแล้วแต่พอจะต้องฉายเดี่ยวเธอกลับรู้สึกตื่นเต้นออกจะค่อนไปทางกลัวเสียด้วยซ้ำ“ลิน…เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมดูสีหน้ากังวลจัง” ไมร่าที่สังเกตเห็นความผิดปกติจากสีหน้าของเพื่อนสาวถามขึ้นมา“ลินแค่ตื่นเต้นที่วันนี้จะได้ไปเรียนวันแรกไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง”“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอกเดี๋ยวพอเริ่มคุ้นเคยกับสถานที่และเพื่อนร่วมคลาสก็จะชินเอง มีอะไรโทรหาไมร่าได้เลยนะ”“ขอบใจนะไมร่า” เสียงเบาเอ่ยขอบคุณยิ้ม ๆ แม้จะอุ่นใจขึ้นมาบ้างที่อย่างน้อยหากมีอะไรก็ยังมีไมร่าให้นึกถึงแต่ความกังวลก็ยังไม่หมดไปอยู่ดี ไพลินคิดแล้วก็ถอนหายใจอีกครั้งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เมสันเดินเข้ามาในห้องอาหารและเห็นท่าทางคล้ายหนักใจของเธอ“มีอะไรหรือเปล่า” สายตาที่มุ่งตรงมายังเธอทำให้ไพลินรู้ว่าคนที่ต้องตอบคำถามเขาไม่ใช่ไมร่าแต่เป็นเธอต่างหาก“เอ่อ…เปล่าค่ะ” เมสันหรี่ตามองรู้ดีว่าเธอปดเขา“ฉันไม่ชอบคนโกหก”“คือลินเขาตื่นเต้นน่ะค่ะที่ต
เมสันยอมปล่อยไพลินให้ลงจากรถหลังเธอเริ่มคลายความตื่นกลัวจากการกระทำของเขาเพราะคิดว่าไม่ควรรุกเธอไปมากกว่านี้ เขาอยากให้เธอได้เรียนรู้เขาในหลาย ๆ มุมเหมือนกับที่เขาอยากจะลองค้นหาเธอเช่นกัน ชายหนุ่มยอมรับว่าเพื่อนของน้องสาวคนนี้ถูกใจเขาไม่น้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเป็นสาววัยแรกแย้มหรือเป็นเพราะใบหน้าหวานที่มีเครื่องหน้าลงตัวและท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตัวของเธอที่เขาไม่เคยเจอจากผู้หญิงอื่นกันแน่ ที่ทำให้คนอย่างเขาอยากค้นหาหากจะเทียบกับคู่ควงของเขาที่ผ่านมาแล้วไพลินคือผู้หญิงที่อายุน้อยที่สุดที่เขาคิดอยากสานสัมพันธ์ เมสันมีกฎว่าเขาจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงวัยแตกเนื้อสาวหมาด ๆ หรือสาววัยมหาลัยเพราะรู้สึกว่าเป็นวัยที่ยังไม่มีวุฒิภาวะพอที่จะเข้าใจในความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดแต่เมื่อเจอกับเพื่อนของน้องสาวที่มาจากประเทศไทยคนนี้กลับทำให้เขาอยากลองแหกกฎที่รักษามานานโดยยังไม่ได้คิดว่าความสัมพันธ์จะสั้นหรือยาวแค่ไหน เพียงแต่ตอนนี้เขารู้สึกถูกชะตาและถูกใจอยากจะเอามาไว้ใกล้ตัวแบบไม่ให้ห่างตาก็เท่านั้น สิ่งเดียวที่มั่นใจตอนนี้ก็คือผู้หญิงคนนี้คือข้อยกเว้นทุกกฎที่เขาเคยมีหลังจากรถที่บ้านเดวาลอฟเคลื่อนตัวห่าง
เจเดนไปรับไพลินมาหาเมสันที่บริษัท ความรู้สึกประหม่ากลับมาอีกครั้งเมื่อใกล้จะถึงบริษัทของเมสัน เรื่องราวเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าเริ่มกลับมาทำให้หัวใจเธอสั่นไหวอีกรอบระหว่างที่เดินตามเจเดนเข้ามาในตึกใหญ่ ขาทั้งสองข้างของไพลินสั่นจนแทบก้าวไม่ออกแต่สุดท้ายก็มาถึงหน้าห้องทำงานของคนที่เป็นเจ้าของบริษัทและเจ้าของตึกสไตล์โมเดริ์นที่สูงตระหง่านอยู่ใจกลางกรุงวอชิงตัน“เชิญคุณไพลินด้านในเลยครับ” ดีแลนพูดพร้อมส่งรอยยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร ไพลินมองเจเดนคิดว่าอีกฝ่ายจะเดินนำเธอเข้าไปด้านในเหมือนครั้งก่อนแต่เจเดนที่ยืนหันข้างให้เธอกลับถอยหลังเหมือนเปิดทางให้เธอเดินเข้าไปคนเดียว“ให้หนูเข้าไปคนเดียวเหรอคะ?” ท่าทีไม่มั่นใจมองหน้าเลขาของเมสันและผู้ช่วยของเขา“ครับ คุณเมสันบอกให้คุณไพลินเข้าไปหาถ้ามาถึงครับ” ดีแลนและเจเดนแอบมองหน้ากันด้วยสงสารหญิงสาวที่สีหน้าดูกังวลเมื่อต้องเข้าไปหาเจ้านายพวกตนคนเดียวระหว่างที่ไพลินกำลังยืนทำใจอยู่นั้นประตูห้องทำงานบานใหญ่ก็เปิดออกมาจากด้านใน ร่างสูงในชุดสูทสีดำที่ดูเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเดินออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉยกำลังมองเอกสารบางอย่างในมือที่ถือออกมาให้ดีแลน แต่จั
หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้วเมสันก็ตั้งใจจะบินไปประเทศไทยกับภรรยาสาวเพื่อเยี่ยมครอบครัวของเธอ แต่ตารางงานที่ชายหนุ่มมีต้องรออีกเป็นเดือนถึงจะสามารถบินได้ เพราะ เมสันมีกำหนดการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่สามัญประจำปีและมีนัดเจรจาธุรกิจกับกองทัพสหรัฐเกี่ยวกับการผลิตยานพาหนะทางการทหารรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่สามารถส่งใครเข้าไปพูดคุยแทนได้เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีเพียงชายหนุ่มเท่านั้นที่มีอำนาจในการตัดสินใจ“ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องกลับไปเยี่ยมพี่สาวช้าไปอีกนิด” ชายหนุ่มบอกเมียเด็กของตนเองในค่ำคืนหนึ่ง“ไม่เป็นไรค่ะ งานคุณสำคัญที่สุด..ลินรอได้” เธอบอกพลางแนบแก้มไปกับอกหนา หลังจากวันที่เข้าใจกันไพลินก็ย้ายห้องนอนมาอยู่ห้องของชายหนุ่มอย่างถาวรตามความต้องการของเจ้าของห้อง“อื้อ..อย่าพูดแบบนี้สิ สำหรับฉันไม่มีอะไรสำคัญกว่าเธอกับลูก เพียงแต่งานที่กำลังเคลียร์มันเป็นสิ่งที่กำหนดไว้ก่อนที่จะรู้ว่าจะต้องเดินทางไปประเทศไทยก็เท่านั้น” ชายหนุ่มอธิบายเพราะกลัวหญิงสาวจะคิดมาก“ลินเข้าใจค่ะ คุณให้ลินไปทำงานที่บริษัทเหมือนเดิมด้วยได้มั้ยคะ ลินอยากเก็บเงินส่งไปเป็นค่าตั๋วให้พี่สาวและพี่เขยมาหาลินที่นี่” เธ
หลังจากที่ไพลินแกล้งให้เมสันเข้าใจผิดว่าตนเองจะหอบลูกมาอยู่ประเทศไทยถาวรจนชายหนุ่มโกรธและไม่ยอมคุยด้วยไปหลายวัน มาวันนี้กลับเป็นตัวเธอเองที่ทนไม่ไหวกับท่าทีของสามีที่ดูจะเงียบขรึมและเย็นชาขึ้นทุกวัน“วันนี้ลินขอไปที่บริษัทกับคุณด้วยได้มั้ยคะ” หลังจากที่คิดอยู่นานว่าจะง้อชายหนุ่มยังไงดีในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเอ่ยออกมาระหว่างที่กำลังทานอาหารเช้าเมสันช้อนตามองภรรยาแวบเดียวแล้วก้มหน้าทานอาหารเช้าต่อโดยไม่พูดอะไร“จริงด้วย..พี่เมสันพาลินไปที่บริษัทด้วยสิคะลินจะได้ไม่เหงาอยู่ที่บ้านคนเดียว เดี๋ยวจะเครียด” ไมร่าสนับสนุนคำขอของไพลินเพราะรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังหาทางง้อพี่ชายของเธอ หลังจากที่ไพลินเดินมาปรึกษาและเล่าสาเหตุที่เมสันโกรธให้ฟัง“ที่บริษัทไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรอก ขนาดที่นี่มีทุกอย่างพร้อมที่จะประเคนให้ยังรั้งใครไว้ไม่ได้” เสียงเรียบเอ่ยออกมาพร้อมทำท่าว่าจะอิ่มแล้วกับอาหารเช้าที่พึ่งทานเข้าไปไมร่าส่งสัญญาณให้ไพลินพูดอะไรสักอย่างก่อนที่พี่ชายของเธอจะลุกออกจากโต๊ะอาหาร“แต่ที่นั่นมีคุณอยู่ด้วย ไม่เหมือนที่นี่ที่หลังจากอาหารเช้าลินก็ต้องอยู่คนเดียวไม่ร่าก็ต้องไปเรียน” เธอรีบบอก..หวังให้คำพูด
ไพลินปล่อยให้เมสันนอนหนุนตักเธอนานเท่าไหร่ไม่รู้จนเธอเองก็เผลอพิงโซฟาหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในท่านอนสบายบนโซฟาแล้วมีผ้าห่มคลุมตัวเรียบร้อย แต่กลับไร้เงาสามี หญิงสาวรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานของชายหนุ่มเพื่อตามหา “คุณตื่นแล้วเหรอคะ” มีอาที่กำลังเดินถือถาดอาหารกำลังจะไปยังชั้นบนของบ้านทักหญิงสาว “ค่ะ พอดีลินเผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วคุณเมสันอยู่ไหนคะ” เธอถามาสามี “นายท่านอยู่บนห้องค่ะ หมอมาตรวจอาการพึ่งกลับไปเมื่อครู่” “แล้ว….” เธอกำลังจะถามถึงถาดอาหารที่มีอากำลังถืออยู่ “อาหารบำรุงของนายท่านที่หมอสั่งค่ะ ฉันกำลังจะเอาขึ้นไปให้” มีอาบอก “เดี๋ยวลินยกไปให้ดีกว่าค่ะ ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเดี๋ยวลินจะมาบอกมีอานะ” “ไม่เป็นไร คุณกำลังท้องอยู่เดี๋ยวนายท่านรู้จะดุเอาที่ปล่อยให้คุณทำอะไรแบบนี้” มีอาทำท่าว่าไม่ยอม “มีอา..ลินท้องนะคะไม่ได้ป่วย อีกอย่างถ้าหากนายท่านของมีอาดุเดี๋ยวลินจะเป็นคนจัดการเอง” เธอพูดยิ้ม ๆ ให้อีกฝ่ายคลายกังวลแล้วยื่นมือไปรอรั
เมสันและไพลินได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านหลังจากรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบสิบวัน โดยระหว่างที่กลับมาพักฟื้นที่บ้านก็จะมีหมอมาคอยตรวจอาการทุกวัน ๆ ละ 2 ครั้งตามความประสงค์ของทนายประจำตระกูล เดวาลอฟที่เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่เมสันมี“ไม่ต้องแสดงความอึดด้วยการหากิจกรรมทำยามค่ำคืนนะมึง เดี๋ยวได้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบ” เมื่ออยู่กันตามลำพังสองหนุ่ม ลูคัสจึงพูดหยอกเมสัน“มึงจะให้กูทำอะไร ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลมาที่บ้านได้สองวันแล้วกูแทบไม่เห็นหน้าเมีย คอยแต่จะหลบหน้าอยู่นั่นแหละไม่รู้ไม่พอใจอะไรอีก รอให้กูเข้าที่อีกหน่อยเถอะ” เมสันบ่นอย่างหงุดหงิด“แล้วมึงไปทำอะไรให้เมียเด็กของมึงงอนอีกละ”“ออกจากโรงพยาบาลมาก็อยู่แต่บ้านกูยังไม่ได้ออกไปไหน แล้วกูจะรู้หรือเปล่าล่ะว่ากูทำอะไรผิด กูก็อยู่เฉย ๆ นั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ตอนอยู่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้ ตอนนี้กูชักอยากจะกลับไปนอนโรงพยาบาลด้วยกันใหม่อีกรอบ” ลูคัสแทบกลั้นหัวเราะไม่ไหวกับอาการงอนเมียของอีกฝ่าย“เอาน่าใจเย็น ตอนนี้มึงก็ดีขึ้นมากแล้วเดี๋ยวเดินเหินได้สะดวกกว่านี้ค่อยว่ากัน คนท้องอาจจะมีอารมณ์แปรปรวนบ้างมึงต้องเข้าใ
เจเดนที่วิ่งตามคนเป็นนายมาติด ๆ และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเมสันวิ่งไปคว้าตัวไพลินให้พ้นจากรถที่วิ่งมา แต่ตัวเจ้านายของเขาถูกรถกระแทกทางด้านข้างแล้วพากันล้มกลิ้งไปบนฟุตบาทอยู่หลายตลบเจเดนเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็วและจัดการเรียกหน่วยฉุกเฉินทันทีแล้วโทรหาดีแลนกับลูคัสเพื่อแจ้งเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นเมสันและไพลินถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลหลังเกิดเหตุไม่ถึงครึ่งชั่วโมงจากการช่วยเหลือและการประสานงานอย่างรวดเร็วทั้งจากลูคัสและและเครือข่ายของเมสันเองที่มีอยู่ทั่วทุกวงการไพลินมีอาการจุกที่ท้องน้อยและมีเลือดซึมออกทางช่องคลอด ส่วนเมสันนั้นก็มีอาการที่ค่อนข้างหนักเช่นกันเพราะนอกจากหัวแตกแล้วยังมีกระดูกซี่โครงหักทิ่มปอดจากการถูกรถเฉี่ยวแล้วล้มลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปตามทางอย่างแรงหลายตลบเพราะเอาตัวเองเป็นกำบังโดยการกอดไพลินไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวกระทบกระเทือนน้อยที่สุด “คุณผู้หญิงมีอาการแท้งคุกคามแต่ดีที่ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว เบื้องต้นเด็กในท้องยังอยู่แต่คงต้องให้คุณแม่นอนนิ่ง ๆ ห้ามเคลื่อนไหวร่างกายโดยไม่จำเป็นที่โรงพยาบาลสักพักเพื่อให้ยากันแท้งและเพื่อให้แน่ใจว่าปลอด
จีน่าเก็บความไม่พอใจไว้เงียบ ๆ และพยายามหาข้อมูลของนักศึกษานามว่าไพลินซึ่งเป็นผู้หญิงที่ได้หัวใจของผู้ชายคนที่เธอหมายปองไปครอง และเหมือนโชคจะเข้าข้างหล่อนในวันนี้ที่อาจารย์ประจำภาควิชาที่ไพลินเรียนขอลา จีน่าซึ่งเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการจึงต้องเข้ามาดูแลด้านการสอนแทนเป็นกรณีพิเศษ “วันนี้อาจารย์ว่าเรามาคุยกันเกี่ยวกับบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจและการเงินบ้างดีกว่า ในอเมริกาของเรามีใครบ้างนักศึกษาลองเอ่ยชื่อมาให้อาจารย์หน่อยสิคะ” จีน่ามองไปรอบ ๆ คลาสก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวชาวไทยที่เป็นเป้าหมายของเธอด้วยสายตาบางอย่าง นักศึกษาในคลาสต่างหันหน้าไปหารือและถามกันเรื่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจและการเงิน และเหมือนกับว่าคำตอบของนักศึกษาส่วนใหญ่จะเข้าทางจีน่าเพราะชื่อที่ถูกเอ่ยออกมามากที่สุดก็คือชื่อของเมสันนั่นเอง “หนูเคยได้ยินว่าอาจารย์เคยเป็นผู้หญิงคนสนิทของคุณเมสันใช่หรือเปล่าคะ” เสียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา จีน่าแอบยิ้มในใจ รู้สึกว่าวันนี้โชคจะเข้าเธอมากเป็นพิเศษ “ใช่..ที่จริงแล้วอาจารย์ก็พึ่งจะ
“คุณเหนื่อยหรือเปล่าคะวันนี้” ร่างบางเดินออกมาต้อนรับสามีทันทีที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้าน“นิดหน่อย..แต่พอได้เห็นหน้าเธอก็หายเหนื่อยแล้ว”เสียงทุ้มตอบภรรยาเด็กยิ้ม ๆ พร้อมคว้าเอวคอดมาแนบตัวแล้วพาเดินไปนั่งพร้อมกัน“คุณอยากทานอะไรหรือเปล่าคะ เดี๋ยวหนูไปเอามาให้” ไพลินถามอย่างเอาใจ“มีอะไรก็ว่ามา ท่าทางแบบนี้คงมีอะไรสักเรื่องแน่นอน”ชายหนุ่มเอ่ยอย่างรู้ทันเมื่อเห็นท่าทางเอาใจแปลก ๆ ของหญิงสาว ปกติแล้วไพลินจะเป็นคนที่ไม่กล้าแสดงความรู้สึกและแสดงความรักนอกห้องนอนหญิงสาวทำจมูกย่นใส่เมื่อถูกรู้ทัน ตอนนี้เธอเริ่มจะคุ้นเคยกับสามีมากขึ้นจนกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองและกล้าที่จะเผยความรู้สึกที่มีต่อเขา“หนูมีเรื่องอยากจะขอร้องค่ะ”“ตั้งแต่ออกบ้านไปคราวก่อนกลับมาแทนตัวเองแบบห่างเหินอีกแล้วนะ แทนตัวเองกับฉันว่าลินเหมือนเดิมด้วยเข้าใจไหม” ไพลินพยักหน้าให้ในความต้องการนั้น แล้ววกเข้าเรื่องที่ตั้งใจจะพูดกับเขาต่อ“คือหนูอยากจะขอไปเรียนอีกเทอมที่เหลือให้จบได้หรือเปล่าคะ ตอนนี้ท้องยังไม่โตเรียนอีกเทอมก็แค่อีกไม่กี่เดือนเอง” เมื่อพูดจบก็มีเสียงถอนหายใจดังตามมาติด ๆ หญิงสาวพูดเร็วและรัวเพราะกลัวจะถูกคำปฏิ
หลังจากที่เห็นท่าทางเศร้า ๆ ของไพลินวันนั้นเมสันก็รู้สึกไม่สบายใจมาจนถึงวันนี้ แม้ว่าหญิงสาวจะยอมในเหตุผลของเขาแต่ชายหนุ่มรู้ดีว่าลึก ๆ แล้วเมียของเขายังทำใจไม่ได้ที่ต้องหยุดเรียน เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอตั้งใจอันดับแรกในการมาอยู่ที่อเมริกา“มึงมีเรื่องอะไรถึงเรียกกูมาด่วน เมียก็กลับบ้านแล้ว คุยกันเข้าใจแล้วไม่ใช่หรือไงจะนั่งทำหน้าเครียดอะไรอีก หุ้นมึงก็ไม่ได้ตกสักตัวนี่หว่า” ลูคัสทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้นวมราคาแพงหน้าโต๊ะทำงานของเมสันด้วยท่าทางเซ็ง ๆ ที่ถูกเรียกให้มาหาด่วนทั้งที่พึ่งจะได้นั่งทำงานที่บริษัทตัวเองอย่างจริงจังไม่กี่วันหลังจากที่วุ่นอยู่กับเรื่องของเมสันและไพลิน“หุ้นกูไม่ได้ตกและบริษัทมึงก็คงไม่เจ๊งหรอกหากเจ้าของจะไม่นั่งหัวโด่อยู่นั่น”“ว่าไม่ได้นะ เกิดเจ๊งมาคนที่ลำบากคือน้องมึงนะถ้ากูไม่มีเงินเลี้ยง” จากที่อารมณ์เซ็งเมื่อครู่ลูคัสก็กลายเป็นพูดเล่นเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเมสัน“ถ้าบริษัทมึงเจ๊งธุรกิจอสังหาในอเมริกาก็คงล่มสลายแล้วล่ะ” น้ำเสียงหงุดหงิดบอกห้วน ๆลูคัสยักไหล่ยกยิ้มกับคำเปรียบเปรยของคนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามถึงสาเหตุที่ถูกเรียกให้มาหา“สรุปมึงมีเรื่องอะไร”“กูไม่สบ
ไพลินมองหน้าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอด้วยหัวใจที่สั่นไหว ไม่ว่าจะยังไงเมสันก็คือคนเดียวที่มีอิทธิพลต่อใจของเธอ“ขอบคุณค่ะ แต่หนู...”“มีอา..ต่อไปนี้ให้ตั้งโต๊ะอาหารเย็นเร็วขึ้นอีกหนึ่งชั่วโมง ไพลินจะต้องทานอาหารตรงเวลาทุกมื้อแล้วสั่งเชฟให้จัดของบำรุงครรภ์ด้วย เริ่มวันนี้” เสียงเข้มหันไปสั่งหัวหน้าแม่บ้านโดยไม่สนใจคำทัดทานที่กำลังออกจากปากของหญิงสาวแม้แต่น้อยมีอารับเสื้อสูทที่เจ้านายถอดยื่นให้พร้อมน้อมรับในคำสั่งใหม่แล้วรีบเดินไปแจ้งให้ในครัวทราบทันทีไพลินทำตัวไม่ถูกถึงแม้จะคุ้นเคยกับที่นี่ดีรวมถึงทุกคนในบ้าน แต่นั่นมันก่อนที่เธอและเมสันจะมีความสัมพันธ์กัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็รู้ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของเจ้าของบ้านและเธอที่เป็นผู้อาศัยกันหมดแล้วเธอจึงไมรู้จะทำตัวยังไงดี เมสันเดินตรงมาหาไพลินอย่างช้า ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกหวั่นกับท่าทีตึง ๆ ของเขาแต่เท้าของเธอกลับเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ไม่ยอมขยับไปไหน ไมร่าเดินถอยห่างออกไปอย่างรู้หน้าที่ และไม่ลืมที่จะส่งสายตาให้กำลังใจไพลินที่ตอนนี้ส่งสายตามาหาเช่นกันเหมือนจะบอกว่าให้อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน“ยังมีอาการเวียนหัวอยู่หรือเปล่า” หน้าตา