ปัง!
“กลับ”
“ครับนาย”
ทศกัณฐ์ปิดเปลือกตาเอนตัวพิงเบาะปล่อยให้คนขับรถพากลับไปยังที่พัก
“เอ่อ นายครับ”
คนสนิทที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับกลืนน้ำลายตอนที่เห็นผู้เป็นนายหงุดหงิดยามที่ถูกขัดจังหวะการพักผ่อน
“ตามตาราง ตอนบ่ายโมงครึ่งนายมีนัดกับคุณสิงห์เรื่องออดิชันนักร้องที่ผับเอ่อ..นายให้ผมตรงไปที่ผับเลยไหมครับ”
“อืม” เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของคนสนิททำให้เขาคลายหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นลง
อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ชายหนุ่มรู้ตัวว่าทำให้ลูกน้องและคนใกล้ชิดพลอยรู้สึกอึดอัดกับอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวที่มีมากกว่าปกติ แต่จะให้เขาทำอย่างไรในเมื่อเขาเกลียดการรอคอย แล้วโดยเฉพาะการรอคอยที่นับวันมันยิ่งดูเหมือนจะไม่มีวันเป็นจริง
ในคราแรกเขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าตนเองจะต้องเป็นฝ่ายชนะ...เขาเฝ้ารอดูเรื่องบังเอิญอย่างใจจดใจจ่อ แต่แล้วทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เขารอแล้วรอเล่าแต่ก็ยังไม่มีวี่แววของอีกฝ่าย จากที่รอคอยอย่างอารมณ์ดีและใจเย็นหลัง ๆ เขากลับอารมณ์เสียและหงุดหงิดกับการรอคอยที่ไม่ได้ดั่งใจ อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายถูกใจเขาเอามาก ๆ ก็เป็นได้เขาถึงเป็นได้ขนาดนี้
ทศกัณฐ์นั่งมองบัตรนักศึกษาที่กำลังหมุนเล่นอยู่ในมือ
‘อุ่นใจ ภักดี...อย่างงั้นเหรอ อย่าให้ฉันเจออีกรอบ รับรองคราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอีกเด็ดขาด’
เสียงเครื่องยนต์ดับลงเป็นสัญญาณให้ชายหนุ่มรับรู้ว่าถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เหลือบมองนาฬิกาพบว่าเป็นเวลาบ่ายโมงครึ่งพอดี เสียงเพลงดังแว่วออกมาจากข้างในร้าน ในขณะที่เขาก้าวเท้าลงจากรถ
เสียงหวานคุ้นหูทำให้ทศกัณฐ์หยุดชะงัก ชายหนุ่มรีบปิดประตูเตรียมจะสาวเท้าเดินตามเสียงเพลง
“เอ่อ นายครับ?”
“ว่าไง!” ทศกัณฐ์หันกลับไปถามเสียงเข้มหลังจากที่บอดี้การ์ดถามขัดขึ้นมา
“ถ้าเสร็จจากนี่แล้วจะกลับเลยไหมครับหรือว่าจะไปร้านเดิม พะ พวกผมจะได้..”
“พวกนายกลับไปบ้านใหญ่ได้เลย!”
ทศกัณฐ์กลับไปสนใจเสียงเพลงต่อ แม้ท่วงทำนองจะหยุดลงแต่ความสงสัยกลับยิ่งทวีคูณ เพลงนี้ น้ำเสียงแบบนี้ ต้องใช่เสียงที่เขาตามหาแน่ ๆ ร่างสูงใหญ่ตรงดิ่งเข้าไปในผับของตนเองทันที
แต่ในตอนที่ชายหนุ่มเข้าไปถึงเสียงเพลงก็พลันจบลง มีแค่เพียงเสียงปรบมือที่ดังก้องไปทั่วบริเวณ ทศกัณฐ์พยายามมองไปที่หน้าเวทีเพื่อตามหาต้นตอของเสียง แต่ก็ไม่สามารถมองทะลุผ่านผู้คนที่ยืนออกันอยู่หน้าเวทีได้
“เฮ้! กูนึกว่ามึงจะไม่มาซะแล้ว”
ทศกัณฐ์หันไปมองชายหนุ่มสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาที่เดินเข้ามาทักทายด้วยสีหน้าและน้ำเสียงกวนตีน
‘สิงห์’ เพื่อนรุ่นน้องที่เป็นหุ้นส่วนอีกคนของผับแห่งนี้
“กูไม่ได้สายซะหน่อย...ใครร้องเพลงเมื่อกี้?” ทศกัณฐ์ย้อนถามกลับในขณะที่พยายามมองไปยังเวทีอีกรอบแต่ก็ไม่พบกับตัวคนร้อง
“ไม่สายแต่ก็ไม่ทัน เด็กกูเพิ่งร้องเสร็จเมื่อกี้”
ทศกัณฐ์ตวัดสายตากลับไปหาไอ้คนที่ชอบกวนประสาท เขามาตรงเวลามันก็ยังจะยัดเยียดความผิดให้เขาจนได้
“ใครบอกว่าไม่ทัน ว่าแต่เพลงเมื่อกี้เด็กมึงร้อง?”
“อืม เพราะใช่ไหมล่ะ กูบอกมึงแล้ว”
“ตกลงกูเอาเด็กมึงคนนี้แหละ บอกคนที่เหลือไม่ต้องร้องแล้วกลับไปได้เลย”
“เฮ้ย! ได้ไงวะ เดี๋ยวคนเขาก็หาว่าลำเอียง เด็กเส้น ลองฟังคนอื่นก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ”
“ไม่ล่ะ เสียเวลาถ้ามึงจะฟังก็แล้วแต่มึง แต่กูจะเอาคนเมื่อกี้ จับเซ็นสัญญาให้เรียบร้อยด้วย กูจะขึ้นไปเคลียร์เอกสารรอข้างบน” ทศกัณฐ์ตั้งท่าจะหมุนตัวกลับ อย่างน้อย ๆ วันนี้ก็ไม่ได้แย่ ได้เจอน้ำเสียงที่ตามหามานาน
“อ้าว เดี๋ยวซิ อยู่คุยกันก่อน ยุ่งหรือไงช่วงนี้”
“อืม”
“เหรอออ? แต่ก็ยังมีเวลาไปป้วนเปี้ยนตามผับตามบาร์.. อย่าคิดว่ากูไม่รู้ว่าอาทิตย์ที่ผ่านมามึงไปป้วนเปี้ยนแถวไหนมา สารภาพกับกูมาซะดี ๆ ว่าไปติดเด็กที่ไหน”
“ติดพ่อง! แล้วมึงว่างนักหรือไงถึงได้มีเวลามาสาระแนเสือกเรื่องของกูจัง รึว่าเมียทิ้ง?”
“ทิ้งพ่อง! ไอ้ตัวแสบกลับบ้าน!”
“หึ ลองหงุดหงิดแบบนี้ สงสัยโดนที่บ้านกีดกันดรามามาแน่ ๆ”
“กีดกันห่าอะไรที่ไหน! ไม่มีซะหรอกระดับกูแล้ว ผ่านฉลุย เข้าตามตรอกออกตามประตูเป๊ะ พ่อตารักแม่ยายหลง”
ทศกัณฐ์อดที่จะเบ้ปากหมั่นไส้กับความโอ้อวดโอเวอร์ของอีกฝ่ายไม่ได้ ปกติแล้วคนอย่างมันไม่มีซะหรอกที่จะยอมรับแบบเต็มปากเต็มคำแบบนี้ สงสัยคนนี้คงจะจริงจังน่าดู
เห็นอีกฝ่ายเป็นเอามากขนาดนี้เขาก็ขี้เกียจจะกวนอารมณ์มันต่อ เลยเดินหนีขึ้นไปจัดการเอกสารข้างบน
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
ก๊อก ๆ
“คุณกัณฐ์คะ”
“เข้ามาได้” ร่างหนาเงยหน้าจากกองเอกสารมองคุณหนึ่งคนสวย ผู้จัดการร้านที่เป็นสาวประเภทสองที่คอยดูแลจัดการเรื่องต่าง ๆ ภายในร้าน
“เราได้นักร้องแล้วนะคะ คุณสิงห์ให้มาตามคุณกัณฐ์ไปเซ็นสัญญาค่ะ”
“ครับ” ทศกัณฐ์เดินตามอีกฝ่ายลงไปข้างล่าง
“หูยย น้องน่ารักมากเลยค่ะ ร้องอะคูสติกก็เพราะ พอร้องเพลงร็อกก็เปลี่ยนโหมดกลายเป็นเซ็กซี่ได้ซะงั้น คนอื่น ๆ ในวงก็ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันหมดว่าคนเนี้ย สุดยอดแล้ว โดยเฉพาะนังแม็คนะคะ กระดี๊กระด๊าที่สุด ตั้งท่าจะจีบน้องเขาท่าเดียวเลย”
ทศกัณฐ์เดินไปฟังเสียงจีบปากจีบคอของอีกฝ่ายไปด้วย
“คุณกัณฐ์ได้ฟังตอนที่น้องอุ่นร้องไหมคะ?”
“อุ่น?”
“ใช่ค่ะ นักร้องของร้านเราชื่อน้องอุ่น คนที่คุณสิงห์แนะนำมาไงคะ..นั่นไงคะ คนตัวเล็กผิวขาว ๆ ที่นั่งข้าง ๆ คุณสิงห์” คุณหนึ่งชี้ให้ดูใครคนนึงในตอนที่เราทั้งคู่เดินลงมาถึงข้างล่าง
มันจะบังเอิญเกินไปไหม?
น้ำเสียงที่เขาตามหามานานกับคนที่เขารอที่จะได้เจอคือคนคนเดียวกัน?
ทศกัณฐ์มองไปยังร่างบางที่กำลังพูดคุยอยู่กับไอ้สิงห์ด้วยความข้องใจ แต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็คือคนเดียวกันกับคนที่เขาใช้เวลาด้วยทั้งคืนในคืนนั้นแน่ ๆ แม้จะมองจากระยะไกลแต่เขาก็จำได้ดีว่าผิวสีขาวอมชมพูนั้นเนียนนุ่มมือมากแค่ไหน ไหนจะเรียวปากสีสดที่ไม่ว่าคืนนั้นเขาจะชิมเท่าไรก็ไม่เคยอิ่มนั่นอีก ภาพในคืนนั้นวนย้อนกลับเข้ามาในหัวทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี
“สองคนนั้น เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ค่ะคุณกัณฐ์”
ในตอนนี้ทศกัณฐ์เลิกคิดถึงหลักเหตุผลหรือค้นหาสาเหตุแห่งความบังเอิญ รู้แค่เพียงอย่างเดียวว่าครั้งนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ของของเขาหลุดมือให้ต้องหงุดหงิดรำคาญใจอีกรอบแน่ ๆ
ปัง!“กลับ”“ครับนาย”ทศกัณฐ์ปิดเปลือกตาเอนตัวพิงเบาะปล่อยให้คนขับรถพากลับไปยังที่พัก“เอ่อ นายครับ”คนสนิทที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับกลืนน้ำลายตอนที่เห็นผู้เป็นนายหงุดหงิดยามที่ถูกขัดจังหวะการพักผ่อน“ตามตาราง ตอนบ่ายโมงครึ่งนายมีนัดกับคุณสิงห์เรื่องออดิชันนักร้องที่ผับเอ่อ..นายให้ผมตรงไปที่ผับเลยไหมครับ”“อืม” เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของคนสนิททำให้เขาคลายหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นลงอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ชายหนุ่มรู้ตัวว่าทำให้ลูกน้องและคนใกล้ชิดพลอยรู้สึกอึดอัดกับอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวที่มีมากกว่าปกติ แต่จะให้เขาทำอย่างไรในเมื่อเขาเกลียดการรอคอย แล้วโดยเฉพาะการรอคอยที่นับวันมันยิ่งดูเหมือนจะไม่มีวันเป็นจริงในคราแรกเขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าตนเองจะต้องเป็นฝ่ายชนะ...เขาเฝ้ารอดูเรื่องบังเอิญอย่างใจจดใจจ่อ แต่แล้วทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เขารอแล้วรอเล่าแต่ก็ยังไม่มีวี่แววของอีกฝ่าย จากที่รอคอยอย่างอารมณ์ดีและใจเย็นหลัง ๆ เขากลับอารมณ์เสียและหงุดหงิดกับการรอคอยที่ไม่ได้ดั่งใจ อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายถูกใจเขาเอามาก ๆ ก็เป็นได้เขาถึงเป็นได้ขนาดนี้ทศกัณฐ์นั่งมองบัตรนักศึกษาที่กำลังหมุนเล่นอยู่ในมือ
ถึงแม้ความใหญ่โตจะทำให้เข้าไปได้ไม่ถึงครึ่งแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความเสียวซ่านลดน้อยลง ร่างสูงถอนออกมาแล้วกระแทกกลับเข้าไปใหม่ปัก!“ซี๊ดดดดด”“อึก!”มือหนากดรั้งศีรษะคนใต้ร่างไว้แล้วเริ่มโจนจ้วงใส่เข้าไปไม่ยั้งปัก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ“อื้ออ..อึกก..อ๊อก..” แรงประท้วงอันน้อยนิดไม่สามารถเหนี่ยวรั้งชายหนุ่มไว้ได้สะโพกแกร่งหมุนควงไม่หยุด เสือกไสท่อนเอ็นจนคนใต้ร่างเถือกไถไปชิดติดผนัง ความไร้เดียงสาของปากนุ่มที่คับแน่นตอดรัดจนร่างแกร่งเสียวซ่าน ความร้อนพุ่งทะยานขึ้นจนถึงขีดสุด ร่างสูงอัดรัวอีกสองสามครั้งก่อนที่จะเกร็งกระตุกฉีดพ่นน้ำคาวขุ่นจนคนตัวบางสำลัก“ซี๊ดดดดด”“คะ แค่ก ๆ อึกก อา” เสียงไอเสียงหอบหายใจผสมปนเปจนชายหนุ่มนึกสงสาร เชยปลายคางมนขึ้นมาแล้วใช้ลิ้นสากไล้เกลี่ยทำความสะอาดคราบคาวให้ก่อนที่จะบดจูบปากบางอีกครั้งกลิ่นกายหอมกรุ่นผสมปนเปกับกลิ่นคาวกฤษณาทำให้เขาอดที่จะขบชิมอย่างลุ่มหลง“อื้อออ”คนใต้ร่างหันหน้าหนีอย่างขัดใจแต่ก็ยังไม่วายเอื้อมมือมาคล้องคอเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ความดื้อรั้นที่ย้อนแย้งทำให้เขาอมยิ้มในใจ ซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่นอย่างอารมณ์ดี ดอมดมขบชิมความหอมหวานอย่างเพลิดเพลิน รู้สึกตัวอีกท
SHIT!ร่างกายของคนตัวเล็กกำลังจะบอกความจริงอะไรบางอย่าง แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีเวลาได้คิดอะไรมากไปกว่านี้เพราะคนใต้ร่างกำลังถดตัวหนี“อื้ออ มะ ไม่เอาแล้ว จะ เจ็บ”“ชู่ววว” ทศกัณฐ์จ้องเข้าไปในดวงตาของคนตัวเล็ก“ฮืออ อ..อุ่นเจ็บ อื้ออ” หยาดน้ำสีใสเอ่อล้นนัยน์ตาสีสวย ปากสีแดงถูกเจ้าตัวขบจนแน่น ความร้อนและความฝืดเคืองจากช่องหลืบทำให้ชายหนุ่มได้แต่กดแช่ไว้อย่างนั้นแล้วหันไปปรนเปรอส่วนอ่อนไหวให้กลับมาชูชันอีกครั้ง“อ๊ะ!!” ทศกัณฐ์ใช้มือสากสัมผัสหยอกเย้ากับส่วนปลายเกลี่ยวนไปมาจนคนใต้ร่างเริ่มเปล่งเสียงครางอีกรอบ“อื้อ..อ๊าา..อะ” ชายหนุ่มก้มลงไปซุกไซ้ซอกคอพร้อมกับขบชิมยอดอก“ตรงนี้เจ็บไหม?” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามขณะที่ใช้ปลายลิ้นเลียยอดตุ่มไตสีสดแผ่วเบา“อ๊า มะ ไม่..ยะ อย่า อ๊ะ!”“ตรงนี้ล่ะ?” อีกมือก็เริ่มล่อลวงรูดรั้งแก่นกายหวานเร็วขึ้นสวบ ๆ ๆ ๆ ๆ“อื้ออ คะ..คุณ ”“อืม” ทศกัณฐ์ตอบรับอย่างถูกใจกับปฏิกิริยาของคนใต้ร่าง มือสากจับปลายขายกขึ้นเกี่ยวกับรอบเอวสอบแล้วดันปลายนิ้วเข้าไปอีกครั้ง“อ๊ะ! จะ..อื้ออ” กลีบปากหวานถูกปิดด้วยจูบร้อนแรง ทศกัณฐ์ดูดดึงลิ้นเรียวโน้มน้าวให้ใต้ร่างผ่อนคลายจนตนเองสามารถแทรกน
แล้วก็เป็นอย่างที่เขาคิด... คนที่เสนอตัวเข้ามาเลี้ยงเหล้าเขาเมาคอพับไปเรียบร้อยหลังจากที่ผ่านไปแค่ไม่กี่แก้ว ไม่รู้ว่าเมาจริงหรือว่าแกล้งเมากันแน่ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจเท่าไรนักเพราะเด็กคนนี้นับว่าถูกใจเขาไม่น้อย ตั้งแต่ที่นั่งดื่มด้วยกันแล้วแววตาที่เหมือนจะกลัวแต่กลับไม่ยอมถอย ท่าทางที่เหมือนจะกล้าแต่กลับเขินอาย ความไร้เดียงสาที่แฝงไปด้วยกลิ่นอายของความเร่าร้อนทำให้ชายหนุ่มอดใจแทบจะไม่ไหวสำหรับค่ำคืนนี้ทศกัณฐ์จัดการอุ้มคนตัวบางขึ้นมาวางไว้บนเตียง..สายตาคมไล่มองไปตั้งแต่ผิวขาวเนียนละเอียด ไปจนถึงแก้มสีแดงปลั่ง ความวาบหวามที่ดูไร้เดียงสาทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะละปลายนิ้วสากไปตามริมฝีปากสีสด ความอวบอิ่มทำให้เขาหลงใหลจนเกือบจะยั้งใจไม่อยู่ โดยเฉพาะในตอนที่นัยน์ตาหวานฉ่ำหรี่ปรือขึ้นมาสบสายตา ความเย้ายวนเริ่มมอมเมาจนเขาแทบจะถอนสายตาไม่ขึ้น เสียงหวาน พึมพำอะไรสักอย่างที่จับใจความไม่ได้ และเขาก็ไม่คิดสนใจจะฟังเมา?คิดว่าเขาจะเชื่ออย่างงั้นเหรอ?แต่ถ้าแสดงได้สมบทบาทขนาดนี้...เขาก็จะเล่นตามน้ำไปด้วยละกันชายหนุ่มก้มลงไปละเลียดชิมริมฝีปากนุ่ม“อืออออ”ทั้งเคล้าทั้งคลึงดูดชิมให้สมความหวานที่อีกฝ่ายมอ
ท่ามกลางเสียงบีตส์ทุ้มดังกระหึ่ม แสงสีสาดส่องบาดตา ผู้คนออกมาวาดลวดลายกันอย่างสนุกสนาน ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกำลังเดินแหวกฝูงชนตรงเข้าไปยังบาร์เครื่องดื่ม ถึงแม้จะมีสีหน้าเรียบนิ่งติดจะไปทางหงุดหงิด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาที่มีนั้นลดน้อยลง ความหยิ่งผยองที่ส่งผ่านออกมาทางแววตากับท่าทีที่ไม่ยี่หระต่อสิ่งใดกลับยิ่งช่วยดึงดูดให้ทั้งสาว ๆ และหนุ่ม ๆ ละแวกนั้นอยากจะพาตนเองมาเข้าใกล้แนบชิด“วง ARO เล่นกี่โมง?”เสียงทุ้มถามขึ้นมาหลังจากที่สั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์เป็นที่เรียบร้อย“เพิ่งเล่นจบไปเมื่อกี้เองครับ” คิ้วเข้มขมวดมุ่นกับคำตอบที่ได้รับเสียเวลาชะมัด! ไอ้สิงห์ก็ไม่ยอมบอกเวลาที่แน่นอน! แล้วจะออดิชันอยู่ไม่กี่วันข้างหน้าอยู่แล้วจะให้เขามาดูลาดเลาทำไมก็ไม่รู้!‘ทศกัณฐ์’ อดไม่ได้ที่จะก่นด่าหุ้นส่วนรุ่นน้องในใจ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะมันย้ำนักย้ำหนาให้แวะมาดูรุ่นน้องที่มันรู้จักร้องเพลง เขาก็ไม่มีทางเสียเวลาพักผ่อนอันมีค่าของตัวเองย่างกรายเข้ามาในนี้เด็ดขาด“อะ..เอ่อ แต่อีกไม่เกิน 15 นาที วงต่อไปก็จะขึ้นเล่น ถ้าคุณสนใจเราสามารถหาโต๊ะส่วนตัวให้ได้นะครับ”“ไม่เป็นไร ขอบใจมาก”ทศกัณฐ์