เล่าเรื่องแบบย่อๆ
ชาติก่อน สวีหรันเฟย คือนางร้ายโฉมงามล่มเมืองสุดอำมหิตในนิยาย นางหลอกใช้คนรัก แล้วตอกหมุดควบคุมวรยุทธ์ ฝังคนผู้นั้นทั้งเป็น โดยหารู้ไม่ว่า สิ่งที่ทำคือการสร้างจอมมาร ก่อนหน้านั้น สวีหรันเฟยคือผู้ทำหน้าที่ลับๆ ให้กับสกุลสวี มีฉายาว่าโอสถพิษ นางใช้เสน่ห์มัดใจชินอ๋อง (เซียวเหิงจิ้น) หลอกล่อให้หลงเชื่อคำหวานหู ก่อนวางยาเพื่อเพิ่มพลังยุทธ์ เป็นเหตุให้อีกฝ่ายอยู่ในสภาพครึ่งคนครึ่งปีศาจ แล้วควบคุมเขานำกองทัพอาชาโลหิตปราบกบฏจนสำเร็จ
สิ่งที่สวีหรันเฟยทำทั้งหมดก็เพื่อช่วยเหลือคนที่นางรักฝ่ายนั้นคือรัชทายาท เมื่อแผนการเรียบรอย หญิงสาวจึงสั่งคนของตน ตอกหมุดเหล็กควบคุมเจ็ดอารมณ์ หกปรารถนา และทำลายพลังยุทธ์เซียวเหิงจิ้น สุดท้ายก็ฝังร่างเขาไว้ในสุสานลับตำหนักเย็น กระนั้น ถึงช่วยรัชทายาทมีชัยชนะขจัดเสี้ยนหนามเขาได้หมด แต่สวีหรันเฟยกลับไม่สมรักกับอีกฝ่าย คนผู้นั้นต้องการผู้ที่มือขาวสะอาดอยู่ข้างกาย(และเขาเลือกหลิวเสี้ยน) ไม่ใช่โอสถพิษอย่างสวีหรันเฟยดังนั้นข้อหาร้ายแรงจึงถูกสร้างขึ้น แล้วโยนความผิดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ จนมีการสังหารยกครัวสกุลสวี หากสวรรค์ยังมีตา ให้สวีหรันเฟยรอดพ้นความตาย โดยได้วิญญาณแพทย์สาว (โม่โฉ่ว) มาสวมร่าง
ซึ่งในขณะสวีหรันเฟยคนใหม่ พยายามปรับตัวเข้ากับโลกคล้ายจีนโบราณอย่างที่สุด โดยใช้ชีวิตอยู่ในเรือนชนบทของสกุลจ้าว ทำสวนผัก เลี้ยงไก่ เป็ด หมู และปิดบังฐานะตนเอง พร้อมฟูมฝักเด็กฝาแฝดในครรภ์ ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ร่างของเซียวเหิงจิ้นหายไปจากสุสานตำหนักเย็น ก่อนจะปรากฏตัวด้วยรูปลักษณ์ใหม่ แล้วเริ่มออกตามหาหญิงสาว ด้วยความรักและความคลั่งแค้น!
ตัวละคร
สวีหรันเฟย (หงส์สุริยา) คุณหนูรองสวี
มีความฉลาด แต่จิตใจชั่วร้าย
บิดาเป็นเจ้ากรมการคลัง
เซียวเหิงจิ้น ตำแหน่งชินอ๋อง อาศัยที่ตำหนักวิเวิก
องค์ชายลำดับที่สามแคว้นปู้โจว
สวีเต๋อจ้าน น้องชายสวีหรันเฟยคุณชายน้อยที่สี่
(หน่วยจิ้งจอกเก้าหาง)
หนิงเจี้ยน สายลับเซียวเหิงจิ้ง
ซานซือ ฉายาค้างคาวพิษ คนรับใช้ในสกุลฮั่ว
เผยอันกั๋ว กั๋วเอ๋อร์ ลูกชายรองแม่ทัพ
เผยอี้ฮุ่ย รองแม่ทัพฝ่ายเหนือ
หมอเจี่ยง เจี่ยงคุน ผู้รอบรู้วิชาแพทย์
เซียวต้นเหวิน รัชทายาท หลอกใช้สวีหรันเฟย
เจิ้นหลี่ฉาง ผู้บัญชาการหลี่ (ขันทีปลอม)
หลิวเสี้ยน พระชายารัชทายาท
เยว่ซูหั่ว คณิกาคนโปรดของรัชทายาท
ซางจู ผู้ติดตามเยว่ซูหั่ว
โลหิตกาฬ ม้าศึกรับใช้เซียวเหิงจิ้น
อีกาคอแดง หงเซ่อ นกที่หยั่งรู้
สุนัขสีน้ำตาล สุนัขสามตามองเห็นอนาคต (เสี่ยวจง)
ซีโหย่ว ขันทีรับใช้เซียวต้นเหวิน
สถานที่
แคว้นตาโจว
แคว้นเสอ
เมืองเผิง
ตำบลเหอ
เรือนบรรพชนสกุลจ้าว
ป้อมไม้ดำ
บทนำ
เมืองเผิง ตำบลเหอ ณ เรือนบรรพชนสกุลจ้าวอยู่ห่างจากเมืองหลวงแคว้นตาโจวราวๆ พันห้าร้อยลี้ นับแต่แพทย์หญิง ( โม่โฉวชื่อเดิม ) มาอยู่ในร่างนี้ นางได้กลายเป็นสวีหรัน
เฟยเต็มตัว
ทุกอย่างในตอนแรกไม่เข้าที่เข้าทางนัก คุ้นๆ ว่าตนได้รับบาดเจ็บหนัก เกิดจากการหลบหนีคนร้าย แล้วพลัดตกเขา กระทั่งมีคนช่วยไว้ทัน ตามร่างกายมีแผลถูกของมีคมทำร้ายหลายแห่ง หากทั้งหมดถูกรักษาอย่างดี แม้เกิดแผลเป็นอยู่บ้าง ทว่าสมุนไพรในโลกคู่ขนาน มีสรรพคุณยอดเยี่ยม ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็ว ทว่าถึงร่างกายหายดี แต่ในส่วนความทรงจำกลับเลือนหายบางส่วน นั่นเป็นเพราะนางถูกกรอกน้ำแกงลืมเลือน โดยฝีมือ หลิวเสี้ยน ซึ่งเป็นศัตรูหัวใจ โดยผู้ที่สั่งการ คือคนที่นางหลงรักปักใจ มีตำแหน่งเป็นถึงรัชทายาท ซึ่งมีนามว่า เซียวตันเหวิน
กระทั่งเวลาผ่านมาได้ห้าเดือนเศษ สวีหรันเฟยคนใหม่เริ่มปรับตัวได้ แม้ทุกอย่างรอบตัวจะแปลกไปบ้าง รวมถึงการตั้งครรภ์ และที่บิดาของพวกเด็กนั้นยังไม่ปรากฏตัว
และสวีหรันเฟยรู้ว่าไม่ควรเอ่ยถึงอีกฝ่าย นอกจากเป็นเรื่องอัปมงคล แล้ว อาจส่งผลให้หญิงสาวไม่ปลอดภัย
ยามวิกาลคืนนี้ อากาศเย็นและชื่นจัด สายลมหนาวที่พัดผ่านผิวกายเนียนละเอียดสีขาวอมชมพู ทว่ากลับมาพร้อมสัมผัสแสนลึกลับเย้ายวนใจ สร้างความสิเน่หาให้แก่นางจนเผลอครางเสียงกระเส่าราวกับคนกินของรสเผ็ดและร้อนในเวลาเดียวกัน ก็รู้สึกซาบซ่าน ทั้งสยิวจนแทบเกือบเผลอปลดปล่อยบางสิ่ง
คราแรกมีอาการเสียวซ่านตรงท้องน้อย และร่างงามไหวสะท้าน ตอบรับสิ่งที่เกิดขึ้น กระทั่งความหวานล้ำพุ่งสูง แล้วส่วนลับนั้นก็ซ่านสยิว จนต้องบีบขาชิดกัน
อึดใจต่อมา ดวงตาดอกท้อเริ่มตื่นช้าๆ และมองยังร่างกลมใหญ่ขนฟูอย่างพินิจ มิใช่ว่านางไม่เคยขับไล่มันไปให้พ้นหน้า แต่หลายคืนที่ผ่านมา สัตว์หน้าขนตัวนี้เหมือนปีศาจร้าย
แม้ไล่ไปให้ไกล กระทั่งสั่งคนจับไปปล่อย มันยังหวนกลับมาหาเขาอยู่เสมอ แมวตัวนี้คงไม่ได้มีแค่เก้าชีวิต เพราะยังเป็นจอมมารที่ยากจะรับมือ ดูเหมือนมันมีอำนาจพิเศษ ที่ยามใดปรากฏตัว ร่างกายสวีหรันเฟยจะอ่อนระทวย ไร้แรงขัดขืน
“โอ้ จะ เจ้าแมวหื่นไร้ยางอาย ลักลอบเข้าห้องผู้อื่นในยามวิกาลยังไม่พอ จะ เจ้า สร้างฝันร้ายแก่ข้าอีก”
นางจ้องเขม็งที่ดวงตากลมโตคู่งามสีมรกตของสัตว์หูตั้งขนสีเทาหนาปุกปุย และเป็นสวีหรันเฟยที่ต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายและใจ ดวงตากลมโตมีอำนาจประหลาดชักจูงให้คิดวนเวียนแต่เรื่องอุ่นเตียง ตัดสลับถถึงภาพคนที่สวีหรันเฟยเคยทำร้ายอย่างสาหัส ก่อนฝังคนผู้นั้นทั้งเป็นไว้ในสุสานใต้ตำหนักเย็น
เหมียว!
บทส่งท้าย สามเดือนผ่านไป เหยาหรูอวี้อยู่ไม่เป็นสุข นางไม่ได้อึดอัดในการอยู่เรือนรับรองสกุลหยาง ซึ่งตอนนี้ปรับเปลี่ยนหลายอย่างจนกลายเป็นตำหนักนอกวังหลวงของมู่ชิงเฉินเฮ่อไปโดยปริยาย ตอนนี้สถานะของนางคือพระชายาของอีกฝ่าย หากกล่าวไปแล้วก็ตลก ด้วยตั้งใจขอหย่า แต่มู่ชิงเฉินเฮ่อถามว่า แล้วใครจะดูแลนาง ได้ยินคำถามแบบนั้น เหยาหรูอวี้ทั้งสับสน มึนงง และทำตัวไม่ถูก “หม่อมฉันอยากเป็นอิสระ และไม่จำเป็นต้องมีบุรุษใดคอยให้ความช่วยเหลือ” “ฮ่าๆ ๆ ฝีปากกล้า แต่ดูเหมือนไม่ได้มีความมั่นใจเลย หรูอวี้” “เฉินอ๋อง... สงสารลูกนกสักตัวเถิด ท่านกำลังทำให้หม่อมฉันสับสน และอย่างไรตอนนี้ ท่านก็ต้องดูแลอนุอี้ ไม่นานนางก็คลอดปีศาจน้อย เอ๊ย คลอดองค์ชายแสนน่ารักให้ท่านเลี้ยง” “หรูอวี้ รู้ใช่หรือไม่ว่าเจ้ากลับแคว้นของตนไม่ได้แล้ว” อ๋องหนุ่มใช้คำถามง่ายๆ ไม่ได้มีน้ำเสียงดุดัน ทว่าเป็นยามนั้นที่เหยาหรูอวี้กลั้นน้ำตาไม่ไหว นางน้อยใจเป็นทุน และคิดถึงถิ่นฐานของตนด้วย “หม่อมฉันกลัว จากนี้ก็ต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป ไม่มีคนรัก ไม่มีใครสนใจ เป็นได้แค่ท่านหญิงโง่เขลาผู้
จ้าวหว่านอี้และคนของนาง รวมถึงเหยาหรูอวี้แต่งตัวเป็นชาวเมืองทั่วไป เพื่อมาส่งอาหารและยารักษาโรค และเมื่ออยู่ด้านนอก หลายสิ่งบอกให้รู้ว่าไม่ปกติ หลี่จิ้งอยู่ไม่ห่างจ้าวหว่านอี้ ฝ่ายเหยาหรูอวี้มีคนอารักขาตลอดเวลา “สังเกตหรือไม่ว่า แม้เราปลอมตัวออกมายังมีคนรู้ นั่นย่อมหมายความว่า ในเมืองเจี้ยนมีสายให้คนพวกนี้” เหยาหรูอวี้พยักหน้ารับ พอเดินผ่านกลุ่มผู้คน เข้าไปในส่วนที่ลึกสักหน่อย ก็คนมาล้อมหน้าล้อมหลัง “ดี ข้าขี้เกียจเสียเวลา” จ้าวหว่านอี้ไม่ได้ท้าทาย นางรอให้คนร้ายเผยตัวนั่นเอง อึดใจต่อมา มีระเบิดควันพวยพุง และมือสังหารหมายเข้ามาชิงตัวจ้าวหว่านอี้ ทว่าเป็นคนของมู่ชิงเฉินเฮ่อ และทหารอารักขาปกป้องนางไว้อย่างสุดกำลัง ขณะเดียวกันฝ่ายตรงข้ามก็มีฝีมือดีมาก “คุณหนู!” พอรู้ว่ามีผู้ที่พุ่งเข้ามาหาตนคือใคร จ้าวหว่านอี้ก็หมุนตัวไปอีกด้าน แล้วพยักหน้าให้หลี่จิ้งช่วยจับตัวไว้ คนผู้นั้นเป็นวรยุทธ์ ฝ่ายหลี่จิ้งก็พอมีฝีมือบ้าง ทั้งคู่ปะมือกันอยู่สามสี่กระบวนท่า จ้าวหว่านอี้เห็นว่าคนของตนสูงวัย กว่าอาจเพลี่ยงพล้ำเลยตะโกนไปว่า
เช้าวันใหม่เกิดความโกลาหลที่หน้าประตูเมือง จ้าวหว่านอี้ขึ้นไปบนกำแพง มองลงไปด้านนอก เห็นว่ามีชาวบ้านทยอยเดินทางมาที่เมืองเจี้ยนอย่างไม่ขาดสาย ส่วนมากเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วม ยามนี้ไม่มีการเปิดให้คนเข้ามาด้านใน เนื่องจากป้องกันภัยและโรคติดต่อราษฎร รวมถึงพวกที่แอบอ้างปะปนเข้ามาเพื่อสร้างความก่อก่อนดังนั้นทางการจึงจัดหาที่พักด้านนอก สร้างกระโจม หรือที่นอนชั่วคราว และให้มีโรงทานแจกจ่ายนอกประตูเมืองด้วย เหยาหรูอวี้ตามมาสมทบบนกำแพงเมือง นางเห็นผู้คนมากมายก็ใจเสีย “พวกเขาอพยพมาไม่หยุด ความหิวทำให้เกิดเรื่องมากมาย และข้าเชื่อว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังแน่นอน” “ดังนั้นขจัดต้นตอของปัญหา แล้วดูแลปากท้อง เมืองรอบๆ นี้ส่วนมากไม่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม คงต้องการแรงงานเพาะปลูก อาจช่วยได้ไม่ทั้งหมด แต่ดีกว่าการป้อนอาหารให้พวกเขาอยู่เช่นนี้” จ้าวหว่านอี้กล่าวจบ เหยาหรูอวี้ก็ทึ่งจัด “อนุอี้มองการณ์ไกล ข้าไม่แปลกใจเลย หากเจ้าจะเป็นผู้มอบทายาทให้แก่เฉินอ๋อง” หญิงสาวยิ้ม แล้วตอบกลับ “แต่คนที่ฮ่องเต้อยากให้เป็นพระชายาของเฉินอ๋องคือเจ้า” เหยาหรูอวี้โบกมือไปมา พ
สถานการณ์แจกจ่ายอาหารเป็นไปตามที่จ้าวหว่านอี้คาดเดาไว้ คนที่หิวโหยรอรับของกิน ไม่มีการบ่น หรือแสดงกิริยาให้คนของจ้าวหว่านอี้ต้องปวดหัว ทว่าเวลาผ่านไปจนถึงช่วงบ่าย ฝ่ายของรองเจ้าเมืองก็แจ้งว่า ด้านนอกประตูเมือง มีชาวบ้านหลั่งไหลมามากกว่าเดิม ยามนี้นับแล้วเพิ่มขึ้นนับห้าร้อยชีวิต จ้าวหว่านอี้คิดถึงเรื่องในนิยายที่ตนเขียน และวางแผนรับมือให้ได้ จากนี้คือสิ่งที่ศัตรูนางกำลังก่อความวุ่นวาย จงใจให้มีผู้คนอดยากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ “ภายในห้าวันนี้ จะมีคนมาที่เมืองเจี้ยน ให้เราต้องหาอาหารให้พวกเขาไม่ต่ำกว่าสองพันคน” “โอ้ คุณหนูหากมากมายถึงเพียงนั้น เกรงว่าข้าวที่ซื้อไว้คงไม่พอ อีกทั้งเสื้อผ้า ยารักษาโรคที่พวกเขาร้องขออีก” “ข้าเข้าใจ ตอนนี้มีคนวางแผนให้เราใช้เสบียงของสกุลหยางที่กำลังผ่านมาทางนี้ และข้าจะแบ่งมาสักส่วนหนึ่ง แล้วค่อยเติมกลับ” “หากทำเช่นนั้นจะไม่เป็นตามความต้องการของคนที่คิดร้ายต่อเราหรือเจ้าคะ” ซินเยว่ถามด้วยความอยากรู้ “เราต้องช่วยคนก่อน และข้าจะให้พวกที่ก่อกวน ชดใช้อย่างสาสม เพราะภัยน้ำท่วมครั้งนี้ เกิดจากพวกเขาทำลายเขื่อน และย
หลี่จิ้งเข้ามาหาหญิงสาว รายงานสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น “คุณหนูเช้ามืดต้องออกเดินทาง คาดว่าใช้เวลาอย่างน้อยก็ราวๆ สองวันเจ้าค่ะ สกุลหยางเลือกจัดงานเลี้ยงที่เรือนรับรองนอกเมืองหลวง ดังนั้นแขกที่ไปจึงไม่ได้มากนัก แต่อย่างไรเสีย มีสตรีหลายคนที่ได้รับเชิญ รวมถึงคุณหนูเซียง” “เฮ้อ ตัวข้าตั้งแต่ถูกเฉินอ๋องฉุดตัวมา ก็ชอบอยู่ที่นี่ อีกอย่างเดินทางไกลๆ เป็นสิ่งที่น่าเบื่อ” “มิได้หรอกเจ้าคะ องค์ชายสามเตรียมรถม้าไว้ให้แล้ว นอกจากนั้นยังมีทหาร และบ่าวอีกไม่น้อย หากจะว่าไปก็เกินความจำเป็นอยู่มาก” เมื่อหลี่จิ้งกล่าวเช่นนั้น จ้าวหว่านอี้ก็ฉุกคิดหลายสิ่ง นางมาอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน เป็นเรือนร้างอย่างที่มู่ชิงเฉินเฮ่อบอกก็จริง หากทุกอย่างสะดวกสบาย ท่าทางเขาไม่ได้ต้องการอนุเพิ่ม อีกอย่างในไม่ช้าเหยาหรูอวี้จะมาเป็นพระชายาของอีกฝ่าย ยามนี้มีหลายสิ่งที่จ้าวหว่านอี้ไม่เข้าใจ แต่นางจะไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งใด ด้วยรับรู้ว่า เนื้อหาในนิยายยามนี้สามีเก่านางคือผู้ควบคุม นอกเหนือจากนั้น เรื่องสำคัญคือนางตั้งครรภ์ และไม่ใช่กับชายชู้ หากเป็นมู่ชิงเฉินเฮ่อ แล้วที่หวานชื่น อีกฝ่ายคลั่งรั
จ้าวหว่านอี้ไม่ได้โทษคนตัวโตสักนิด เป็นนางต่างหากที่อดทนต่อความซ่านสยิวไม่ได้ เสียแต่ว่าก่อนที่เขาจะปลดปล่อย ชายหนุ่มยังไม่พานางขึ้นสวรรค์ และน้ำอุ่นขาวข้นก็ทะลักออกมามากมาย จนนางกับเขาต่างอึ้งพอๆ กัน “เอ่อ ข้าเครียดไปสักหน่อย ภาระก็มาก เลย...อยากผ่อนคลายไวๆ” เขาเขิน ใช่... เหตุใดนางจะไม่รู้ การให้นางชักท่อนลำ แล้วใช้ลิ้น ปาก ดูดเล้าโลม สลับการครอบริมฝีปากเข้าออกลำอุ่นๆ เพียงไม่กี่อึดใจ ฝ่ายเขาก็หลั่งไหล ถึงนางจะมีความสุข แต่อดน้อยใจไม่ได้ “หม่อมฉันไม่ยอม ท่านพี่กินอิ่มคนเดียว แล้วยังทำท่าเหมือนจะหมดแรงด้วย” นางว่าและส่งสายออดอ้อน ด้วยความสิเน่หามากล้น ทั้งห่วงใยที่นางถูกขังคุกมู่ชิงเฉินเฮ่อเลยไม่ทันยั้งมือ เผลอสาดน้ำรักอย่างบ้าคลั่ง เปรอะทั้งใบหน้างาม และลูกกรงเหล็ก “เสี่ยวอี้ ข้าอึดและมีพลังมากแค่ไหน เจ้ารู้ดี เมื่อครู่แค่ตื่นเต้นมากไปสักหน่อย” “เช่นนั้นจงแสดงให้หม่อมฉันเห็นใหม่เถิดเพคะ” มู่ชิงเฉินเฮ่อ สูดลมหายใจลึก แน่นอนเขาจะทำเรื่องขายหน้าให้ตนเองด้วยการปลดปล่อยราวกับเด็กหนุ่มเข้าหอครั้งแรกไม่ได้อีกเป็นอันขาด “ปากเจ้า หน้าอ