ดังนั้น การเลือกข้างและการเคลื่อนไหวเบื้องหลังองครักษ์เงามังกร พวกเขาก็น่าจะจัดการไว้หมดแล้ว"ท่านอ๋อง ตอนนี้คำสั่งลับที่สองยังไม่มีผล" ขุนพลองครักษ์พูดขึ้นมาคำหนึ่ง"จะมีผลหลังจากที่ข้าตายสินะ?"ขุนพลองครักษ์ได้ยินคำพูดนี้ก็นิ่งงันเช่นนั้นเขาก็เดาออกแล้วเซียวหลันยวนวางถ้วยชาลง เคาะนิ้วบนโต๊ะเบาๆ ครู่ต่อมาจึงลุกขึ้นืน เดินไปที่ริมหน้าต่าง มองหิมะที่ยังตกอย่างเงียบงันด้านนอก"ตอนนั้นไท่ซ่างหวงพาเจ้ามาอยู่ตรงหน้าข้า อันที่จริงเจ้าเพิ่งปฏิบัติภารกิจหนึ่งเสร็จสิ้น พาองครักษ์เงามังกรไปสิบคน สิบคนนี้ของพวกเจ้าล้วนบาดเจ็บหนัก"เสียงเรียบๆ ของเซียวหลันยวนดังลอดเข้าไปในหูของขุนพลองครักษ์ เขาตกตะลึงไป มองไปยังร่างสูงใหญ๋ที่อยู่ข้างหน้าต่าง"ท่านอ๋องรู้ด้วยหรือ?"ท่านอ๋องรู้ได้อย่างไรกัน?ตอนนั้นเขาเพิ่งจะสี่ขวบเองนะสี่ขวบ ยังเป็นเด็กอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนั้นสุขภาพอ๋องเจวี้ยนก็ย่ำแย่มาก แค่ขยับตัวก็จะเป็นลม เขาตอนนั้นน่าจะไม่รู้เรื่องอะไรเลยและไม่น่ามาสนใจด้วยตอนที่ไท่ซ่างหวงส่งพวกเขาให้กับมือของอ๋องเจวี้ยน อ๋องเจวี้ยนที่ยังเล็กยังถามเขาอย่างไร้เดียงสา: พวกเจ้ามาปกป้องข้าหรือ?ข
เซียวหลันยวนหมุนตัวไปมองขุนพลองครักษ์"อย่างอื่นยังไม่ต้องพูดถึง เจ้าคิดว่า พวกเจ้าติดตามข้ามาหลายปี ถึงตอนนั้นถ้ากลับไปอยู่ในมือจักรพรรดิ เขาจะเชื่อมั่นพวกเจ้าไหม? พวกเจ้าจะยังเป็นองครักษ์เงามังกรอีกไหม?""ต่อให้ถึงตอนนั้นข้าจะตายไปแล้ว แต่ด้วยความขี้ระแวงขององค์จักรพรรดิ เขาจะไม่สงสัยหรือว่าหลายปีนี้ข้าให้พวกเจ้าตรวจสอบความลับเขาไปมากเท่าไร? พอนานวันเข้า องค์จักรพรรดิคงไม่รอพวกเจ้านานขนาดนั้น แล้วเขาเองก็มีพวกองครักษ์เงาที่ตนเองชุบเลี้ยงขึ้นมาแล้วด้วย"ขุนพลองครักษ์มองเขา นิ่งงันไปครู่หนึ่ง "ท่านอ๋องตอนนี้หมายความว่าเช่นไร?""นอกจากเจ้า องครักษ์เงามังกรเหล่านี้ในปัจจุบัน ยังมีอีกครึ่งที่ข้าฝึกฝนออกมา" เซียวหลันยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา"ท่านอ๋องพูดตรงๆ เถิด ข้าน้อยมีแค่วิชาติดตัว และทำงานได้ตามคำสั่งลับมังกรเท่านัน้ ในสมองคิดซับซ้อนไม่ได้" ขุนพลองครักษ์ถอนใจออกมาพวกเขาล้วนเป็นจอมยุทธ์เรื่องที่ต้องให้สมองคิดวิกไปวนมาอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาเข้าใจดังนั้น องครักษ์เงามังกรจึงล้วนทำตามคำสั่งมาโดยตลอด หนึ่งคำสั่งหนึ่งปฏิบัติการงานหลักของเขาคือการคุ้มครอง ป้องกัน"องค์จักร
ดังนั้นอ๋องเจวี้ยนจึงไม่คิดจะทนแล้วสีหน้าขุนพลองครักษ์เปลี่ยนไป "ท่านอ๋องคิดจะ...."ชิงบัลลังก์หรือ?เรื่องกบฏต่อราชสำนักเช่นนี้ เขาไม่กล้าพูดออกมา แต่ว่า ก็น่าจะเป็นเช่นนี้กระมัง"องค์จักรพรรดิเข้ามาทำให้ข้าโมโหแล้ว ดังนั้น ให้ข้าเลือกองค์ชายพวกนั้นมาส่วนหนึ่ง ดูว่าคนไหนพอจะดันขึ้นไปได้ดีไหม? ถึงอย่างไร ก็ยังต้องใช้พวกเจ้าอยู่ดี พวกเจ้าลองไปพิจารณาดู ว่าถึงตอนนั้นแล้วจะทำอย่างไร"เซียวหลันยวนไม่ให้โอกาสคำสั่งลับที่สองได้มีผลในตอนที่เข้ายังไม่ตายนี้ เขามีโอกาสที่จะส่งองครักษ์เงามังกรออกไปโจมตีองค์จักรพรรดิ นี่ถือเป็นการขัดหลักการที่องครักษ์มังกรดำยึดมันมาโดยตลอดพวกเขาถ้าหากฟังเขา ก็เท่ากับยืนอยู่ฝั่งเขาแล้ว ไม่เพื่อฟังราชประสงค์ของไท่ซ่างหวง และไม่คิดว่าตนเองจะกลับไปอยู่ใต้เงื้อมมือองค์จักรพรรดิอีก แต่จะรับใช้เซียวหลันยวนคนนี้อย่างแท้จริงหลุดพ้นจากพันธนาการองครักษ์เงามังกรแคว้นเจา กลายเป็นองครักษ์ของเขาเพียงคนเดียวถ้าพวกเขาไม่ทำตาม เช่นนั้น เซียวหลันยวนก็น่าจะไม่เชื่อถือพวกเขาอีกอ๋องเจวี้ยนจะทำอะไรกับพวกเขา?"ข้าขอตัวกลับก่อนแล้ว"ดึกมากแล้ว เขาเริ่มง่วงหน่อยๆ กลับไปนอน
ตอนที่เซียวเหยียนจิ่งออกมากินข้าวเช้าก็เห็นว่าหน้าของชินอ๋องเซียวขาดซีดไป ยิ่งไปกว่านั้นเขายังจามเป็นระยะอีกด้วยพอเห็นเซียวเหยียนจิ่งเข้ามา น้ำเสียงชินอ๋องเซียวก็ดูไม่ค่อยสบายนัก "เมื่อวานนี้ไปไหนมาหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าตอนนี้มันเวลาอะไร? ทำไมยังเที่ยวเตร่ไปเรื่อยอีก""ท่านพ่อ ข้าไปเที่ยวเตร่เสียที่ไหน? เมื่อวานนี้มีธุระ เลยไปเดินที่อุทยานมารอบหนึ่ง ดูว่าที่ดินยังเพาะปลูกได้ไหม"ชินอ๋องเซียวพอได้ยินคำนี้ก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที""นี่เจ้ายังไปสนใจเรื่องปลูกพืชผลในอุทยานด้วยหรือ?""ทำไมจะไม่ล่ะ? ท่านพ่อลืมไปแล้วสินะ ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวทุกนครต่างก็มีข่าวเรื่องภัยพิบัติ แล้วปีนี้เก็บเกี่ยวได้ไม่ดี อุทยานของพวกเราเองก็เหมือนกัน ก่อนหน้านี้มีผู้ดูแลหลายคนเข้ามารายงานเรื่องนี้ ไม่ใช่ท่านที่ให้ข้ามีเวลาว่างก็ออกไปดูที่อุทยานหน่อยหรอกหรือ?"เซียวเหยียนจิ่งรู้สึกว่าสมองของพ่อเขาวันนี้ดูไม่คล่องแคล่วเอาซะเลย เรื่องพวกนี้ยังลืมได้อีกเสบียงของจวนชินอ๋องเซียวยังพอพวกเขากินอยู่ แต่ปีที่แล้วเก็บเกี่ยวได้ไม่เลว ดังนั้นจึงมีเสบียงใหม่มาเติมตลอด ทว่าปีนี้กลับไม่ไหวเสียแล้วพวกเขาช่วงครึ่งปีนี
"ได้ยินหรือยัง? บอกแล้วว่าเป็นหวัด" ชินอ๋องเซียวถลึงตาใส่เซียวเหยียนจิ่งที่แยกห่างออกไป ในใจรู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมา"ท่านพ่อ ข้าไม่ได้พูดอะไรนะ และก็ไม่ได้รังเกียจท่านด้วย นี่ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงหรอกหรือ? ถ้าอย่างนั้นวันนี้ท่านก็ไม่ต้องออกไปแล้ว หิมะตกติดกันสามวันไม่หยุด ด้านนอกหนาวมากเลย"เซียวเหยียนจิ่งพูดจบก็พาคนถอยออกไปพอเห็นประตูปิดลงมา ในใจชินอ๋องเซียวก็รู้สึกรับไม่ค่อยได้ แผดเสียงตะโกนออกมา "เมื่อวานหลังจากเซียวหลันยวนล้มป่วยในคุกเจ้ารู้ไหมว่าฟู่จาวหนิงนางทำอย่างไร?"ประตูปิดไปแล้ว เซียวเหยียนจิ่งที่ได้ยินอยู่ด้านนอกก็ยืนนิ่ง"ท่านพ่อ ท่านบอกเลยว่าพวกเขาทำอะไร?""ข้าก็อยากจะบอกเจ้า ฟู่จาวหนิงไม่รังเกียจเลยแม้แต่น้อย รีบพาเขากลับจวนอ๋องเจวี้ยนทันที แล้วยังนั่งรถม้าคันเดียวกับเขาด้วย!"แล้วเขาที่ยังไม่ทันได้สัมผัสคนป่วยคนนั้น แค่เป็นหวัดนิดหน่อย แต่ลูกชายตนเองกลับมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ทำเอาหดหู่เลยจริงๆหดหู่สุดๆ!พอเทียบกันแล้ว ฟู่จาวหนิงยังดูมีน้ำมิตรมากกว่าลูกชายตนเองเสียอีก!ชินอ๋องเซียวตอนนี้อดมีความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นไม่ได้"ท่านพ่อ ท่านพักผ่อนดีดีเถอะ"เซียวเหยียนจิ่งมุม
"องค์จักรพรรดิ ให้คนมาสังเกตอาการป่วยของชินอ๋องเซียวแล้ว""อืม อย่าเข้าใกล้มากนัก"องค์จักรพรรดิถอนหายใจ "จริงด้วย ไม่ใช่บอกว่าไทเฮามาแล้วหรือ?""เดิมทีเมื่อวานต้องถึงแล้ว แต่เร่งเดินทางได้ช้าเพราะลมพายุ ตอนนี้เพิ่งจะเข้าเมืองหลวง""ไป ส่งข่าวออกไป ให้นางรู้ว่าอ๋องเจวี้ยนติดโรคระบาด""่ขอรับ"องค์จักรพรรดิลูบแหวนหยกของตนเอง สีหน้าเคร่งขรึมหน่อยๆวันนี้จวนอ๋องเจวี้ยนปิดประตูใหญ่ แต่ข่าวจากคนที่เขาส่งออกไปหาข่าว บอกว่าจวนอ๋องเจวี้ยนบรรยากาศหนักอึ้งมากเห็นได้ชัดว่า เซียวหลันยวนยังไม่ดีขึ้นยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จาวหนิงยังไม่ได้ออกมาจากในจวนอ๋องด้วย ทั้งๆ ที่พ่อแม่ของนางที่ห่างกันไปสิบกว่าปีเพิ่งจะกลับมาแท้ๆ แล้วหญิงสาวที่อายุยังไม่ทันถึงยี่สิบอย่างนาง ตอนนี้จะต้องอยู่ในบ้านเฝ้าพ่อแม่แน่ๆ แล้วคอยถามพวกกเขาว่าช่วงหลายปีมานี้ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนมาบ้างถึงอย่างไร แค่วันเดียวจะทำหมดได้อย่างไรกัน?แล้วก็ ยังต้องคอยหารือกับพวกเขาอีกว่าจะไปอธิบายกับอ๋องเจวี้ยนอย่างไร?อ๋องเจวี้ยนแค้นพวกเขามานานหลายปี จะอย่างไรก็คงต้องคิดหาวิธีจัดการอยู่กระมัง?เรื่องใหญ่ขนาดนี้ นางควรจะต้องวิ่งไปวิ่งมาถึง
รถม้าเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าไทเฮานั่งอยู่ในรถม้า กอดเตาอังมืออยู่ หลับตา แต่ไม่ได้นอนหลับนางคิดอยู่ตลอดหลังจากกลับเข้าเมืองหลวง องค์จักรพรรดิจะถามนางอย่างไร แล้วนางจะตอบอย่างไร และเป็นไปได้ว่าอายวนเด็กคนนั้นจะจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วแต่ครั้งนี้นางกลับมา ก็ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าจะเปลี่ยนท่าทีการปฏิบัติต่อเซียวหลันยวนนางไม่อยากจะเสแสร้งเกลียดเขาแล้ว นางจะใช้ตัวตนไทเฮามาปกป้องเขาให้ดีก่อนหน้านี้อายวนอายุยังน้อย นางเป็นห่วงมาก ตอนนี้อายวนเติบโตแล้ว มีวิธีความสามารถของตนเอง นางเองก็ควรจะยอมรับแล้วอยู่ด้วยกันกับเขาให้ดีไม่อย่างนั้นใครจะรู้ว่าตอนไหนที่นางจะเหยียบเข้าไปในประตูนรกกันอายุมากขนาดนี้แล้ว นางเหลือเองก็เหลือเวลาอีกไม่มากมีคนเดินฝ่าหิมะเข้ามา สองคน น่าจะเพราะลมพายุ ดังนั้นเสียงพูดคุยของพวกเขาจึงดังขึ้นหน่ยอ กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน"เจ้าว่าสุขภาพอ๋องเจวี้ยนตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือยังนะ? ทำไมถึงได้ยังเป็นลมยังไม่ฟื้นอีก?""เหมือนจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เขาไม่ใช่เข้าไปในคุกหรือ? ในคุกนั่นคงจะลำบากมากแน่ สุขภาพเองก็ไม่ใช่ว่าแข็งแรงนัก จะป่วยแล้วล้มไปอีกมันก็เรื่องปกต
ฟู่จาวหนิงพอได้ยินว่าไทเฮามา ก็รู้สึกเกินคาดมากนางมองไปทางเซียวหลันยวน"จะพบไทเฮาไหม?""ไทเฮาพอเข้าเมืองก็ตรงมาที่จวนอ๋องเจวี้ยนเลย คิดว่าคงมีคนจงใจล่อให้นางเข้ามา"เซียวหลันยวนถอนหายใจเบา เพราะไทเฮาตอนนี้ไม่ค่อยมีคนใช้งานได้แล้ว เส้นข่าวของนางน่าจะไม่ปรุโปร่งนักแล้วก็ไม่ได้อยู่ในวังเลย เพิ่งกลับมาจากวัดคุ้มครองแคว้นแบบนี้ ทำไมพอเข้าเมืองก็ได้ข่าวเช่นนี้เลยกัน? ต่อให้รู้ ก็ควรกลับวังก่อน ไม่น่าจะรีบร้อนขนาดนี้คิดว่าคงมีคนจงใจเอาสถานการณ์ของเขาพูดให้ดูอันตรายแน่นอน"ที่นางถูกล่อเข้ามาง่ายแบบนี้ อธิบายได้ว่านางเป็นห่วงท่านมาก เป็นห่วงจนสับสน" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้นคำพูดนี้ เซียวหลันยวนไม่อาจค้านได้เลย"ท่านอ๋อง ผู้ดูแลรั้งไทเฮาไว้ไม่ได้ ตอนนี้นางมาถึงเรือนโยวหนิงแล้ว" องครักษ์เข้ามารายงาน"ให้นางเข้ามา"เซียวหลันยวนถอนหายใจเพราะไทเฮาเข้ามาในจวนอ๋องเจวี้ยนแล้ว เกรงว่าออกไปคงจะลำบากหน่อย หลังจากออกไปคงเข้าวังจักรพรรดิไม่ได้แล้วองค์จักรพรรดิจะต้องหาวิธีมาขวางไว้แน่"อายวน"เสียงของไทเฮาสั่นพร่า ประชิดตัวเข้ามาเซียวหลันยวนเดินไปนอนที่เตียง ผ้าห่มดึงสูง หลับตาอยู่ฟู่จาวห
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ