"แน่นอน ในโลกกว้างนี้มีของอยู่ทุกสิ่งอย่างนั่นล่ะ ของบางอย่างจะแผ่วัตถุที่ทำร้ายร่างกายมนุษย์ออกมาด้วย พอนานวันเข้า จะทำให้ร่างกายบาดเจ็บจนไม่อาจย้อนคืนได้อีก" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"เจ้ารู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร?" เซียวหลันยวนเริ่มมีความคิดที่จะสำรวจตัวนางขึ้นมา"แน่นอนว่าท่านอาจารย์สอนมาสิ" ฟู่จาวหนิงกระพริบตาปริบ "ไม่ใช่ผู้อาวุโสจี้ แต่เป็นอาจารย์ลึกลับที่สอนวิชาแพทย์ให้ข้าแต่ก่อนคนนั้น"และไม่รู้ว่าเรื่องที่ท่านอาจารย์วางเอาไว้ใกล้จะส่งข่าวมาถึงเมืองหลวงหรือยัง ถึงตอนนั้นวิชาแพทย์ของนางก็อธิบายให้ใครเขาฟังได้แล้วส่วนตอนนี้น่ะหรือ..."ถึงอย่างไรผู้อาวุโสก็บอกว่าอย่าเปิดเผยตัวเขา ดังนั้นใครจะถามข้าข้าก็ไม่บอกหรอก""ไม่ถามก็ไม่ถามสิ" เซียวหลันยวนส่ายหัวว "แล้วเจ้ามั่นใจว่าช่วยเสิ่นเสวียนได้หรือ?""มั่นใจ แต่มันไม่ค่อยง่ายก็เท่านั้น""แล้วจะเอาหินดาราไปบอกสถานการณ์กับเขาตอนไหน" หลังจากกเขาถามประโยคนี้สีหน้าจู่ๆ ก็เปลี่ยนไป เสียงเองก็สูงขึ้น "ไม่สิ ในเมื่อหินดาราคุ่นั้นทำให้คนป่วยได้ ตอนนี้ยังอยู่ในมือเจ้าหรือ เจ้า..."เขาคว้าข้อมือฟู่จาวหนิง ความร้อนรนก็เอ่อล้นเกินคำพูดขึ้นมา
เหล่าทหารตอบกลับ "เมื่อครู่มีแต่พระชายาอยู่ที่นี่..."ฟู่จาวหนิงมาแตะของบนโต๊ะเขาหรือ?และมีลมอีกวูบหนึ่งพัดเข้ามา เป่ากระดาษเหล่านั้นจนปลิวว่อน ชิงอีรีบเข้ามาปิดหน้าต่าง "ลมเริ่มมาแล้ว"เซียวหลันยวนเข้าใจแล้วดังนั้น ลมพัดจดหมายตกลงมา ฟู่จาวหนิงเก็บขึ้นมา ดังนั้นจึงทับไว้อย่างเรียบร้อยแล้วนางเห็นกระดาษแผ่นนั้นแล้วหรือยัง?ฟู่จาวหนิงหลังจากกลับมาก็เขียนจดหมายให้เฉินซานส่งไปยังเศรษฐีฟางที่หมู่บ้านตะวันออก นางคิดออกขึ้นมาแล้ว จะให้คนรอบตัวนางมีแต่คนของเซียวหลันยวนไม่ได้ดังนั้นต่อให้ให้เขามาปกป้องเรือน วิชาความสามารถจะดีกว่าทางเศรษฐีฟาง แต่นางก็ยังอยากจะให้เศรษฐีฟางช่วยเหลือพอเห็นนางกลับมา ผู้อาวุโสจี้ก็ผ่อนลมโล่ง"ท่านอาจารย์ จงเจี้ยนเป็นอย่างไรบ้าง?"เมื่อครู่อาเจียนออกมาครั้งหนึ่ง กรอกยาให้เขาแล้ว ตอนนี้ยังมึนงงสลบไสลอยู่ ข้าตรวจสอบดวงตาของเขาแล้ว ถึงแม้จะยังไม่ฟื้นกลับมา แต่ตาขาวเองก็ไม่เปลี่ยนเป็นสีดำอีกแล้ว"ขอบคุณท่านอาจารย์"ฟู่จาวหนิงเดินเข้ามา จับชีพจรให้กับจงเจี้ยนอีกครั้ง จากนั้นก็ฝังเข็มอีกรอบ ระบายเลือดพิษออกผู้อาวุโสจี้คอยช่วยเหลืออยู่ข้างๆ ตลอด"พิษบนตัวเ
หมอเทวดาหลี่รู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก"ข้าจับชีพจรไปแล้ว ท่านเสิ่นเขาติดพิษ แต่ว่าพิษนี้แปลกประหลาดมาก เวลาแค่เล็กน้อยยังตรวจให้ชัดเจนไม่ได้ ว่าไปติดจากที่ไหน ติดพิษอะไรมา แล้วจะแก้ไขอย่างไร"หมอเทวดาหลี่ก็อัดอั้นไฟโกรธอยู่เช่นกัน"ในเมื่อสถานการณ์ซ้บซ้อนเช่นนี้ เช่นนั้นข้าจะถามมากหน่อยไม่ได้หรือ? ข้าสงสัยว่าปกติเขากินเขาดื่มอะไรลงไป แน่นอนว่าต้องการให้เขาเอาของที่กินที่ดื่มลงไปในช่วงหลายปีนี้พูดออกมา ทางที่ดีควรให้เขาเอาพวกชาออกมาให้ข้าศึกษาอย่างละเอียดสิ แต่นี่ท่านเสิ่นกลับบอกว่าพอแล้ว นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?"ก่อนหน้านี้ตอนที่ซ่งอวิ๋นเหยาคุยกับเขา ก็ยังดูเคารพดูถ่อมตัวมาก แต่หลังจากกลับจากต้าชื่อครั้งนี้ก็ดูหยิ่งผยองขึ้นมาไม่น้อยเลย ก็แค่หญิงสาวตัวเล็กคนหนึ่ง แต่พูดจากับเขาดันใช้น้ำเสียงกล่าวโทษเขาหรือ?"เขาเป็นคนป่วยที่ไม่ให้ความร่วมมือเช่นนี้ หมอทุกคนก็ต้องยกมือยอมแพ้ทั้งนั้น ดังนั้นท่านลองดูเอาเถิด เดินทางจากนับพันลี้กลับมาแคว้นเจาแล้วสุดยอดนักหรือ? ไม่ใช่ว่าสกุลหลี่อย่างข้าโอ้อวดตนนะ ถ้าหากข้าทางนี้ยังตรวจไม่ได้ เช่นนั้นหมอคนอื่นก็คงไม่ต้องไปหาแล้ว"หมอ
"ให้ตายเถอะ เป็นหมอแท้ๆ แต่เขากลับมองไม่ออกเลยว่านายท่านเหนื่อยจนย่ำแย่แล้ว" ลุงลั่วดูหงุดหงิดมากท่านเสิ่นหลับตาลงแล้วไม่ลืมตาขึ้นมารอจนลุงลั่วพูดจบ เขาจึงถอนหายใจออกมาเสียงหนึ่ง"วิชาแพทย์ของหมอเทวดาหลี่ก็พอใช้ได้ แต่ก็เป็นแค่หมอที่วิชาแพทย์สูงคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ถึงกับเป็นหมอเทวดา"นี่ลือกันเกินจริงไปแล้วและเพราะตอนนี้วิชาแพทย์ก็ขาดห้วงไปอย่างรุนแรง ก่อนหน้านี้มีช่วงหนึ่งขาดหายไป จึงส่งผลกระทบอย่างมาก"ยังดีที่มีพระชายาอ๋องเจวี้ยนอยู่" ลุงลั่วฝากความหวังไว้กับฟู่จาวหนิงอย่างประหลาดพอเอ่ยถึงฟู่จาวหนิง ท่านเสิ่นก็ลืมตาขึ้นมา"ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าสมัยก่อนเคยช่วยนางไว้ครั้งหนึ่งหรือ?""ถูกต้อง คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวตกน้ำที่ดูกตัญญูคนนั้นจะเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยน แต่ว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนตอนนี้ดูแล้วดูมีพลังมากกว่าตอนเด็ก มีความรู้และสุขุมใจกว้างมาก เด็กสาวก่อนหน้านั้นหลังจากถูกข้าช่วยไว้ก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้"พระชายาอ๋องเจวี้ยนตอนนี้ ดูแล้วไม่น่าจะร้องไห้ออกมาง่ายๆ"ลองเล่าเรื่องตอนนางยังเด็กหน่อย" ท่านเสิ่นหลับตาลงอีกครั้ง"นายท่าน ที่ข้ารู้ก็ล้วนเป็นเรื่องที่ได้ยินมาตอนที่ค
แต่ว่า ที่ถูกขวางไว้คือพวกฮูหยินหญิงสาวและเด็ก ไม่เห็นพวกสามีหรือบิดาของพวกนางพอเห็นฟู่จาวหนิง ฮูหยินรองฮูหยินสามพวกนางก็ร้องเสียงดังขึ้นมา ดวงตาที่ถลึงเข้ามาก็ราวกับจะพ่นไฟโทสะออกมาอย่างไรอย่างนั้นฟู่รั่วเสวี่ยฟู่เป่าเจินดวงตาพวกนางแดงเถือก มองฟู่จาวหนิง สีหน้าก็ทั้งริษยาทั้งเกลียดชัง"พวกเจ้าทำอะไรกัน?"ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วเพราะนางเห็นว่าท่าทีของคนเหล่านี้ล้วนดูซมซาน อย่างเช่นฮูหยินสาม ก้าวเดินยังโซซัดโซเซฟู่รั่วเสวี่ยที่แต่เดิมชอบแสร้งทำตัวเป็นคุณหนูแขนเสื้อกับกระโปรงก็ยังไม่เรียบร้อย ดูแล้วไม่เหมือนกับสภาพนางเวลาปกติเลยแล้วก็ฟู่เจียวๆ ยิ่งตลกกว่า และไม่รู้ว่าตอนที่กำลังทาปากแล้วโดนคนดึงออกมาหรือเปล่า ปากถูกเขียนจนเอียงกะเทเร่ ตอนนี้มุมปากยกจนเป็นรอยแดงเถือก"ไอ๊หยา หรือว่าพวกเจ้ารู้ว่าจะช้าเร็วก็ต้องไล่พวกเจ้าออกไปจากบ้านตระกูลฟู่ รู้สึกว่าถูกไล่แล้วดูไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงคิดจะออกไปเองเช่นนั้นหรือ?"ฟู่จาวหนิงพูดเช่นนี้ ท่าทางดูดีใจอยู่"ถ้าหากพวกเจ้าสามารถรู้ตัวเช่นนี้จริงก็ดีมากเลย รีบเข้าสิ ถ้าออกไปเองก็จะดูดีหน่อย ถ้าถูกข้าไล่ออกไปมันจะดูไม่ดีนะ"ฟู่เจียวเจียวตะโกน
"ฮูหยินรอง ฮูหยินสาม! ผู้เฒ่ารองผู้เฒ่าสามเรียให้พวกเจ้ารีบพาคุณหนูกลับไปเก็บของ เวลาเกือบจะหมดแล้ว!"คนใช้คนนี้เองก็วิ่งจนเหงื่อโทรมกายไปหมดองครักษ์เงามังกรเข้ามาแล้ว เห็นท่าทีเย็นชาของพวกเขาทำเอาคนผวาขึ้นมาถ้าพวกเขาไม่สามารถย้ายออกไปได้ในช่วงเวลา องค์รักษ์เงามังกรก็จะตะเพิดพวกเขาออกไปถึงตอนนั้นคนพอถูกตะเพิดออกไปก้ไม่มีโอกาสจะหยิบของอะไรแล้ว"อ๊า!""รีบไป!""ของของพวกเรายังไม่ได้เก็บ!"คนของบ้านรองบ้านสามล้วนกระโดดเหยงกันอย่างร้อนรน สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขาสับสนไปมาเหมือนแมลงวันไร้หัว ครู่หนึ่งจึงเพิ่งวิ่งออกมา"ลุงจงป้าจง พาพวกเฉินซานไปคอยจับตาดูพวกเขาไว้ หินสักก้อนเดียวของบ้านตระกูลฟู่พวกเราพวกเขาจะย้ายออกไปไม่ได้แม้แต่ก้อนเดียว!" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ขอรับ!"ลุงจงป้าจงตอนนี้เองในที่สุดก็ยืดเอวตรงหลังตรงหลายปีมานี้ถูกคนบ้านสองบ้านสามกดมาโดยตลอด ตอนนี้ได้ถอนใจโล่งออกมาบ้างแล้วถ้าหากไม่มีอ๋องเจวี้ยน ไม่มีองครักษ์เงามังกร จะไล่เจ้าพวกคนหน้าด้านไร้ยางอายพวกนี้ได้อย่างไร?"คุณหนู ข้าก็ไปด้วย!" เสี่ยวเถาคิดจะไปคอยจับตาดูพวกฟู่เจียวเจียวให้"ไปเถอะ ไปเถอะ"ฟู่จาวหนิงโบกไ
ซ่งอวิ๋นเหยารู้สึกว่าเซียวหลันยวนทำเกินไปแล้ว!นางเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เอื้อนเอ่ยเชื้อเชิญเขาก่อน เขากลับบอว่าไม่คุ้มค่าที่จะออกไปรับลมหนาวเพื่อนางหรือ?ซ่งอวิ๋นเหยาสูดลมหายใจลึก พยายามสะกดไฟโกรธกับความลุกลนของตนเองลงไปสมัยก่อนเซียวหลันยวนไม่ทำเช่นนี้กับนาง"เอาล่ะ เป็นข้าที่พิจารณาไม่รอบคอบ ไม่ได้คิดถึงเรื่องสุขภาพของท่าน..."นางยังพูดไม่ทันจบ เซียวหลันยวนก็ตัดบทนาง "สุขภาพร่างกายของข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้ามาพิจารณา"นี่ควรจะให้พระชายาของเขามาพิจารณาใช่ไหม?"หลันยวน!"ซ่งอวิ๋นเหยารู้สึกว่าตนเองแทบจะระงับไฟโกรธไม่ไหวแล้วเซียวหลันยวนทำเกินไปแล้วหรือเปล่า? กระทั่งองค์รัชทายาทต้าชื่อเองก็ยังถอยให้นาง กังวลว่าคำพูดที่พูดจะทำให้นางไม่เบิกบาน!ตอนที่ฟู่จาวหนิงออกมาก็ได้ยินประโยคนี้ของซ่งอวิ๋นเหยาพอดีนางหยุดเท้าลงคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าซ่งอวิ๋นเหยาจะอยู่ที่นี่ชั่วขณะหนึ่งฟู่จาวหนิงไม่รู้ว่าจะเข้าไปดีไหม แต่ว่าเซียวหลันยวนก็มองเห็นนางแล้ว"ยืนอยู่ที่นั่นทำไม? เข้ามาสิ" เซียวหลันยวนกวักมือให้นางนี่เรียกลูกหมาหรือ?แม้ในใจจะไม่ยินดีนัก แต่ฟู่จาวหนิงก็ยังสาวเท้าเดินไปหาเขาซ่งอว
ก่อนหน้าที่นางยังไม่ได้เริ่มล้างแค้นอย่างจริงจัง ทำให้ซ่งอวิ๋นเหยาเจ็บช้ำน้ำใจก่อนก็ยังได้อยู่!"นี่เจ้า!"ซ่งอวิ๋นเหยาในหัวสมองแล่นวิ้ง ทั้งตัวโมโหจนปอดแทบระเบิดแล้ว"ข้าพูดไม่ถูกหรือ? ท่านหญิงเหมือนเองก็เหมือนไม่ได้มีการหมั้นหมายกับเซียวหลันยวนของข้านี่? หรือจะบอกว่าพวกท่านทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักกันหรือ? ไอ๊หยา เพื่อนแบบไหนกันนะ? ที่แบบรู้ใจนั่นน่ะหรือ?""พูดอะไรไร้สาระ" เซียวหลันยวนฟังคำพูดฟู่จาวหนิงแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้องนางคิดจะพูดอะไรกัน?"หรือว่านั่นจะเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่ก่อนพวกท่านผูกพันกันไว้ทั้งชีวิตแล้วหรือ? ส่วนข้าก็ฟันดาบเข้ามาช่วงชิงความรักไปหรือไร?"ฟู่จาวหนิงไม่รอให้ซ่งอวิ๋นเหยาตอบ รับต่อมาทันที "แต่ว่า ตอนแรกที่ข้าเห็นเซียวหลันยวน ข้าก็ถามเขา ว่ามีคนที่หมั้นหมายไว้ไหม มีหญิงสาวในดวงใจหรือไม่ หญิงสาวที่จะรับเป็นภรรยา ถ้าหากมีข้าจะไม่ทำเรื่องที่เป็นการช่วงชิงความรักแบบนั้น""แต่เซียวหลันยวนตอนนั้นบอกกับข้าอย่างมั่นใจว่าไม่มี ยังไม่มี"ฟู่จาวหนิงมองซ่งอวิ๋นเหยาแล้วหัวเราะร่าขึ้นมา"ดังนั้น ในเมื่อพวกท่านไม่ได้เป็นอะไรกันเลย ท่านหญิงอวิ๋นเหยาผู้เป็นหญิ
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ