เซียวหลันยวนฟังคำพูดของฟู่จาวหนิงแล้วรู้สึกจิตใจกลัดกลุ้มขึ้นมา"เจ้าจะคิดให้มันชัดเจนไปเสียทุกเรื่องเลยหรือ?""ควรจะคิดให้ชัดเจนหน่อย เผื่อพอถึงเวลาที่พ่อกับแม่ข้ากลับมา ท่านคิดจะล้างแค้น แล้วยังมาเพิ่มเรื่องที่ข้าติดค้างไว้ ถึงตอนนั้นครอบครัวของข้าคงจะแบกรับไม่ไหว""เอาล่ะ แล้วแต่เจ้าเถอะ"เซียวหลันยวนหลังจากเอ่ยเสียงขรึมก็มองไปทางชิงอี "ครึ่งชั่วยามแล้ว ให้คนพวกนั้นออกมาทันที ถ้ากล้าถ่วงเวลาก็หิ้วตัวออกไปโยนทะเลสาบเลย!"ชิงอี: ท่านอ๋อง เหมือนว่าจะยังมีเวลาอยู่อีกหน่อย?แต่พอเห็นกลิ่นอายเย็นชาที่แผ่ออกมาทั่วร่างท่านอ๋อง ชิงอีเองก็ไม่กล้าเข้าไปยั่วโมโห จึงรีบร้อนขานรับทันที เดินเข้าไปถ่ายทอดคำพูดคนทั้งหมดของผู้เฒ่าฟู่รองผู้เฒ่าฟู่สามล้วนโอดครวญถูกองครักษ์เงามังกรหิ้วตัวออกมาจากในเรือนพวกเขาแต่ละคนซมซานกันสุดๆ ในมือทุกคน บนตัว ล้วนหยิบย้ายของเท่าที่จะทำได้ แต่เวลาของพวกเขาก็ยังไม่มากพอ ดังนั้นของเหล่านี้จึงยังไม่ทันทำหีบห่อดีดี ระเกะระกะไปหมดตอนที่คนถูกไล่ออกมาของเหล่านั้นก็ยังหล่นตุบร่วงกราวลงกับพื้นพวกของฟู่เจียวเจียวร้องห่มร้องไห้จนแทบจะทนไม่ไหวพวกเขาเดิมทีคิดว่าจะขา
ฟู่จาวหนิงเองพูดขอบคุณมาอีกคำหนึ่งเซียวหลันยวนมองนาง เรื่องอะไรก็ต้องคิดให้มันชัดเจนแบบนี้เลยหรือ?และไม่รู้ว่าเพราะอะไร ตอนนี้พอได้ยินนางบอกขอบคุณกับตนเอง แล้วยังใช้สีหน้ากับน้ำเสียงที่สงบเช่นนี้อีก เซียวหลันยวนรู้สึกว่าความหดหู่ในใจมันพุ่งขึ้นมาแล้วเขาเอ่ยขึ้น คิดจะอธิบาย "ซ่งอวิ๋นเหยา""เซียวหลันยวน ข้าจะพูดกับท่านให้ชัดเจนอีกครั้ง ข้าจะไม่ปล่อยนางไปแน่" ฟู่จาวหนิงตัดบทเขาดังนั้นอย่าคิดจะพูดอะไรแทนซ่งอวิ๋นเหยา นางไม่ฟัง"ยังไม่ต้องแตะต้องนางชั่วคราวได้ไหม? ชั่วคราว"พอได้ยินคำพูดของเซียวหลันยวน ฟู่จาวหนิงในใจก็นิ่งขรึม ดังนั้นเขาจึงคิดอ้อนวอนนางให้ปล่อยซ่งอวิ๋นเหยาไปหรือ?ซ่งอวิ๋นเหยาทำอย่างนั้นกับนาง เขาเองก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้"ท่านรู้ว่าถ้าแผนการนี้ของนางทำสำเร็จ ข้าจะมีสภาพเช่นไหนใช่ไหม?" ฟู่จาวหนิงถามขึ้นมาคำหนึ่งเซ๊ยวหลันยวนนิ่งขรึมตอบมาว่า "แค่รอเท่านั้น""รออะไร?""ข้ามีเรื่องหนึ่งต้องการจะพิสูจน์" เซียวหลันยวนตอบ "ครั้งนั้นมีคนที่ช่วยเหลือข้าไว้ครั้งหนึ่ง คนคนนั้น ข้าอยากจะรู้ว่าใช่นางไหม"ฟู่จาวหนิงตกตะลึงไป จากนั้นจึงหัวเราะขึ้นมา"เช่นนั้นข้าขอถามหน่อย ถ้าห
ฟู่จาวหนิงได้ยินเสียงห้อตะบึงของรถม้าห่างออกไป จึงหมุนตัวกลับมามอง และก็เห็นกลุ่มองครักษ์เงามังกรออกไปด้วยเช่นกันนางเม้มริมฝีปากเสี่ยวเถาพุ่งเข้ามา เอ่ยถามขึ้นเสียงเบา "คุณหนู ท่านอ๋องเองก็โกรธขึ้นแล้วใช่ไหม?""ใครจะรู้? บางทีอาจจะโกรธที่เมื่อครู่ข้ารังแก่ซ่งอวิ๋นเหยากระมัง?""หา" เสี่ยวเถางงงันเป็นเช่นนี้หรือ?แต่ว่านางเองก็เห็นไม่ชัดฟู่จาวหนิงหลังจากเข้าไปก็โยนเรื่องของเซียวหลันยวนทิ้งไปข้างๆ ก่อนตอนนี้เรือนตระกูลฟู่ในที่สุดก็ะเหลือแค่คนของพวกนางแล้ว!ไล่คนเหล่านั้นออกไปหมด ทำให้กระทั่งอากาศก็ยังดูปลอดโปร่งขึ้นมากเลยด้วย!แต่ว่าพวกเขาเองก็ออกไปอย่างเร่งร้อน ตอนนี้ทำเอาเละเทะไปหมด บนพื้นกับในห้องยังมีของอยู่อีกไม่น้อย ราวกับถูกกวาดออกไปอย่างไรอย่างนั้นฟู่จาววหนิงเดินดูรอบหนึ่ง หลังจากดูแล้วในใจก็ไม่ได้รู้สึกแย่ลง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องเล็ก"เสี่ยวเถา ไปบอกพวกป้าจงหน่อย ว่าถัดจากนี้ก็จัดการเก็บกวาดเสีย ที่กวาดได้ก็กวาด ที่ล้างได้ก็ล้าง แล้วก็ ของที่ทิ้งได้ก็ทิ้ง! พวกเราหลังจากนี้จะได้มีวันคืนที่สงบสุขแล้ว!"ฟู่จาวหนิงรู้สึกแจ่มใสขึ้นจริงๆเพราะก่อนหน้านี้ในความท
ผู้เฒ่าฟู่ต่อมาก็ก่นด่าพวกผู้เฒ่าฟู่รองอยู่นานสองนานฟู่จาวหนิงกลัวว่าเขาจะโมโหจนย่ำแย่ จึงปลอบเขาอยู่พักหนึ่ง ลงเข็มให้จากนั้นก็ให้พักผ่อนลุงจงถอนหายใจ"อันที่จริงท่านผู้เฒ่าก่อนหน้านี้ก็อยากให้พวกผู้เฒ่ารองฟู่อยู่ด้วยจริงๆ และอยากจะช่วงประคับประคองพวกเขา ท่านผู้เฒ่าเองก็ชอบให้ในบ้านคึกครื้น ไม่ใช่เย็นชาเงียบเชียบ""ความคึกครื้นบางทีไม่ต้องก็ได้" ฟู่จาวหนิงเอ่ยขึ้น"ใช่ไหมล่ะ" ลุงจงส่ายหัว "ผู้เฒ่าฟู่ของเราเป็นคนดีเกินไป คิดจะช่วยประคับประคองพวกเขาทั้งหมดขึ้นมา ให้ยืนอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างมั่นคง แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าคนจะละโมบถึงเพียงนี้ แค่นี้ยังไม่พอ นี่คิดจะข้ามสะพานแล้วยังรื้อสะพานทิ้งอีก"นางเองก็ไม่มีคำพูดเลือกสรรมาก และพูดไม่ออกถึงคำพูดแย่ๆ ด้วย อันที่จริงนี่มันแค่ข้ามสะพานแล้วรื้อสะพานทิ้งเสียที่ไหนคนเหล่านั้นใจดำถึงที่สุดจริงๆ ใจดำโหดเหี้ยมเอามากๆเดิมทีต้องการจะให้พวกเขาตายเสียด้วยซ้ำ"บุญคุณข้าวหนึ่งเซิงกลายเป็นความแค้นข้าวหนึ่งโต่ว พวกเขาอยากจะให้บ้านตระกูลฟู่ทั้งหมดกลายเป็นของพวกเขาจนจะแย่อยู่แล้ว""เอาล่ะ ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาแล้ว ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็จะได้ หลังจา
ฟู่จาวหนิงรีบเอ่ยขึ้นว่า "ไม่ต้องกังวล ข้าเองก็ยินดีต้อนรับอย่างจริงใจ ในบ้านพวกเราตอนนี้มีห้องหับอยู่มากมาย แค่พวกเราเองก็พักกันไม่หมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นท่านปู่เองก็ชอบความคึกครื้นด้วย ข้าเห็นว่าลุงฟางเองก็สามารถมาพูดคุยเรื่องใบชาอาหารจากภายนอกกับเขาได้ ท่านปู่ข้าจะต้องดีใจมากแน่"ท่านปู่ต้องการบรรยากาศของคนมาตลอด พวกเขาเข้ามาอยู่ด้วยไม่มีอะไรไม่สะดวกเช่นนั้นข้าเองก็ได้ ข้าพูดกับผู้เฒ่าฟู่ได้สามวันสามคืนโดยไม่ซ้ำกันเลย"เศรษฐีฟางก็ "ความหยิ่งทะนงทะยานขึ้นฟ้า" ทันทีฮูหยินฟางเองก็หัวเราะก่นด่าขึ้นมาคำหนึ่ง "ใครจะยอมฟังเจ้าพล่ามสามวันสามคืนกัน? ไม่เหนื่อยหรือไง!"ฟางซือฉิงเองก็ปิดปากขึ้นมานางรู้สึกว่าน่ายินดีจริงๆ นี่ได้มาเดินเคียงกับฟู่จาวหนิงใกล้ขนาดนี้แล้ว ท่านพ่อท่านแม่ชอบฟู่จาวหนิงมาก นางเองก็จะได้มาหาฟู่จาวหนิงบ่อยขึ้นฟู่จาวหนิงเห็นคนคุ้มกันเรือนที่เศรษฐีฟางพามาด้วยทั้งสองคน ไม่เลวเลย"พวกเขาก่อนหน้านี้ล้วนเป็นคนคุ้มกัน" เศรษฐีฟางอธิบายกับนาง "ระหว่างทางเกิดเรื่องขึ้น ในบ้านเองก็ไม่อยากให้พวกเขาไปเป็นคนคุ้มกันอีก ดังนั้นจึงอยากจะหางานอื่นทำ"พวกงานชั่วคราวหาเช้ากินค่ำท
ฮองเฮาฟังถึงจุดนี้ก็โมโหขึ้นมานางโมโหซ่งอวิ๋นเหยา โมโหอ๋องเจวี้ยนมากด้วย แต่ก็ไม่รู้เพราะอะไร ที่เกลียดชังที่สุดคือฟู่จาวหนิงล้วนเป็นเพราะฟู่จาวหนิง"อ๋องเจวี้ยนเองก็ไม่รู้ว่าไปทำอีท่าไหน ตระกูลฟู่เห็นๆ อยู่ว่าเป็นศัตรูของเขา แต่นี่ก็ยังจะรับฟู่จาวหนิงมาเป็นภรรยาให้ได้"ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังดีกับฟู่จาวหนิงมากด้วย เอาแต่คอยสนับสนุนฟู่จาวหนิงฮูหยินหรงเยว่ในใจก็เกลียดชัง "นางจะต้องเป็นเหมือนแม่นางแน่ๆ ที่มีวิธีการต่างๆ นานากับพวกชายหนุ่ม"ตอนนั้นนางชอบฟู่จิ้นเชิน แต่ว่าฟู่หลินซื่อก็มาคว้าใจของฟู่จิ้นเชินไปหลังจากทั้งสองคนแต่งงานกัน ฟู่จิ้นเชินก็เอาแต่ปกป้องฟู่หลินซื่อ กระทั่งยังปกป้องนางราวกับไข่ในหินฮองเฮามองฮูหยินหรงเยว่ผาดหนึ่ง ร้องเชอะขึ้น "เจ้ายังจะพูดได้อีกนะ? ตอนนั้นให้โอกาสเจ้าไปทีหนึ่ง เจ้าก็ไม่ได้เรื่องเสียเหลือเกิน ปล่อยฟู่จิ้นเชินออกไปเปล่าๆ เสียอย่างนั้น"นางพอพูดถึงเรื่องนี้ ฮูหยินหรงเยว่ก็รู้สึกว่าในใจแสนจะเดือดดาลหลายปีมานี้นางเอาแต่ปล่อยวางผู้ชายคนนั้นไม่ลง แล้วก็เอาแต่ชิงชังลูกของเขาคนนั้นกับผู้หญิงคนอื่น และเพราะตอนนั้นนางได้โอกาสมาครั้งหนึ่ง นางได้อยู
น่าเสียดายที่เซียวหลันยวนสวมหน้ากาก จึงมองไม่ออกถึงสีหน้าของเขาองค์จักรพรรดิเองก็รู้สึกรังเกียจหน้ากากของเขาเหมือนกัน"ใช่"เซียวหลันยวนตอบกลับแค่คำเดียวองค์จักรพรรดิรู้สึกรำคาญขึ้นแล้วจริงเขาเป็นพี่ชายคนโต แล้วยังเป็นองค์จักรพรรดิด้วย เซียวหลันยวนไม่ได้มองเขาว่าเป็นพี่ชายคนโตหรือองค์จักรพรรดิเลย"หลันยวน พวกเราพี่น้องมาพูดกันแบบไม่ต้องจริงจังดีกว่า ผ่อนคลายหน่อย ไม่ต้องใช้คำสละสลวย" องค์จักรพรรดิคิดจะให้บรรยากาศผ่อนคลายลงหน่อยน้ำเสียงเซียวหลันยวนยังคงราบเรียบ "ก็ผ่อนคลายอยู่"เพียงแต่ขี้เกียจเอื้อนเอ่ยเท่านั้นองค์จักรพรรดิฟังความหมายของคำพูดเขาออกแล้ว และยิ่งโมโหขึ้นไปอีก ขี้เกียจขนาดนี้เลยหรือ?ขี้เกียจจะสนใจเขา?"เจ้าดูสิพอเจ้าปิดหออะไรนั่นไป ก็มีคนมาร้องขออ้อนวอนข้าไม่น้อย บอกว่าพวกเขากว่าจะหาสถานที่เพื่อดื่มสุราผ่อนคลายได้ ตอนนี้กลับหายไปหมดแล้ว"เซียวหลันยวนยิ้มประชัดประชัน"ไม่มีสถานที่ดื่มสุรา? ต้องให้ข้ามาไล่เรียงโรงสุราน้อยใหญ่ในเมืองหลวงนี้ไหม เอารายชื่อส่งไปที่ชวนของพวกเขาเลย?"องค์จักรพรรดิชะงัก"เมื่อครู่ข้าไม่ใช่บอกไปแล้วหรือ? ไม่ใช่ว่าโรงสุราโรงน้ำชา
"เซียวเหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหยาสองคนนั้นอายุยังน้อยไม่รู้ความ แต่ว่า คนหนุ่มสาวน่ะนะ บางครั้งเลือดลมก็แรงเกินจนควบคุมไม่ได้ ถึงได้ทำเรื่องเช่นนั้นออกมา คิดๆ แล้วก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้"องค์จักรพรรดิกระแอมออกมาทีหนึ่งคำพูดเหล่านี้เขาเองก็พูดจนตนเองรู้สึกผิดหน่อยๆ แต่ถ้าไม่พูดเช่นนี้แล้วจะทำอย่างไร?"ในสถานที่เช่นนั้น ผลกระทบก็ไม่ดี ให้คนมากมายต้องมาเห็น แล้วยังลำบากไปถึงหอจันทร์หยาดอีก จะว่าไปหอจันทร์หยาดก็เป็นผู้รับกรรมที่บริสุทธิ์อยู่นะ"เซียวหลันยวนรู้สึกนับถือองค์จักรพรรดิจริงๆ ความสามารถในการลืมตาพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้คนธรรมดาทำไม่ได้นะนี่ถึงกับเด็ดหอจันทร์หยาดหลุดออกไปแล้วยิ่งไปกว่านั้นยังพูดว่าเซียวหยียนจิ่งกับหลี่จื่อเหยาเป็นพวกคุมอารมณ์ไม่ได้อีกพวกคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เซียวหลันยวนถามขึ้นเสียงเรียบ "ดูท่าชินอ๋องเซียวกับหมอเทวดาหลี่จะทำผิดโทษฐานหลอกลวงองค์จักรพรรดิเสียแล้ว ข้างแนะนำให้ท่านจัดการฟันพวกเขาทิ้งเสีย"พรวด!กงกงที่อยู่ข้างๆ เกือบจะสำลักออกมาเขาตกใจจนเหงื่อท่วมตัว แล้วถ้าเขาหัวเราะออกมาด้วยเหตุนี้ต่อหน้าองค์จักรพรรดิกับอ๋องเจวี้ยนล่ะก็ คนทีจะถูกฟัน
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ